สวัสดีทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้นะครับและผมหวังว่าจะได้รับคำแนะนำจากทุกท่านนะครับ
ผมเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ณ
มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ สายสังคมศาสตร์ หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ครับ
เรื่องที่ผมอยากจะปรึกษาทุกท่านคือ “ตอนนี้ผมกำลังจีบบุรุษพยาบาลอยู่ครับ”
และแนวโน้มที่จะสมหวังก็ริบหรี่ลงทุกวัน ท่านผู้อ่านอาจจะคิดในใจว่า
“รู้ว่าจะนกจะมาถามกูทำไม” ผมขอตอบตรงๆว่า
แม้จะมีโอกาสเหลืออยู่ 0.01% ผมก็จะสู้ครับ
เรื่องมีอยู่ว่าผมกับแฟนเก่าเลิกกันไปตั้งแต่ผมขึ้นมหา’ลัยมาใหม่ๆเลยครับ ซึ่งนับรวมตอนนี้ก็ประมาณ 10 เดือนผมก็ใช้ชีวิตมาปกติครับไม่ได้สนใจใครเลยแม้จะมีใครผ่านเข้ามามากมายก็ตาม
เพราะคิดว่าความรักถ้าเรายังเลือกที่จะสนุกอย่างเดียวไม่คิดถึงอนาคตก็คงจะเสียเวลาน่ะครับ
(ส่วนใหญ่ก็สายนัด ฯลฯ) จนมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาผมเจอนักศึกษา คณะพยาบาล
มหาวิทยาลัยเดียวกับผมนี่แหละครับผ่านทางเฟซบุ๊กซึ่งเป็นเพื่อนของรุ่นพี่ผม
พี่เขาน่ารักมากครับ ขาว ตัวเล็ก อวบๆ สไตล์เหนือเลยผมก็ติดตามพี่เขามาตลอดกดไลค์บ้าง
รักบ้าง ว้าวบ้าง แต่ก็ไร้วี่แววที่พี่เขาจะสนใจ ติดตามเขามาเรื่อยๆเห็นการใช้ชีวิตของเขา
ทัศนคติของเขา หลายๆอย่างทำให้ผมยิ่งสนใจ จนเดือนเมษายนผมก็เริ่มสืบเรื่องพี่เขาอย่างจริงจังแต่ก็เป็นเรื่องทั่วๆไป
จนทราบมาว่าพี่เขาเป็นสายนัด ผ่านทางแอพพลิเคชั่นหาคู่ต่างๆ ถึงขั้นขึ้นชื่อว่าได้กับเขาเยอะแยะมาก
แต่ผมไม่ใช่สายนัดนะครับผมมีอะไรก็แค่กับแฟนผมอย่างเดียว
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาผมมีแฟนมาแค่ 2 คน
ผมรับได้นะครับกับการที่เขาเป็นแบบนี้ เพราะผมเชื่อว่า People can change คนเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แค่เรื่องนี้ไม่สามารถเปลี่ยนใจผมได้มากหรอกครับ
เพราะผมสู้บอกเลย
ผมก็ตามพี่เขามาเรื่อยๆจนถึงวันที่ผมสอบ Final เสร็จ เด็กหอก็เริ่มทยอยกันกลับบ้าน ผมก็เห็นว่าพี่เขาอยู่หอเหมือนกันบ่นลงเฟซบุ๊กว่าเหงาบ้างไรบ้างหรืออ่อยใครผมก็ไม่รู้นะ หลายๆวันติดกัน จนถึงวันที่ผมใกล้บินกลับบ้านที่กรุงเทพฯ ผมเลยตัดสินใจทักเฟซบุ๊กไปหาพี่เขาว่า
“พี่….ยังอยู่หอมั้ยครับ”
“อยู่ครับ มีอะไรหรือเปล่า”
"พี่ทานข้าวยังครับ”
“ยังเลย กำลังจะออกไปหาอะไรกิน”
“งั้นพี่ไปกินข้าวกับผมมั้ยครับ”
“เราชวนพี่เหรอ”
…
บทสนทนาก็ประมาณนี้ครับ ดังที่ทุกท่านได้อ่านมา
ผมชวนพี่เขาไปทานข้าวครับ ผมลืมบอกไปว่าปีนี้พี่เขาจบปี 4
ถ้าผมไม่ใช้โอกาสตอนนี้ผมคงจะหาโอกาสไม่ได้อีกแล้ว
พี่เขาก็ไปกับผมจริงๆครับ ผมพาพี่เขาไปท่านข้าวและจบด้วยของหวาน
เราคุยกันเยอะแยะมากมายในสิ่งที่ผมสนใจและในสิ่งที่พี่เขาสนใจ…
จนคุยกันมาระยะหนึ่งพี่เขาก็พูดถึงเรื่องภาวะการติดเชื้อ
HIV
ว่าพี่เขาเคยโดนสารคัดหลั่งจากผู้ป่วยตอนฝึกงานทำใหเพี่เขาจิตตกไประยะหนึ่งแต่พี่เขาหาข้อมูลจนมั่นใจว่าตัวเองคงไม่ติดเชื้อ
HIV มา
ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายเพราะก็พอจะมีความรู้บ้าง(พี่ชายผมเป็นหมอครับ)
ด้วยที่ว่าพรุ่งนี้ผมมรไฟลท์บินเช้าเลยชวนพี่เขากลับอีกอย่างหอปิด 22.30 น. ด้วยก็เลยรีบกลับน่ะครับ
ผมยอมรับเลยนะครับว่าผมมีความสุขมาก ฝันโคตรจะเป็นจริง
แม้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ตามแต่
ผมภูมิใจในตัวเองมากที่ครั้งหนึ่งผมกล้าที่จะชวนคนที่ผมชอบออกไปนั่งทานข้าวด้วยกัน
ได้คุยกัน ทุกอย่างมันดีไปหมดครับ ผมก็ชับรถไปส่งเขาที่หอ พี่เขาก็พูดว่า “ขอบคุณนะแล้วจะกลับหอเลยหรือยังไงต่อ” ตอนนั้นผมก็ตอบไปว่า
“กลับหอเลยครับ” ผมรู้หรอกนะครับคพูดและอาการของเขาคือการชวนผมขึ้นห้องของเขา
แต่การที่ผมจะมีอะไรกับใครเนี่ยผมอยากมีด้วยความรัก ดังนั้นผมเลยปฏิเสธไงครับ
ผมขึ้นมาที่หอก็ได้รับข้อความจากพี่เขาพี่เขาพูดประมาณว่าจะให้ผมไปนอนกับพี่เขาให้ได้ประมาณนั้นแหละครับ
แต่ผมก็ตอบบ่ายเบี่ยงปฆิเสธไปตลอด จนพี่เขาก็ส่งข้อความมาหาผมว่า “ถ้าพี่ติดเชื้อ HIV จริงๆเราจะรับได้เหรอ” ผมเลยตอบไปว่า “ได้ดิ พี่เก่งจะตาย” ข้อมูลต่างๆที่ผมสังเกตเริ่มจะทำให้ผมมองว่าพี่เขาคงจะติดเชื้อจริง
ตอนนี้ความคิดของผมคือ 50:50 คือยังไม่ได้ตัดสินใจแต่ลักษณะการพูดของเขาออกมาแบบนั้นจริงๆครับ
หลังจากที่ผมบินกลับมาบ้านที่กรุงเทพฯ
ตอนนี้เราคุยวันละประโยคได้ครับ
หัวใจที่เคยพองโตมันก็ห่อเหี่ยวมากเมื่อรู้ว่าความสิ้นหวังคงมาเยือนเราแน่ๆ
แต่ผมอยากจะสู้จนถึงที่สุดครับ ใจดวงนี้ถ้าไม่หมดหนทางจริงๆผมจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด
สิ่งที่ผมได้รับในวันนั้นที่เราอยู่ด้วยกันสองคนคือความน่ารักของพี่เขาในหลายๆมุมที่ผมไม่เคยเห็นจากเฟซบุ๊ก
ผมหลงเสน่ห์ความเป็นเด็กบ้านๆของเรา เป็นเด็กซื่อๆของเขา มันน่ารักไปหมดน่าเอ็นดู
น่าทะนุถนอม ผมรักพี่เขาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีก อยากจะดูแลเขาไป
ผมรู้นะผมแค่เด็กที่กำลังจะขึ้นปี 2 แต่ถ้าดูความมั่นคงในด้านที่ผมเรียน
ครอบครัว ผมว่าผมมีความพร้อมที่จะดูแลพี่เขาได้เลยแหละครับ
ผมไม่สนใจหรอกครับว่าอดีตเขาจะเป็นอย่างไร ผมอยากทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
การที่พี่เขาไม่เปิดโอกาสให้ผมหรืออาจจะเปิดแต่น้อย
มันเป็นอุปสรรคมากในการที่จะทำให้รักของผมได้พัฒนาต่อไป
ผมอยากปรึกษาทุกท่านว่าผมควรจะทำอย่างไรดีให้เขาได้มาสนใจ ให้เขาได้มาชอบ
ให้เขาเห็นว่าผมจริงจังกับเขามากๆ เขาจะเป็นอะไรก็ตามแต่มันไม่ได้ทำให้ความรักของผมที่มีต่อเขาลดลงไปเลด้วยซ้ำ
ผมเชื่อว่า I never walk alone ครับ
ผมจะมีทุกท่านเป็นที่ปรึกษาที่สำหรับผมครับ ขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
(ช-ช) ผมกำลังจีบบุรุษบาลอยู่ครับ
ผมเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ณ
มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ สายสังคมศาสตร์ หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ครับ
เรื่องที่ผมอยากจะปรึกษาทุกท่านคือ “ตอนนี้ผมกำลังจีบบุรุษพยาบาลอยู่ครับ”
และแนวโน้มที่จะสมหวังก็ริบหรี่ลงทุกวัน ท่านผู้อ่านอาจจะคิดในใจว่า
“รู้ว่าจะนกจะมาถามกูทำไม” ผมขอตอบตรงๆว่า
แม้จะมีโอกาสเหลืออยู่ 0.01% ผมก็จะสู้ครับ
เรื่องมีอยู่ว่าผมกับแฟนเก่าเลิกกันไปตั้งแต่ผมขึ้นมหา’ลัยมาใหม่ๆเลยครับ ซึ่งนับรวมตอนนี้ก็ประมาณ 10 เดือนผมก็ใช้ชีวิตมาปกติครับไม่ได้สนใจใครเลยแม้จะมีใครผ่านเข้ามามากมายก็ตาม
เพราะคิดว่าความรักถ้าเรายังเลือกที่จะสนุกอย่างเดียวไม่คิดถึงอนาคตก็คงจะเสียเวลาน่ะครับ
(ส่วนใหญ่ก็สายนัด ฯลฯ) จนมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาผมเจอนักศึกษา คณะพยาบาล
มหาวิทยาลัยเดียวกับผมนี่แหละครับผ่านทางเฟซบุ๊กซึ่งเป็นเพื่อนของรุ่นพี่ผม
พี่เขาน่ารักมากครับ ขาว ตัวเล็ก อวบๆ สไตล์เหนือเลยผมก็ติดตามพี่เขามาตลอดกดไลค์บ้าง
รักบ้าง ว้าวบ้าง แต่ก็ไร้วี่แววที่พี่เขาจะสนใจ ติดตามเขามาเรื่อยๆเห็นการใช้ชีวิตของเขา
ทัศนคติของเขา หลายๆอย่างทำให้ผมยิ่งสนใจ จนเดือนเมษายนผมก็เริ่มสืบเรื่องพี่เขาอย่างจริงจังแต่ก็เป็นเรื่องทั่วๆไป
จนทราบมาว่าพี่เขาเป็นสายนัด ผ่านทางแอพพลิเคชั่นหาคู่ต่างๆ ถึงขั้นขึ้นชื่อว่าได้กับเขาเยอะแยะมาก
แต่ผมไม่ใช่สายนัดนะครับผมมีอะไรก็แค่กับแฟนผมอย่างเดียว
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาผมมีแฟนมาแค่ 2 คน
ผมรับได้นะครับกับการที่เขาเป็นแบบนี้ เพราะผมเชื่อว่า People can change คนเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แค่เรื่องนี้ไม่สามารถเปลี่ยนใจผมได้มากหรอกครับ
เพราะผมสู้บอกเลย
ผมก็ตามพี่เขามาเรื่อยๆจนถึงวันที่ผมสอบ Final เสร็จ เด็กหอก็เริ่มทยอยกันกลับบ้าน ผมก็เห็นว่าพี่เขาอยู่หอเหมือนกันบ่นลงเฟซบุ๊กว่าเหงาบ้างไรบ้างหรืออ่อยใครผมก็ไม่รู้นะ หลายๆวันติดกัน จนถึงวันที่ผมใกล้บินกลับบ้านที่กรุงเทพฯ ผมเลยตัดสินใจทักเฟซบุ๊กไปหาพี่เขาว่า
“พี่….ยังอยู่หอมั้ยครับ”
“อยู่ครับ มีอะไรหรือเปล่า”
"พี่ทานข้าวยังครับ”
“ยังเลย กำลังจะออกไปหาอะไรกิน”
“งั้นพี่ไปกินข้าวกับผมมั้ยครับ”
“เราชวนพี่เหรอ”
…
บทสนทนาก็ประมาณนี้ครับ ดังที่ทุกท่านได้อ่านมา
ผมชวนพี่เขาไปทานข้าวครับ ผมลืมบอกไปว่าปีนี้พี่เขาจบปี 4
ถ้าผมไม่ใช้โอกาสตอนนี้ผมคงจะหาโอกาสไม่ได้อีกแล้ว
พี่เขาก็ไปกับผมจริงๆครับ ผมพาพี่เขาไปท่านข้าวและจบด้วยของหวาน
เราคุยกันเยอะแยะมากมายในสิ่งที่ผมสนใจและในสิ่งที่พี่เขาสนใจ…
จนคุยกันมาระยะหนึ่งพี่เขาก็พูดถึงเรื่องภาวะการติดเชื้อ
HIV
ว่าพี่เขาเคยโดนสารคัดหลั่งจากผู้ป่วยตอนฝึกงานทำใหเพี่เขาจิตตกไประยะหนึ่งแต่พี่เขาหาข้อมูลจนมั่นใจว่าตัวเองคงไม่ติดเชื้อ
HIV มา
ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายเพราะก็พอจะมีความรู้บ้าง(พี่ชายผมเป็นหมอครับ)
ด้วยที่ว่าพรุ่งนี้ผมมรไฟลท์บินเช้าเลยชวนพี่เขากลับอีกอย่างหอปิด 22.30 น. ด้วยก็เลยรีบกลับน่ะครับ
ผมยอมรับเลยนะครับว่าผมมีความสุขมาก ฝันโคตรจะเป็นจริง
แม้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ตามแต่
ผมภูมิใจในตัวเองมากที่ครั้งหนึ่งผมกล้าที่จะชวนคนที่ผมชอบออกไปนั่งทานข้าวด้วยกัน
ได้คุยกัน ทุกอย่างมันดีไปหมดครับ ผมก็ชับรถไปส่งเขาที่หอ พี่เขาก็พูดว่า “ขอบคุณนะแล้วจะกลับหอเลยหรือยังไงต่อ” ตอนนั้นผมก็ตอบไปว่า
“กลับหอเลยครับ” ผมรู้หรอกนะครับคพูดและอาการของเขาคือการชวนผมขึ้นห้องของเขา
แต่การที่ผมจะมีอะไรกับใครเนี่ยผมอยากมีด้วยความรัก ดังนั้นผมเลยปฏิเสธไงครับ
ผมขึ้นมาที่หอก็ได้รับข้อความจากพี่เขาพี่เขาพูดประมาณว่าจะให้ผมไปนอนกับพี่เขาให้ได้ประมาณนั้นแหละครับ
แต่ผมก็ตอบบ่ายเบี่ยงปฆิเสธไปตลอด จนพี่เขาก็ส่งข้อความมาหาผมว่า “ถ้าพี่ติดเชื้อ HIV จริงๆเราจะรับได้เหรอ” ผมเลยตอบไปว่า “ได้ดิ พี่เก่งจะตาย” ข้อมูลต่างๆที่ผมสังเกตเริ่มจะทำให้ผมมองว่าพี่เขาคงจะติดเชื้อจริง
ตอนนี้ความคิดของผมคือ 50:50 คือยังไม่ได้ตัดสินใจแต่ลักษณะการพูดของเขาออกมาแบบนั้นจริงๆครับ
หลังจากที่ผมบินกลับมาบ้านที่กรุงเทพฯ
ตอนนี้เราคุยวันละประโยคได้ครับ
หัวใจที่เคยพองโตมันก็ห่อเหี่ยวมากเมื่อรู้ว่าความสิ้นหวังคงมาเยือนเราแน่ๆ
แต่ผมอยากจะสู้จนถึงที่สุดครับ ใจดวงนี้ถ้าไม่หมดหนทางจริงๆผมจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด
สิ่งที่ผมได้รับในวันนั้นที่เราอยู่ด้วยกันสองคนคือความน่ารักของพี่เขาในหลายๆมุมที่ผมไม่เคยเห็นจากเฟซบุ๊ก
ผมหลงเสน่ห์ความเป็นเด็กบ้านๆของเรา เป็นเด็กซื่อๆของเขา มันน่ารักไปหมดน่าเอ็นดู
น่าทะนุถนอม ผมรักพี่เขาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีก อยากจะดูแลเขาไป
ผมรู้นะผมแค่เด็กที่กำลังจะขึ้นปี 2 แต่ถ้าดูความมั่นคงในด้านที่ผมเรียน
ครอบครัว ผมว่าผมมีความพร้อมที่จะดูแลพี่เขาได้เลยแหละครับ
ผมไม่สนใจหรอกครับว่าอดีตเขาจะเป็นอย่างไร ผมอยากทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
การที่พี่เขาไม่เปิดโอกาสให้ผมหรืออาจจะเปิดแต่น้อย
มันเป็นอุปสรรคมากในการที่จะทำให้รักของผมได้พัฒนาต่อไป
ผมอยากปรึกษาทุกท่านว่าผมควรจะทำอย่างไรดีให้เขาได้มาสนใจ ให้เขาได้มาชอบ
ให้เขาเห็นว่าผมจริงจังกับเขามากๆ เขาจะเป็นอะไรก็ตามแต่มันไม่ได้ทำให้ความรักของผมที่มีต่อเขาลดลงไปเลด้วยซ้ำ
ผมเชื่อว่า I never walk alone ครับ
ผมจะมีทุกท่านเป็นที่ปรึกษาที่สำหรับผมครับ ขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ