น้องที่รู้จัก ตอนแรกเขาทักมาเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ ลดความอ้วน เราสนใจเลยลองฟังเขาดู
พอฟังเสร็จ ขายผลิตภัณฑ์คอร์สหนึ่งเป็นหมื่นๆ แต่เราไม่ได้ตัดสินใจซื้อ
หลังจากนั้นน้องก็คุยมาบ้าง โทรมาบ้าง ชวนเราไปงาน เป็นงานแนวสุขภาพ
เราถามว่าเข้าฟรีเหรอ น้องบอกเข้าฟรี เราเลยลองไปดู โอเค ได้ความรู้
ครั้งแรกรูปแบบงานออกแนวฟิตเนส มีเก้าอี้ตั้งเรียงกันเป็นแถวๆ
หลังจากนั้นน้องก็หมั่นคุย หมั่นโทรมา บอกว่าเรามีโอกาสทำธุรกิจนะ แถมจะได้เข้าคอร์สฟรีด้วย
เราก็สนใจสิ คอร์สที่ว่าต้องใช้เงินเป็นหมื่นเลย อีกอย่างเราว่างอยู่ด้วย อยากทำมาก
น้องเขาก็บอกว่าจะติดต่อพี่ให้ (อัพไลน์) ใช้ช่องทางการติดต่อเป็นวิดีโอคอล เราก็ลองฟังดูไม่เสียหาย
เขาพูดอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงแต่ปรากฏว่าต้องฟังอีก 4 ครั้ง พอฟังเสร็จจะมีลิงก์ส่งมา เป็นการพูดสร้างแรงบันดาลใจ
ตอนนั้นเราเริ่มลังเลแต่ยังเชื่อการพูดสร้างแรงบันดาลใจอยู่ -*-
ระหว่างนี้ น้องเขาก็จะคุยกับเราตลอด จนล่าสุดเราไปงานมา อยู่ๆ มีค่าเข้างาน ซึ่งน้องไม่ได้บอกเรา
ทั้งที่ตัวเองรู้อยู่แล้วแต่ตอนนั้นไม่จ่ายก็ไม่ได้เพราะอยู่ในห้อง+ต่อแถวแล้ว มารู้หน้าโต๊ะลงทะเบียน
รูปแบบงานต่างจากครั้งแรกตรงที่มีโต๊ะเพิ่มเข้ามา น้องเขาให้เรานั่งเก้าอี้ที่ไม่มีโต๊ะ แต่แยกตัวไป
เราเลยถามว่าทำไมไม่นั่งด้วยกัน น้องเขาบอกว่าระดับนี้จะมีโต๊ะ ความรู้สึกเราตอนนั้นแย่มาก เข้าใจใช่ไหมคะว่าครั้งก่อนยังนั่งด้วยกันอยู่เลย
พองานเริ่มก็เหมือนครั้งแรก คนพากันตบมือ ส่งเสียงตื่นเต้น กรี๊ด แต่รอบนี้กรี๊ดแรงมากจนเราแสบแก้วหู ใจคอไม่ดี
อยากออกจากงานมากแต่ด้วยความที่เสียเงินไปแล้ว เลยทนนั่งให้จบไป ในงานน้องเขาไม่ค่อยพูดอะไรต่างกับตอนชวนที่พูดเยอะมาก
แล้วเรารู้สึกว่าพอเราไป ทุกคนในนั้นได้ผลประโยชน์ อีกอย่างใช้เวลานานมาก จากครั้งแรกสามทุ่ม ครั้งที่สองเป็นห้าทุ่ม
ความแตกต่าง
- ครั้งแรก
- เขาจะทำเป็นพวกเดียวกัน
- ทุกอย่างฟรี
- เขาจะพูดถึงการเข้ามาของคน จะมีคนทักโซเชี่ยล แอดโซเชี่ยล
ครั้งที่สอง
- เริ่มแยกระดับด้วยการจัดโต๊ะ
- เสียค่าเข้างาน (และดูท่าจะต้องเสียอีกในอนาคต)
- คราวนี้ขายเลยค่ะ ขายตรงๆ แถมพูดให้เราใช้โซเชี่ยลทักคน
- เขาจะมีของทุกอย่าง มีนิตยสาร มีสินค้าที่เหมือนเป็นลัทธิ
- พูดถึงงานเอ็กซ์โปของแบรนด์ งานต่างๆ ที่เราไปแล้วจะได้อัพเวลตัวเอง
ตอนแรกเราอยากทำมาก แต่ 1-2 เดือนที่ผ่าน เรารู้สึกว่ามันเสียเวลาและไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง มีแต่ให้ฟังและต้องฟังมากขึ้นไปอีก
ยิ่งช่วงหลังๆ ชีวิตเราจะมีแต่คำว่า อว เราเลื่อนนัดปฏิเสธมาหลายครั้งแต่โดนตื้อไม่เลิก
จนวันก่อนที่เราไม่โอเคมากๆ คือเราส่งของอยู่ ไปรฯ คนเยอะมาก เราก็บอกไปตามตรงว่าไม่รู้จะไปงานทันไหม (ที่จะไปรอบสอง)
น้องพยายามตามยิกๆ สักพักมีเบอร์โทรเข้า ปรากฏว่าอัพไลน์น้องโทรมาตามอีก แต่อย่างที่บอกตอนนั้นเราคิดว่าจะดีเหมือนครั้งแรก
ซึ่งพอไปแล้วไม่โอเค เราเลยไม่เข้าออนไลน์มีตติ้ง ขนาดเราเลี่ยงสุดๆ น้องจิกมาก ทั้งไลน์ ทั้งโทรตามและพยายามนัดเราวันนี้อีก
อาทิตย์นี้เราโดนนัดแทบทุกวัน พอปฏิเสธก็โดนถามวันต่อไปว่างไหม บางทีนัดห้าทุ่มก็มี
เขายุ่งเวลาส่วนตัวมากไป อย่างส่งของ ขายของเป็นปากท้องเรา บางทีตามจนอยากพูดไปเลยว่าเราต้องทำมาหากิน
พอเข้าใจเราใช่ไหมคะ เหมือนมีคนมายืมเงินเราไปแท้ๆ แต่พอจะทวง เรากลับลำบากใจ
กับน้องเขา เคยไปกินข้าวด้วยกัน แท็กรูปในโซเชี่ยลเยอะอยู่ ตอนนี้เราใช้วิธีเงียบ ไม่เปิดไลน์
แต่ใจจริงอยากลบแล้วบล็อกทุกอย่างไปเลย ถ้าเราทำแบบนี้น่าเกลียดไหมคะ
ถ้าเลิกคบไปเลย น่าเกลียดไหมคะ
พอฟังเสร็จ ขายผลิตภัณฑ์คอร์สหนึ่งเป็นหมื่นๆ แต่เราไม่ได้ตัดสินใจซื้อ
หลังจากนั้นน้องก็คุยมาบ้าง โทรมาบ้าง ชวนเราไปงาน เป็นงานแนวสุขภาพ
เราถามว่าเข้าฟรีเหรอ น้องบอกเข้าฟรี เราเลยลองไปดู โอเค ได้ความรู้
ครั้งแรกรูปแบบงานออกแนวฟิตเนส มีเก้าอี้ตั้งเรียงกันเป็นแถวๆ
หลังจากนั้นน้องก็หมั่นคุย หมั่นโทรมา บอกว่าเรามีโอกาสทำธุรกิจนะ แถมจะได้เข้าคอร์สฟรีด้วย
เราก็สนใจสิ คอร์สที่ว่าต้องใช้เงินเป็นหมื่นเลย อีกอย่างเราว่างอยู่ด้วย อยากทำมาก
น้องเขาก็บอกว่าจะติดต่อพี่ให้ (อัพไลน์) ใช้ช่องทางการติดต่อเป็นวิดีโอคอล เราก็ลองฟังดูไม่เสียหาย
เขาพูดอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงแต่ปรากฏว่าต้องฟังอีก 4 ครั้ง พอฟังเสร็จจะมีลิงก์ส่งมา เป็นการพูดสร้างแรงบันดาลใจ
ตอนนั้นเราเริ่มลังเลแต่ยังเชื่อการพูดสร้างแรงบันดาลใจอยู่ -*-
ระหว่างนี้ น้องเขาก็จะคุยกับเราตลอด จนล่าสุดเราไปงานมา อยู่ๆ มีค่าเข้างาน ซึ่งน้องไม่ได้บอกเรา
ทั้งที่ตัวเองรู้อยู่แล้วแต่ตอนนั้นไม่จ่ายก็ไม่ได้เพราะอยู่ในห้อง+ต่อแถวแล้ว มารู้หน้าโต๊ะลงทะเบียน
รูปแบบงานต่างจากครั้งแรกตรงที่มีโต๊ะเพิ่มเข้ามา น้องเขาให้เรานั่งเก้าอี้ที่ไม่มีโต๊ะ แต่แยกตัวไป
เราเลยถามว่าทำไมไม่นั่งด้วยกัน น้องเขาบอกว่าระดับนี้จะมีโต๊ะ ความรู้สึกเราตอนนั้นแย่มาก เข้าใจใช่ไหมคะว่าครั้งก่อนยังนั่งด้วยกันอยู่เลย
พองานเริ่มก็เหมือนครั้งแรก คนพากันตบมือ ส่งเสียงตื่นเต้น กรี๊ด แต่รอบนี้กรี๊ดแรงมากจนเราแสบแก้วหู ใจคอไม่ดี
อยากออกจากงานมากแต่ด้วยความที่เสียเงินไปแล้ว เลยทนนั่งให้จบไป ในงานน้องเขาไม่ค่อยพูดอะไรต่างกับตอนชวนที่พูดเยอะมาก
แล้วเรารู้สึกว่าพอเราไป ทุกคนในนั้นได้ผลประโยชน์ อีกอย่างใช้เวลานานมาก จากครั้งแรกสามทุ่ม ครั้งที่สองเป็นห้าทุ่ม
ความแตกต่าง
- ครั้งแรก
- เขาจะทำเป็นพวกเดียวกัน
- ทุกอย่างฟรี
- เขาจะพูดถึงการเข้ามาของคน จะมีคนทักโซเชี่ยล แอดโซเชี่ยล
ครั้งที่สอง
- เริ่มแยกระดับด้วยการจัดโต๊ะ
- เสียค่าเข้างาน (และดูท่าจะต้องเสียอีกในอนาคต)
- คราวนี้ขายเลยค่ะ ขายตรงๆ แถมพูดให้เราใช้โซเชี่ยลทักคน
- เขาจะมีของทุกอย่าง มีนิตยสาร มีสินค้าที่เหมือนเป็นลัทธิ
- พูดถึงงานเอ็กซ์โปของแบรนด์ งานต่างๆ ที่เราไปแล้วจะได้อัพเวลตัวเอง
ตอนแรกเราอยากทำมาก แต่ 1-2 เดือนที่ผ่าน เรารู้สึกว่ามันเสียเวลาและไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง มีแต่ให้ฟังและต้องฟังมากขึ้นไปอีก
ยิ่งช่วงหลังๆ ชีวิตเราจะมีแต่คำว่า อว เราเลื่อนนัดปฏิเสธมาหลายครั้งแต่โดนตื้อไม่เลิก
จนวันก่อนที่เราไม่โอเคมากๆ คือเราส่งของอยู่ ไปรฯ คนเยอะมาก เราก็บอกไปตามตรงว่าไม่รู้จะไปงานทันไหม (ที่จะไปรอบสอง)
น้องพยายามตามยิกๆ สักพักมีเบอร์โทรเข้า ปรากฏว่าอัพไลน์น้องโทรมาตามอีก แต่อย่างที่บอกตอนนั้นเราคิดว่าจะดีเหมือนครั้งแรก
ซึ่งพอไปแล้วไม่โอเค เราเลยไม่เข้าออนไลน์มีตติ้ง ขนาดเราเลี่ยงสุดๆ น้องจิกมาก ทั้งไลน์ ทั้งโทรตามและพยายามนัดเราวันนี้อีก
อาทิตย์นี้เราโดนนัดแทบทุกวัน พอปฏิเสธก็โดนถามวันต่อไปว่างไหม บางทีนัดห้าทุ่มก็มี
เขายุ่งเวลาส่วนตัวมากไป อย่างส่งของ ขายของเป็นปากท้องเรา บางทีตามจนอยากพูดไปเลยว่าเราต้องทำมาหากิน
พอเข้าใจเราใช่ไหมคะ เหมือนมีคนมายืมเงินเราไปแท้ๆ แต่พอจะทวง เรากลับลำบากใจ
กับน้องเขา เคยไปกินข้าวด้วยกัน แท็กรูปในโซเชี่ยลเยอะอยู่ ตอนนี้เราใช้วิธีเงียบ ไม่เปิดไลน์
แต่ใจจริงอยากลบแล้วบล็อกทุกอย่างไปเลย ถ้าเราทำแบบนี้น่าเกลียดไหมคะ