ไม่แปลกใจเลยทำไมหัวเหว่ยโดนแบน วีรกรรมแต่ละเรื่องสุดยอด ด็อกเตอร์ก็อปของเเท้จริงๆ สินค้าจีน

2003 ที่ Huawei ไป “แฮค” Source Code ของ Cisco แล้วเอามาใส่ใน Router ของตัวเองขายตัดราคา

2007 หัวเว่ยจ่ายเงินให้พนักงาน Motorola เพื่อซื้อข้อมูลลับของบริษัทและเอามาทำเป็นโปรดักส์ของตัวเอง จนเป็นคดีความใหญ่โต

2012 Huawei พยายามขโมยข้อมูลสำคัญของการผลิตหุ่นยนต์ทดสอบมือถือของ T-Mobile และมีการแอบถ่ายรูปส่งกลับไปจีนให้ Huawei China

2014 ให้นักประดิษฐ์ชาวโปรตุเกสบินมานำเสนอ “กล้อง 360 แบบเสียบมือถือ”
แต่ไม่ซื้อ และเปิดตัวกล้อง Envizion 360
ที่เหมือนกับผลงานที่นักประดิษฐ์คนนี้นำไปเสนอทุกกระเบียดนิ้วในปี 2017

2019 นำ MPEG ของเยอรมันไปใช้โดยเฉยๆ โดยไม่จ่ายค่าสิทธิบัตร และโดนเยอรมันฟ้องร้องจนต้องยอมจ่าย

ใช้มุก ก็อปแล้วค่อยจ่ายค่าเสียหาย

ไม่เเปลกใจเลย หลายพันปี ยังคงใช้ตะเกียบ เจ้าสำนัก  โรงเตี้ยม  ไทเก๊ก

พอมีให้ก๊อป  ทิ้งของเหล่านี้ไปหมด

ถ้าอเมริกา ยุโรป ยังไม่คิดค้น คงจะ ไทเก็ก โรงเตี้ยมเหมือนเดิม อีกหลายพันปี

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ที่คุณเจ๊ โพสต์มา น่ะ ทำไมมันน้อยยังงี้

พวก ซัมซุง แอปเปิ้ล MS ยัน Qualcomm   ฟ้องร้องกันไปมา เรื่องก๊อป ขโมยสิทธิบัตร  มีเป็นพันคดี
จ่ายค่าทนายกัน เป็นร้อยๆล้าน$     แหม่
ความคิดเห็นที่ 9
ประเทศอื่นเค้าก็ก๊อปกัน เห็นคู่แข่งทำอะไรดีกว่าตนเอง ก็ต้องเอาบ้างมีบ้าง ... อย่าว่าแต่จีนสอดแนมเลย สหรัฐตัวดีเลยแหละ เช่น Google รู้ Map ทั่วโลกรู้ความเคลื่อนไหวทุกคน คิดหรอว่าจะไม่ส่งข้อมูลให้รัฐบาล ถ้ามีการร้องขอ สหรัฐยุ่งไปทั่วโลกไปวางฐานทัพ CIA ที่ไหนประเทศนั้นไม่รอด เกิดกลียุค เกิดศึกสงครามกลางเมือง เช่น อิรัก ซีเรีย นี่ถ้าเข้าเวเนซุเอล่าได้ ก็คงเกิดสงครามกลางเมืองเหมือนกัน ดีที่มีรัสเซียกับจีนกันไว้

ปกติ อเมริกากับจีน เค้าไม่ได้เป็นคู่แข่งกันโดยตรง แถมจะเป็นคู่ค้ากันด้วยซ้ำ คือ อเมริกาคิด จีนผลิตให้ ใครเคยไปอเมริกาจะเห็นสินค้า Made in china ทั้งนั้น เพราะ อเมริกามาตั้งโรงงานที่จีน ให้จีนผลิตแล้วเอาไปขายถูกๆให้อเมริกาอีกครั้ง เพราะ ค่าแรงถูก แต่เผอิญ คนผลิต ดัน ล้ำหน้ากว่าคนคิดให้ทำ เพราะ อเมริกา คิดว่าตัวเองต้องเป็นที่ 1 ห้ามใครแซงหน้าด้านวิยาศาสตร์และเทคโนโลยีเด็ดขาด เช่น หัวเหว่ยยอดขายแซงแอปเปิ้ล, 5G ถูกกว่าและดีกว่าของอเมริกา ทำให้เกิดการสกัดกั้น เตะตัดขาเกิดขึ้น แต่จีนไม่ถอยเพราะ รู้ว่าตัวเองกำลังแข็งแกร่ง ถ้าถอยตอนนี้เท่ากับผ่อนให้อเมริกาหายใจ ถ้าสงครามไม่เกิดวันนี้ สักวันนึงก็ต้องเกิดเพราะ เมื่อมวลขนาดใหญ่ คือ จีน ถูกเหวี่ยงให้เดินไปข้างหน้าคงยากที่จะมวลจะหยุดได้ ซึ่งจีนก็คงไม่อยากยืมจมูกคนอื่นหายใจคิดเทคโนโลยีให้ตลอดเวลา ถึงเวลาต้องยืนลำแข้งตนเอง อเมริกาก็ไม่ต้องการให้ใครแซงหน้าตัวเองเบอร์ 1 ของโลก การกระทำของอเมริกาครั้งนี้เกิดผลเสียด้วยเช่นกัน ประเทศอื่นๆบริษัทที่พึ่งพาอเมริกาก็จะตื่นตัว ถ้าวันนึงไปขัดใจอเมริกาแล้วโดนสั่งแบนแบบนี้หละ ก็จะถึงกับเดินต่อไม่ได้เลย ทำให้ต่อไปประเทศต่างๆหรือบริษัทอื่นๆ พยายามจะหลีกเลี่ยงพึ่งอเมริกาหรือมีแผนสำรองเมื่อถูกอเมริกาแบน
ความคิดเห็นที่ 47
ที่ถกเถียงกันอยู่มันคือเรื่องของ "สิทธิบัตร"
สิทธิบัตรคุ้มครองผู้ที่คิดค้นได้เจ้าแรก ห้ามคนอื่นก๊อปปี้ไปขายเชิงพาณิชย์
แต่การคุ้มครองมีระยะเวลาจำกัด เมื่อใดที่พ้นกำหนด สิ่งๆนั้นทุกคนสามารถก๊อปปี้ไปขาย

หัวใจของสิทธิบัตร
เจ้าแรกที่คิดค้นได้ ต้องเปิดเผยวิธีการสร้าง ให้สาธารณชนได้รับรู้ว่าประดิษฐ์ยังไง แตกต่างจากคนอื่นยังไง
เช่นเรื่อง Face ID ของ Iphone คนทั่วไปสามารถค้นข้อมูลได้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ถ้าคุณมีความสามารถมากพอคุณก็ประดิษฐ์มันได้
แต่ถ้าดูแล้วไม่คุ้มคุณก็ซื้อสิทธิของเขามาแล้วมาประกอบเข้ากับชิ้นงานของคุณเป็นสินค้าตัวใหม่ เห็นไหมครับกลไกการค้าเริ่มมา

ทำไมต้องเปิดเผยต่อสาธารณชน >>> เพราะหัวใจของเขาคือ การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เน้นนะครับว่าเขาต้องการให้มีการแข่งขันกัน พัฒนาสิ่งประดิษฐ์หรือกรรมวิธีใหม่ๆ ต้องการให้เกิดการต่อยอดเทคโนโลยี
ลองดูมือถือโบราณกับปัจจุบันสิครับ โลกเรามาไกลแค่ไหน จากอันเท่าท่อนไม้ จนปัจจุบันสามารถยัดกระเป๋าเสื้อได้
แต่กลับกันถ้าคนที่คิดค้นได้ แต่เก็บมันไว้ในลิ้นชัก โลกเราไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยครับ มันจะตายไปเงียบๆพร้อมกับคนที่สร้างมัน

เกิดอะไรเมื่อมีการเปิดเเผยแล้ว
1. เกิดการนับเวลาถอยหลังของผู้ประดิษฐ์เจ้าแรก ในการกอบโกยผลประโยชน์
2. เกิดสิทธิให้เจ้าแรกไปฟ้องเรียกค่าเสียหายคนที่ก๊อปปี้โดยไม่ได้ความยินยอม (พวกก๊อปปี้ 100%)
3. เกิดการก๊อบปี้งานเดิม แล้วเพิ่มสิ่งใหม่เข้าไปอีก การเพิ่มเติมสิ่งใหม่นั้นต้องสูงกว่าเทคนิคเดิมๆ ถึงจะได้รับการยอมรับและสินค้าใหม่สามารไปจดสิทธิบัติได้  แต่ไม่ใช่เติมแต่งแบบกะโหลกกะลานะครับ ข้อนี้ละครับสำคัญ เกิดสินค้าตัวใหม่ๆ

เราควรทำตัวยังไง
  เอาที่สบายใจครับ ผมเพิ่งไปซื้อยาลดน้ำมูกมา เขาหยิบกล่องราคา 125 บาท มาให้ ผมขอแบบราคาถูก เขาก็เปลี่ยนไปหยิบกล่อง 30 บาท มาให้
ยาถือว่าเป็นสินค้าที่จดสิทธิบัตรได้อย่างนึง ถ้าวันนึงเราป่วย ในโลกนี้มีประเทศเดียวที่สามารถคิดค้นได้ แต่ขายเม็ดละ 1 ล้านบาท
คงมีคนหลายคนที่นอนรอความตายเพราะไม่มีเงินซื้อ  คนรวยเท่านั้นที่เข้าถึง และไม่มีใครกล้าก๊อปปี้เลยเพราะกลัวผิดกฎหมาย
ในขณะเดียวกันนักผลิตยารู้แล้วว่าส่วนผสมมีอะไรบ้างแต่ผลิตไม่ได้
คุณลองชั่งน้ำหนักดูครับว่าเราในฐานะมนุษย์ ควรมองเรื่องนี้ยังไง

เพราะฉะนั้นการก๊อปปี้ไม่ใช่ผู้ร้าย 100% ครับ มันมีกลไกของมันอยู่
และในโลกการค้า ผู้ที่คิดค้นได้คนแรกไม่สำคัญเท่าคนที่นำมันไปขายในตลาดได้คนแรก
ความคิดเห็นที่ 21
อ่านบางความเห็นแล้วน่าใจหาย ทำไมถึงกล้าแสดงความคิดเห็นว่าการลอกผลงานคนอื่นมาแบบผิดกฎหมายถึงเป็นเรื่องปกติ ถ้าเอามาต่อยอดก็ต้องให้เครดิตคนที่คิดทำก่อนด้วยสิครับ มันไม่น่าภูมิใจอะไรเลยที่ไปขโมยของเขามาขายแล้วอ้างว่าทำขึ้นเอง
ความคิดเห็นที่ 13
ถ้าคิดว่า เขาก๊อปก็จัดการไปตามกระบวนการ  เอกชน-เอกชน แต่ที่ สหรัฐทำ มันไม่ใช่เรื่องนี้ครับ มันคือการเล่นของรัฐ-เอกชน เพื่อกระทบชิ่งไปอีกรัฐ

ถ้ายังมอง แค่เรื่องก๊อป นู่นนี่นั่นแล้ว แบนไปทั่วโลก นี่ เด็กน้อยไปนะผมว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่