กรมสุขภาพจิตเผย คนเข้าบำบัดเสพติดกัญชาเยอะขึ้น เร่งร่วมโครงการวิจัยหาวิธีใช้
29 พ.ค. 2562
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบข้อมูลผู้เข้ารับการบำบัดอาการทางจิตเวชใน รพ.จิตเวช สังกัดกรมสุขภาพจิตทั่วประเทศพบว่ามีผู้เข้ารับการบำบัดการเสพติดกัญชาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยใน
ปี 2560 มี 2,127 คน ปี 2561 มี 2,612 คน ส่วนปี 2562 เฉพาะเดือน ม.ค.มี 484 คน ก.พ. 335 คน มี.ค.375 คน และ เม.ย. 274 คน เข้ามาด้วยอาการหูแว่ว ประสาทหลอน หวาดระแวง หัวเราะคนเดียว เป็นต้น ทั้งนี้จากข้อมูลเชิงวิชาการ ในพืชกัญชาจะมีสารสำคัญหลายตัวอย่างสารทีเอชซี (THC) จะมีฤทธิ์กระตุ้นโรคทางจิตเวช ขณะเดียวกันก็ยังมีสารสำคัญที่เป็นประโยชน์อย่างซีบีดี (CBD)
โดยมีข้อมูลว่าช่วยลดความวิตกกังวล ซึมเศร้า การเคลื่อนไหวผิดปกติที่เป็นผลมาจากการใช้ยารักษาโรคจิตเวชในสมัยก่อน เป็นต้น แต่ย้ำว่าต้องมาในรูปแบบของการเป็นยา และมีสูตรเฉพาะที่เหมาะสม และต้องใช้ภายใต้การควบคุมของจิตแพทย์
นพ.เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า เรารู้แล้วว่าสารสกัดในกัญชาก็มีประโยชน์ ขณะนี้สิ่งที่กรมสุขภาพจิตดำเนินการอยู่มี 2 ส่วน คือ
1.เข้าไปขอร่วมในโครงการวิจัยทางการแพทย์ของหน่วยงานต่างๆ ที่ทำอยู่ขณะนี้ เพราะต้องการทราบว่าการใช้สารสกัดกัญชาเพื่อรักษาโรคหนึ่งๆมีผลกระทบกับโรคทางจิตเวชอย่างไรหรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้กัญชาในเมืองไทยยังเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายเลยไม่ได้มีการเก็บข้อมูลทางด้านจิตเวชมากเท่าที่ควร
2.ในส่วนของกรมเองจะศึกษาเรื่องการใช้สารสกัดกัญชารักษาอาการสั่น เรื้อรังรักษาไม่หาย ที่เป็นผลมาจากการใช้ยารักษาโรคทางจิตเวชสมัยก่อน รวมถึงการร่วมศึกษาตำรับยาศุขไสยาสน์กับผู้ป่วยจิตเวช ช่วยเรื่องการนอนหลับ เป็นต้น ซึ่งอยู่ระหว่างการเขียนโครงการ
ด้านกรมประชาสัมพันธ์ ร่วมกับศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่องการอนุญาตให้ใช้กัญชาและกระท่อมในทางการแพทย์ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 11-18 เม.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 2,058 หน่วยตัวอย่าง จากการสำรวจ เมื่อถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำกัญชาและกระท่อมมาใช้ทางการแพทย์ พบว่า ร้อยละ 86.30 เห็นด้วย และร้อยละ 13.70 ไม่เห็นด้วย เพราะยังเป็นยาเสพติดให้โทษ ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 58.79 มีข้อเสนอเกี่ยวกับกัญชาและกระท่อมว่าควรให้ใช้กัญชาและกระท่อมได้เฉพาะสถานที่ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น.
https://www.thairath.co.th/news/local/1578996
กรมสุขภาพจิตเผย คนเข้าบำบัดเสพติดกัญชาเยอะขึ้น เร่งร่วมโครงการวิจัยหาวิธีใช้
29 พ.ค. 2562
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบข้อมูลผู้เข้ารับการบำบัดอาการทางจิตเวชใน รพ.จิตเวช สังกัดกรมสุขภาพจิตทั่วประเทศพบว่ามีผู้เข้ารับการบำบัดการเสพติดกัญชาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2560 มี 2,127 คน ปี 2561 มี 2,612 คน ส่วนปี 2562 เฉพาะเดือน ม.ค.มี 484 คน ก.พ. 335 คน มี.ค.375 คน และ เม.ย. 274 คน เข้ามาด้วยอาการหูแว่ว ประสาทหลอน หวาดระแวง หัวเราะคนเดียว เป็นต้น ทั้งนี้จากข้อมูลเชิงวิชาการ ในพืชกัญชาจะมีสารสำคัญหลายตัวอย่างสารทีเอชซี (THC) จะมีฤทธิ์กระตุ้นโรคทางจิตเวช ขณะเดียวกันก็ยังมีสารสำคัญที่เป็นประโยชน์อย่างซีบีดี (CBD)
โดยมีข้อมูลว่าช่วยลดความวิตกกังวล ซึมเศร้า การเคลื่อนไหวผิดปกติที่เป็นผลมาจากการใช้ยารักษาโรคจิตเวชในสมัยก่อน เป็นต้น แต่ย้ำว่าต้องมาในรูปแบบของการเป็นยา และมีสูตรเฉพาะที่เหมาะสม และต้องใช้ภายใต้การควบคุมของจิตแพทย์
นพ.เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า เรารู้แล้วว่าสารสกัดในกัญชาก็มีประโยชน์ ขณะนี้สิ่งที่กรมสุขภาพจิตดำเนินการอยู่มี 2 ส่วน คือ
1.เข้าไปขอร่วมในโครงการวิจัยทางการแพทย์ของหน่วยงานต่างๆ ที่ทำอยู่ขณะนี้ เพราะต้องการทราบว่าการใช้สารสกัดกัญชาเพื่อรักษาโรคหนึ่งๆมีผลกระทบกับโรคทางจิตเวชอย่างไรหรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้กัญชาในเมืองไทยยังเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายเลยไม่ได้มีการเก็บข้อมูลทางด้านจิตเวชมากเท่าที่ควร
2.ในส่วนของกรมเองจะศึกษาเรื่องการใช้สารสกัดกัญชารักษาอาการสั่น เรื้อรังรักษาไม่หาย ที่เป็นผลมาจากการใช้ยารักษาโรคทางจิตเวชสมัยก่อน รวมถึงการร่วมศึกษาตำรับยาศุขไสยาสน์กับผู้ป่วยจิตเวช ช่วยเรื่องการนอนหลับ เป็นต้น ซึ่งอยู่ระหว่างการเขียนโครงการ
ด้านกรมประชาสัมพันธ์ ร่วมกับศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่องการอนุญาตให้ใช้กัญชาและกระท่อมในทางการแพทย์ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 11-18 เม.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 2,058 หน่วยตัวอย่าง จากการสำรวจ เมื่อถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำกัญชาและกระท่อมมาใช้ทางการแพทย์ พบว่า ร้อยละ 86.30 เห็นด้วย และร้อยละ 13.70 ไม่เห็นด้วย เพราะยังเป็นยาเสพติดให้โทษ ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 58.79 มีข้อเสนอเกี่ยวกับกัญชาและกระท่อมว่าควรให้ใช้กัญชาและกระท่อมได้เฉพาะสถานที่ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น.
https://www.thairath.co.th/news/local/1578996