ว่างเล็กๆครับ จากการใช้เวลาในการเลี้ยงลูกชายทารกสุดน่ารักอายุ 5 เดือนกับน้ำหนักตัวกว่า 9 กิโลกรัม(เกี่ยวไรกับการรีวิวนาฬิกาหว่า) เลยได้มีเวลาจับๆ ดมๆและซื้อขายนาฬิกาพวก Rolex บ้าง(ขายของสะสมนะครับพี่ ยังไม่ได้ทำแบบมืออาชีพ)
วันนี้ก็มาขอรีวิวนาฬิกาเรือนนึงที่ผมชอบมานาน ถึงขั้นเมื่อ 3 ปีก่อน ไปซื้อแฝดผู้พี่แต่เป็นของเก๊มาจากเมืองจีนในราคาต่ำกว่า2,000บาท เพราะอยากรู้ว่ามันจะใหญ่เกินข้อมือเรามั๊ย มาวันนี้ก็เพิ่งได้ฤกษ์สอยนาฬิกา Pre-owned Rolex Sea-Dweller รุ่น 116660มา เป็นบานพับเงา เหรียญเขียวพรายน้ำสีฟ้า
ขนาดตัวเรือน44mm และตัวเรือนหนามาก ด้านซ้ายมี Helium Escape Valve
เดิมๆ ผมใส่Submarinerแบบติดข้อมา4ปี สลับกับDaytonaหน้าขาวปี 14 บ้าง ซึ่งทั้ง 2 เรือนได้ขายไปเมื่อปีที่แล้ว ที่ขายเพราะมีคนรู้จักมาขอซื้อ ในราคาที่Submariner ซื้อมา 245,000 บาท จากร้านชื่อดังเจ้าของนิสัยดีในห้างพาราไดซ์ เมื่อปี 14 ใส่มา 4 ปีพรรคพวกมาขอซื้อไป 263,000 บาท เซอรไพรครับ ใส่ฟรีแถมเหลือเงิน เลยศึกษาราคาของ Daytona ปี14 เช่นกันและลงขายเอง(อันนี้ได้เงินทอนมาเยอะกว่า)
ทั้ง 2 เรือนจึงเป็นที่มาให้ผมสามารถขอผบทบ.มาลงทุนซื้อใส่และขายได้บ้างครับ
เรือนอื่นๆที่พอมีกำลังซื้อ อาจมารีวิวในหัวข้อต่อๆไป ถ้าลูกชายอายุ 5 เดือนไม่กวนเวลานะครับ
จากรูปเอามาเทียบกับRolex เรือนอื่นๆ ที่ตัวเล็กกว่าจ้าวสมุทรไปเยอะ ทั้งความกว้างและความหนาของตัวเรือน
[img]https://uppic.cc/d/KqoL[/img]
ราคา Price list ของ Rolex ตัว Sea Dweller จะมีราคาที่สูงกว่า Submariner พอประมาณนะครับ แต่พอมาเป็นมือ 2 อาจด้วยเรื่องของขนาดที่ใหญ่และหนักกว่า Sub หรือ GMT ร่วมๆ 60 กรัม จึงทำให้มันไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่ ทำให้เรือนนี้ ปี 15 ผมได้มาในราคาไม่พ้น3กลาง เพราะถ้าเทียบกับSubmariner มือ2 ปีเดียวกันจะแพงกว่าแค่ 2หมื่นนิดๆเท่านั้น ยิ่งถ้าเทียบกับHulk หรือ Batman ซึ่งแพงกว่าเรือนนี้มากๆ (ได้นากาใหญ่กว่า ท็อปกว่า วัสดุดูเจ๋งกว่า เหตุผลแค่นี้ล่ะครับ)
พอได้ลองใส่หลายๆครั้งเข้า อุปสรรคนึงที่พบคือ มันมีโอกาสไปกระแทกกระทั้นได้ง่ายมาก เพราะความหนาที่พิ่มขึ้น ยิ่งผมมีอาชีพเลี้ยงลูกน้อยและขายมอเตอร์ไซค์ด้วยถ้าพอมีเวลา ซึ่งก็ต้องมีบ้างที่ใส่ถุงมือขี่ ยิ่งทำให้มันมีโอกาสเป็นรอยครับ
แต่...... พอเริ่มชินกับขนาดของนาฬิกา ชีวิตก็ง่ายขึ้นมาทันที น้ำหนัก 60 กรัมกับการใส่ทั้งวัน ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยหรือเมื่อยมากขึ้น ยิ่งใส่ยิ่งรู้สึกเท่ห์ แน่น และทรงพลังครับ 55555
[img]https://uppic.cc/d/Kqpw[/img]
[img]https://uppic.cc/d/KqpP[/img]
ตัวพรายน้ำ อยากบอกว่านาฬิกาแนวดำน้ำเกือบทุกรุ่น เมื่อมันกินแสงอิ่มแล้ว จะสว่างสุดๆ(เป็นแทบทุกแบรนด์ เช่น Omega Seamaster ,Rolex : Sub ,Seadweller) แต่เรือนนี้มันเก็บแสงได้นานจริงๆครับ สีฟ้าสว่างแบบแปลก เพราะปกติ Rolexก่อนปี 14 จะเป็นพรายเขียว ยี่ห้ออื่นๆก็เช่นกัน (ยกเว้น Ball Engineer)
[img]https://uppic.cc/d/KqoB[/img]
ตัวเรือนผลิตจากแสตนเลสเกรด 904L ซึ่งน่าจะเกือบแพงที่สุด ดำน้ำได้ลึกสุด 3,900 เมตร เครื่องอินเฮ้ากับความถี่ 28,800 VPH คือใน 1 ชม.เข็มจะกระดิก 28,800ครั้ง แปลว่า 1 วินาทีกระดิกถึง 8 ครั้ง โอ้พระเจ้า ซึ่งเมื่อเทียบกับพวก Seiko รุ่นต่ำกว่า Sumo จะเห็นแบบชัดๆเลยว่ามันราบเรียบกว่ามากๆ
สำรองพลังงานได้ 48 ชั่วโมง พร้อม Helium Escape valve ซึ่งเป็นวาว์วลดแรงดันในตัวเรือน เวลาเราขึ้นจากน้ำลึก (ถ้าจะลึกขนาดนั้นและยังมีชีวิตรอดมากดนะครับ ฮรี่ๆๆ)
[img]https://uppic.cc/d/Kqp5[/img]
พร้อมแบรนด์ Rolex ซึ่งก็ต้องยอมรับครับ ว่าการตลาดของ Rolex หรือ PP เค้าเหนือชั้นเหลือเกิน ที่ทำให้นาฬิกาเป็นที่ต้องการสุดๆ แม้จะไม่ใช่รุ่นลิมิเต็ด
แต่ที่สำคัญคือคุณภาพผมถือว่าดีมากๆนะครับ เพราะเมื่อเทียบๆจากหลายๆรุ่น เช่น Datejust ปู่ใส่ ปู่ให้พ่อ พ่อให้ลูก(อันนี้เรื่องเล่าจากครอบครัวอื่นๆนะครับ) เมื่อดูแลมันดีพอประมาณ มันก็อยู่กับเราไปได้ทั้งช่วงอายุขัย
เรือนนี้เหมาะกับใคร!!!
-เหมาะกับผมครับ เพราะผมใส่เสื้อแขนสั้น เสื้อยืด มากกว่าเสื้อเชิ๊ตแขนยาวกลัดกระดุม ผมไม่ต้องใส่สูท ผูกไท้ เพราะคุณกลัดกระดุมไม่ได้แน่ๆ และที่สำคัญแม้คุณกลัดได้แต่มันคงดูพองๆบวมๆครับ
-เหมาะกับผมเพราะผมข้อขนาด6นิ้วปลายๆ มันเลยดูเท่ห์สุดๆ(คิดเอง)
-เหมาะกับคนที่เคยใส่PAM เพราะอาจชินกับขนาดของตัวเรือนได้ง่ายๆ
ที่สำคัญในภาวะที่ Rolex สาย Sport ราคาขึ้นไปมากๆ รุ่น Sea-Dweller หรือ รุ่น Yatch Master ราคายังน่ารักอยู่ ถ้าคิดจะซื้อใส่ ซื้อได้ครับ
ถ้าชอบก็ซื้อใส่ครับ กำไรคืออาจได้ใส่ฟรี ของแถมคือเงินทอนเล็กๆเมื่อขาย (แต่ถ้ามันเกิดบูม ก็ทอนเยอะหน่อย)
ปล.แนะนำสำหรับคนที่ชอบนาฬิกานะครับ และถ้าซื้อได้โดยไม่ไปเบียดเบียนเงินก้อนอื่นๆของชีวิต หรือถ้ามองว่าเป็นการลงทุนก็ได้ครับ แต่ให้ตั้งความหวังแค่สูงกว่าเงินเฟ้อเล็กๆก็พอ
ปล.ขอไม่ลงลึกในสเปคและดีเทลนะครับ เพราะจขกท.รีวิวในฐานะคนใส่ ไม่ใช่ช่างเทคนิค
ขอบคุณครับ
รีวิวผู้ใช้ Rolex Sea-Dweller ที่ใหญ่เต็มข้อสุดๆ
วันนี้ก็มาขอรีวิวนาฬิกาเรือนนึงที่ผมชอบมานาน ถึงขั้นเมื่อ 3 ปีก่อน ไปซื้อแฝดผู้พี่แต่เป็นของเก๊มาจากเมืองจีนในราคาต่ำกว่า2,000บาท เพราะอยากรู้ว่ามันจะใหญ่เกินข้อมือเรามั๊ย มาวันนี้ก็เพิ่งได้ฤกษ์สอยนาฬิกา Pre-owned Rolex Sea-Dweller รุ่น 116660มา เป็นบานพับเงา เหรียญเขียวพรายน้ำสีฟ้า
ขนาดตัวเรือน44mm และตัวเรือนหนามาก ด้านซ้ายมี Helium Escape Valve
เดิมๆ ผมใส่Submarinerแบบติดข้อมา4ปี สลับกับDaytonaหน้าขาวปี 14 บ้าง ซึ่งทั้ง 2 เรือนได้ขายไปเมื่อปีที่แล้ว ที่ขายเพราะมีคนรู้จักมาขอซื้อ ในราคาที่Submariner ซื้อมา 245,000 บาท จากร้านชื่อดังเจ้าของนิสัยดีในห้างพาราไดซ์ เมื่อปี 14 ใส่มา 4 ปีพรรคพวกมาขอซื้อไป 263,000 บาท เซอรไพรครับ ใส่ฟรีแถมเหลือเงิน เลยศึกษาราคาของ Daytona ปี14 เช่นกันและลงขายเอง(อันนี้ได้เงินทอนมาเยอะกว่า)
ทั้ง 2 เรือนจึงเป็นที่มาให้ผมสามารถขอผบทบ.มาลงทุนซื้อใส่และขายได้บ้างครับ
เรือนอื่นๆที่พอมีกำลังซื้อ อาจมารีวิวในหัวข้อต่อๆไป ถ้าลูกชายอายุ 5 เดือนไม่กวนเวลานะครับ
จากรูปเอามาเทียบกับRolex เรือนอื่นๆ ที่ตัวเล็กกว่าจ้าวสมุทรไปเยอะ ทั้งความกว้างและความหนาของตัวเรือน
[img]https://uppic.cc/d/KqoL[/img]
ราคา Price list ของ Rolex ตัว Sea Dweller จะมีราคาที่สูงกว่า Submariner พอประมาณนะครับ แต่พอมาเป็นมือ 2 อาจด้วยเรื่องของขนาดที่ใหญ่และหนักกว่า Sub หรือ GMT ร่วมๆ 60 กรัม จึงทำให้มันไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่ ทำให้เรือนนี้ ปี 15 ผมได้มาในราคาไม่พ้น3กลาง เพราะถ้าเทียบกับSubmariner มือ2 ปีเดียวกันจะแพงกว่าแค่ 2หมื่นนิดๆเท่านั้น ยิ่งถ้าเทียบกับHulk หรือ Batman ซึ่งแพงกว่าเรือนนี้มากๆ (ได้นากาใหญ่กว่า ท็อปกว่า วัสดุดูเจ๋งกว่า เหตุผลแค่นี้ล่ะครับ)
พอได้ลองใส่หลายๆครั้งเข้า อุปสรรคนึงที่พบคือ มันมีโอกาสไปกระแทกกระทั้นได้ง่ายมาก เพราะความหนาที่พิ่มขึ้น ยิ่งผมมีอาชีพเลี้ยงลูกน้อยและขายมอเตอร์ไซค์ด้วยถ้าพอมีเวลา ซึ่งก็ต้องมีบ้างที่ใส่ถุงมือขี่ ยิ่งทำให้มันมีโอกาสเป็นรอยครับ
แต่...... พอเริ่มชินกับขนาดของนาฬิกา ชีวิตก็ง่ายขึ้นมาทันที น้ำหนัก 60 กรัมกับการใส่ทั้งวัน ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยหรือเมื่อยมากขึ้น ยิ่งใส่ยิ่งรู้สึกเท่ห์ แน่น และทรงพลังครับ 55555
[img]https://uppic.cc/d/Kqpw[/img]
[img]https://uppic.cc/d/KqpP[/img]
ตัวพรายน้ำ อยากบอกว่านาฬิกาแนวดำน้ำเกือบทุกรุ่น เมื่อมันกินแสงอิ่มแล้ว จะสว่างสุดๆ(เป็นแทบทุกแบรนด์ เช่น Omega Seamaster ,Rolex : Sub ,Seadweller) แต่เรือนนี้มันเก็บแสงได้นานจริงๆครับ สีฟ้าสว่างแบบแปลก เพราะปกติ Rolexก่อนปี 14 จะเป็นพรายเขียว ยี่ห้ออื่นๆก็เช่นกัน (ยกเว้น Ball Engineer)
[img]https://uppic.cc/d/KqoB[/img]
ตัวเรือนผลิตจากแสตนเลสเกรด 904L ซึ่งน่าจะเกือบแพงที่สุด ดำน้ำได้ลึกสุด 3,900 เมตร เครื่องอินเฮ้ากับความถี่ 28,800 VPH คือใน 1 ชม.เข็มจะกระดิก 28,800ครั้ง แปลว่า 1 วินาทีกระดิกถึง 8 ครั้ง โอ้พระเจ้า ซึ่งเมื่อเทียบกับพวก Seiko รุ่นต่ำกว่า Sumo จะเห็นแบบชัดๆเลยว่ามันราบเรียบกว่ามากๆ
สำรองพลังงานได้ 48 ชั่วโมง พร้อม Helium Escape valve ซึ่งเป็นวาว์วลดแรงดันในตัวเรือน เวลาเราขึ้นจากน้ำลึก (ถ้าจะลึกขนาดนั้นและยังมีชีวิตรอดมากดนะครับ ฮรี่ๆๆ)
[img]https://uppic.cc/d/Kqp5[/img]
พร้อมแบรนด์ Rolex ซึ่งก็ต้องยอมรับครับ ว่าการตลาดของ Rolex หรือ PP เค้าเหนือชั้นเหลือเกิน ที่ทำให้นาฬิกาเป็นที่ต้องการสุดๆ แม้จะไม่ใช่รุ่นลิมิเต็ด
แต่ที่สำคัญคือคุณภาพผมถือว่าดีมากๆนะครับ เพราะเมื่อเทียบๆจากหลายๆรุ่น เช่น Datejust ปู่ใส่ ปู่ให้พ่อ พ่อให้ลูก(อันนี้เรื่องเล่าจากครอบครัวอื่นๆนะครับ) เมื่อดูแลมันดีพอประมาณ มันก็อยู่กับเราไปได้ทั้งช่วงอายุขัย
เรือนนี้เหมาะกับใคร!!!
-เหมาะกับผมครับ เพราะผมใส่เสื้อแขนสั้น เสื้อยืด มากกว่าเสื้อเชิ๊ตแขนยาวกลัดกระดุม ผมไม่ต้องใส่สูท ผูกไท้ เพราะคุณกลัดกระดุมไม่ได้แน่ๆ และที่สำคัญแม้คุณกลัดได้แต่มันคงดูพองๆบวมๆครับ
-เหมาะกับผมเพราะผมข้อขนาด6นิ้วปลายๆ มันเลยดูเท่ห์สุดๆ(คิดเอง)
-เหมาะกับคนที่เคยใส่PAM เพราะอาจชินกับขนาดของตัวเรือนได้ง่ายๆ
ที่สำคัญในภาวะที่ Rolex สาย Sport ราคาขึ้นไปมากๆ รุ่น Sea-Dweller หรือ รุ่น Yatch Master ราคายังน่ารักอยู่ ถ้าคิดจะซื้อใส่ ซื้อได้ครับ
ถ้าชอบก็ซื้อใส่ครับ กำไรคืออาจได้ใส่ฟรี ของแถมคือเงินทอนเล็กๆเมื่อขาย (แต่ถ้ามันเกิดบูม ก็ทอนเยอะหน่อย)
ปล.แนะนำสำหรับคนที่ชอบนาฬิกานะครับ และถ้าซื้อได้โดยไม่ไปเบียดเบียนเงินก้อนอื่นๆของชีวิต หรือถ้ามองว่าเป็นการลงทุนก็ได้ครับ แต่ให้ตั้งความหวังแค่สูงกว่าเงินเฟ้อเล็กๆก็พอ
ปล.ขอไม่ลงลึกในสเปคและดีเทลนะครับ เพราะจขกท.รีวิวในฐานะคนใส่ ไม่ใช่ช่างเทคนิค
ขอบคุณครับ