#ความรู้สึกหลังชม #3AMAftershock #2018 #แบบไม่สปอย #smwo
3 AM: Part 3 (Aftershock) (2018)
คะแนน สำหรับหนังเรื่องนี้ขอให้เป็นกรณีพิเศษหน่อยละกันนั่นก็คือ
จะมีการแบ่งคะแนนออกเป็น3ส่วนให้ทั้ง3ตอนในเนื้อเรื่องดังนี้
เรื่องที่ 1 Expressway (ทางด่วน) คะแนน 6/10
เรื่องที่ 2 One Nigth Stand (แรกพบศพตาย) คะแนน 5/10
เรื่องที่ 3 TV DIRECT (กอง-ผี-ปีศาจ) คะแนน 3/10
***หมายเหตุเกณฑ์การให้คะแนนไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้เขียนล้วนๆ หากจะถามว่าอะไรเป็นเกณฑ์การให้คะแนนนั่นก็คือตัวผู้เขียนนั่นเองจอบอ.
#เกริ่นนำก่อนเข้าเรื่อง
ผมไม่เคยดูเลยนะ หนังไทยตระกูลตี3เนี่ย ที่ตัดสินใจดูเรื่องนี้เพราะเห็นโปรโมทจากที่ไหนซักที่เห็นว่ามีจอร์จจี้ ปรีดิ์โรจน์ แห่ง Rubsarb หรืออดีต VRZO นั่นแหละ ตอนที่ดูก็ไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว ดูเพราะว่างไม่มีอะไรจะดู แล้วก็ออกมาเป็นแบบนั้นแบบที่ผมไม่ได้คาดหวังจริงๆ
#เรื่องย่อ
3 AM: Part 3 (Aftershock) ว่าด้วยเรื่องของผู้คนที่ใช้ชีวิตยามตี3 ซึ่งในเนื้อเรื่องจะเล่าถึงอาชีพ3อาชีพ เป็นเรื่องสั้นๆประมาณครึ่งชั่วโมงทั้ง3เรื่อง3อาชีพ เรื่องที่ 1 อาชีพคนเก็บเงินบนทางด่วน เรื่องที่ 2 อาชีพนักซ่อมภาพเขียน และ 3 ผู้คนในสตูดิโอถ่ายทำรายการทีวี ซึ่งทั้ง3เรื่องก็จะมีกิมมิคเล็กๆที่เกี่ยวข้องกัน
#ความรู้สึกประทับใจที่ยังมีอยู่บ้าง
นอกเหนือจากความไม่คาดหวังความไม่ค่อยประทับใจก็ยังคงมีความประทับใจอยู่บ้างนั่นคือศักยภาพของงานภาพงานแสดงหรือCGI ที่ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้ดีได้น่าสนใจได้น่ายอมรับในงานระดับหนังโรงละมั้งนะ
ที่ห่วยที่สุดในเรื่องคงหนีไม่พ้นบทละมั้ง แน่นอนว่าการจะเล่าหนังสยองขวัญให้ออกมาเป็นตอนยาวแบบในเรื่องมันย่อมจะห่วยอย่างอดไม่ได้เพราะหนังสยองขวัญมันต้องมาเร็วๆแน่นๆเน้นๆไม่ใช้เล่าเอื่อยๆแล้วก็เน้นแต่จะขายฉากสะดุ้งตกใจ ตุ้งแช่ (Jump scare) ซึ่งในบางเรื่องที่ออกมาเยอะก็อาจจะทำได้ไม่ดีแต่กับเรื่องแรก Expressway ฉาก Jump scare ภายในเรื่องก็ทำออกมาได้ดีบีบคั้นได้มากแต่ก็เยอะเกินไป ไม่รู้ว่าด้วยความเข้มข้นของฉาก Jump scare ในเรื่องแรกหรือเปล่าทำให้ Jump scare ในเรื่องอื่นๆมันดูดรอปดูด้อยลงไป
เพราะใน เรื่องที่ 2 One Nigth Stand นั้นนอกจากจะขายความอาร์ทแล้วเนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีความน่าสนใจและค่อนข้างน่าเบื่อหน่าย แต่มันก็ยังไม่แย่เท่าเรื่องที่ 3 TV DIRECT หรอก เพราะมันเป็นเสมือนการรีเมค ความสยองปนฮาซึ่งในไทยในสมัย10กว่าปีที่ผ่านมาเน้นทำแบบนี้มาตลอดแต่ต้องบอกว่าเรื่องนี้ไม่เวิร์คอย่างแรงไม่รู้เพราะความเบื่อหน่ายหรือเปล่าทำให้เรื่องที่ 3 TV DIRECT มันถึงได้ออกมาแบบไม่มีอะไรน่าจดจำขนาดนี้
#สรุป
3 AM: Part 3 (Aftershock) (2018) เป็นหนังที่คาดหวังความสยองได้ในเรื่องแรก ความอาร์ทในเรื่อง2 และความ...ไม่รู้ซิ ไม่มีอะไรเลยในเรื่อง3 ถ้าคุณๆท่านๆมีเวลาว่างอยากดูหนังผีซักเรื่องก็...หาเรื่องอื่นดู หรือถ้าไม่มีอะไรดูจริงๆจะดูก็ได้ ผมก็บอกได้ประมาณนี้แหละครับ ทางที่ดีไปเลือกดูเฉพาะเรื่องดีกว่า ขอบคุณครับ
ขอจบการบรรยาย #ความรู้สึกหลังดู 3 AM: Part 3 (Aftershock) (2018) ไว้เพียงเท่านี้หากมีคำผิดหรือพิมพ์ผิดพลาดประการณ์ใดขออภัยมาไว้ที่นี้หรือหากใครต้องการแสดงความคิดเห็นก็สามารถทำได้ที่ด้านล่าง หรือหากผมเข้าใจเรื่องราวใดในเรื่องผิดไปก็สามารถติชมได้ด้านล่าง สุดท้ายนี้ขอบอกว่า ใช้ชีวิตให้มีสติและมีสติเมื่ออยู่กับคนที่เรารัก เพราะเวลามีค่า ควรใช้เวลากับคนที่เรารัก ขอบคุณที่สละเวลาในการอ่านมาจนถึงจุดนี้ หากท่านไม่อยากเสียเวลาในการทำสิ่งใดๆก็จงจำไว้ไม่แน่ผมอาจเคยทำมาแล้ว อยากให้ท่านมาเสพข้อมูลจากผมได้ที่นี่ ที่เพจ “โลกแคบ”ขอบคุณครับ
***ฝากแฟนเพจ โลกแคบ ของผมด้วยครับ จะเป็นเพจที่เป็นความรู้สึกของผมกับหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องภาพยตร์ การ์ตูน ซี่รี่ หรือเรื่องต่างๆที่ผมเคยรับชม จะพยายามแสดงออกมาตามที่ผมเข้าใจและซื่อตรงต่อความรู้สึกของตนเองที่สุด ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/โลกแคบ-2180885415324096
#ความรู้สึกหลังชม #3AMAftershock #2018 #แบบไม่สปอย #smwo
3 AM: Part 3 (Aftershock) (2018)
คะแนน สำหรับหนังเรื่องนี้ขอให้เป็นกรณีพิเศษหน่อยละกันนั่นก็คือ
จะมีการแบ่งคะแนนออกเป็น3ส่วนให้ทั้ง3ตอนในเนื้อเรื่องดังนี้
เรื่องที่ 1 Expressway (ทางด่วน) คะแนน 6/10
เรื่องที่ 2 One Nigth Stand (แรกพบศพตาย) คะแนน 5/10
เรื่องที่ 3 TV DIRECT (กอง-ผี-ปีศาจ) คะแนน 3/10
***หมายเหตุเกณฑ์การให้คะแนนไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้เขียนล้วนๆ หากจะถามว่าอะไรเป็นเกณฑ์การให้คะแนนนั่นก็คือตัวผู้เขียนนั่นเองจอบอ.
#เกริ่นนำก่อนเข้าเรื่อง
ผมไม่เคยดูเลยนะ หนังไทยตระกูลตี3เนี่ย ที่ตัดสินใจดูเรื่องนี้เพราะเห็นโปรโมทจากที่ไหนซักที่เห็นว่ามีจอร์จจี้ ปรีดิ์โรจน์ แห่ง Rubsarb หรืออดีต VRZO นั่นแหละ ตอนที่ดูก็ไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว ดูเพราะว่างไม่มีอะไรจะดู แล้วก็ออกมาเป็นแบบนั้นแบบที่ผมไม่ได้คาดหวังจริงๆ
#เรื่องย่อ
3 AM: Part 3 (Aftershock) ว่าด้วยเรื่องของผู้คนที่ใช้ชีวิตยามตี3 ซึ่งในเนื้อเรื่องจะเล่าถึงอาชีพ3อาชีพ เป็นเรื่องสั้นๆประมาณครึ่งชั่วโมงทั้ง3เรื่อง3อาชีพ เรื่องที่ 1 อาชีพคนเก็บเงินบนทางด่วน เรื่องที่ 2 อาชีพนักซ่อมภาพเขียน และ 3 ผู้คนในสตูดิโอถ่ายทำรายการทีวี ซึ่งทั้ง3เรื่องก็จะมีกิมมิคเล็กๆที่เกี่ยวข้องกัน
#ความรู้สึกประทับใจที่ยังมีอยู่บ้าง
นอกเหนือจากความไม่คาดหวังความไม่ค่อยประทับใจก็ยังคงมีความประทับใจอยู่บ้างนั่นคือศักยภาพของงานภาพงานแสดงหรือCGI ที่ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้ดีได้น่าสนใจได้น่ายอมรับในงานระดับหนังโรงละมั้งนะ
ที่ห่วยที่สุดในเรื่องคงหนีไม่พ้นบทละมั้ง แน่นอนว่าการจะเล่าหนังสยองขวัญให้ออกมาเป็นตอนยาวแบบในเรื่องมันย่อมจะห่วยอย่างอดไม่ได้เพราะหนังสยองขวัญมันต้องมาเร็วๆแน่นๆเน้นๆไม่ใช้เล่าเอื่อยๆแล้วก็เน้นแต่จะขายฉากสะดุ้งตกใจ ตุ้งแช่ (Jump scare) ซึ่งในบางเรื่องที่ออกมาเยอะก็อาจจะทำได้ไม่ดีแต่กับเรื่องแรก Expressway ฉาก Jump scare ภายในเรื่องก็ทำออกมาได้ดีบีบคั้นได้มากแต่ก็เยอะเกินไป ไม่รู้ว่าด้วยความเข้มข้นของฉาก Jump scare ในเรื่องแรกหรือเปล่าทำให้ Jump scare ในเรื่องอื่นๆมันดูดรอปดูด้อยลงไป
เพราะใน เรื่องที่ 2 One Nigth Stand นั้นนอกจากจะขายความอาร์ทแล้วเนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีความน่าสนใจและค่อนข้างน่าเบื่อหน่าย แต่มันก็ยังไม่แย่เท่าเรื่องที่ 3 TV DIRECT หรอก เพราะมันเป็นเสมือนการรีเมค ความสยองปนฮาซึ่งในไทยในสมัย10กว่าปีที่ผ่านมาเน้นทำแบบนี้มาตลอดแต่ต้องบอกว่าเรื่องนี้ไม่เวิร์คอย่างแรงไม่รู้เพราะความเบื่อหน่ายหรือเปล่าทำให้เรื่องที่ 3 TV DIRECT มันถึงได้ออกมาแบบไม่มีอะไรน่าจดจำขนาดนี้
#สรุป
3 AM: Part 3 (Aftershock) (2018) เป็นหนังที่คาดหวังความสยองได้ในเรื่องแรก ความอาร์ทในเรื่อง2 และความ...ไม่รู้ซิ ไม่มีอะไรเลยในเรื่อง3 ถ้าคุณๆท่านๆมีเวลาว่างอยากดูหนังผีซักเรื่องก็...หาเรื่องอื่นดู หรือถ้าไม่มีอะไรดูจริงๆจะดูก็ได้ ผมก็บอกได้ประมาณนี้แหละครับ ทางที่ดีไปเลือกดูเฉพาะเรื่องดีกว่า ขอบคุณครับ
ขอจบการบรรยาย #ความรู้สึกหลังดู 3 AM: Part 3 (Aftershock) (2018) ไว้เพียงเท่านี้หากมีคำผิดหรือพิมพ์ผิดพลาดประการณ์ใดขออภัยมาไว้ที่นี้หรือหากใครต้องการแสดงความคิดเห็นก็สามารถทำได้ที่ด้านล่าง หรือหากผมเข้าใจเรื่องราวใดในเรื่องผิดไปก็สามารถติชมได้ด้านล่าง สุดท้ายนี้ขอบอกว่า ใช้ชีวิตให้มีสติและมีสติเมื่ออยู่กับคนที่เรารัก เพราะเวลามีค่า ควรใช้เวลากับคนที่เรารัก ขอบคุณที่สละเวลาในการอ่านมาจนถึงจุดนี้ หากท่านไม่อยากเสียเวลาในการทำสิ่งใดๆก็จงจำไว้ไม่แน่ผมอาจเคยทำมาแล้ว อยากให้ท่านมาเสพข้อมูลจากผมได้ที่นี่ ที่เพจ “โลกแคบ”ขอบคุณครับ
***ฝากแฟนเพจ โลกแคบ ของผมด้วยครับ จะเป็นเพจที่เป็นความรู้สึกของผมกับหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องภาพยตร์ การ์ตูน ซี่รี่ หรือเรื่องต่างๆที่ผมเคยรับชม จะพยายามแสดงออกมาตามที่ผมเข้าใจและซื่อตรงต่อความรู้สึกของตนเองที่สุด ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/โลกแคบ-2180885415324096