เรื่องเกิดขึ้นจากความใจร้อนของฉันเป็นเหตุเช่นเดียวกันและอารมณ์ที่ไม่ฟังเหตุผลของอีกฝ่ายด้วย
ฉันเก็บข่าวของกลับบ้าน เพราะมาจากแฟนฉันหนีไปเที่ยวแล้วไม่ยอมรับโทรศัพท์ ฉันกับแฟนไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันอยุ่กันคนละจังหวัด จึงโทรคุยกันตลอด วันนั้นฉันทำงานเข้ากะกลางคืนโทรหาแฟนตั้งแต่ห้าทุ่มยันตี1ก็ไม่รับจึงแปลกใจเลยโทรหาน้องแฟน น้องแฟนบอกไม่อยุ่บ้าน ฉันจึงเกิดอารมณ์โมโห ไม่เป็นอันทำงาน พอโทรไปหาแฟนอีกทีก็รับสายตอนประมานเกือบตี2 ฉันเริ่มต้นถามก่อนเลยว่าทำอะไรทำไมไม่ยอมรับโทรสัพ แฟนบอกนอนอยุ่ ฉันถามกลับนอนอะไรโทรไปหาน้องมา น้องบอกเองไม่อยุ่บ้าน ฉันเริ่มโมโหพูดไปร้องไห้ไป ถามว่าไปไหนมา ทำไมต้องโกหกกันด้วย บอกกันดีๆก็ได้ พอคุยไป มันก็คุยกันไม่รุ้เรื่อง และคืนนั้นฉันเลิกงานตี3นั่งรถตู้จากฉะเชิงเทราไปหาแฟนที่ปราจีนทั้งๆที่ไม่เคยนั่งมาก่อน พอมาถึง สภาพที่เห็นคือแฟนนอนเมา กลิ่นเหล้าฟุ้ง ฉันพูดทั้งน้ำตา เก็บข้าวของ ไม่ฟังอะไร แฟนฉันก็เข้ามากอดมาห้ามไม่ให้เก็บเสื้อผ้า แต่เพราะความโมโห ใช่เพราะความโมโหเป็นเหตุ ที่ทำให้เกิดช่องว่าง ฉันกลับบ้านไม่ได้คุยกับแฟนประมาน2อาทิต แต่ฉันไม่ได้มีความสุขเลยร้องไห้ทุกวัน ฉันบล็อกเบอ ไม่ให้แฟนติดต่อได้ แต่ก็คุยแชทกันอย่างเดียว ในใจอยากจะดัดนิสัยมันอยุ่นะ แต่อีกใจก็อยากขอโทษ จนประมานต้นเดือน เราก็กลับมาคุยกัน แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมหรอก ทะเลาะแต่เรื่องวันนั้นพูดแต่เรื่องวันนั้นเกือบทุกวัน ฉันขอโทษแฟนฉันทั้งน้ำตา พยายามปรับเปลี่ยนนิสัยตัวเอง จนคิดว่าทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมแล้ว จนฉันได้มารุ้ความจริงว่าระยะห่างในระหว่างที่เราสองคนทะเลาะกันมันมีช่องว่างที่มีคนมาเติมเต็มในส่วนนั้นในเวลาที่ฉันหายไป จนทุกวันนี้ฉันยังรุ้สึกผิดมาตลอด ที่ปล่อยให้เกิดช่องว่างนั้นเอง ผู้หญิงคนนั้นมาเติมเต็ม แต่มันไม่สามารถเทียบกับรักที่ฉันมีให้แฟนได้ เพราะฉันกับแฟนเราผ่านอะไรด้วยกันมามาก แต่ฉันก็น้อยใจและแอบเสียใจ ในส่วนที่ขาดหายไปในวันนั้น เธอคนนั้นมาเติมเต็มจนแฟนฉันรุ้สึกดีไปแล้ว .....เรื่องนี้อยากให้ทุกๆคนรุ้ ว่าไม่ว่าจะทะเลาะอะไรกัน การหนีปัญหาไม่ใช่ทางออกที่ดี อารมณ์และความโมโหก็เช่นกัน เพราะมันจะเกิดช่องว่างบางๆ และเปลี่ยนคำว่าเราไปตลอดกาล
ความรัก
ฉันเก็บข่าวของกลับบ้าน เพราะมาจากแฟนฉันหนีไปเที่ยวแล้วไม่ยอมรับโทรศัพท์ ฉันกับแฟนไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันอยุ่กันคนละจังหวัด จึงโทรคุยกันตลอด วันนั้นฉันทำงานเข้ากะกลางคืนโทรหาแฟนตั้งแต่ห้าทุ่มยันตี1ก็ไม่รับจึงแปลกใจเลยโทรหาน้องแฟน น้องแฟนบอกไม่อยุ่บ้าน ฉันจึงเกิดอารมณ์โมโห ไม่เป็นอันทำงาน พอโทรไปหาแฟนอีกทีก็รับสายตอนประมานเกือบตี2 ฉันเริ่มต้นถามก่อนเลยว่าทำอะไรทำไมไม่ยอมรับโทรสัพ แฟนบอกนอนอยุ่ ฉันถามกลับนอนอะไรโทรไปหาน้องมา น้องบอกเองไม่อยุ่บ้าน ฉันเริ่มโมโหพูดไปร้องไห้ไป ถามว่าไปไหนมา ทำไมต้องโกหกกันด้วย บอกกันดีๆก็ได้ พอคุยไป มันก็คุยกันไม่รุ้เรื่อง และคืนนั้นฉันเลิกงานตี3นั่งรถตู้จากฉะเชิงเทราไปหาแฟนที่ปราจีนทั้งๆที่ไม่เคยนั่งมาก่อน พอมาถึง สภาพที่เห็นคือแฟนนอนเมา กลิ่นเหล้าฟุ้ง ฉันพูดทั้งน้ำตา เก็บข้าวของ ไม่ฟังอะไร แฟนฉันก็เข้ามากอดมาห้ามไม่ให้เก็บเสื้อผ้า แต่เพราะความโมโห ใช่เพราะความโมโหเป็นเหตุ ที่ทำให้เกิดช่องว่าง ฉันกลับบ้านไม่ได้คุยกับแฟนประมาน2อาทิต แต่ฉันไม่ได้มีความสุขเลยร้องไห้ทุกวัน ฉันบล็อกเบอ ไม่ให้แฟนติดต่อได้ แต่ก็คุยแชทกันอย่างเดียว ในใจอยากจะดัดนิสัยมันอยุ่นะ แต่อีกใจก็อยากขอโทษ จนประมานต้นเดือน เราก็กลับมาคุยกัน แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมหรอก ทะเลาะแต่เรื่องวันนั้นพูดแต่เรื่องวันนั้นเกือบทุกวัน ฉันขอโทษแฟนฉันทั้งน้ำตา พยายามปรับเปลี่ยนนิสัยตัวเอง จนคิดว่าทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมแล้ว จนฉันได้มารุ้ความจริงว่าระยะห่างในระหว่างที่เราสองคนทะเลาะกันมันมีช่องว่างที่มีคนมาเติมเต็มในส่วนนั้นในเวลาที่ฉันหายไป จนทุกวันนี้ฉันยังรุ้สึกผิดมาตลอด ที่ปล่อยให้เกิดช่องว่างนั้นเอง ผู้หญิงคนนั้นมาเติมเต็ม แต่มันไม่สามารถเทียบกับรักที่ฉันมีให้แฟนได้ เพราะฉันกับแฟนเราผ่านอะไรด้วยกันมามาก แต่ฉันก็น้อยใจและแอบเสียใจ ในส่วนที่ขาดหายไปในวันนั้น เธอคนนั้นมาเติมเต็มจนแฟนฉันรุ้สึกดีไปแล้ว .....เรื่องนี้อยากให้ทุกๆคนรุ้ ว่าไม่ว่าจะทะเลาะอะไรกัน การหนีปัญหาไม่ใช่ทางออกที่ดี อารมณ์และความโมโหก็เช่นกัน เพราะมันจะเกิดช่องว่างบางๆ และเปลี่ยนคำว่าเราไปตลอดกาล