คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
Hawk eye ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ปลายปี 2006 ฮะ (Grand Slam แรกที่ใช้ก็คือ US open 2006 แล้ว GS อื่นก็ใช้ทันทีในปีต่อมา ...ยกเว้น FO) จนถึงปัจจุบันมีการใช้อย่างแพร่หลายในทัวร์ของ ATP (ว่ากันง่ายๆ รายการไหนเงินถึงพอจะติดตั้งอุปกรณ์วิเคราะห์ Hawk eye ได้ก็ติด (จำไม่ผิด $40,000 ต่อ 1 คอร์ท) ซึ่งหลักๆ ก็ใช้ในรายการ ATP Tour รายการ Master รายการในการแข่งขันของ IOC (โอลิมปิค) ยันรายการ Grand slam... ยกเว้น FO ) ...ส่วนในคอร์ทดิน อาจจะเริ่มมีบางรายการใช้ในปี 2 ปีนี้ แต่ไม่ใช่ FO เพราะ ...
.. Hawk eye ยังมีข้อจำกัดจากทางโรงงานในเรื่องของ Error Margin อยู่ที่ 3.6 mm. (-1.8 mm. ถึง +1.8 mm.) ซึ่งมันจะยิ่งโดนรบกวนมาขึ้นในกรณีในคอร์ทดิน เพราะ แต่ละลูกที่กระเด้งกระดอน มันจะฟัดเอาฝุ่นเม็ดดินกระเด็นขึ้นมาด้วย ซึ่งมากพอที่จะไปบังวิถีเซ็นเซอร์ที่จับภาพวิถีลูกในหลายๆ มุม จนอาจจะส่งผลถึงความแม่นยำคลาดเคลื่อนในการประมวลผลออกมาเป็นภาพกราฟฟิค ...ตอนนี้ยังอาจจะยังอยู่ในช่วงพัฒนาอุปกรณ์และอัลกอริทึมเพื่อแก้ปัญหาโดนเม็ดฝุ่นกระเด็นขึ้นมาบัง เลยอาจจะยังไม่ได้ใช้ในคอร์ทดินส่วนใหญ่ (จำได้ว่าเริ่มมีใช้กันบ้างแล้วในคอร์ทดินอย่างเป็นทางการ แต่มันยังไม่รับรองจากทางผู้จัดการแข่งขัน FO เลยยังไม่มีการใช้มาตลอดจนถึงล่าสุดนี้) ...
... ทางผู้จัดก็ยังเชื่อใน "คอร์ทฝากรอย" ที่มันชัดในตัวอยู่แล้วว่ามันมีรอยให้เห็น ไม่จำเป็นต้องใช้ Hawk eye ที่เป็นรอยสมมุติในโปรแกรม ความน่าเชื่อถือยังสู้ตาผู้ตัดสินและ Line man รวมกันไม่ได้ในเรื่องระบุจุดตกกระทบ ... แต่ก็ ต้องวัดกับในมุมมองกลับกันเกี่ยวกับ Human error ด้วยว่า ผู้ตัดสินมันก็คน ต่อให้จ้องดูเส้นกันอย่างน้อยตา 4 คู่ มันก็อาจจะไม่ทันหรืออาจจะสับสนรอยได้ถ้ามันเกลี่ยดินสนามไม่ดี (เวลาพัก Set เจ้าหน้าที่จะลงมาเกลี่ยดินสนามใหม่อยู่เรื่อยๆ) ..หากถึงวันนึงที่ Hawk eye แก้เรื่อง Error Margin ให้แคบลงหรือรับมือกับดินกระเด็นบดบังเซ็นเซอร์ได้แล้ว ยังไงก็มีแนวโน้มต้องนำมาใช้อยู่ดี เพราะพัฒนาการนักเทนนิสก็โหดขึ้นทุกปีๆ ...
... ล่าสุด เกมเมื่อวานของ Waw กับ Tsitsipas ก็ยืดเยื้อและสร้างความหงุดหงิดเรื่องระบุแต้มกันจน Tsitsipas สมาธิหลุดแล้วก็แพ้ไปอย่างหวุดหวิดเลย (หลังจากสู้ยื้อกันไปมาร่วมๆ 5 ชั่วโมง)... รายการ FO ก็รอดูผลสรุปปีหน้าอีกทีฮะ ปีนี้ก็ดูกรรมการมาจิ้มรอยกันไปก่อน...
.. Hawk eye ยังมีข้อจำกัดจากทางโรงงานในเรื่องของ Error Margin อยู่ที่ 3.6 mm. (-1.8 mm. ถึง +1.8 mm.) ซึ่งมันจะยิ่งโดนรบกวนมาขึ้นในกรณีในคอร์ทดิน เพราะ แต่ละลูกที่กระเด้งกระดอน มันจะฟัดเอาฝุ่นเม็ดดินกระเด็นขึ้นมาด้วย ซึ่งมากพอที่จะไปบังวิถีเซ็นเซอร์ที่จับภาพวิถีลูกในหลายๆ มุม จนอาจจะส่งผลถึงความแม่นยำคลาดเคลื่อนในการประมวลผลออกมาเป็นภาพกราฟฟิค ...ตอนนี้ยังอาจจะยังอยู่ในช่วงพัฒนาอุปกรณ์และอัลกอริทึมเพื่อแก้ปัญหาโดนเม็ดฝุ่นกระเด็นขึ้นมาบัง เลยอาจจะยังไม่ได้ใช้ในคอร์ทดินส่วนใหญ่ (จำได้ว่าเริ่มมีใช้กันบ้างแล้วในคอร์ทดินอย่างเป็นทางการ แต่มันยังไม่รับรองจากทางผู้จัดการแข่งขัน FO เลยยังไม่มีการใช้มาตลอดจนถึงล่าสุดนี้) ...
... ทางผู้จัดก็ยังเชื่อใน "คอร์ทฝากรอย" ที่มันชัดในตัวอยู่แล้วว่ามันมีรอยให้เห็น ไม่จำเป็นต้องใช้ Hawk eye ที่เป็นรอยสมมุติในโปรแกรม ความน่าเชื่อถือยังสู้ตาผู้ตัดสินและ Line man รวมกันไม่ได้ในเรื่องระบุจุดตกกระทบ ... แต่ก็ ต้องวัดกับในมุมมองกลับกันเกี่ยวกับ Human error ด้วยว่า ผู้ตัดสินมันก็คน ต่อให้จ้องดูเส้นกันอย่างน้อยตา 4 คู่ มันก็อาจจะไม่ทันหรืออาจจะสับสนรอยได้ถ้ามันเกลี่ยดินสนามไม่ดี (เวลาพัก Set เจ้าหน้าที่จะลงมาเกลี่ยดินสนามใหม่อยู่เรื่อยๆ) ..หากถึงวันนึงที่ Hawk eye แก้เรื่อง Error Margin ให้แคบลงหรือรับมือกับดินกระเด็นบดบังเซ็นเซอร์ได้แล้ว ยังไงก็มีแนวโน้มต้องนำมาใช้อยู่ดี เพราะพัฒนาการนักเทนนิสก็โหดขึ้นทุกปีๆ ...
... ล่าสุด เกมเมื่อวานของ Waw กับ Tsitsipas ก็ยืดเยื้อและสร้างความหงุดหงิดเรื่องระบุแต้มกันจน Tsitsipas สมาธิหลุดแล้วก็แพ้ไปอย่างหวุดหวิดเลย (หลังจากสู้ยื้อกันไปมาร่วมๆ 5 ชั่วโมง)... รายการ FO ก็รอดูผลสรุปปีหน้าอีกทีฮะ ปีนี้ก็ดูกรรมการมาจิ้มรอยกันไปก่อน...

แสดงความคิดเห็น
เดี๋ยวนี้ tennis ไม่มีการขอดู challenge แล้วหรอครับ
หรือว่าเค้าเปลี่ยนกฏิกาอะไรไป
วานผู้รู้บอกที ไม่ได้ติดตามเทนนิสมาพักใหญ่แล้วครับ