ในขณะที่ทีมที่สอง อันประกอบด้วยยาน THE FUGITIVE ซึ่งมีแอนดี้และสาวเล็กเป็นผู้ควบคุม และมีเซบาสเต็นกับทหารของฝ่ายสหพันธรัฐสิบนายร่วมขึ้นยานด้วย กำลังลักลอบบินข้ามน่านฟ้าของแดนจักรวรรดิแอตแลนติสใต้ ทางด้านของกัปตันวันชนะและชาวคณะ ก็กำลังเกิดความสับสนและระส่ำระสายอย่างหนัก!
กัปตันผู้ที่ทุกคนเคยเคารพรักและวางใจได้ในทุกเรื่อง บัดนี้ ไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้ว เพราะความที่ตัวเขาถูกครอบงำด้วยทั้งการสะกดจิตจากทีมนักพลังจิตซึ่งยังเหลืออยู่ถึง 8 คน การสูญเสียเตตริสไปเพียงคนเดียวมิได้ส่งผลกระทบอะไรมากนัก นอกจากสร้างความแค้นเคืองให้แก่ทีมนักพลังจิตที่เหลือและเทพพยากรณ์ออเรเคิลเท่านั้นเอง และด้วยผลแห่งมนต์ดำไสยเวทย์ของออเรเคิลซ้ำลงไปอีกชั้นหนึ่ง ทำให้กัปตันวันชนะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองเกือบหมดสิ้น มีเพียงบางครั้งบางเวลาเท่านั้นที่เขาพบกับช่วงเวลาที่ "ปลอดจากพลังจิต" ทำให้กลับมารู้สึกตัวว่าตนเองเป็นใครอย่างงงงวยฉงนฉงาย และงงหนักขึ้นเมื่อพบว่าแอนดี้และสาวเล็กหายไปพร้อมกับยาน THE FUGITIVE
แต่ยังไม่ทันจะสอบถามอะไรกับใคร อำนาจมนต์ดำของออเรเคิลก็จะกลับมาเข้าครอบงำจิตใจของเขาอีกอย่างรวดเร็วทุกทีไป ไม่ปล่อยให้เขาได้มีเวลานานพอที่จะซักไซ้ไตร่ถามสาเหตุเรื่องราวอะไรๆ กับใครได้เลย!
ยิ่งไปกว่านั้น ออเรเคิล ยัง "เล่นของ" เพิ่มมากขึ้นไปอีก ด้วยการทำ
"เทียนสะกดยึดใจ" ให้จักรพรรดิเนรอสเอาไปใช้โดยการจุดเทียนปักไว้ในห้องที่ปิดมิดชิดอับลม และบอกให้จักรพรรดิเนรอสทำการ "บริกรรม" โดยพูดประโยคว่า "วันชนะ จงภักดีต่อข้า" ซ้ำๆ กัน จนกว่าเทียนที่จุดปักไว้จะถูกไฟเผาจนดับ
"ทำไมข้าต้องลงทุนลงแรงกับเจ้าหนุ่มอาคันตุกะผู้นี้มากมายขนาดนี้ ?" จักรพรรดิตรัสถามเทพพยากรณ์ด้วยความข้องพระทัย
"ขอเดชะ ขอพระองค์ทรงพิจารณาให้ดี ทรงเย็นพระทัยฟังหม่อมฉันก่อนนะเพคะ"
"ว่าไป ท่านเทพพยากรณ์"
"บุรุษนามว่าวันชนะนั่น มีความรู้ทางวิศวกรรมอากาศยาน และทางวิทยาศาสตร์มิใช่น้อยเพคะ ยานบินลำใหญ่ของเขา พระองค์ก็ได้ทรงเห็นแล้วว่ายอดเยี่ยมเพียงใดในตอนทดลองประลองกำลังกันครั้งแรก หากเขาจงรักภักดีต่อพระองค์อย่างสมบูรณ์แล้วไซร้ เขาและบริวารทุกคนของเขาก็จะกลายเป็นบริวารของพระองค์ไปด้วย เมื่อนั้น ความใฝ่ฝันของพวกเราคือกาที่รจะแย่งชิงดินแดนเหนือซึ่งเป็นของพวกสหพันธรัฐ ผนวกเข้ากับแดนจักรวรรดิของพระองค์ สถาปนาให้เป็นจักรวรรดิแอตแลนติสเพียงหนึ่งเดียว ปกครองโดยพระองค์ และการจะมีรัชทายาทของพระองค์ซึ่งเป็นเพียงราชวงศ์เดียวตลอดกาลนาน ก็จะมิใช่เรื่องยากลำบากอีกต่อไป จักรวรรดิของพระองค์ จะกว้างใหญ่ไพศาลเต็มทั้งทวีป และเจริญเกินกว่าประเทศหรือทวีปใดๆ ทั้งสิ้น!"
"ถ้าจะเป็นอย่างที่เจ้ากล่าวมานั่น ข้าก็ตกลง! ข้าจะทำตามที่เจ้าแนะนำทุกประการ" จักรพรรดิเนรอสตรัสพลางทรงแย้มสรวลและทรงดำริไปไกลถึงขั้นวาดวิมานในอากาศ ทรงเห็นพระองค์เองกำลังครองแอตแลนติสทั้งเหนือและใต้แต่เพียงผู้เดียว! แล้วทรงรับ "เทียนมนตรา" ไปจากมือของออเรเคิลเพื่อทำการ "บริกรรม" ตามคำแนะนำของเทพพยากรณ์ต่อไป
และเมื่อจักรพรรดิเนรอสทำการ "บูชาเทียน" ผลของมนต์ดำก็จะเสริมของเดิม สำทับกำกับให้กัปตันวันชนะตกอยู่ในอำนาจอย่างลุ่มหลงลึกลงไปอีก!
สำหรับเหล่าชาวคณะที่เหลือ กลุ่มผู้มีจิตแข็งแกร่งคือ เอ็มม่า แอนนา น้องแจ๊ค ยูไล ออเรร่า และมหาเอก มักจะตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยอาการมึนหัวหรือปวดหัวโดยที่แต่ละคนไม่มีใครทราบสาเหตุ และมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ยังจำได้ว่าพวกตนมาถึงที่นี่เพื่อวัตถุประสงค์อะไร แต่ก็ถูกแย้งและข่มไว้ด้วยความรู้สึกนิยมชมชอบในตัวจักรพรรดิเนรอส อันเป็นผลจากการถูกสะกดจิตอย่างต่อเนื่องโดยทีมนักพลังจิต 8 คนที่เหลือของเทพพยากรณ์ออเรเคิลนั่นเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งห้าคน จึงมีสติเป็นพักๆ ไม่แน่ไม่นอน และเป็นช่วงเวลาตรงกันหรือใกล้เคียงกันบ้างก็มี คนละเวลากันก็มี
เพื่อแก้ปัญหาในขณะที่สติสัมปชัญญะกลับคืนมา วันหนึ่ง เอ็มม่า แอนนา และเด็กชายแจ๊ค ซึ่งเป็นสามคนที่นับว่าจิตแข็งแกร่งกว่าทุกคนเพราะเป็นผู้มีเชื้อสายเดียวกัน คือเชื้อสายของชาวดาวเนโอโซรอส เอ็มม่าผู้เป็นต้นเชื้อสายเพราะเป็นมารดาของทั้งสองคนจึงมีจิตแข็งแกร่งมากที่สุด
และเอ็มม่ายังได้ค้นพบความจริงโดยบังเอิญด้วยว่า พลังจิตของเธอและลูกๆ จะฟื้นฟู และเป็นอิสระจากการถูกสะกดทันที หลังจากแปลงร่างกลับคืนเป็นร่างของชาวเนโอโซรอสดังเดิม !!!
เพราะมีอยู่วันหนึ่งซึ่งเธอกำลังทำอาหารอยู่ในครัวร่วมกับสาวๆ ในทีม แล้วขณะที่กำลังจะใช้มีดโต้เล่มใหญ่สับเนื้อหมู ก็พลาดพลั้งเพราะความลื่น เลยสับมีดลงไปที่ข้อนิ้วก้อยข้างซ้ายของตัวเองอย่างแรง!
ฉับบ !! / "โอ๊ยย!!"
พอร้องออกมาแล้วคุณแม่ต่างดาวก็ปล่อยมีดโต้ร่วงและมือข้างขวากุมมือข้างซ้ายซึ่งข้อนิ้วก้อยขาดไปแล้วและเลือดไหลกระฉูด และไหลไม่หยุดอย่างน่าเสียวไส้ต่อสายตาของหลายๆ คน
ขณะที่เธอกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด แอนนาก็เข้ามาใกล้ๆ และพูดภาษาเนโอโซรอสกับเธอ
"คุณแม่ลองแปลงร่างกลับเป็นร่างเดิมสิคะ บางทีอาจจะช่วยได้นะคะ"
เอ็มม่าพยักหน้าแล้วขอตัวกับทุกคนออกจากห้องครัวกลับเข้าห้องนอน แล้วปิดประตูล็อก จากนั้นจึงแปลงร่างกลับไปเป็นสาวชาวเนโอโซรอสตามเดิม
ซึ่งปกติ ชาวเนโอโซรอส มีนิ้วมือ 4 นิ้วเท่านั้น คือ นิ้วหัวแม่มือหนึ่งนิ้ว และอีกสามนิ้วที่เหลือประกอบกัน ดังนั้น การที่ปลายนิ้วก้อยซึ่งเป็นนิ้วที่ 5 ในร่างมนุษย์โลกขาดไป จึงปรากฏเป็นเพียงรอยแผลเหมือนถูกมีดกรีดเข้าไปข้างๆ เล็กน้อย มีเลือดซิบๆ บริเวณข้างนิ้วที่ 4 ในร่างชาวเนโอโซรอสเท่านั้น!
และการอยู่ในร่างของชาวเนโอโซรอส ก็ทำให้สามารถรักษาร่างกายของตนเองได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งมีแอนนาและน้องแจ๊คอยู่ด้วยก็ยิ่งง่ายและรวดเร็วมากขึ้น สามแม่ลูกในร่างชาวเนโอโซรอส ผสานพลังเข้าด้วยกัน รักษาบาดแผลนั้นจนหายสนิท เซลล์ใหม่งอกขึ้นมาแทนที่เซลล์เก่าซึ่งถูกมีดฟันขาดไป และเมื่อคุณแม่ต่างดาวแปลงร่างกลับมาเป็นร่างของสาวชาวโลกผู้สวยเซ็กซี่อีกครั้ง เธอก็กลับมามีนิ้วมือ 5 นิ้วตามเดิม !!
"แม่คิดอะไรออกได้อีกอย่างหนึ่งละ!" เอ็มม่ากล่าวกับลูกสาวและลูกชายหลังจากเสร็จสิ้นการรักษา และยังไม่ได้แปลงร่างกลับเป็นมนุษย์โลกอีกครั้ง
"อะไรหรือคะคุณแม่ ?" แอนนาถาม การสนทนาของทั้งสาม บางครั้งก็ใช้ปากพูด และหลายครั้งใช้การสื่อสารทางจิต เพราะอวัยวะคือช่องปากของพวกเขานั้นมันเล็กนิดเดียว การพูดออกเสียงในแต่ละครั้งจึงทำให้เหนื่อยหากพูดนานๆ
"ผมรู้แล้ว พี่แอน" น้องแจ๊คในร่างเอเลียนตัวน้อยสูงเพียงสองฟุตส่งกระแสจิตบอกกับพี่สาว "คุณแม่มีแผนจะช่วยคุณพ่อกับเพื่อนๆ ของคุณพ่อให้ไปจากที่นี่ คุณพ่อต้องการการรักษาเป็นอย่างมาก ตอนนี้คุณพ่อไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว"
"น้องแจ๊คพูดถูกจ้ะ" เอ็มม่ากล่าวเสริม ช่วงแห่งการหารือกันนี้เป็นการสื่อสารทางจิตล้วนๆ และสะดวกราบรื่นไม่มีอะไรขัดขวางเลย!
"คุณแม่คิดวางแผนยังไงบ้างคับ ?" น้องแจ๊คแหงนหน้าถาม
"ก่อนอื่นเลยนะ....ช่วงนี้ เราสามคน คงต้องอยู่ในร่างดั้งเดิมของพวกเรานี้ให้นานๆ หน่อย"
"ทำไมคะ/ทำไมคับ ?" สองพี่น้องถามพร้อมกัน
"แอนนา แจ๊ค ลูกทั้งสองคน สังเกตไหม หลังจากที่เราสามคนแปลงร่างกลับเป็นชาวดาวเนโอโซรอสเหมือนเดิมแล้ว รู้สึกแตกต่างจากตอนเป็นมนุษย์โลกอย่างไรบ้าง ?"
"อืม.....รู้สึกว่า พลังเข้มแข็งขึ้นคับ!" น้องแจ๊คตอบก่อน
"หนูก็รู้สึกเหมือนน้องแจ๊คค่ะคุณแม่...รู้สึกพลังฟื้นฟูกลับมา และ....รู้สึกเป็นอิสระ! ที่ผ่านมา พวกเราถูกครอบงำ ถูกควบคุมโดยคนอื่นผู้อยู่ในดินแดนนี้หลายคนเลย พวกเขากดพวกเรามาตลอด หนูรู้สึกว่าช่วงที่ผ่านมา จิตของหนูเหมือนถูกคุมขัง จะคิดจะทำอะไรด้วยตนเองไม่ได้เลย แต่ตอนนี้เป็นอิสระมากๆ จนหนูอยากจะไปถามพวกที่ร่วมกันครอบงำและควบคุมเราว่าทำแบบนั้นทำไม!!"
"แม่ก็รู้สึกเหมือนอย่างที่ลูกรู้สึกจ้ะ แอนนา..มนุษย์โลกมีความอ่อนแอ อ่อนไหวโดยธรรมชาติ ถ้าพวกไหนไม่เป็นเช่นนี้ ก็อาจจะปล่อยให้ความชั่วร้ายเข้าครอบงำ กลายเป็นคนชั่วไป..พวกเราพออยู่ในร่างมนุษย์ จึงถูกอิทธิพลความอ่อนไหวและอ่อนแอแห่งความเป็นมนุษย์ บั่นทอนพลังของพวกเรา จนถูกพวกคนชั่วเข้าครอบงำ จะต่อต้านก็ไม่ไหวเพราะมีกันตั้งแปดเก้าคน ตอนที่พวกเราอยู่ในร่างมนุษย์โลก ไม่มีทางเลยที่พวกเราจะมานั่งพูดคุยกันแบบนี้ได้"
"ใช่ค่ะ เพราะพวกเขาจะกดพวกเราไว้หมด และสั่งให้พวกเราทำทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ"
"แต่ตอนนี้เราอยู่ในร่างชาวเนโอโซรอส ร่างเดิม เชิ้อสายเดิม พลังต่างๆ จึงฟื้นฟูกลับคืนมาตามเดิมแล้ว" เอ็มม่ากล่าวด้วยแววตาเป็นประกาย
"งั้นพวกเราก็อยู่ในร่างของชาวเนโอโซรอสต่อไปเถอะคับ" น้องแจ๊คกล่าวสรุป
"อยู่ได้จ้ะลูก" คุณแม่วางฝ่ามือซึ่งประกอบด้วยนิ้ว 4 นิ้วลงบนไหล่ข้างหนึ่งของลูกชายคนเล็ก "แต่ต้องหลบหลีก ไม่ให้คนเมืองนี้พบเห็นตัว"
"เมื่ออยู่ในร่างกายนี้ เสื้อผ้าเราก็ยังไม่มีสวมใส่กันนะตอนนี้ เราคงต้องลองติดต่อกับพวกของเราข้างนอกนั่น" แอนนาพูดแล้วเงยหน้าขึ้นแหงนมองฟ้ายามค่ำคืน บริเวณกลุ่มดาวนายพราน
"ตกลง ลองร่วมกันสื่อสารดู..."
แล้วทั้งสามแม่ลูกก็จับมือกันและกัน ประสานกระแสจิตส่งขึ้นไปนอกบรรยากาศโลก
ไม่ถึงสามนาที ร่างของทั้งสามก็สลายหายไปจากในห้องนั้น ขึ้นไปปรากฏตัวบนยานบิน ทำการสื่อสารกับผู้ที่อยู่ในยานนั้น จากนั้นจึงมีผู้นำชุดแต่งกายแบบรัดรูปสีเทาล้วนไร้ตะเข็บหรือรอยต่อของชาวเนโอโซรอสมาช่วยสวมใส่ให้กับทั้งสามคน พร้อมกับแถมอาหารกล่องใหญ่ซึ่งเป็นอาหารบำรุงสำหรับชาวเนโอโซรอสโดยเฉพาะให้ด้วย ก่อนจะส่งตัวทั้งสามแม่ลูกกลับลงมายังโลก กลับมาอยู่ในห้องเดิมอีกครั้ง
"ท่านหญิงเอ็มม่าไม่ต้องห่วงนะครับ" กัปตันแห่งยานลำนั้นบอกก่อนลาจากกัน "พวกเรายังคงติดตามดูสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาไม่ว่าพวกท่านจะเดินทางไปที่ไหน ณ เวลาใดก็ตาม และจะช่วยเหลือพวกท่านในยามจำเป็นแน่นอน โดยเฉพาะทั้งสามท่านซึ่งเป็นชาวเนโอโซรอส พวกเราจะไม่นิ่งดูดายแน่!"
"ขอบคุณค่ะท่านกัปตัน" คุณแม่ต่างดาวน้อมกายคำนับ ทางฝ่ายกัปตันก็คำนับตอบ
"อ้อ....ท่านหญิงเอ็มม่า ชุดที่พวกท่านสวมใส่อยู่ขณะนี้ ทำด้วยวัสดุที่ยืดหยุ่น ขยายตัวได้ หดตัวได้ ไม่ฉีกขาดแม้จะขยายตัวใหญ่กว่าร่างกายเดิมถึง 20 เท่า ดังนั้นหลังจากพวกท่านแปลงร่างกลับไปเป็นชาวโลกอีก พวกท่านก็สวมชุดนี้ต่อไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องหาชุดใหม่มาเปลี่ยน" กัปตันบอกเพิ่มเติม
"ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ท่านกัปตัน"
"โชคดีครับ ท่านหญิงเอ็มม่า ขอให้ปฏิบัติการทุกอย่างของท่านและสามี กับทั้งเหล่าสหาย จงสำเร็จด้วยดี ลาก่อนครับ"
"ลาก่อน แล้วพบกันใหม่ค่ะ ท่านกัปตัน"
หลังจากยานลำนั้นจากไปแล้ว สามแม่ลูกในร่างของชาวดาวเนโอโซรอสก็ร่วมกันคิดวางแผนต่อไป
"ต่อไป....เราต้องช่วยอีกสามคนซึ่งมีจิตเข้มแข็ง ให้พ้นจากการครอบงำของพวกมีพลังจิตเหล่านั้นเสียก่อน" เอ็มม่าบอกกับลูกๆ
"พี่ยูไล พี่เอก และพี่ออเรร่า" น้องแจ๊คไล่ลำดับชื่อ
"ใช่จ้ะน้องแจ๊ค" แอนนาพยักหน้าบอกกับน้อง
"มีสามคน พวกเราก็มีสามคนพอดีเลย!" เอ็มม่ากล่าวและหุบนิ้วหัวแม่มือ โชว์แต่สามนิ้วที่เหลือ แล้วเริ่มจัดการแบ่งงาน "เราแยกกัน จับคู่กับพวกเขาทั้งสามคนนะจ๊ะ แอนนา ลูกเคยสนิทสนมกับยูไลมาก่อน เพราะฉะนั้นนจงเข้าไปหาเขา น้องแจ๊คเข้าไปหาพี่เอกนะ ส่วนแม่ จะเข้าไปหาพี่ออเรร่าเอง"
"โอเคค่ะคุณแม่"
"ตกลงคับ คุณแม่"
"คอยดูสภาวะจิตใจของพวกเขาให้ดี อันนี้ สำคัญมาก" เอ็มม่ากล่าวเตือน "ถ้าพวกเขายังถูกควบคุมสะกดจิตไว้อยู่ อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เพราะพวกเขาจะไม่ฟัง ต้องรอช่วงจังหวะที่พวกเขาได้สติ พาพวกเขาออกไปให้พ้นจากที่อยู่ในขณะนั้น ถ้าบนข้อมือของพวกเขามี 'กำไลย้ายสสาร' ซึ่งพวกเขาเรียกมันว่า 'กำไลเทเลพอร์ท' ตามชื่อที่คุณพ่อของลูกๆ ตั้งให้หลังจากสร้างมันขึ้นมาแล้ว ให้รีบกดปุ่มบนกำไลของพวกเขา เพื่อจะได้ส่งพวกเขาออกไป ใครสบโอกาสก่อนก็ทำก่อนเลย ไม่ต้องรอกัน ใครทำได้ก่อนก็โทรจิตบอกคนที่เหลือ เข้าใจไหมจ๊ะ ?"
"เข้าใจค่ะ" / "เข้าใจคับ"
(มีต่อครับ)
💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 10 🚀💫🕛💫
กัปตันผู้ที่ทุกคนเคยเคารพรักและวางใจได้ในทุกเรื่อง บัดนี้ ไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้ว เพราะความที่ตัวเขาถูกครอบงำด้วยทั้งการสะกดจิตจากทีมนักพลังจิตซึ่งยังเหลืออยู่ถึง 8 คน การสูญเสียเตตริสไปเพียงคนเดียวมิได้ส่งผลกระทบอะไรมากนัก นอกจากสร้างความแค้นเคืองให้แก่ทีมนักพลังจิตที่เหลือและเทพพยากรณ์ออเรเคิลเท่านั้นเอง และด้วยผลแห่งมนต์ดำไสยเวทย์ของออเรเคิลซ้ำลงไปอีกชั้นหนึ่ง ทำให้กัปตันวันชนะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองเกือบหมดสิ้น มีเพียงบางครั้งบางเวลาเท่านั้นที่เขาพบกับช่วงเวลาที่ "ปลอดจากพลังจิต" ทำให้กลับมารู้สึกตัวว่าตนเองเป็นใครอย่างงงงวยฉงนฉงาย และงงหนักขึ้นเมื่อพบว่าแอนดี้และสาวเล็กหายไปพร้อมกับยาน THE FUGITIVE แต่ยังไม่ทันจะสอบถามอะไรกับใคร อำนาจมนต์ดำของออเรเคิลก็จะกลับมาเข้าครอบงำจิตใจของเขาอีกอย่างรวดเร็วทุกทีไป ไม่ปล่อยให้เขาได้มีเวลานานพอที่จะซักไซ้ไตร่ถามสาเหตุเรื่องราวอะไรๆ กับใครได้เลย!
ยิ่งไปกว่านั้น ออเรเคิล ยัง "เล่นของ" เพิ่มมากขึ้นไปอีก ด้วยการทำ "เทียนสะกดยึดใจ" ให้จักรพรรดิเนรอสเอาไปใช้โดยการจุดเทียนปักไว้ในห้องที่ปิดมิดชิดอับลม และบอกให้จักรพรรดิเนรอสทำการ "บริกรรม" โดยพูดประโยคว่า "วันชนะ จงภักดีต่อข้า" ซ้ำๆ กัน จนกว่าเทียนที่จุดปักไว้จะถูกไฟเผาจนดับ
"ทำไมข้าต้องลงทุนลงแรงกับเจ้าหนุ่มอาคันตุกะผู้นี้มากมายขนาดนี้ ?" จักรพรรดิตรัสถามเทพพยากรณ์ด้วยความข้องพระทัย
"ขอเดชะ ขอพระองค์ทรงพิจารณาให้ดี ทรงเย็นพระทัยฟังหม่อมฉันก่อนนะเพคะ"
"ว่าไป ท่านเทพพยากรณ์"
"บุรุษนามว่าวันชนะนั่น มีความรู้ทางวิศวกรรมอากาศยาน และทางวิทยาศาสตร์มิใช่น้อยเพคะ ยานบินลำใหญ่ของเขา พระองค์ก็ได้ทรงเห็นแล้วว่ายอดเยี่ยมเพียงใดในตอนทดลองประลองกำลังกันครั้งแรก หากเขาจงรักภักดีต่อพระองค์อย่างสมบูรณ์แล้วไซร้ เขาและบริวารทุกคนของเขาก็จะกลายเป็นบริวารของพระองค์ไปด้วย เมื่อนั้น ความใฝ่ฝันของพวกเราคือกาที่รจะแย่งชิงดินแดนเหนือซึ่งเป็นของพวกสหพันธรัฐ ผนวกเข้ากับแดนจักรวรรดิของพระองค์ สถาปนาให้เป็นจักรวรรดิแอตแลนติสเพียงหนึ่งเดียว ปกครองโดยพระองค์ และการจะมีรัชทายาทของพระองค์ซึ่งเป็นเพียงราชวงศ์เดียวตลอดกาลนาน ก็จะมิใช่เรื่องยากลำบากอีกต่อไป จักรวรรดิของพระองค์ จะกว้างใหญ่ไพศาลเต็มทั้งทวีป และเจริญเกินกว่าประเทศหรือทวีปใดๆ ทั้งสิ้น!"
"ถ้าจะเป็นอย่างที่เจ้ากล่าวมานั่น ข้าก็ตกลง! ข้าจะทำตามที่เจ้าแนะนำทุกประการ" จักรพรรดิเนรอสตรัสพลางทรงแย้มสรวลและทรงดำริไปไกลถึงขั้นวาดวิมานในอากาศ ทรงเห็นพระองค์เองกำลังครองแอตแลนติสทั้งเหนือและใต้แต่เพียงผู้เดียว! แล้วทรงรับ "เทียนมนตรา" ไปจากมือของออเรเคิลเพื่อทำการ "บริกรรม" ตามคำแนะนำของเทพพยากรณ์ต่อไป
และเมื่อจักรพรรดิเนรอสทำการ "บูชาเทียน" ผลของมนต์ดำก็จะเสริมของเดิม สำทับกำกับให้กัปตันวันชนะตกอยู่ในอำนาจอย่างลุ่มหลงลึกลงไปอีก!
สำหรับเหล่าชาวคณะที่เหลือ กลุ่มผู้มีจิตแข็งแกร่งคือ เอ็มม่า แอนนา น้องแจ๊ค ยูไล ออเรร่า และมหาเอก มักจะตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยอาการมึนหัวหรือปวดหัวโดยที่แต่ละคนไม่มีใครทราบสาเหตุ และมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ยังจำได้ว่าพวกตนมาถึงที่นี่เพื่อวัตถุประสงค์อะไร แต่ก็ถูกแย้งและข่มไว้ด้วยความรู้สึกนิยมชมชอบในตัวจักรพรรดิเนรอส อันเป็นผลจากการถูกสะกดจิตอย่างต่อเนื่องโดยทีมนักพลังจิต 8 คนที่เหลือของเทพพยากรณ์ออเรเคิลนั่นเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งห้าคน จึงมีสติเป็นพักๆ ไม่แน่ไม่นอน และเป็นช่วงเวลาตรงกันหรือใกล้เคียงกันบ้างก็มี คนละเวลากันก็มี
เพื่อแก้ปัญหาในขณะที่สติสัมปชัญญะกลับคืนมา วันหนึ่ง เอ็มม่า แอนนา และเด็กชายแจ๊ค ซึ่งเป็นสามคนที่นับว่าจิตแข็งแกร่งกว่าทุกคนเพราะเป็นผู้มีเชื้อสายเดียวกัน คือเชื้อสายของชาวดาวเนโอโซรอส เอ็มม่าผู้เป็นต้นเชื้อสายเพราะเป็นมารดาของทั้งสองคนจึงมีจิตแข็งแกร่งมากที่สุด
และเอ็มม่ายังได้ค้นพบความจริงโดยบังเอิญด้วยว่า พลังจิตของเธอและลูกๆ จะฟื้นฟู และเป็นอิสระจากการถูกสะกดทันที หลังจากแปลงร่างกลับคืนเป็นร่างของชาวเนโอโซรอสดังเดิม !!!
เพราะมีอยู่วันหนึ่งซึ่งเธอกำลังทำอาหารอยู่ในครัวร่วมกับสาวๆ ในทีม แล้วขณะที่กำลังจะใช้มีดโต้เล่มใหญ่สับเนื้อหมู ก็พลาดพลั้งเพราะความลื่น เลยสับมีดลงไปที่ข้อนิ้วก้อยข้างซ้ายของตัวเองอย่างแรง!
ฉับบ !! / "โอ๊ยย!!"
พอร้องออกมาแล้วคุณแม่ต่างดาวก็ปล่อยมีดโต้ร่วงและมือข้างขวากุมมือข้างซ้ายซึ่งข้อนิ้วก้อยขาดไปแล้วและเลือดไหลกระฉูด และไหลไม่หยุดอย่างน่าเสียวไส้ต่อสายตาของหลายๆ คน
ขณะที่เธอกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด แอนนาก็เข้ามาใกล้ๆ และพูดภาษาเนโอโซรอสกับเธอ
"คุณแม่ลองแปลงร่างกลับเป็นร่างเดิมสิคะ บางทีอาจจะช่วยได้นะคะ"
เอ็มม่าพยักหน้าแล้วขอตัวกับทุกคนออกจากห้องครัวกลับเข้าห้องนอน แล้วปิดประตูล็อก จากนั้นจึงแปลงร่างกลับไปเป็นสาวชาวเนโอโซรอสตามเดิม
ซึ่งปกติ ชาวเนโอโซรอส มีนิ้วมือ 4 นิ้วเท่านั้น คือ นิ้วหัวแม่มือหนึ่งนิ้ว และอีกสามนิ้วที่เหลือประกอบกัน ดังนั้น การที่ปลายนิ้วก้อยซึ่งเป็นนิ้วที่ 5 ในร่างมนุษย์โลกขาดไป จึงปรากฏเป็นเพียงรอยแผลเหมือนถูกมีดกรีดเข้าไปข้างๆ เล็กน้อย มีเลือดซิบๆ บริเวณข้างนิ้วที่ 4 ในร่างชาวเนโอโซรอสเท่านั้น!
และการอยู่ในร่างของชาวเนโอโซรอส ก็ทำให้สามารถรักษาร่างกายของตนเองได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งมีแอนนาและน้องแจ๊คอยู่ด้วยก็ยิ่งง่ายและรวดเร็วมากขึ้น สามแม่ลูกในร่างชาวเนโอโซรอส ผสานพลังเข้าด้วยกัน รักษาบาดแผลนั้นจนหายสนิท เซลล์ใหม่งอกขึ้นมาแทนที่เซลล์เก่าซึ่งถูกมีดฟันขาดไป และเมื่อคุณแม่ต่างดาวแปลงร่างกลับมาเป็นร่างของสาวชาวโลกผู้สวยเซ็กซี่อีกครั้ง เธอก็กลับมามีนิ้วมือ 5 นิ้วตามเดิม !!
"แม่คิดอะไรออกได้อีกอย่างหนึ่งละ!" เอ็มม่ากล่าวกับลูกสาวและลูกชายหลังจากเสร็จสิ้นการรักษา และยังไม่ได้แปลงร่างกลับเป็นมนุษย์โลกอีกครั้ง
"อะไรหรือคะคุณแม่ ?" แอนนาถาม การสนทนาของทั้งสาม บางครั้งก็ใช้ปากพูด และหลายครั้งใช้การสื่อสารทางจิต เพราะอวัยวะคือช่องปากของพวกเขานั้นมันเล็กนิดเดียว การพูดออกเสียงในแต่ละครั้งจึงทำให้เหนื่อยหากพูดนานๆ
"ผมรู้แล้ว พี่แอน" น้องแจ๊คในร่างเอเลียนตัวน้อยสูงเพียงสองฟุตส่งกระแสจิตบอกกับพี่สาว "คุณแม่มีแผนจะช่วยคุณพ่อกับเพื่อนๆ ของคุณพ่อให้ไปจากที่นี่ คุณพ่อต้องการการรักษาเป็นอย่างมาก ตอนนี้คุณพ่อไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว"
"น้องแจ๊คพูดถูกจ้ะ" เอ็มม่ากล่าวเสริม ช่วงแห่งการหารือกันนี้เป็นการสื่อสารทางจิตล้วนๆ และสะดวกราบรื่นไม่มีอะไรขัดขวางเลย!
"คุณแม่คิดวางแผนยังไงบ้างคับ ?" น้องแจ๊คแหงนหน้าถาม
"ก่อนอื่นเลยนะ....ช่วงนี้ เราสามคน คงต้องอยู่ในร่างดั้งเดิมของพวกเรานี้ให้นานๆ หน่อย"
"ทำไมคะ/ทำไมคับ ?" สองพี่น้องถามพร้อมกัน
"แอนนา แจ๊ค ลูกทั้งสองคน สังเกตไหม หลังจากที่เราสามคนแปลงร่างกลับเป็นชาวดาวเนโอโซรอสเหมือนเดิมแล้ว รู้สึกแตกต่างจากตอนเป็นมนุษย์โลกอย่างไรบ้าง ?"
"อืม.....รู้สึกว่า พลังเข้มแข็งขึ้นคับ!" น้องแจ๊คตอบก่อน
"หนูก็รู้สึกเหมือนน้องแจ๊คค่ะคุณแม่...รู้สึกพลังฟื้นฟูกลับมา และ....รู้สึกเป็นอิสระ! ที่ผ่านมา พวกเราถูกครอบงำ ถูกควบคุมโดยคนอื่นผู้อยู่ในดินแดนนี้หลายคนเลย พวกเขากดพวกเรามาตลอด หนูรู้สึกว่าช่วงที่ผ่านมา จิตของหนูเหมือนถูกคุมขัง จะคิดจะทำอะไรด้วยตนเองไม่ได้เลย แต่ตอนนี้เป็นอิสระมากๆ จนหนูอยากจะไปถามพวกที่ร่วมกันครอบงำและควบคุมเราว่าทำแบบนั้นทำไม!!"
"แม่ก็รู้สึกเหมือนอย่างที่ลูกรู้สึกจ้ะ แอนนา..มนุษย์โลกมีความอ่อนแอ อ่อนไหวโดยธรรมชาติ ถ้าพวกไหนไม่เป็นเช่นนี้ ก็อาจจะปล่อยให้ความชั่วร้ายเข้าครอบงำ กลายเป็นคนชั่วไป..พวกเราพออยู่ในร่างมนุษย์ จึงถูกอิทธิพลความอ่อนไหวและอ่อนแอแห่งความเป็นมนุษย์ บั่นทอนพลังของพวกเรา จนถูกพวกคนชั่วเข้าครอบงำ จะต่อต้านก็ไม่ไหวเพราะมีกันตั้งแปดเก้าคน ตอนที่พวกเราอยู่ในร่างมนุษย์โลก ไม่มีทางเลยที่พวกเราจะมานั่งพูดคุยกันแบบนี้ได้"
"ใช่ค่ะ เพราะพวกเขาจะกดพวกเราไว้หมด และสั่งให้พวกเราทำทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ"
"แต่ตอนนี้เราอยู่ในร่างชาวเนโอโซรอส ร่างเดิม เชิ้อสายเดิม พลังต่างๆ จึงฟื้นฟูกลับคืนมาตามเดิมแล้ว" เอ็มม่ากล่าวด้วยแววตาเป็นประกาย
"งั้นพวกเราก็อยู่ในร่างของชาวเนโอโซรอสต่อไปเถอะคับ" น้องแจ๊คกล่าวสรุป
"อยู่ได้จ้ะลูก" คุณแม่วางฝ่ามือซึ่งประกอบด้วยนิ้ว 4 นิ้วลงบนไหล่ข้างหนึ่งของลูกชายคนเล็ก "แต่ต้องหลบหลีก ไม่ให้คนเมืองนี้พบเห็นตัว"
"เมื่ออยู่ในร่างกายนี้ เสื้อผ้าเราก็ยังไม่มีสวมใส่กันนะตอนนี้ เราคงต้องลองติดต่อกับพวกของเราข้างนอกนั่น" แอนนาพูดแล้วเงยหน้าขึ้นแหงนมองฟ้ายามค่ำคืน บริเวณกลุ่มดาวนายพราน
"ตกลง ลองร่วมกันสื่อสารดู..."
แล้วทั้งสามแม่ลูกก็จับมือกันและกัน ประสานกระแสจิตส่งขึ้นไปนอกบรรยากาศโลก
ไม่ถึงสามนาที ร่างของทั้งสามก็สลายหายไปจากในห้องนั้น ขึ้นไปปรากฏตัวบนยานบิน ทำการสื่อสารกับผู้ที่อยู่ในยานนั้น จากนั้นจึงมีผู้นำชุดแต่งกายแบบรัดรูปสีเทาล้วนไร้ตะเข็บหรือรอยต่อของชาวเนโอโซรอสมาช่วยสวมใส่ให้กับทั้งสามคน พร้อมกับแถมอาหารกล่องใหญ่ซึ่งเป็นอาหารบำรุงสำหรับชาวเนโอโซรอสโดยเฉพาะให้ด้วย ก่อนจะส่งตัวทั้งสามแม่ลูกกลับลงมายังโลก กลับมาอยู่ในห้องเดิมอีกครั้ง
"ท่านหญิงเอ็มม่าไม่ต้องห่วงนะครับ" กัปตันแห่งยานลำนั้นบอกก่อนลาจากกัน "พวกเรายังคงติดตามดูสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาไม่ว่าพวกท่านจะเดินทางไปที่ไหน ณ เวลาใดก็ตาม และจะช่วยเหลือพวกท่านในยามจำเป็นแน่นอน โดยเฉพาะทั้งสามท่านซึ่งเป็นชาวเนโอโซรอส พวกเราจะไม่นิ่งดูดายแน่!"
"ขอบคุณค่ะท่านกัปตัน" คุณแม่ต่างดาวน้อมกายคำนับ ทางฝ่ายกัปตันก็คำนับตอบ
"อ้อ....ท่านหญิงเอ็มม่า ชุดที่พวกท่านสวมใส่อยู่ขณะนี้ ทำด้วยวัสดุที่ยืดหยุ่น ขยายตัวได้ หดตัวได้ ไม่ฉีกขาดแม้จะขยายตัวใหญ่กว่าร่างกายเดิมถึง 20 เท่า ดังนั้นหลังจากพวกท่านแปลงร่างกลับไปเป็นชาวโลกอีก พวกท่านก็สวมชุดนี้ต่อไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องหาชุดใหม่มาเปลี่ยน" กัปตันบอกเพิ่มเติม
"ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ท่านกัปตัน"
"โชคดีครับ ท่านหญิงเอ็มม่า ขอให้ปฏิบัติการทุกอย่างของท่านและสามี กับทั้งเหล่าสหาย จงสำเร็จด้วยดี ลาก่อนครับ"
"ลาก่อน แล้วพบกันใหม่ค่ะ ท่านกัปตัน"
หลังจากยานลำนั้นจากไปแล้ว สามแม่ลูกในร่างของชาวดาวเนโอโซรอสก็ร่วมกันคิดวางแผนต่อไป
"ต่อไป....เราต้องช่วยอีกสามคนซึ่งมีจิตเข้มแข็ง ให้พ้นจากการครอบงำของพวกมีพลังจิตเหล่านั้นเสียก่อน" เอ็มม่าบอกกับลูกๆ
"พี่ยูไล พี่เอก และพี่ออเรร่า" น้องแจ๊คไล่ลำดับชื่อ
"ใช่จ้ะน้องแจ๊ค" แอนนาพยักหน้าบอกกับน้อง
"มีสามคน พวกเราก็มีสามคนพอดีเลย!" เอ็มม่ากล่าวและหุบนิ้วหัวแม่มือ โชว์แต่สามนิ้วที่เหลือ แล้วเริ่มจัดการแบ่งงาน "เราแยกกัน จับคู่กับพวกเขาทั้งสามคนนะจ๊ะ แอนนา ลูกเคยสนิทสนมกับยูไลมาก่อน เพราะฉะนั้นนจงเข้าไปหาเขา น้องแจ๊คเข้าไปหาพี่เอกนะ ส่วนแม่ จะเข้าไปหาพี่ออเรร่าเอง"
"โอเคค่ะคุณแม่"
"ตกลงคับ คุณแม่"
"คอยดูสภาวะจิตใจของพวกเขาให้ดี อันนี้ สำคัญมาก" เอ็มม่ากล่าวเตือน "ถ้าพวกเขายังถูกควบคุมสะกดจิตไว้อยู่ อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เพราะพวกเขาจะไม่ฟัง ต้องรอช่วงจังหวะที่พวกเขาได้สติ พาพวกเขาออกไปให้พ้นจากที่อยู่ในขณะนั้น ถ้าบนข้อมือของพวกเขามี 'กำไลย้ายสสาร' ซึ่งพวกเขาเรียกมันว่า 'กำไลเทเลพอร์ท' ตามชื่อที่คุณพ่อของลูกๆ ตั้งให้หลังจากสร้างมันขึ้นมาแล้ว ให้รีบกดปุ่มบนกำไลของพวกเขา เพื่อจะได้ส่งพวกเขาออกไป ใครสบโอกาสก่อนก็ทำก่อนเลย ไม่ต้องรอกัน ใครทำได้ก่อนก็โทรจิตบอกคนที่เหลือ เข้าใจไหมจ๊ะ ?"
"เข้าใจค่ะ" / "เข้าใจคับ"
(มีต่อครับ)