แชร์ประสบการณ์นอนจมกองน้ำตาเพราะน้ำหมึกปากกาในวันนั้น (อย่าค้ำประกันให้ใคร ถ้าไม่อยากเป็นศัตรูกับเขา)

เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ คำนี้ฟังกี่ทีก็สะอื้น  ใครไม่โดนกับตัวไม่มีวันรู้หรอก

สวัสดีค่ะ วันนี้ จขกทจะมาถ่ายทอดประสบการณ์การตกนรกทั้งเป็นเพราะความเกรงใจ ไว้ใจ และเห็นใจผู้อื่นเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนใจดีได้ทราบกันค่ะ
(ยาวหน่อยนะคะ)

 เริ่มจากเมษายน 2016 จขกท พูดกับที่บ้านว่าจะออกรถอีโค่คาร์ซักคันเอาไว้วิ่งกลับบ้านต่างจังหวัดที่มีระยะทางประมาณ160 กิโลเมตร เพราะรู้สึกเหนื่อยกับการนั่งรถตู้ อยู่ๆ พี่สาวคนหนึ่ง (ลูกของพี่สาวพ่อ)ก็มาทักมาสอบถมว่าจะเอารถยี้ห้ออะไร ออกรถวันที่เท่าไร ราคากี่แสนเราก็ตอบคำถามไปเหมือนญาติพี่น้องที่ซักถามกันปกติ โดยจขกท ตั้งใจว่าจะรับรถวันที่11 เมษายน เพราะวันหยุดจะได้กลับบ้านต่างจังหวัดไปอวดพ่อกับแม่พอดี  นางรีบโทรกลับมาหาเราทันทีแล้วบอกว่า ไม่ได้นะ มันไม่ใช่ฤกษ์งามยามดีอย่าซื้อ ถ้าไม่อยากซวยแล้วจะซื้อสีอะไร บลาๆๆ  ซึ่งจขกท ไม่ได้สนใจสิ่งพวกนี้อยู่แล้ว ญาติคนนี้จะเชื่อสิ่งลี้ลับ และออกไปในทางงมงายหนักมาก  เราเน้นความสะดวกโดยเงินเดือนที่เราได้รับในแต่ละเดือนก็สามารถที่จะซื้อรถอีโค่คาร์ได้โดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ทุกอย่างง่ายและรวดเร็วโดยการจัดการของเซลล์ที่เป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย 

หลังจากที่ จขกท ซื้อรถได้ประมาณ 2เดือน ญาติคนนี้ก็โทรมาหาเราบอกว่า จะขอยืมรถไปต่างจังหวัดซัก 1คืน ใกล้ๆไปคุยงาน ซึ่งเราก็ให้ไปด้วยความไม่เต็มใจเท่าไร แต่ก็เป็นญาติที่นับถือเลยพยายามไม่คิดอะไร แต่แล้วมันไม่ใช่แค่คืนเดียว นางเอารถไป 2 คืนค่ะ ไมล์รถขึ้น 1000 กว่า พร้อมกับรอยถลอกบริเวณกันชนหน้า ลองนึกภาพตามนะคะ รถใหม่ที่เราถนอมสุดๆมีมีรอยด้วยฝีมือคนอื่น มันเจ็บปวดขนาดไหน ถ้าไม่โทรตามก็คงไม่ขับมาส่ง ที่แย่กว่านั้นก็คือ น้ำมันครึ่งถังที่มันมีก่อนไป ลดลงมาเหลือขีดเดียวหลังจากนั้นก็มียืมอีกครั้งสองครั้งพี่ทำธุระในบริเวณใกล้ๆ และพยายามจะเอาโล่ เวียงวังคลังนา ต่างๆมาติดหน้ารถ ซึ่งจขกท ไม่อนุญาตให้ติด เพราะเราไม่ได้ทำงานหรือมีความเกี่ยวข้องกับตราสัญลักษณ์ต่างๆนั้น ไม่ได้คิดว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เรารอดพ้นการอะไรก็แล้วแต่บนท้องถนน  ในเมื่อเรามีใบอนุญาตขับรถ รถสภาพเดิมๆ และขับขี่แบบคนทั่วไป แล้วจะต้องเอาอะไรมาปกป้องเรา 

ผ่านไป 5 เดือนนางซื้อรถของตัวเอง จขกทก็รู้สึกยินดีด้วย ก่อนหน้านี้นางมีรถกระบะ 1 คนสำหรับใช้ในกิจการร้านอาหารของนางค่ะ แต่มีเหตุให้เลิกกับแฟนจึงแบ่งรายได้ที่ทำร่วมกันมาคือ นางเอาร้านอาหารทะเลไว้ และแฟนเอารถไปช่วงนั้นก็เลยมีปัญหาเรื่องไม่มีรถใช้งาน 

วันหนึ่งนางโทรมาบอกว่า วันที่ต้องทำสัญญาเพื่อนที่คุยกันว่าจะมาเซ็นต์เอกสารค้ำประกันให้ติดธุระ เลยอยากขอให้ จขกท เป็นผู้ค้ำแทน ซึ่งดูจากการใช้จ่าย มีร้านอาหารแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องเงินทองอะไร แถมยังบอกอีกว่า แปปเดียวก็ผ่อนหมด พี่ชอบโปะ รถคันเก่าขับมา2ปี ก็โปะหมดแล้ว ส่วนเงินดาวน์แฟน(ใหม่)พี่ช่วยออกเงินดาวน์ให้ 1แสนบาท  พี่เครดิตดี ใครๆก็รู้  ( ค่ะอาจเป็นดิฉันคนเดียวก็ได้ที่ไม่รู้อะไรเลย )
มหากาพย์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วค่ะทุกท่าน ช่วงแรกของของจ่ายค่างวดรถ ( กระบะ 4 ประตู  มูลค่า 8แสนกว่าบาท ) มีโทรศัพท์โทรมาทวงหนี้ ค่างวดเดือนที่ 1และ2 ยังไม่ได้จ่าย จขกท แอบประหลาดใจเล็กน้อย คิดบวกว่าต้องเกิดข้อผิดพลาดอะไรซักอย่าง คงงานยุ่งไม่มีเวลารับโทรศัพท์ คนทวงหนี้ถึงโทรมาหาเรา นางให้เหตุผลว่า “ ตอนจองรถตกลงกับเซลล์กันไว้แล้วว่าเริ่มจ่ายเดือนตุลาคม ”   ซื้อรถสิงหาคมจ่ายเดือนแรกตุลาคม

แบบนี้ก็มีหรอ พร้อมทั้งบอกว่า จะรีบจ่ายทันทีเพื่อไม่ให้ไฟแนนซ์โทรมารบกวนเราอีก  แต่แล้ว ทุก1เดือน ไฟแนนซ์โทรมาหา จขกท ค่ะ เราต้องทนเสียสุขภาพจิตกับเรื่องรถคนอื่นอยู่เป็นปีๆ ซึ่งเราไม่เคยมีประวัติเสียหายกับเรื่องแบบนี้เลย จ่ายตรงทุกเดือน แต่ต้องมารับโทรศัพท์ที่ต้นทางมีน้ำสียงแข็งกระด้าง ตามสไตล์คนทวงหนี้ ยิ่งนานเข้ายิ่งรู้สึกไม่ไหว้ เพราะผู้ซื้อรถ พยายามหลีกเลี่ยงโทรศัพท์ของไฟแนนซ์  ช่วงหนึ่งหน้าเฟซบุ๊กของนางมีรถอีโค่คาร์คันหนึ่งปรากฏอยู่บ่อยๆ แต่รถกระบะ 4 ประตูคันนั้นหายไป เป็นช่วงเวลาที่ไฟแนนซ์ จะขอเข้ามารับรถคืน เพราะเข้าเดือนที่ 4 แล้ว หลอก จขกท
ว่าจ่ายแต่พอเช็คกับผู้ติดตามหนี้บอกไม่มียอดเข้ามา ปรี๊ดแตกเลยค่ะ นางกลายเป็นคนโกหกที่เก่งสุดยอดเลย โทรไปก็ไม่ค่อยจะรับสาย บางทีไม่รับสายเกือบ 12 ชั่วโมงที่พยายามโทร  ตัดสินใจโพสหน้าเฟซบุ๊กเลยค่ะบอกว่า ติดต่อกลับด่วนเรื่องค่างวดรถที่ค้างไว้ 4 งวด (วิธีนี้ไม่ควรทำนะคะ) แต่ตอนนั้นรู้สึกโกรธมาก เชื่อไหมคะ โพสปั๊บ ไม่เกิน 1 นาที โทรกลับอย่างไว ใช่แล้วค่ะเป็นแบบนี้อยู่ประมาณ 20กว่า งวด  ซึ่งไฟแนนซ์ก็ดีและเห็นใจเรามากเพราะเราช่วยตาม ช่วยสืบว่าตอนนี้รถที่หายไปไปอยู่ไหน ก็สืบจนพบค่ะ  รถไปเข้าเต๊นท์เพื่อจำนำไว้ เราโทรประสานไฟแนนซ์ เพื่อแจ้งพิกัดแล้วให้ผู้ติดตามไปสืบดูว่ารถอยู่จริงหรือเปล่า รถจอดอยู่ที่นั่นจริงๆ พอถามก็สารภาพ บอกจ่าจะรีบหาเงินมาจ่าย 4เดือนที่ค้างไว้ เพราะจะเปล่อยให้ยึดก็ไม่ได้ เพราะเอาเงินก้อนเต็นท์รถมาเกือบ 2แสน ซึ่งเต็นท์นี้ก็เหมือนยอมให้เงินและเอารถมาเป็นหลักประกันไว้เฉยๆตามประสาคนรู้จักกัน เป็น 1ปีครึ่งที่ทรมานมาก จากพี่สาวที่เคยเคารพนับถือตอนนี้เราเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ คำพูดที่เคยอ่อนน้อม ไม่มีอีกแล้ว  จขกท นอนไม่หลับ เครียด ปรึกษาทนาย แต่มันทำอะไรไม่ได้ เพราะเราเซ็นต์ยินยอมไปเอง จากจุดนี้ เราพยายามต่อสู้เพื่อที่จะให้นางไปหาคนค้ำประกันใหม่มา เราไม่อยากอยู่ในวงจรอุบาทว์นี้แล้ว คิดไปไกล แล้วทรัพย์สินที่เรามีจะทำยังไง บางคนบอกให้เอารถคันนี้มา แล้วมาผ่อนต่อ มันจะไปได้อะไร รถเราก็มีภาระที่ต้องผ่อน ขายให้ใคร ใครเขาจะเอา รถอายุเกือบ 2 ปี ราคารวมดอกเบี้ยยังแพงกว่ารถ มือหนึ่ง สัญญาก็ยังเปลี่ยนไม่ได้ เพราะผ่อนไปยังไม่ถึงครึ่ง

ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ เราคันนี้ออกมาด้วยเงิน 5หมื่นบาท ให้ตายเถอะ มีเงิน 5หมื่นบาท ก็ปล่อยขายกันออกมาแล้วหรือนี่ ชื่อคนค้ำก็เปลี่ยนไม่ได้ ทนายที่รู้จักก็แนะนำว่าพยายามให้นางจ่ายเงินไปก่อน อย่าให้ไฟแนนซ์ยึดรถไป แต่เพื่อนบางคนก็บอกว่า เมื่อไฟแนนซ์ยึดรถไปก็จะเป็นเรื่องของสัญญาฉบับใหม่ที่ใช้หนี้ค่าตีราคารถกันไป เราจะจบแค่ตรงนี้ แต่บางคนก็บอกว่า เราจะติด Blacklist   ตอนนั้นสับสนมากค่ะ ความแตกไปที่บ้าน มีจดหมายทวงหนี้ส่งมาทั้งที่พักแล้วก็ที่บ้านต่างจังหวัด แม่รู้แม่เสียใจมากและได้คำคมมาว่า “ให้เค้ามองเราเป็นคนใจร้ายแล้วบึ้งตึงใส่กันตอนแรก เดี๋ยวเวลามันจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่ถ้าไปเกรงใจยอมช่วยเหลือเขา สุดท้ายจะแตกหักและไม่เหลือสถานะอะไรเลย” ซึ่งมันก็จริงค่ะ ญาติพี่น้อง มองจขกท ว่าเป็นคนใจดำ พยายามแต่จะเอาตัวรอด ข่มขู่กดดันให้นางต้องวิ่งวุ่นหาเงิน  โดยมีใครจะรู้บ้างไหมว่าเราจะต้องเสียโอกาสอะไรไปบ้างเราเสียความรู้สึกและทรมานใจขนาดไหน แต่ยังไม่จบค่ะ ไม่ว่ายังไง จขกทก็จะไม่ยอมเสียผลประโยชน์กับเรื่องนี้แน่ๆ 

จขกท ปรึกษากับคนที่โทรมาทวงหนี้ ซึ่งตอนนี้สนิทกันมากค่ะ ปรึกษาได้เพราะ จขกทจะช่วยตามให้อย่างสุดความสามารถผิดที่จขกทที่ศึกษาสัญญาให้ดี เข้าใจไปเองว่า ผู้ค้ำมีหน้าที่แค่ช่วยติดตามรถให้ซึ่งวันที่ทำสัญญาก็ได้ถามเซลล์ไปแล้วก็บอกว่าเช่นนั้นแต่ทำไมสุดท้ายกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในการใช้หนี้ไปได้  คนทวงหนี้ให้คำแนะนำว่า ให้หาคนมาซื้อรถต่อแต่เนื่องจากมีการผ่อนไม่ถึงงวดที่กำหนด ยังไม่สามารถเปลี่ยนสัญญาได้ ก็ให้คนใหม่ที่จะมาผ่อนต่อไปทำสัญญาอะไรซักอย่างที่บริษัทพอครบกำหนดค่อยเปลี่ยนสัญญา  ขั้นตอนนี้จขกท ก็ไม่ค่อยได้สนใจอะไรแล้วค่ะ เพราะคนที่โทรมาทวงนี่ก็ยืนยันว่าวิธีนี้ใช้ได้  ซึ่งนางไปขอความช่วยเหลือจากใครที่ไหนมาก็ไม่รู้ และเขาก็ยินดีจะช่วยซื้อรถคันดังกล่าวต่อ โดยมีข้อแม้ว่า ต้องหาเงินมาโปะยอด 4เดือนที่ค้างไว้ ส่วนเรื่องเงินที่ไปเอารถออกจากเต็นท์จำนำเขาจะช่วยเอง ไม่นานรถก็ถูกเปลี่ยนมือ ซึ่งช่วงนั้นก็ไม่ได้ทำให้ปัญหาต่างๆที่สุมอยู่ในอกมันเบาบางได้ หลายคนมาพูดว่าอยู่กับญาติยังตามทวงถามได้ แต่นี่ไปอยู่ในมือใครก็ไม่รู้ ถ้าเค่าเอารถหายไปก็ซวยเหมือนเดิมแต่เหมือนชายใจบุญคนนั้นจะเป็นเทวดามาโปรดนางจริงๆค่ะ หลังจากนั้นก็ไม่มีคนโทรมาทวงค่างวดรถอีกเลยช่วงนี้ก็แค่ภาวนาให้ผ่อนครบงวดที่สามารถเปลี่ยนสัญญาได้เราก็จะเป็นอิสระจากการเอากระดูกมาแขวนคอนี่ซักที

เรื่องไม่จบ

วันหนึ่งมีคนใจดีส่งรูปที่แคปเจอร์จากหน้าเฟซบุ๊กมาให้ มีการประกาศรถหายซึ่งรถคันนั้นก็คือกระบะคันที่ไฟแนนซ์ส่งจดหมายมาที่บ้านและโทรมาทวงค่างวดกับเราทุกเดือนนั่นเอง รูปที่ถ่ายประกาศให้ช่วยแชร์รถหายเป็นรถที่มีปัญหากับเราอย่างแน่นอนไม่มีผิดคิดมาตลอดว่าเรื่องมันน่าจะจบไปได้แล้ว จนท.ตำรวจตรวจภาพวงจรปิดเห็นรถคันดังกล่าวถูกงัดแงะตอนตี5 และขับมุ่งหน้าออกไปทางภาคอีสานซึ่งก็ยังตามรถไม่ได้  คดีพลิก... 

ประกันชั้นหนึ่งรับผิดชอบค่าเสียหายไป สัญญาเป็นโมฆะเราเลยหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานมานใจมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ไม่ได้แนะนำให้เอารถไปทำหายนะคะ บ้านเมืองมีขื่อมีแป ตรวจสอบได้จากหนักจะกลายเป็นโคตรหนักเอาซะได้

ณ ตอนนี้สถานะความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้วค่ะ ตลอดระยะเวลา 2ปีที่ผ่านมา มันเจ็บปวดมาก ไม่มีวันไหนที่หลับสนิทเลยค่ะ อธิษฐานด้วยน้ำตาก่อนนอนทุกคืนขอให้มีทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรา เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่ดีมากสำหรับ จขกทค่ะยังดีที่ไม่ได้เกิดความเสียหายทางด้านทรัพย์สิน แค่จำนวนญาติพี่น้องลดลงไปสองสามคน ความทรมานที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จขกท อภัยให้นางค่ะ หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นเราไม่มีโอกาสได้เจอญาติคนนี้อีกเลย
แต่คงออกห่างคนพวกนี้จะดีกว่า สำหรับใครที่กำลังเจอปัญหานี้อยู่ขอให้สู้ต่อไปนะคะ ทุกปัญหามีทางออก เลือกทางออกที่ดีที่สุดให้ตัวเอง และจำเอาไว้เป็นบทเรียนว่า การเป็นคนใจดีและเห็นใจผู้อื่นเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง แต่ต้องเลือกวิธีที่จะไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน สู้ๆค่ะ 

พระเจ้าสอนว่า

“ช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดคือช่วงใกล้แจ้ง ถ้าชีวิตของคุณกำลังตกอยู่ในความมืดมิด จงอดทนรออีกนิดนะ มันกำลังใกล้จะเจอความสว่างแล้วล่ะ” 

ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่