สวัสดีครับกลับมาอีกครั้งในรอบ 3 ปี กับการรีวิวและวันนี้เราจะมารีวิว สมาร์ทโฟน ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดรุ่นหนึ่งทั้งในสื่อไทยและสื่อต่างชาติ ได้คะแนนชื่นชมไปเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดหลายๆประเทศ ของแทบไม่พอขาย ต่อคิวซื้อกันยาวมากและนี่ คือสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดของ OnePlus เท่าที่เขาเคยทำมา กับ “ OnePlus 7 Pro “ ตัวใหม่ล่าสุดที่มีวางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย ผ่านทาง Lazada , JD Central , AIS รีวิวนี้อาจจะละเอียดหน่อยนะครับอ่านอย่าพึ่งเบื่อกันน่ะ ♥ น่าใช้มั้ย คุ้มไหม มาดูกัน

ปกติแล้วต้องมีภาพแกะกล่องแต่ผมว่ามันไม่ค่อยมีอะไรมันก็เป็นสิ่งเดิมๆที่รู้กันอยู่แล้ว
ในกล่องจะมี
- กล่องสีขาวๆ สลักโลโก้ OnePlus ด้านบน ตรงกลางมีเขียนว่า 7 Pro 1 กล่อง
- ตัวเครื่อง 1 เครื่อง ( มันก็ต้องมีอยู่แล้วไม่มีนี่แปลกๆแล้วน่ะ แฮร่ !! )
- เคสเป็นแบบ TPU ใส ไม่นุ่มนิ่มมากแต่ก็ไม่บางจนเกินไป 1 ชิ้น
- เข็มจิ้มซิม 1 อัน ( ถ้าหาไม่เจอซ่อนอยู่ในกล่องคู่มือ )
- คู่มือ 1 ชุด / จดหมายจาก Ceo OnePlus 1 ใบที่ดูใส่ใจดีนะครับ ^-^
- สติ้กเกอร์ OnePlus
- Warp Charge 30W Adapter 1 หัวเป็นแบบ US [ หัวแบน ] ตัวที่ขายในประเทศไทยนะครับ
 สายชาร์จเป็นแบบ Type C อีก 1 เส้น
( อ่ะรูปมีให้ด้านล่างละกันเผื่อใครอยากดู )

และนี่คือ “OnePlus 7 Pro” สีที่ผมได้มาในครั้งนี้คือสี Mirror Gray แต่เดี๋ยวเรามาดูสเปกของเจ้าตัว OnePlus 7 Pro กันก่อนดีกว่าจะมาเริ่มรีวิวนะครับ

สเปก OnePlus 7 Pro มาพร้อมกับ

• หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด Quad HD+ 3120 x 1440 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซลมากถึง 516ppi หน้าจอนี้ทางวันพลัสเรียกว่า Fluid AMOLED ( เดี้ยวเรามาเล่ารายละเอียดกันอีกที ) อ่อเกือบลืมอัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9
• CPU ใช้ Qualcomm Snapdragon 855 2.84 Ghz AIE
• GPU ใช้ Adreno 640
• Ram เริ่มต้นที่ 6 / 8 ไปจนถึง 12 GB แบบ LPDDR4X
• หน่วยความจำ เริ่มต้น 128 และสูงสุดที่ 256 GB เป็นแบบ UFS 3.0 ตัวใหม่ล่าสุดเร็วแรงที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ เป็น สมาร์ทโฟน ตัวแรกๆของโลกที่ใส่มา ปล. เพิ่ม SD Card ไม่ได้น่ะ

• กล้องหลังแบบ 3 ตัว [ Triple Camera ]
   - กล้องหลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX 586 เลนส์ 7 ชิ้น
   - กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมมอง กว้าง 117 องศา
   - กล้องเทเล ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล  มีระบบกันสั่น OIS
   - ไฟแฟลช Dual LED
• กล้องหน้าแบบ Pop-Up ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล 
• รองรับ 2 ซิมแบบ Nano - Sim
• รองรับ 4G LTE  , Wi-Fi รองรับ  2.4G/5G
• รองรับ VoLTE / VoWIFI
• รองรับ ระบบ KFC เฮ้ย NFC เฮ้ยยย ถูกแล้ว !
• แบตเตอรี่ 4000 mAh รองรับ Warp Charge 30W ชาร์จไฟเร็ว 0 - 48 % ภายในเวลาแค่ 20 นาทีเท่านั้น จาก 0 - 100 % ชั่วโมงหน่อยๆ ก็เต็มแล้ว ไฟจะเข้าแบบ 5V-6A [ 30 W ] นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จเร็วแบบ Power Delivery [ PD ] 15 W ด้วย
• วัสดุเป็นกระจก Gorilla Glass 5 ทั้งหน้าและหลัง
• รูชาร์จและเชื่อมต่อแบบ USB Type C 3.1 Gen 1
• GPS แบบ Dual GPS [L1+L5] แม่นยำกว่ารุ่นก่อน
• ลำโพงสเตอริโอคู่ มาพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos
• การสั่นแบบใหม่ที่นำ Haptic Vibration
• รองรับระบบสแกนใบหน้า / สแกนนิ้วใต้หน้าจอ แบบ Optical วันพลัสเคลมว่าเร็วที่สุด ณ เวลานี้ด้วยเวลา ปลดล็อค 0.21 วินาที ( เร็วจริงๆนั้นแหละ )
• ระบบ Oxygen OS 9.5  ( Android 9.0 Pie )

Re-Action กันอีกรอบและนี้คือ นี่คือ “OnePlus 7 Pro” สีที่ผมได้มาในครั้งนี้คือสี Mirror Gray

สวยมั้ยครับ !!! พรีวิวสัมผัสแรก จากใจผมเลยนะ สัมผัสแรก โคตรสวยทั้งวัสดุ หลายๆอย่างผมเทหมดหน้าตักเลยครับสวยมาก ต้องชมการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งจริงๆของ OnePlus รุ่นนี้ทำมา ตัวผมเองบอกตรงๆว่าไม่ค่อยชอบ สมาร์ทโฟนที่เป็นสีดำเท่าไหร่แต่รุ่นนี้ทำให้ผมต้องกลับมาทบทวนใหม่ เวลาพลิกไปมา มันสวยอ่ะ เหมือนเป็นเกลียวๆ ( ต้องลองไปจับตัวจริงดู ) ผมเองเป็นแฟนวันพลัสคนหนึ่งที่ต้องบอกตรงๆว่า รอบนี้ OnePlus 7 Pro ทำออกมาได้ดีในหลายๆด้าน เรียกได้ว่าสลัดคราบจากตัวก่อนๆออกมาหมดเลย มีการใส่เทคโนโลยี และคุณสมบัติเข้ามาในหลายๆด้าน ในรุ่นนี้ สิ่งที่เป็นข้อด้อยข้อติมาหลายปี ก็ได้ถูกปรับปรุงและแก้ไขแล้วในรุ่นนี้

ไร้สิ่งรบกวนบนจอแล้ว รอมานานแสนนานเป็นสิ่งหนึ่งที่อยากให้วันพลัสมีจอแบบนี้สักทีและมันก็มีมาจนได้ แต่ก็ต้องแลกกับ สิ่งที่เป็นกังวลของใครหลายๆ คนกังวลคือเรื่องจอโค้ง แบบ edge-to-edge ก็คือ โค้งทั้งขอบซ้ายและขวา อันนี้แล้วแต่คนนะครับ ตัวผมเองตัวเราเองได้แต่ขอให้อย่าโค้งแต่ในเมื่อมันโค้งมาแล้วก็ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง แต่พอเอามาจับๆ เล่นๆแล้วระยะหนึ่ง มันก็ชินแหะ และผมก็ยอมรับได้แล้วในเวลานี้ รู้สึกชินพอเล่นๆ 1-2 วันแรกตอนนี้ Happy ดีเลยในตอนนี้ สำหรับฟิล์มหน้าจอ OnePlus 7 Pro ทาง วันพลัสได้ทำการติดมาให้แล้วตั้งแต่จากโรงงานคุณไม่จำเป็นต้องไปซื้อเพิ่มใดใด การสัมผัสแรกๆอาจจะ หนืดๆบ้างแต่ สัก 2 วันเริ่มโอเคเล่นเกมส์ สบายขึ้น

เริ่มต้นการ Review Let’s start กับ OnePlus 7 Pro นี่ผมก็เขียนสดๆเลยเริ่มต้นจากอะไรก่อนดีหว่า

Display ก่อนเลยละกัน เห็นชูนักชูหนา เคลมว่าสวยมากเลยนะ

หน้าจอ Fluid AMOLED เป็นหน้าจอที่ทาง CEO OnePlus ได้ทุ่มเม็ดเงินในการพัฒนาเยอะมากเกือบ 100 ล้านหยวนเพื่อให้ได้หน้าจอที่ดีที่สุด ซึ่งมันก็ดีจริงๆ อันนี้ผมนั่งยันและนอนยันว่าจอสวยมากๆ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ตอนแรกได้จากทาง Display Mate ให้คะแนน ระดับ A+ ผมก็ยังกังวลนะไม่สวยนี่แหกโค้งนะฮ่ะ พอมาได้ใช้งานจอสวยจริงๆ นอกจากนี้ยังรองรับ มาตรฐาน HDR10 / HDR10+ ด้วย

อวยมาทั้งหมดทั้งมวลอย่าพึ่งเชื่อ ไปลองด้วยตัวเองที่ AIS ทั้ง 13 สาขา ทั่วกรุงเทพ

จะดูหนังฉากไหนก็ฟิน ตรงนี้ผมยอมรับเลย และที่หลายๆคนสงสัยว่ามัน รองรับระบบ HDR บน Netflix หรือไม่ ? 

รองรับนะครับผม ทดสอบให้แล้ว

เรื่องหน้าจอนี้ผมให้ระดับ 10/10 คะแนนไปเลย ไม่มีข้อติใดใดเลย ณ เวลานี้

มาถึงเรื่องการใช้งานแล้ว โอเคไหมอ่ะ ? แน่นอนวัน OnePlus 7 Pro นั้นมาพร้อมกับสเปกที่เรียกได้ว่า อันดับต้นๆ ในโลก ณ ขณะนี้เลยทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่า การใช้งานทั่วไปลื่นไหลมากๆ หรือแม้แต่การเล่นเกมส์แรงๆ ใช้สเปกโหดๆ ตัวนี้สามารถเอาอยู่ได้อย่างแน่นอน และเค้ามาพร้อมกับหน้าจอที่มี Refresh Rate ถึง 90 Hz เวลาเลื่อนแอป Smooth มาก ( อย่าพึ่งเชื่อ ไปลองเอง ) เข้าเรื่องแต่เราสามารถปรับได้ ระหว่าง 90 Hz / 60 Hz สามารถปรับความละเอียดได้ จะเป็นแบบ QHD+ หรือ Full HD+ ก็ได้ หรือจะตั้งค่าเป็นแบบ อัตโนมัติ ซึ่งมันก็จะปรับไปตามการใช้งาน ตามแอปที่รองรับหรือเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อยๆ ก็จะปรับไปที่หน้าจอที่กินพลังงานน้อยที่สุดนอกจากนี้ยังสามารถปรับจอได้ตามใจเราด้วย ว่าชอบแบบไหน ถ้าชอบสีสดก็โหมด Vivid แต่ผมชอบแบบ DCI-P3 เลยใช้แต่อันนี้มาตั้งแต่รุ่นก่อนๆ นอกจากนี้ ยังมี โหมด Night Mode 2.0 ที่จะมาช่วยถนอมสายตาเวลาใช้งานในที่แสงน้อยหรือตอนกลางคืน และโหมดอ่าน Reading Mode ที่จะปรับหน้าจอให้กลายเป็น โทน ขาวดำ เอาไว้อ่านพวกไฟล์ Text ช่วยให้สบายตาขึ้น

ระบบของ OnePlus 7 Pro นี่จะเรียกว่า Oxygen OS มีความลื่นไหลมาก จริงๆมันก็ลื่นไหลมาทุกรุ่นแล้วหละครับ เลยไม่ต้องเพิ่มเติมอะไรมากในส่วนนี้ ตัว ระบบจะมีความเรียบง่าย ใช้งานง่าย แอปขยะที่ไม่จำเป็นไม่มีเลยก็ว่าได้ มีความเป็นคล้าย Stock Android ของ Google ใครชอบสาย Google Experience รับประกันไม่ผิดหวัง แต่บางคนอาจจะไม่ชอบ อันนี้ก็ต้องพิจารณาดู 

  ท่องแอปโซเชียล ได้แบบชิวๆ ไม่มีปัญหา แจ้งเตือนไว Oxygen OS 9.5 ตัวใหม่นี่ก็มีเพิ่มหลายอย่าง ยกเครื่องมาให้ดีขึ้นกว่าเดิม ลื่นขึ้นกว่าเดิม ใช้งานง่าย อยากให้ลองสัมผัสกันดู ด้านความปลอดภัย สามารถปลดล็อกด้วยใบหน้าได้ 

สแกนนิ้วใต้จอได้ สามารถใช้งานกับแอปธนาคารที่รองรับการสแกนนิ้วได้

นางไม่มีไฟแจ้งเตือนก็ดูจาก หน้าจอได้ด้วย Ambient display เวลามีข้อความมาปิดจออยู่จะมี Horizon Light เด้งขึ้นมา

แล้วแบตเตอรี่อยู่ได้นานไหม 

ขอตอบว่า ไม่ได้อึดมาก 4000 mAh ถ้าไม่ได้เป็นคอเกมส์จัดๆ อยู่ได้ทั้งวัน คือแบบเล่นปกติ ท่องเว็ย คุยไลน์ ดู Youtube ประปราย เล่นเกมส์บ้างแบบเป็น ข้ามเวลาไม่นาน อันนี้รอด แต่ถ้าเล่นเกมส์ ปรับสุด กราฟฟิกจัดไปแรงๆ ดูหนังคอซีรี่ย์ อันนี้ไม่น่าจะรอด 1 วัน แนะนำให้พก Warp Charge ไปด้วย 20 นาทีก็ใช้งานต่อได้แล้วสบายๆ 

มาถึงการเล่นเกมส์กันบ้าง 

คำเดียว ลื่นทุกเกมส์ !!! มี Gaming Mode 2.0 และคู่ด้วย Finatic Mode ถามว่าทำอะไรได้ช่วยปิดการแจ้งเตือน เพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมส์ให้ดีมากยิ่งขึ้น ROV ยังไม่ได้ลองลืมรหัสผ่าน แต่ที่เหลือดีทุกเกมส์เปิดสุดหมดครับหากเปิดโหมด Finatic Mode ด้วยจะเร่งประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก แต่แลกมาด้วย ซิม 2 ถูกระงับ