[รีวิวที่ 267] X-men: Dark Phoenix

คะแนน: 5/10

by ตั๋วหนังมันแพง

.

.

1.หนังล้มเหลวในการนำเสนอแก่นของตัวเองอย่างสิ้นเชิง ฉากไหนที่ควรจริงจังก็ดันออกมาตลกชิบเป๋ง ไอ้ฉากที่ควรเศร้านี่ก็เฉยยยยมาก คาดว่าคนกลุ่มเดียวที่เศร้าให้กับฉากนี้คงเป็นทีมนักแสดง

เศร้าว่า “ตรูไม่น่าเล่นหนังเรื่องนี้เลย” 

.

2.ถ้าต้องเลือกใครสักคน ควรจับผู้กำกับและทีมถ่ายไปประหารเป็นชุดแรก

คือนึกว่าดูละครช่องเจ็ดอยู่ พี่แกขยันซูมแช่หน้าเหลือเกิน บางฉากไม่ใช่ซีนอารมณ์ก็แช่มันอยู่นั่นแหละ หลังๆ นี่ผมเลยตัดสินใจ “เลื้อยเบาะ” เป็นการซูมตัวเองออกแทน การนั่งแถวบนๆ ไม่ได้ช่วยอะไร

.

3.ในส่วนของฉากต่อสู้ ต้องออกตัวไว้ก่อนว่า “ซีจีสวย” ครับ แต่วิธีนำเสนอของมันทำให้หนังมันดูกระจอก.

.

4.ปัญหาที่เห็นชัดๆ เลยคือคิวบู๊มันออกแบบมาไม่ดี นำเสนอพลังของซูเปอร์ฮีโร่ได้โคตรจืดชืด แล้วยิ่งการต่อสู้หลักของภาคนี้มันเป็นพลังจิต ดังนั้นมันจึงมีบางฉากที่ “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย”

… ใช่ครับ เป็นคนสองคนชูมือสองข้างใส่กัน พลางทำหน้าเคร่งเครียดเพื่อเบ่งพลัง แค่นี้แหละ

.

5.การวางพล็อตตัวร้ายของหนังภาคนี้ก็ cheap สิ้นดี ถ้าใครคิดว่าปูมตัวร้ายภาค Apocalypse เลวร้ายแล้ว ผมขอบอกเลยว่าภาคนี้กว่านั้นเยอะ ที่มาที่ไปก็มั่วซั่ว วิธีขายไอเดียของตัวร้ายก็ชุ่ย และที่สำคัญคือฉากต่อสู้สุดท้าย (Final Showdown) ก็กระจอกซะจนเรารู้สึกว่าเปลืองเวลา

เฮ้ย นี่หนังภาคจบของเอ็งนะเว้ย

.

6.ไม่รู้ผู้กำกับเกิดคึกอะไรขึ้นมา ทำฉากให้ล้อหนังชาวบ้านเขาไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นฉาก “เดอะแฟลชปะทะซูเปอร์แมน” จากหนังเรื่อง Justice League เอย / ฉากจบของแบทแมนเวอร์ชั่นโนแลนเอย ไม่เชื่อไปลองดูเอา

.

7.สิ่งที่ดีที่สุดของหนังภาคนี้ก็คือ “แม็กนีโต” คือที่ผ่านมาผมว่าฟาสเบนเดอร์เทพแล้วนะ มาภาคนี้ยิ่งเทพเข้าไปใหญ่ คือทุกฉากการปรากฏตัวของเขาล้วนน่าเกรงขาม ดูมีรัศมีของผู้ยิ่งใหญ่เรืองรองอยู่รอบตัว และที่สำคัญคือคิวบู๊ระยะประชิดที่โคตรเท่ ไม่นึกไม่ฝันว่าพลังแม็กนีโตมันจะทำแบบนี้ได้ด้วย 

.

8.ทีมนักแสดงหลักต้องบอกว่า “ทำได้ดีตามมาตรฐาน” แต่ก็ไม่ได้ว้าวหรือน่าจดจำอะไร อย่างที่ผมบอกไปตอนแรก มันคือปัญหาด้านการนำเสนอ แล้วมันก็ไปกดหัว performance ของนักแสดงไปด้วย

สิ่งหนึ่งที่ผมสงสัยก็คือ “เอ็งเป็นบ้าอะไร ต้องเดินเรียงหน้ากระดานกันตลอดเวลา” ผมนึกว่าดูหนัง 2499 มิวแทนท์ครองเมืองอยู่ ท่าทีเหมือนจิ๊กโก๋จะตีกันยังไงยังงั้น

-- 404 ความขลังความคูลของตัวละคร not found

.

.

สรุปท้ายที่สุด คือผมคิดว่า X-Men : The Dark phoenix คือตัวอย่างของหนังฮีโร่ห่วยๆ ที่ล้มเหลวในการขับเคลื่อนแก่นเรื่องของตัวเองอย่างชัดเจน และมีปัญหาอย่างมากในการขายจุดแข็งของตัวเองให้น่าจับจอง ซึ่งพอมาผนวกกับไดอะล็อกสำคัญที่ดูลิเกชวนเลี่ยนแล้ว ทำให้มันเป็นหายนะของหนังทุนสร้างสูงอย่างแท้จริง

ผมคิดว่าข้อดีอย่างเดียวของหนังเรื่องนี้ก็คือ “เพราะสัปดาห์นี้ไม่มีหนังเรื่องอื่นเข้า” ครับ

ป.ล. เช่นเคย รีวิวเป็นเพียงความเห็นประกอบกับข้อเท็จจริง ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปดูครับ เราจะได้มาคุยกัน

#ตั๋วหนังมันแพง #Review #XMen #DarkPhoenix