การขับเคลื่อนงานด้านไอทีของพรรคไม่ได้ทำอย่างกะโหลกกะลา แค่จ้างบริษัททำเว็บเปิดเว็บแล้วใส่ข้อมูลลงไปเหมือนพรรคการเมืองอื่น แต่อนาคตใหม่จับมือกับบริษัทเอกชนที่มีความสามารถในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ บิ๊กดาต้า มีการตั้งทีมงานรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานเว็บไซต์ที่นำเสนอข่าวเกี่ยวกับการเมือง เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการออกแบบนโยบายและแนวทางการหาเสียงให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและคนทำงาน
คำกล่าวที่ว่า “ผู้ใดครองสื่อและข้อมูลข่าวสาร ผู้นั้นครองโลก” คือวลีที่สามารถอธิบายความสำเร็จแบบ “ก้าวกระโดด” ของพรรคอนาคตใหม่และนายธนาธร
จากการตรวจสอบเชิงลึกยังพบว่านอกจากปฏิบัติการทางไซเบอร์เพื่อสร้างความนิยม ซึ่งไม่ใช่แค่พื้นๆ ในรูปแบบปั่นไลค์ปั่นแชร์เท่านั้น แต่เป็นการนำข้อมูล ความคิด และรสนิยมของประชาชนมาสร้างนโยบายและกำหนดทิศทางทางการเมืองแล้ว พรรคอนาคตใหม่และทีมไซเบอร์ยังสร้างเครือข่ายกับเว็บไซต์บางแห่งเพื่อขยายผลหรือตอกย้ำ “ชุดความคิด” ที่ตนสร้างขึ้น เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือในระดับ “ปฏิเสธไม่ได้” จากผู้รับข้อมูลข่าวสาร
บริษัทใหญ่ด้านไอทีแห่งนี้ยังเคยทำธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลออนไลน์ (คล้ายๆ กับที่ “อาลีบาบา” มีกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลความสนใจและการจับจ่ายซื้อสินค้าของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งภายหลังต่อยอดพัฒนาเป็นการใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ เพื่อกุมข้อมูลและรสนิยมของผู้คน จะได้เสนอขายสินค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย) และยังเคยจัดทำฐานข้อมูลให้แก่ภาครัฐ ทำให้มีข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนจำนวนมาก เช่น ไอพี แอดเดรส / เบราเซอร์ที่ใช้ / ระบบปฏิบัติการที่ใช้ / ทำให้บริษัทแห่งนี้มีฐานข้อมูลประชาชนที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่แล้วเป็นจำนวนมาก เมื่อมาจับมือกับพรรคอนาคตใหม่ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จึงทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้นในทางการเมืองได้ไร้ขีดจำกัด
ในขณะเดียวกันก็สามารถหยิบปรากฏการณ์ที่กำลังเป็นกระแสมาเชื่อมโยงกับความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรค หรือเป็นชื่อกิจกรรมได้อย่างโดนใจ ทำให้พรรคการเมืองนี้ใกล้ชิดคนกลุ่มใหญ่ที่ใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียเกือบทั้งหมดในชีวิตประจำวัน
เช่น การจัดกิจกรรม “อนาคตใหม่ไฟแรงเฟร่อ” ที่มาจากภาพยนตร์เรื่อง “เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ” ที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น หรือการสร้าง “จุดร่วม” ของบรรดาแฟนคลับหรือสาวกว่า “ฟ้ารักพ่อ” ซึ่งหยิบมาจากละครโทรทัศน์ยอดนิยมเรื่อง “ดอกส้มสีทอง”
คำกล่าวที่ว่า “ผู้ใดครองสื่อและข้อมูลข่าวสาร ผู้นั้นครองโลก” คือวลีที่สามารถอธิบายความสำเร็จแบบ “ก้าวกระโดด” ของพรรคอนาคตใหม่และนายธนาธร
ก
ล่าวสำหรับการปั่นไลค์สร้างกระแส (หมายถึงกรณีทั่วๆ ไป ไม่ได้เจาะจงว่าพรรคอนาคตใหม่ทำ) มีผล 2 อย่าง คือ “ผลลวง” ให้ดูเหมือนมีผู้สนับสนุนจำนวนมาก มีคนสนใจมาก เรียกว่าการสร้างภาพลวงหรือภาพลักษณ์ดีเกินจริงในโลกออนไลน์ แต่ต้องไม่ลืมว่าผลลวงลักษณะนี้มีโอกาสสร้างกระแสจริงๆ ได้ด้วย ถ้าผู้รับสารกลายเป็นสาวกของ “นักปั่น” ไปแล้วจริงๆ ท่ามกลางสถานการณ์เลือกข้างและสร้างความเกลียดชังอย่างที่เป็นอยู่
http://www.komchadluek.net/news/scoop/373514
สินค้าบางอย่าง ปั่นนานๆ ก็ใช่ว่าจะได้ผล ถ้าสินค้าไม่ดีจริง
@@@@@ เจาะทีมไซเบอร์ อนาคตใหม่ @@@@
คำกล่าวที่ว่า “ผู้ใดครองสื่อและข้อมูลข่าวสาร ผู้นั้นครองโลก” คือวลีที่สามารถอธิบายความสำเร็จแบบ “ก้าวกระโดด” ของพรรคอนาคตใหม่และนายธนาธร
จากการตรวจสอบเชิงลึกยังพบว่านอกจากปฏิบัติการทางไซเบอร์เพื่อสร้างความนิยม ซึ่งไม่ใช่แค่พื้นๆ ในรูปแบบปั่นไลค์ปั่นแชร์เท่านั้น แต่เป็นการนำข้อมูล ความคิด และรสนิยมของประชาชนมาสร้างนโยบายและกำหนดทิศทางทางการเมืองแล้ว พรรคอนาคตใหม่และทีมไซเบอร์ยังสร้างเครือข่ายกับเว็บไซต์บางแห่งเพื่อขยายผลหรือตอกย้ำ “ชุดความคิด” ที่ตนสร้างขึ้น เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือในระดับ “ปฏิเสธไม่ได้” จากผู้รับข้อมูลข่าวสาร
บริษัทใหญ่ด้านไอทีแห่งนี้ยังเคยทำธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลออนไลน์ (คล้ายๆ กับที่ “อาลีบาบา” มีกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลความสนใจและการจับจ่ายซื้อสินค้าของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งภายหลังต่อยอดพัฒนาเป็นการใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ เพื่อกุมข้อมูลและรสนิยมของผู้คน จะได้เสนอขายสินค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย) และยังเคยจัดทำฐานข้อมูลให้แก่ภาครัฐ ทำให้มีข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนจำนวนมาก เช่น ไอพี แอดเดรส / เบราเซอร์ที่ใช้ / ระบบปฏิบัติการที่ใช้ / ทำให้บริษัทแห่งนี้มีฐานข้อมูลประชาชนที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่แล้วเป็นจำนวนมาก เมื่อมาจับมือกับพรรคอนาคตใหม่ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จึงทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้นในทางการเมืองได้ไร้ขีดจำกัด
ในขณะเดียวกันก็สามารถหยิบปรากฏการณ์ที่กำลังเป็นกระแสมาเชื่อมโยงกับความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรค หรือเป็นชื่อกิจกรรมได้อย่างโดนใจ ทำให้พรรคการเมืองนี้ใกล้ชิดคนกลุ่มใหญ่ที่ใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียเกือบทั้งหมดในชีวิตประจำวัน
เช่น การจัดกิจกรรม “อนาคตใหม่ไฟแรงเฟร่อ” ที่มาจากภาพยนตร์เรื่อง “เมย์ไหน ไฟแรงเฟร่อ” ที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น หรือการสร้าง “จุดร่วม” ของบรรดาแฟนคลับหรือสาวกว่า “ฟ้ารักพ่อ” ซึ่งหยิบมาจากละครโทรทัศน์ยอดนิยมเรื่อง “ดอกส้มสีทอง”
คำกล่าวที่ว่า “ผู้ใดครองสื่อและข้อมูลข่าวสาร ผู้นั้นครองโลก” คือวลีที่สามารถอธิบายความสำเร็จแบบ “ก้าวกระโดด” ของพรรคอนาคตใหม่และนายธนาธร
กล่าวสำหรับการปั่นไลค์สร้างกระแส (หมายถึงกรณีทั่วๆ ไป ไม่ได้เจาะจงว่าพรรคอนาคตใหม่ทำ) มีผล 2 อย่าง คือ “ผลลวง” ให้ดูเหมือนมีผู้สนับสนุนจำนวนมาก มีคนสนใจมาก เรียกว่าการสร้างภาพลวงหรือภาพลักษณ์ดีเกินจริงในโลกออนไลน์ แต่ต้องไม่ลืมว่าผลลวงลักษณะนี้มีโอกาสสร้างกระแสจริงๆ ได้ด้วย ถ้าผู้รับสารกลายเป็นสาวกของ “นักปั่น” ไปแล้วจริงๆ ท่ามกลางสถานการณ์เลือกข้างและสร้างความเกลียดชังอย่างที่เป็นอยู่
http://www.komchadluek.net/news/scoop/373514
สินค้าบางอย่าง ปั่นนานๆ ก็ใช่ว่าจะได้ผล ถ้าสินค้าไม่ดีจริง