สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกคน ก่อนอื่นเราขอเล่าที่มาที่ไปก่อนนะคะ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพมากขึ้นค่ะ เนื้อหากระทู้อาจจะยาวนิดนึงนะคะ
เราทำงานในโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งค่ะ โดยแผนกที่เราสังกัดอยู่จะมีเพื่อนร่วมงานทั้งหมด 4 คน มีการทำงานเป็นกะตั้งแต่กะเช้า-บ่าย-ดึก โดยจะจัดตารางเวรเป็นเดือนๆ ไป เพราะฉะนั้นทุกคนก็จะรู้ล่วงหน้าว่าวันไหนตัวเองต้องขึ้นทำงานกะไหน เราอยู่ในตำแหน่งของหัวหน้าแผนกนั้นค่ะ
หน้างานของเราจะเน้นการทำงานเป็นทีม สามารถทำงานแทนกันได้ในทุกหน้าที่ นั่นก็คือถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งหยุดไป เพื่อนที่เหลือก็จะโหลดงานเพิ่มขึ้น เพราะปริมาณงานจะเท่าเดิมและเหมือนเดิมในทุกๆ วันค่ะ
คราวนี้ในแผนกที่เราสังกัดอยู่จะมีเพื่อนคนหนึ่ง ที่เค้าป่วยเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ เราทราบเพราะว่าปัจจุบันเค้าก็ยังกินยาเพื่อรักษาตัวเองอยู่ สาเหตุเริ่มต้นคือเกิดจากพ่อแม่ของเค้าแยกทางกัน และต่างคนต่างก็ไปมีครอบครัวใหม่ทั้งคู่ค่ะ เค้าเคยมีประวัติกินยาฆ่าตัวตายด้วยค่ะ ถ้ามองเผินๆ เค้าก็จะดูเหมือนคนปกติทั่วไปค่ะ แต่ถ้าได้มาทำงานร่วมกันเราจะรู้ว่าเค้าไม่ปกติค่ะ ทั้งในด้านความคิด การตัดสินใจ หรือตรรกะในการใช้ชีวิตอะไรบางอย่าง ทั้งเราและเพื่อนร่วมงานทุกคนเข้าใจในเรื่องนี้ดี และพยายามคิดว่าเป็นเพราะโรคที่เค้าเป็นค่ะ มีอะไรก็พยายามช่วยซัพพอร์ตเค้ามาตลอด
พฤติกรรมหลักๆ ที่เราเจอคือ
1. เมื่อไหร่ที่เค้ามีเรื่องรบกวนจิตใจ เค้าจะไม่สามารถแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ค่ะ เค้าจะไม่สามารถทำงานได้ เค้าอาจจะมานั่งทำงาน แต่เหมือนคนไม่มีสติ ต้องคอยเรียก คอยเตือนให้ทำตลอด ซึ่งบางครั้งมันก็เป็นภาระของเพื่อนร่วมงาน
2. เค้าจะคิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลักค่ะ ถ้าเมื่อไหร่ที่เค้ารู้สึกป่วย ไม่สบาย ทำงานไม่ไหว เค้าก็จะทิ้งทุกคน ทิ้งทุกอย่างไป โดยไม่สนใจว่าเพื่อนร่วมงานจะอยู่ได้มั๊ย ใครจะขึ้นเวรแทนเค้า วันนั้นกำลังคนพอหรือไม่
3. บางครั้งเค้าก็หายไปเฉยๆ ไม่มาทำงาน ไม่โทรมาลา ไม่บอกใครว่าเป็นอะไร จนหลายครั้งที่เราต้องโทรไปถาม บางครั้งก็โทรติด บางครั้งก็โทรไม่ติด และคำตอบที่ได้คือเค้าไม่สบาย มาทำงานไม่ไหว ขอลาป่วย
4. เค้าจะชอบเรียกร้องความสนใจ เช่นเวลาที่เค้าป่วย คือเราไม่รู้ว่าป่วยจริงหรือไม่จริง แต่เค้าจะแสดงอาการออกมาว่าเค้าป่วยมาก เป็นเยอะมาก ไม่ไหวแล้ว
5. เค้าชอบมีพฤติกรรมทำร้ายตัวเองค่ะ เราทำงานอยู่ในวงการสาธารณะสุขค่ะ เพราะฉะนั้นเราจะมีความรู้เรื่องพวกนี้ดี รวมถึงตัวเค้าเองด้วย แต่เค้าก็ยังเลือกที่จะทำ เช่น กินยาในขนาดที่สูงสุดโดยไม่จำเป็น กินยาลดน้ำหนักทั้งๆ ที่รู้ว่ามีสารอันตรายและกินในขนาดที่สูงด้วย เค้าเคยต้องแอดมิทที่โรงพยาบาลเพราะพฤติกรรมแบบนี้ของเค้าด้วย
เท่าที่เราเจอก็จะประมาณนี้แหละค่ะ และเราเคยคุยกับเค้าหลายครั้งแล้วนะคะ เพราะสิ่งที่เค้าเป็นมันกระทบกับงานและเพื่อนร่วมงาน ตอนคุยกันเค้าก็บอกจะปรับปรุงตัวเองค่ะ มันก็จะดีขึ้นซักระยะหนึ่ง แต่สุดท้ายก็จะวนลูปเดิม เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ ค่ะ แต่เราก็ยังให้โอกาสเค้ามาตลอด เราพยายามคิดว่ามันเป็นเพราะโรคของเค้า เราเคยคุยกับ HR ของโรงพยาบาล เค้าก็คิดแบบเราค่ะ คือเราคิดว่าถ้าเค้าออกจากที่นี่ไปคงไม่สามารถไปทำงานที่อื่นได้อีก และคงไม่มีใครจะซัพพอร์ตเค้าได้เท่าที่นี่ แต่เราก็ไม่สามารถซัพพอร์ตเค้าได้ตลอดไปค่ะ
แต่ว่าจากเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นมันทำให้เราหมดความอดทน เมื่อประมาณกลางเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงที่เราลาพักร้อนไปเที่ยวต่างจังหวัดประมาณ 5 วัน และบังเอิญว่าเป็นช่วงที่เค้ามีปัญหาส่วนตัวพอดี เค้าก็ทำเหมือนเดิมค่ะ หายไปเลย ทิ้งทุกอย่าง ซึ่งตอนนั้นเราอยู่ต่างจังหวัดด้วย กลายเป็นว่าเหลือคนที่ทำงานแค่ 2 คน(ปกติอัตรากำลังจะอยู่ที่ 3-4 คนค่ะ) คือถามว่า 2 คนอยู่ได้มั๊ย อยู่ได้ค่ะ แต่ก็จะเหนื่อยเพิ่มขึ้นมากๆ และเรามาทราบในอีก 2 วันถัดไปว่าเค้าไปนอนแอดมิทอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งด้วยการกินยาเกินขนาด ซึ่งนั่นหมายความว่าเค้าตั้งใจจะฆ่าตัวตายอีกครั้ง เค้าหยุดยาวไปเป็นสัปดาห์กว่าๆ ค่ะ และเมื่อเค้ากลับมาทำงานเค้าก็ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และเค้าหยุดไปอีก จนถึงวันนี้ก็ 2 สัปดาห์แล้วค่ะที่เค้าไม่มาทำงาน จริงๆ ถ้าเป็นการป่วยด้วยโรคแบบอื่นแล้วต้องหยุดยาวขนาดนั้นเราทุกคนไม่มีปัญหานะคะ แต่พอมันเป็นโรคที่เกิดจากการทำร้ายตัวเองแบบนี้ แล้วส่งผลกระทบกับทุกคนแบบนี้เรารู้สึกว่าไม่โอเคค่ะ เราเลยตัดสินใจจะคุยกับเค้า ตอนนี้เค้าลาไปจนถึงสิ้นเดือน หลังจากเค้ากลับมาทำงานเราว่าจะคุยค่ะ เราตั้งใจจะให้เค้าพิจารณาตัวเอง ถ้าเค้าไม่สามาถทำงานได้ และยังมีปัญหาแบบเดิมๆ ซ้ำซ้อน เราจะเสนอผู้บริหารให้เค้าเปลี่ยนไปเป็นพนักงานพาร์ทไทม์แทน และเราจะหาฟูลไทม์คนใหม่ทีเค้าสามารถทำงานได้ดีกว่านี้ หรือถ้าเค้ายังคิดว่าเค้าสามารถทำงานได้ เราก็จะให้โอกาสพิสูจน์ตัวเอง ถ้ากลับไปวนลูปเดิม ก็คงจะต้องทำตามเงื่อนไขแรกคือให้เค้าไปเป็นพาร์ทไทม์
เราเข้าใจนะคะว่าเค้าป่วย แต่ถ้าสิ่งที่เค้าเป็นมันมีผลกระทบกับเพื่อนร่วมงานขนาดนี้ ในฐานะที่เราเป็นหัวหน้างาน เราก็รู้สึกว่ามันไม่โอเค และคงยอมไม่ได้แล้ว
>>>> เราเลยอยากขอคำปรึกษาว่าเราควรทำอย่างไรดี เราควรพูดกับเค้าอย่างไร สิ่งที่เรากำลังตัดสินใจจะทำนั้นมันถูกต้องแล้วหรือไม่คะ บอกตรงๆ เรากลัวว่าถ้าเราคุยกับเค้าไป เกิดเค้าไปคิดสั้นฆ่าตัวตายอีก เราก็ไม่อยากเป็นต้นเหตุแบบนั้น แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรให้มันเด็ดขาดเลย เราก็สงสารทั้งตัวเราเองและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ด้วยค่ะ
รบกวนขอคำชี้แนะเพื่อนๆ ด้วยนะคะ ใครที่พอจะมีประสบการณ์ก็เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ🙏🏻
ป.ล.เราทำงานร่วมกันมาจะ 3 ปีแล้วค่ะ และเราให้โอกาสเค้ามาหลายครั้งมากแล้วค่ะ
รับมืออย่างไรเมื่อต้องทำงานร่วมกับผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้า
เราทำงานในโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งค่ะ โดยแผนกที่เราสังกัดอยู่จะมีเพื่อนร่วมงานทั้งหมด 4 คน มีการทำงานเป็นกะตั้งแต่กะเช้า-บ่าย-ดึก โดยจะจัดตารางเวรเป็นเดือนๆ ไป เพราะฉะนั้นทุกคนก็จะรู้ล่วงหน้าว่าวันไหนตัวเองต้องขึ้นทำงานกะไหน เราอยู่ในตำแหน่งของหัวหน้าแผนกนั้นค่ะ
หน้างานของเราจะเน้นการทำงานเป็นทีม สามารถทำงานแทนกันได้ในทุกหน้าที่ นั่นก็คือถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งหยุดไป เพื่อนที่เหลือก็จะโหลดงานเพิ่มขึ้น เพราะปริมาณงานจะเท่าเดิมและเหมือนเดิมในทุกๆ วันค่ะ
คราวนี้ในแผนกที่เราสังกัดอยู่จะมีเพื่อนคนหนึ่ง ที่เค้าป่วยเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ เราทราบเพราะว่าปัจจุบันเค้าก็ยังกินยาเพื่อรักษาตัวเองอยู่ สาเหตุเริ่มต้นคือเกิดจากพ่อแม่ของเค้าแยกทางกัน และต่างคนต่างก็ไปมีครอบครัวใหม่ทั้งคู่ค่ะ เค้าเคยมีประวัติกินยาฆ่าตัวตายด้วยค่ะ ถ้ามองเผินๆ เค้าก็จะดูเหมือนคนปกติทั่วไปค่ะ แต่ถ้าได้มาทำงานร่วมกันเราจะรู้ว่าเค้าไม่ปกติค่ะ ทั้งในด้านความคิด การตัดสินใจ หรือตรรกะในการใช้ชีวิตอะไรบางอย่าง ทั้งเราและเพื่อนร่วมงานทุกคนเข้าใจในเรื่องนี้ดี และพยายามคิดว่าเป็นเพราะโรคที่เค้าเป็นค่ะ มีอะไรก็พยายามช่วยซัพพอร์ตเค้ามาตลอด
พฤติกรรมหลักๆ ที่เราเจอคือ
1. เมื่อไหร่ที่เค้ามีเรื่องรบกวนจิตใจ เค้าจะไม่สามารถแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ค่ะ เค้าจะไม่สามารถทำงานได้ เค้าอาจจะมานั่งทำงาน แต่เหมือนคนไม่มีสติ ต้องคอยเรียก คอยเตือนให้ทำตลอด ซึ่งบางครั้งมันก็เป็นภาระของเพื่อนร่วมงาน
2. เค้าจะคิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลักค่ะ ถ้าเมื่อไหร่ที่เค้ารู้สึกป่วย ไม่สบาย ทำงานไม่ไหว เค้าก็จะทิ้งทุกคน ทิ้งทุกอย่างไป โดยไม่สนใจว่าเพื่อนร่วมงานจะอยู่ได้มั๊ย ใครจะขึ้นเวรแทนเค้า วันนั้นกำลังคนพอหรือไม่
3. บางครั้งเค้าก็หายไปเฉยๆ ไม่มาทำงาน ไม่โทรมาลา ไม่บอกใครว่าเป็นอะไร จนหลายครั้งที่เราต้องโทรไปถาม บางครั้งก็โทรติด บางครั้งก็โทรไม่ติด และคำตอบที่ได้คือเค้าไม่สบาย มาทำงานไม่ไหว ขอลาป่วย
4. เค้าจะชอบเรียกร้องความสนใจ เช่นเวลาที่เค้าป่วย คือเราไม่รู้ว่าป่วยจริงหรือไม่จริง แต่เค้าจะแสดงอาการออกมาว่าเค้าป่วยมาก เป็นเยอะมาก ไม่ไหวแล้ว
5. เค้าชอบมีพฤติกรรมทำร้ายตัวเองค่ะ เราทำงานอยู่ในวงการสาธารณะสุขค่ะ เพราะฉะนั้นเราจะมีความรู้เรื่องพวกนี้ดี รวมถึงตัวเค้าเองด้วย แต่เค้าก็ยังเลือกที่จะทำ เช่น กินยาในขนาดที่สูงสุดโดยไม่จำเป็น กินยาลดน้ำหนักทั้งๆ ที่รู้ว่ามีสารอันตรายและกินในขนาดที่สูงด้วย เค้าเคยต้องแอดมิทที่โรงพยาบาลเพราะพฤติกรรมแบบนี้ของเค้าด้วย
เท่าที่เราเจอก็จะประมาณนี้แหละค่ะ และเราเคยคุยกับเค้าหลายครั้งแล้วนะคะ เพราะสิ่งที่เค้าเป็นมันกระทบกับงานและเพื่อนร่วมงาน ตอนคุยกันเค้าก็บอกจะปรับปรุงตัวเองค่ะ มันก็จะดีขึ้นซักระยะหนึ่ง แต่สุดท้ายก็จะวนลูปเดิม เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ ค่ะ แต่เราก็ยังให้โอกาสเค้ามาตลอด เราพยายามคิดว่ามันเป็นเพราะโรคของเค้า เราเคยคุยกับ HR ของโรงพยาบาล เค้าก็คิดแบบเราค่ะ คือเราคิดว่าถ้าเค้าออกจากที่นี่ไปคงไม่สามารถไปทำงานที่อื่นได้อีก และคงไม่มีใครจะซัพพอร์ตเค้าได้เท่าที่นี่ แต่เราก็ไม่สามารถซัพพอร์ตเค้าได้ตลอดไปค่ะ
แต่ว่าจากเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นมันทำให้เราหมดความอดทน เมื่อประมาณกลางเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงที่เราลาพักร้อนไปเที่ยวต่างจังหวัดประมาณ 5 วัน และบังเอิญว่าเป็นช่วงที่เค้ามีปัญหาส่วนตัวพอดี เค้าก็ทำเหมือนเดิมค่ะ หายไปเลย ทิ้งทุกอย่าง ซึ่งตอนนั้นเราอยู่ต่างจังหวัดด้วย กลายเป็นว่าเหลือคนที่ทำงานแค่ 2 คน(ปกติอัตรากำลังจะอยู่ที่ 3-4 คนค่ะ) คือถามว่า 2 คนอยู่ได้มั๊ย อยู่ได้ค่ะ แต่ก็จะเหนื่อยเพิ่มขึ้นมากๆ และเรามาทราบในอีก 2 วันถัดไปว่าเค้าไปนอนแอดมิทอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งด้วยการกินยาเกินขนาด ซึ่งนั่นหมายความว่าเค้าตั้งใจจะฆ่าตัวตายอีกครั้ง เค้าหยุดยาวไปเป็นสัปดาห์กว่าๆ ค่ะ และเมื่อเค้ากลับมาทำงานเค้าก็ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และเค้าหยุดไปอีก จนถึงวันนี้ก็ 2 สัปดาห์แล้วค่ะที่เค้าไม่มาทำงาน จริงๆ ถ้าเป็นการป่วยด้วยโรคแบบอื่นแล้วต้องหยุดยาวขนาดนั้นเราทุกคนไม่มีปัญหานะคะ แต่พอมันเป็นโรคที่เกิดจากการทำร้ายตัวเองแบบนี้ แล้วส่งผลกระทบกับทุกคนแบบนี้เรารู้สึกว่าไม่โอเคค่ะ เราเลยตัดสินใจจะคุยกับเค้า ตอนนี้เค้าลาไปจนถึงสิ้นเดือน หลังจากเค้ากลับมาทำงานเราว่าจะคุยค่ะ เราตั้งใจจะให้เค้าพิจารณาตัวเอง ถ้าเค้าไม่สามาถทำงานได้ และยังมีปัญหาแบบเดิมๆ ซ้ำซ้อน เราจะเสนอผู้บริหารให้เค้าเปลี่ยนไปเป็นพนักงานพาร์ทไทม์แทน และเราจะหาฟูลไทม์คนใหม่ทีเค้าสามารถทำงานได้ดีกว่านี้ หรือถ้าเค้ายังคิดว่าเค้าสามารถทำงานได้ เราก็จะให้โอกาสพิสูจน์ตัวเอง ถ้ากลับไปวนลูปเดิม ก็คงจะต้องทำตามเงื่อนไขแรกคือให้เค้าไปเป็นพาร์ทไทม์
เราเข้าใจนะคะว่าเค้าป่วย แต่ถ้าสิ่งที่เค้าเป็นมันมีผลกระทบกับเพื่อนร่วมงานขนาดนี้ ในฐานะที่เราเป็นหัวหน้างาน เราก็รู้สึกว่ามันไม่โอเค และคงยอมไม่ได้แล้ว
>>>> เราเลยอยากขอคำปรึกษาว่าเราควรทำอย่างไรดี เราควรพูดกับเค้าอย่างไร สิ่งที่เรากำลังตัดสินใจจะทำนั้นมันถูกต้องแล้วหรือไม่คะ บอกตรงๆ เรากลัวว่าถ้าเราคุยกับเค้าไป เกิดเค้าไปคิดสั้นฆ่าตัวตายอีก เราก็ไม่อยากเป็นต้นเหตุแบบนั้น แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรให้มันเด็ดขาดเลย เราก็สงสารทั้งตัวเราเองและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ด้วยค่ะ
รบกวนขอคำชี้แนะเพื่อนๆ ด้วยนะคะ ใครที่พอจะมีประสบการณ์ก็เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ🙏🏻
ป.ล.เราทำงานร่วมกันมาจะ 3 ปีแล้วค่ะ และเราให้โอกาสเค้ามาหลายครั้งมากแล้วค่ะ