[CR] ได้รู้จัก ก็รักเลย > La A Natu Bed & Bakery


                    มีโอกาสรู้จักรีสอร์ทแห่งนี้  ก็ตอนละครดัง ใจร้าว แต่ก็ไม่เคยได้มาจริงๆ สักที   พอเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา  มีงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 50  ที่จัดระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 3  มีนาคม 2562  ก็เลย inbox ไปถามที่  la a natu ว่าร่วมโปรไหม ปรากฏว่ารีสอร์ท มีโปรโมชั่นราคาที่พักในงาน  และสามารถสั่งทาง inbox ได้ด้วยสำหรับผู้ไม่สะดวกไปในงาน  ก็เลยเป็นที่มาของทริปนี้  กับความตั้งใจไว้นานแล้วว่าจะมาที่นี่  อีกอย่างก่อนหน้าที่จะมาก็ได้ดูรีวิวจากเพื่อนสมาชิก  ที่ให้คำแนะนำ ต่างๆแล้ว ก็เลยคิดว่า ถ้ามีโอกาสได้มาที่นี่  ก็จะทำรีวิวเล่าเรื่อง ให้กับคนที่สนใจจะไปได้รู้ และได้ประโยชน์เป็นข้อมูลการตัดสินใจด้วย

                    la a natu  อ่านว่า ลา เอ นาตู  ทางเพจเขาบอกว่าเป็นการกร่อนคำมาจากมาจากภาษาฝรั่งเศสคำว่า L'art et Nature ซึ่งแปลว่า “ศิลปะกับธรรมชาติ”  ลา เอ นา ตู 


                         บ้านพักเค้าก็มีหลายแบบ แต่ละแบบก็มีสไตล์เป็นของตัวเอง ตั้งแต่ที่พักสไตล์ลาวโซ่งกลางทุ่งนา กระท่อมเรือนประมง ริมทะเล ไปจนถึงแบบตัวตึก 2 ชั้น Pool Villa เรียกชื่อต่างกันไป ตามนี้

                        1. แบบ Vanilla Suite Beachfront Pool Villa ติดหน้าหาด มีจำนวน 1 หลัง

                    2. แบบ Tropical Village (มี 3 หลัง) และ Tropical Village Family (มี 1 หลัง)  ซึ่งบ้านแบบนี้จะมองไม่เห็นวิวทะเล  แต่เดินไปไม่ไกลก็ถึงหน้าชายหาดแล้ว  

                          3. แบบ Tropical Cottage  บ้านอยู่ติดหน้าชายหาดเลย   มีจำนวน 3 หลัง

                          4. บ้านแบบ Loft Suite เป็นแบบตึก 2 ชั้น ติดหน้าหาด มีจำนวน 2 หลัง (จากรูปด้านล่าง คือบ้าน 2 หลังนับจากซ้ายมือ)

              เราเดินทางตามถนนเพชรเกษม  จนถึงอำเภอปราณบุรี  พอเห็นห้างโลตัส ด้านซ้ายมือ ก็เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกไฟแดง แล้วเปิด google map ให้พาไปที่ ลา เอ นา ตู ซึ่งระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร จากทางสี่แยก    รถเลี้ยวเข้ามายังที่จอดรถของรีสอร์ทซึ่งมีพื้นที่จอดรถกว้างขวาง เพียงพอสำหรับแขกที่มาเข้าพัก พนักงานของรีสอร์ทมาคอยต้อนรับเอากระเป๋า สัมภาระส่วนตัวไปขึ้นรถกอล์ฟ เพื่อเดินทางต่อไปยังรีสอร์ท

                        รถกอล์ฟวิ่งพาเราไปประมาณ 300 เมตร ก็ถึงตัวรีสอร์ท ตอนนั้น สมกับเป็นหน้าฝนจริงๆ ฝนพรำๆ ตลอดไม่ยอมหยุด เราไป เช็คอินที่ lobby เสร็จเรียบร้อย พนักงานก็ช่วยกันขนสัมภาระของเราที่เยอะ ราวกับพักที่นี่สัก 1 สัปดาห์ พะรุงพะรังไปที่พัก

                       ที่พักที่เราจองในงานไทยเที่ยวไทย ไว้เป็นบ้านแบบ Tropical Cottage ซึ่งเป็นบ้านแบบเรือนประมง ติดหน้าหาดเลย บ้านแบบนี้มีทั้งหมด 3 หลัง ชื่อ ต้นหอม ตะไคร้ และใบมะกรูด บ้านที่เราพักชื่อบ้านต้นหอม เป็นหลังริมสุดด้านขวา ถ้านับจากทางเดินมาหน้าหาด ซึ่งวันนี้มีคนมาเข้าพักเต็มทั้ง 3 หลัง


                       บ้านแบบ Tropical Cottage จะแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็น 4 โซน คือ  

                      โซนที่ 1 ห้องโถงตรงกลาง มีโต๊ะนั่งเล่นมองชายหาด มีทีวี และเครื่องเล่น dvd มีตู้เย็นพร้อมแก้วและน้ำดื่มอยู่ในโซนนี้ อ้อ น้ำดื่ม (น้ำเปล่า) ที่นี่ถือว่าให้ฟรีเยอะมาก คือปกติเขาให้วันละ 2 ขวด แต่ที่นี่ให้วันละ 6 ขวด

                     โซนที่ 2 อยู่ด้านหลังห้องโถง จะเป็นอ่างอาบน้ำหินขัดแบบกลางแจ้ง โดยมีรั้วไม้ไผ่ล้อมกันความเป็นส่วนตัวไว้ ด้านบนเปิดโล่งรับแสงเต็มที่ แต่ตอนไปรับฝนเต็มที่เหมือนกัน 55


                         โซนที่ 3 เป็นห้องนอน อยู่ฝั่งขวาของห้องโถง ทำเป็นบันได ยกระดับขึ้นไปประมาณ 3 ขั้น ตัวห้องขนาดไม่กว้างนัก เพราะเน้นเป็นส่วนที่นอนอย่างเดียว มีเตียงขนาด 6 ฟุต 1 เตียง 


                           โซนที่ 4 เปิดประตูเข้าไปแล้ว ทำได้ลงตัวมาก เก๋ๆ ดี โดยแบ่งเป็นโซนเป็น 3 ปีก ด้านซ้ายจะเป็นห้องส้วม (ชักโครก) ถัดมาตรงกลางเป็น อ่างล้างหน้าแต่งตัว มีตู้เสื้อผ้า และรองเท้าเตรียมไว้ให้ ห้องด้านขวา จะเป็นห้องอาบน้ำแบบหินขัดรูปไข่ มีฝักบัวแบบ rain shower และด้านบนเป็นแบบ Open Air เปิดโล่งเลย ใครชอบน้ำแรงๆ น่าจะถูกใจ ที่นี่น้ำแรงมากๆ


                       หลังจากทำธุระส่วนตัว ถ่ายรูปเล่นสักพัก เราก็เตรียมออกไปข้างนอก เพราะฝนหยุดตกแล้วแต่ยังครึ้มๆ อยู่ แต่ก็ดีไปอย่างที่ไม่ร้อน เย็นวันนี้ ตั้งใจจะไปหาของกินมื้อเย็นนอก รีสอร์ท แล้วจะขับรถไปเที่ยวแถวชายหาดแถวเขากระโหลก และปากน้ำปราณด้วย


                         สำหรับของกิน ถ้าใครไม่อยากกินที่รีสอร์ท เราได้สำรวจคร่าวๆ มาแล้ว นอกจากร้านอาหารแถวริมปากน้ำปราณแล้ว ถ้าจะซื้อของกินเล่น ผลไม้ ขนม ไปกินเผื่อหิวในรีสอร์ทซึ่งมันห่างจากตลาดพอสมควร ก็แนะนำให้มาแถวๆ วงเวียนปลาหมึก (ถามชาวบ้านแถวนั้นก็น่าจะหาไม่ยาก) มีร้านเซเว่น 1 ร้าน และฝั่งตรงข้ามกันจะมีตลาดสด ของกินมากมาย ตอนเราไปเป็นวันอาทิตย์ เท่าที่ทราบตลาดอาจจะเปิดไม่ทุกวัน

                       ได้ของกินครบแล้ว ก็กลับเข้าที่พัก ตอนแรกว่าจะกลับไปเดินเล่นชายหาดตอนเย็น สุดท้ายก็ไม่ทันล่ะ มืดแล้ว ถึงที่พักก็เลยหามุมถ่ายรูป บรรยากาศตอนกลางคืนที่รีสอร์ทซะหน่อย ซึ่งที่นี่มีมุมให้ถ่ายรูปทั้งกลางวันและกลางคืนมากมาย เช่น ตรงหน้า lobby ทางเดินเข้ารีสอร์ท เขาจะประดับไฟสว่างทั่วบริเวณ อีกที่ที่สวยก็คือสุ่มไก่ เอามาวางเรียงกันประดับไฟเวลาถ่ายรูปจากด้านบนมาแล้ว มันสวยจริงๆ (ถ้าคนถ่ายสวยๆนะ) ซึ่งเราก็ไม่อยากตกเทรนด์ เลยถ่ายมาได้แค่นี้


                          ภายในบ้านพักตอนกลางคืน สวยมากๆ เงียบสงบ เป็นส่วนตัว จนอดไม่ได้ต้องลองอาบน้ำภายใต้แสงจันทร์ซะหน่อย ฝนเป็นใจไม่ตกตอนนี้


                             เช้าวันที่ 2 ที่ la a natu เรารีบตื่นตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง เพราะที่นี่ด้านหน้าหาด จะอยู่ทางทิศตะวันออก ทำให้เราเห็นพระอาทิตย์ขึ้นจากหน้าบ้านพักเราเลย ประมาณ 6 โมงนิดๆ พระอาทิตย์ก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมา แสงสีส้ม สีแดง กระทบพื้นน้ำทะเล ดูแล้วสวยจริงๆ ที่รีสอร์ทด้านหน้าบ้านแบบ Tropical Cottage จะมีเก้าอี้ไม้วางไว้เป็นจุดๆ ให้นั่งดูพระอาทิตย์ขึ้น หรือเป็นองค์ประกอบถ่ายรูปได้อย่างลงตัวจริงๆ


                         อาหารเช้ามื้อแรกที่ la a natu อาหารเช้าที่นี่จะมีเมนูให้เราติ๊กเลือกเอา แต่เมนูเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ใครไม่ชำนาญ ก็ใช้วิธีถามน้องพนักงานเสริ์ฟ หรือเอาแบบคนข้างๆ ก็ได้ เช่นเราเป็นต้น 555 สำหรับมื้อเช้า หลังจากลองกินแล้ว ชอบมากๆ ก็คือข้าวหมูกระเทียม เนื้อหมูอร่อยนิ่มจริงๆ แนะนำๆ และน้ำผลไม้ เขามีน้ำสับปะรด ที่หวานหอมมากๆ แนะนำๆ อีกเช่นกัน ส่วนเมนูสลัด กับผลไม้ เขาจะเตรียมให้เราไปตักเองต่างหาก


                  อมยิ้ม01ตอนบ่ายสามโมงกว่าๆ โทรไปบอกน้องพนักงานที่ lobby ให้เขาเอา เบเกอรี่ที่ขึ้นชื่อของ la a natu คือ Afternoon Tea Set มาเสิร์ฟที่บ้านด้วย ซึ่ง Afternoon tea นี้ รวมอยู่ในโปรโมชั่นห้องพักแล้ว 1 มื้อ ถือว่าคุ้มเลยทีเดียว เรามาดูรูปร่างหน้าตากันว่าเป็นยังไง

[img]https://f.ptcdn.info/370/064/000/p
ชื่อสินค้า:   La A Natu Bed & Bakery, Pranburi, Thailand
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่