อุตส่าห์ไปยื่นซองประมูลตั้งแต่ไก่โห่เป็นรายแรก เอาฤกษ์เอาชัย แต่ไหงกลายเป็นดราม่าไปได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ซีพีเอาฤกษ์ 12.20 น. ยื่นซองอู่ตะเภารายแรก หวังประมูลฉลุย https://mgronline.com/business/detail/9620000028639
เมื่อซีพีโดนคู่แข่งแอบถ่ายภาพตอนขนเอกสารกล่องท้าย ๆ เลยเวลาปิดรับไป 9 นาที ทางคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา จึงต้องมีมติออกมาว่า ไม่สามารถรับเอกสารสองกล่องสุดท้ายของซีพีไว้พิจารณาได้
[แม้ในทางปฏิบัติ จุดนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะสามารถยืดหยุ่นได้ เนื่องจาก 1. ถือเป็นกิจกรรมที่ต้องทำต่อเนื่องจนจบ 2. มีหลักฐานจากการมาลงทะเบียนเป็นรายแรกและการเริ่มขนเอกสารกล่องแรก ๆ ซึ่งเคสที่ผ่านมาในการประมูลรถไฟความเร็วสูง ก็มีการยืดหยุ่นให้ผู้เข้าประมูลบางรายขนเอกสารเลยเวลาได้ด้วย เพราะมีเอกสารจำนวนมาก และมีข้อจำกัดด้านที่จัดเก็บ 3. เหตุผลที่ว่าเลยเวลาไป 9 นาทีไม่รับพิจารณาเอกสาร ไม่มีน้ำหนักพอ เนื่องเพราะภายหลังคณะกรรมการคัดเลือกฯ เอง ยังเรียกขอเอกสารเพิ่มเติมจากผู้เข้าร่วมประมูล โดยใช้เวลาถึง 15 วัน ...แต่เหตุที่คณะกรรมการคัดเลือกฯ ต้องมีมติออกมาเช่นนี้ ข่าวว่าเพราะฝ่ายที่แอบถ่ายภาพไว้ จะใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องคณะกรรมการฯ จุดนี้จึงต้องเห็นใจคณะกรรมการฯ แม้ไม่ใช่เหตุที่ต้องมาเล่นแง่กัน แต่ในเมื่อมีคนอยากเล่น ก็ต้องว่ากันไปตามเกม]

เมื่อคณะกรรมการฯ ไม่รับพิจารณากล่องที่ยื่นไม่ทัน ซึ่งเป็นกล่องเอกสารสำคัญในเรื่องการเงินและเทคนิค ซีพีจึงต้องใช้สิทธิ์ ไปพึ่งอำนาจบารมีศาลปกครอง โดยได้ยื่นคำร้องใน 2 ประเด็น คือ
1. ขอให้ศาลพิจารณายกเลิกมติของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่ให้ซีพีไปรับกล่องเอกสารคืน ไม่รับพิจารณาเอกสารของซีพี
2. ขอทุเลาการบังคับใช้มติดังกล่าว หมายความว่า ในช่วงระหว่างกระบวนการทางศาลนั้น อาจต้องใช้ระยะเวลาพิจารณานาน จึงขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองขั่วคราว เพื่อให้คณะกรรมการคัดเลือกฯ ยอมรับซองเอกสารทั้งหมดของซีพี แล้วนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามปกติร่วมกับเอกสารของผู้เข้าประมูลรายอื่น ๆ
[ตรงนี้พอจะเข้าใจได้ว่า หากคณะกรรมการฯ ไม่ยอมเปิดซองของซีพีเพื่อพิจารณา แต่ถ้าภายหลัง ศาลปกครองตัดสินออกมาว่า ซีพีมีสิทธิ์ได้รับการพิจารณา แล้วเกิดข้อเสนอของซีพีให้ประโยชน์แก่ประเทศมากกว่าของคู่แข่งขึ้นมา ความเสียหายจะเกิดขึ้นมากกว่า]
โดยเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา “ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง” ซึ่งหมายความว่า หลังจากการเรียกสอบข้อเท็จจริงของฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ศาลเห็นว่าไม่สามารถคุ้มครองตามคำร้องขอของซีพีได้ สิ่งที่ซีพีขอตามข้อ 2. เป็นอันตกไป
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ซีพีแพ้ หรือ หมดสิทธิ์ในการประมูลโครงการนี้ตามที่หลาย ๆ คนเข้าใจ เพราะว่าสิ่งที่ตกไป ที่ศาลไม่ทุเลาหรือไม่คุ้มครองซีพี คือข้อ 2. เท่านั้น แต่
ศาลยังรับคำร้องขอข้อ 1. ของซีพีไว้พิจารณาต่อไป ตามประกาศของศาลเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ว่า...
“ส่วนการที่ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าอ้างว่า ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้ถือเอากำหนดเวลายื่นและรับซองข้อเสนอเป็นสาระสำคัญและได้ขยายระยะเวลาการรับซองข้อเสนอโดยปริยายนั้น ประเด็นดังกล่าวเป็นข้อโต้แย้งที่ศาลจะต้องพิเคราะห์ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องเพื่อวินิจฉัยในเนื้อหาคดีต่อไป” [ซึ่งในการรับพิจารณาข้อนี้ ศาลปกครองได้มีหนังสือถึงซีพีเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2562]
ดังนั้น คำร้องขอของซีพีในข้อ 1. ยังคงเดินหน้าต่อไป ซึ่งขณะนี้ เรื่องอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาล โดยปกติแล้ว ศาลจะรอมติของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องร้องเรียนของโครงการ EEC-Project List
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่บอร์ดอีอีซีแต่งตั้งขึ้น
ก่อน จึงจะพิพากษาตัดสิน
ส่วน
กระบวนการพิจารณาเอกชนเข้าร่วมประมูลในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภานั้น คณะกรรมการคัดเลือกฯ
ยังสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างไม่สะดุด โดยที่ไม่จำเป็นต้องพิจารณาซองเอกสารของซีพีที่ยื่นไม่ทันเวลา
แต่จะยังไม่สามารถประกาศผลผู้ชนะการประมูลได้ จนกว่าศาลปกครองจะมีคำพิพากษา [คำร้องขอข้อ 1. ]
ทั้งนี้ คำพิพากษาของศาลอาจเป็นได้ทางใดทางหนึ่งระหว่าง 1. ซีพีไม่มีสิทธิ์ได้รับการพิจารณา หากเป็นเช่นนี้ก็จบข่าว บ๊ายบายซีพี หรือ 2. ซีพีมีสิทธิ์ได้รับการพิจารณา ถ้าเป็นเช่นนี้ คณะกรรมการคัดเลือกฯ ก็ต้องเปิดซองเอกสารทั้งหมดของซีพี เพื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับของคู่แข่งรายอื่น ๆ เพื่อดูว่าใครให้ประโยชน์แก่ประเทศมากกว่ากัน หลังจากนั้นจึงจะประกาศผลผู้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการประมูลอย่างเป็นทางการได้
ในเรื่องนี้ ดู ๆ ไปจะเห็นว่า ทุกฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตนเอง คู่แข่งที่ถ่ายภาพซีพีไว้ แม้จะดูเหมือนเป็นเกมขี้ฟ้องแบบเด็ก ๆ เตะสกัดขากัน แต่ก็ทำหน้าที่ของตัวเอง, คณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่แม้จะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ยืดหยุ่นได้ แต่ก็ต้องทำไปตามบทบาทหน้าที่, ซีพีแม้จะถูกมติสายฟ้าฟาด แต่ก็ใช้สิทธิ์ที่มี ปกป้องตัวเอง, บอร์ดอีอีซีในฐานะที่เป็นผู้กำกับดูแลคณะกรรมการคัดเลือกฯ เมื่อมีเรื่องร้องเรียนเข้ามา ก็ต้องทำหน้าที่ของตนเอง ด้วยการแต่งตั้งมอบหมายให้คณะอนุกรรมการอุทธรณ์ขึ้นมาแบ่งเบาภาระ, คณะอนุกรรมการอุทธรณ์ฯ เมื่อถูกแต่งตั้งมาแล้ว ก็ต้องทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองเรื่องอย่างโปร่งใส และศาลปกครองที่ต้องพิจารณาว่ากันไปตามเหตุและผล
เมื่อทั้งหมดต่างมีบทบาทหน้าที่ของตนที่ต้องทำ จึงน่าเห็นใจทุกฝ่าย แต่การทำงานก็ต้องพิจารณาถึง
ประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดกับประเทศชาติ และเป็นไปด้วยความ
โปร่งใส ยุติธรรม ...ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม ยังมีเวลา รอให้ชัวร์ก่อน จะได้ไม่ต้องมาฟ้องร้องกันอีกในภายหลัง
แกะปมประมูลอู่ตะเภา กับคำถามคาใจ “ยกคำร้องขอทุเลา” คืออะไร แล้วทำไมซีพียังมีสิทธิ์ได้ไปต่อ!!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อซีพีโดนคู่แข่งแอบถ่ายภาพตอนขนเอกสารกล่องท้าย ๆ เลยเวลาปิดรับไป 9 นาที ทางคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา จึงต้องมีมติออกมาว่า ไม่สามารถรับเอกสารสองกล่องสุดท้ายของซีพีไว้พิจารณาได้
[แม้ในทางปฏิบัติ จุดนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะสามารถยืดหยุ่นได้ เนื่องจาก 1. ถือเป็นกิจกรรมที่ต้องทำต่อเนื่องจนจบ 2. มีหลักฐานจากการมาลงทะเบียนเป็นรายแรกและการเริ่มขนเอกสารกล่องแรก ๆ ซึ่งเคสที่ผ่านมาในการประมูลรถไฟความเร็วสูง ก็มีการยืดหยุ่นให้ผู้เข้าประมูลบางรายขนเอกสารเลยเวลาได้ด้วย เพราะมีเอกสารจำนวนมาก และมีข้อจำกัดด้านที่จัดเก็บ 3. เหตุผลที่ว่าเลยเวลาไป 9 นาทีไม่รับพิจารณาเอกสาร ไม่มีน้ำหนักพอ เนื่องเพราะภายหลังคณะกรรมการคัดเลือกฯ เอง ยังเรียกขอเอกสารเพิ่มเติมจากผู้เข้าร่วมประมูล โดยใช้เวลาถึง 15 วัน ...แต่เหตุที่คณะกรรมการคัดเลือกฯ ต้องมีมติออกมาเช่นนี้ ข่าวว่าเพราะฝ่ายที่แอบถ่ายภาพไว้ จะใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องคณะกรรมการฯ จุดนี้จึงต้องเห็นใจคณะกรรมการฯ แม้ไม่ใช่เหตุที่ต้องมาเล่นแง่กัน แต่ในเมื่อมีคนอยากเล่น ก็ต้องว่ากันไปตามเกม]
เมื่อคณะกรรมการฯ ไม่รับพิจารณากล่องที่ยื่นไม่ทัน ซึ่งเป็นกล่องเอกสารสำคัญในเรื่องการเงินและเทคนิค ซีพีจึงต้องใช้สิทธิ์ ไปพึ่งอำนาจบารมีศาลปกครอง โดยได้ยื่นคำร้องใน 2 ประเด็น คือ
1. ขอให้ศาลพิจารณายกเลิกมติของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่ให้ซีพีไปรับกล่องเอกสารคืน ไม่รับพิจารณาเอกสารของซีพี
2. ขอทุเลาการบังคับใช้มติดังกล่าว หมายความว่า ในช่วงระหว่างกระบวนการทางศาลนั้น อาจต้องใช้ระยะเวลาพิจารณานาน จึงขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองขั่วคราว เพื่อให้คณะกรรมการคัดเลือกฯ ยอมรับซองเอกสารทั้งหมดของซีพี แล้วนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามปกติร่วมกับเอกสารของผู้เข้าประมูลรายอื่น ๆ
[ตรงนี้พอจะเข้าใจได้ว่า หากคณะกรรมการฯ ไม่ยอมเปิดซองของซีพีเพื่อพิจารณา แต่ถ้าภายหลัง ศาลปกครองตัดสินออกมาว่า ซีพีมีสิทธิ์ได้รับการพิจารณา แล้วเกิดข้อเสนอของซีพีให้ประโยชน์แก่ประเทศมากกว่าของคู่แข่งขึ้นมา ความเสียหายจะเกิดขึ้นมากกว่า]
โดยเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา “ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง” ซึ่งหมายความว่า หลังจากการเรียกสอบข้อเท็จจริงของฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ศาลเห็นว่าไม่สามารถคุ้มครองตามคำร้องขอของซีพีได้ สิ่งที่ซีพีขอตามข้อ 2. เป็นอันตกไป
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ซีพีแพ้ หรือ หมดสิทธิ์ในการประมูลโครงการนี้ตามที่หลาย ๆ คนเข้าใจ เพราะว่าสิ่งที่ตกไป ที่ศาลไม่ทุเลาหรือไม่คุ้มครองซีพี คือข้อ 2. เท่านั้น แต่ศาลยังรับคำร้องขอข้อ 1. ของซีพีไว้พิจารณาต่อไป ตามประกาศของศาลเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ว่า...
“ส่วนการที่ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าอ้างว่า ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้ถือเอากำหนดเวลายื่นและรับซองข้อเสนอเป็นสาระสำคัญและได้ขยายระยะเวลาการรับซองข้อเสนอโดยปริยายนั้น ประเด็นดังกล่าวเป็นข้อโต้แย้งที่ศาลจะต้องพิเคราะห์ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องเพื่อวินิจฉัยในเนื้อหาคดีต่อไป” [ซึ่งในการรับพิจารณาข้อนี้ ศาลปกครองได้มีหนังสือถึงซีพีเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2562]
ดังนั้น คำร้องขอของซีพีในข้อ 1. ยังคงเดินหน้าต่อไป ซึ่งขณะนี้ เรื่องอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาล โดยปกติแล้ว ศาลจะรอมติของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องร้องเรียนของโครงการ EEC-Project List
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก่อน จึงจะพิพากษาตัดสิน
ส่วนกระบวนการพิจารณาเอกชนเข้าร่วมประมูลในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภานั้น คณะกรรมการคัดเลือกฯ ยังสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างไม่สะดุด โดยที่ไม่จำเป็นต้องพิจารณาซองเอกสารของซีพีที่ยื่นไม่ทันเวลา แต่จะยังไม่สามารถประกาศผลผู้ชนะการประมูลได้ จนกว่าศาลปกครองจะมีคำพิพากษา [คำร้องขอข้อ 1. ]
ทั้งนี้ คำพิพากษาของศาลอาจเป็นได้ทางใดทางหนึ่งระหว่าง 1. ซีพีไม่มีสิทธิ์ได้รับการพิจารณา หากเป็นเช่นนี้ก็จบข่าว บ๊ายบายซีพี หรือ 2. ซีพีมีสิทธิ์ได้รับการพิจารณา ถ้าเป็นเช่นนี้ คณะกรรมการคัดเลือกฯ ก็ต้องเปิดซองเอกสารทั้งหมดของซีพี เพื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับของคู่แข่งรายอื่น ๆ เพื่อดูว่าใครให้ประโยชน์แก่ประเทศมากกว่ากัน หลังจากนั้นจึงจะประกาศผลผู้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการประมูลอย่างเป็นทางการได้
ในเรื่องนี้ ดู ๆ ไปจะเห็นว่า ทุกฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตนเอง คู่แข่งที่ถ่ายภาพซีพีไว้ แม้จะดูเหมือนเป็นเกมขี้ฟ้องแบบเด็ก ๆ เตะสกัดขากัน แต่ก็ทำหน้าที่ของตัวเอง, คณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่แม้จะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ยืดหยุ่นได้ แต่ก็ต้องทำไปตามบทบาทหน้าที่, ซีพีแม้จะถูกมติสายฟ้าฟาด แต่ก็ใช้สิทธิ์ที่มี ปกป้องตัวเอง, บอร์ดอีอีซีในฐานะที่เป็นผู้กำกับดูแลคณะกรรมการคัดเลือกฯ เมื่อมีเรื่องร้องเรียนเข้ามา ก็ต้องทำหน้าที่ของตนเอง ด้วยการแต่งตั้งมอบหมายให้คณะอนุกรรมการอุทธรณ์ขึ้นมาแบ่งเบาภาระ, คณะอนุกรรมการอุทธรณ์ฯ เมื่อถูกแต่งตั้งมาแล้ว ก็ต้องทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองเรื่องอย่างโปร่งใส และศาลปกครองที่ต้องพิจารณาว่ากันไปตามเหตุและผล
เมื่อทั้งหมดต่างมีบทบาทหน้าที่ของตนที่ต้องทำ จึงน่าเห็นใจทุกฝ่าย แต่การทำงานก็ต้องพิจารณาถึงประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดกับประเทศชาติ และเป็นไปด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม ...ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม ยังมีเวลา รอให้ชัวร์ก่อน จะได้ไม่ต้องมาฟ้องร้องกันอีกในภายหลัง