ต่อจากตอนที่ห้า ตาม link ข้างล่างครับ
https://pantip.com/topic/38928586/comment10-1
เข้าเรื่องเบ็ดเตล็ดกันล่ะ

มีรถสินค้ามาฝากนิดหน่อย สมัยใช้รถเทลเลอร์บันทุกรถยนต์เป็นขบวน จากโรงงานไปยังท่าเรือ
สมัยนี้ คงจะหมดรุ่นแล้ว เพราะปัญหาเรื่องค่าแรงงานที่สูงขึ้น รวมทั้งการขนส่งอะไหล่ ชิ้นส่วนต่างๆ ไม่ได้รวมกันอยู่ในโรงงานเดียว
เราจะเห็นบริษัทรถยนต์ ขยายโรงงานไปต่างประเทศที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่า ส่วนอะไหล่และชิ้นส่วนนั้น นำมาจากโรงงานประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ก่อนที่จะลงเรือส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดทั่วโลกอีกด้วย ตามระบบโลจิสติกส์ในปัจจุบัน

รถบรรทุกพิเศษ สำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก เช่น หม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ เห็นจำนวนล้อแล้ว กลัวใจครับ

มีแถมอีกนิดสำหรับพิพิธภัณฑ์ที่นี่ เป็นรถไฟขับเคลื่อนด้วยพลังแม่เหล็กไฟฟ้า (Maglev)
จากข้อมูลในเว็บไซต์ wikithai.com ระบุว่า ในประเทศญี่ปุ่นมีรถไฟ maglev สองระบบที่พัฒนาอย่างอิสระ.
ระบบหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีคือ SC Maglev โดย บริษัท รถไฟกลางญี่ปุ่น และอีกระบบหนึ่งคือ HSST โดยสายการบินญี่ปุ่น.
การพัฒนาของระบบแรกเริ่มต้นในปี พ.ศ.2512 (ค.ศ.1969) และรางทดสอบที่เมืองมิยาซากิ ได้ทำความเร็วสม่ำเสมอที่ 517 กิโลเมตร/ชั่วโมง (321 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในปี พ.ศ.2522 (ค.ศ.1979)
หลังจากเกิดอุบัติเหตุที่ทำลายรถไฟ ได้มีการการตัดสินใจออกแบบใหม่. ในเมืองโอกาซากิ, ญี่ปุ่น พ.ศ.2530 (ค.ศ.1987), SC Maglev ได้ทดสอบการวิ่งที่จัดแสดงในนิทรรศการเมืองโอกาซากิ.
การทดสอบตลอดช่วงปี 1980s ยังคงอยู่ในมิยาซากิ ก่อนที่จะย้ายไปยังรางทดสอบที่ยาวกว่าและซับซ้อนกว่า, คือยาว 20 กิโลเมตร (12 ไมล์) ในเมืองยามานาชิในปี พ.ศ.2540 (ค.ศ.1997).
การพัฒนาของ HSST เริ่มต้นในปี พ.ศ.2517 (ค.ศ.1974), บนพื้นฐานของเทคโนโลยีที่นำมาจากประเทศเยอรมนี. ใน Tsukuba, ญี่ปุ่น ปี พ.ศ.2528 (ค.ศ.1985), HSST-03 (Linimo) ได้รับความนิยม โดยทำความเร็วได้ถึง 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง (190 ไมล์ต่อชั่วโมง) นิทรรศการของโลกในเมือง Tsukuba. ในเมืองไซตามะ, ประเทศญี่ปุ่น ปี พ.ศ.2531 (ค.ศ.1988),
HSST-04-1 ได้รับการเปิดตัวในนิทรรศการไซตามะที่ได้ดำเนินการใน Kumagaya.
ความเร็วจากการบันทึกที่เร็วที่สุดคือ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง (190 ไมล์ต่อชั่วโมง)
แต่การทดสอบนี้ ยังไม่สิ้นสุด ในขณะที่ประเทศจีน ได้นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์แล้ว ที่ สนามบินผู่ตง ไปยังนครเซี่ยงไฮ้
เราจะพบเห็นรถไฟพลังแม่เหล็กไฟฟ้านี้อีกที่พิพิธภัณฑ์รถไฟเมืองเกียวโต
Konnichiwa Nihon no densha (6)
https://pantip.com/topic/38928586/comment10-1
เข้าเรื่องเบ็ดเตล็ดกันล่ะ
มีรถสินค้ามาฝากนิดหน่อย สมัยใช้รถเทลเลอร์บันทุกรถยนต์เป็นขบวน จากโรงงานไปยังท่าเรือ
สมัยนี้ คงจะหมดรุ่นแล้ว เพราะปัญหาเรื่องค่าแรงงานที่สูงขึ้น รวมทั้งการขนส่งอะไหล่ ชิ้นส่วนต่างๆ ไม่ได้รวมกันอยู่ในโรงงานเดียว
เราจะเห็นบริษัทรถยนต์ ขยายโรงงานไปต่างประเทศที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่า ส่วนอะไหล่และชิ้นส่วนนั้น นำมาจากโรงงานประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ก่อนที่จะลงเรือส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดทั่วโลกอีกด้วย ตามระบบโลจิสติกส์ในปัจจุบัน
รถบรรทุกพิเศษ สำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก เช่น หม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ เห็นจำนวนล้อแล้ว กลัวใจครับ
มีแถมอีกนิดสำหรับพิพิธภัณฑ์ที่นี่ เป็นรถไฟขับเคลื่อนด้วยพลังแม่เหล็กไฟฟ้า (Maglev)
จากข้อมูลในเว็บไซต์ wikithai.com ระบุว่า ในประเทศญี่ปุ่นมีรถไฟ maglev สองระบบที่พัฒนาอย่างอิสระ.
ระบบหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีคือ SC Maglev โดย บริษัท รถไฟกลางญี่ปุ่น และอีกระบบหนึ่งคือ HSST โดยสายการบินญี่ปุ่น.
การพัฒนาของระบบแรกเริ่มต้นในปี พ.ศ.2512 (ค.ศ.1969) และรางทดสอบที่เมืองมิยาซากิ ได้ทำความเร็วสม่ำเสมอที่ 517 กิโลเมตร/ชั่วโมง (321 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในปี พ.ศ.2522 (ค.ศ.1979)
หลังจากเกิดอุบัติเหตุที่ทำลายรถไฟ ได้มีการการตัดสินใจออกแบบใหม่. ในเมืองโอกาซากิ, ญี่ปุ่น พ.ศ.2530 (ค.ศ.1987), SC Maglev ได้ทดสอบการวิ่งที่จัดแสดงในนิทรรศการเมืองโอกาซากิ.
การทดสอบตลอดช่วงปี 1980s ยังคงอยู่ในมิยาซากิ ก่อนที่จะย้ายไปยังรางทดสอบที่ยาวกว่าและซับซ้อนกว่า, คือยาว 20 กิโลเมตร (12 ไมล์) ในเมืองยามานาชิในปี พ.ศ.2540 (ค.ศ.1997).
การพัฒนาของ HSST เริ่มต้นในปี พ.ศ.2517 (ค.ศ.1974), บนพื้นฐานของเทคโนโลยีที่นำมาจากประเทศเยอรมนี. ใน Tsukuba, ญี่ปุ่น ปี พ.ศ.2528 (ค.ศ.1985), HSST-03 (Linimo) ได้รับความนิยม โดยทำความเร็วได้ถึง 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง (190 ไมล์ต่อชั่วโมง) นิทรรศการของโลกในเมือง Tsukuba. ในเมืองไซตามะ, ประเทศญี่ปุ่น ปี พ.ศ.2531 (ค.ศ.1988),
HSST-04-1 ได้รับการเปิดตัวในนิทรรศการไซตามะที่ได้ดำเนินการใน Kumagaya.
ความเร็วจากการบันทึกที่เร็วที่สุดคือ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง (190 ไมล์ต่อชั่วโมง)
แต่การทดสอบนี้ ยังไม่สิ้นสุด ในขณะที่ประเทศจีน ได้นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์แล้ว ที่ สนามบินผู่ตง ไปยังนครเซี่ยงไฮ้
เราจะพบเห็นรถไฟพลังแม่เหล็กไฟฟ้านี้อีกที่พิพิธภัณฑ์รถไฟเมืองเกียวโต