ไป ไปเถอะ ไปแอ่ว จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ (ตอน 4 )

กระทู้สนทนา
( ต่อจากตอน 3 )
      หลังจากผ่านความโศกเศร้าของหวย..(ลงทุนไป. 200. กะจะได้. 6. ล้าน..ฝันๆ. ไป. แบบเพลง ทั้งรู้ว่า..โอกาสจะเกิด เพียง 1 ใน ล้าน. แต่เราก็ยังหวังกัน...เฮ้อ..ชีวิต..อันนี้คงเป็นไปตามทฤษฎีของ Blair..ถ้าไม่หวัง..ก็ไม่มีความสุข ) แล้วเดินทางออกจากอ่างขาง ไปถึง อ.ฝาง Check in ที่ Ton Fang Hotel ความจริงแล้วโรงแรมที่ฝางค่อนข้างหายาก (..หรือเราหาไม่เจอเอง..) เราค้นหาใน internet นานมากกว่าจะเจออยู่หลายวัน เย็นนี้กินข้าวร้านอาหารพื้นเมืองข้างโรงแรม ก่อนไปกินอาหารไปเที่ยวตลาดฝางก่อน ตลาดสดฝางเหมือนตลาดทั่ว ๆไป ส่วนใหญ่จะขายอาหารสดและอาหารปรุงแล้วเป็นอาหารท้องถิ่น ซื้ออาหารท้องถิ่นพวกไส้อั่ว เแคบหมูมาด้วย  อ.ฝางเดิมขึ้นอยู่กับเชียงราย แต่เนื่องจากการคมนาคมไม่สะดวกจึงโอนมาขึ้นอยู่กับเชียงใหม่ ฝางเป็นอำเภอเล็ก ๆ เงียบสงบ  (..คงเหมือน อ.หนองขาหย่างบ้านเรา จากไป 30 ปี กลับมาก็เหมือนเดิม..)  น่าท่องเที่ยว ผู้คนก็ดูอัธยาศัยดี  ยิ้มแย้มแจ่มใส  เมื่อกลับจากตลาดก็ไปกินข้าวเย็นกัน  ทั้งร้านมีโต๊ะเราโต๊ะเดียว (..ดูรวย ๆ พิกล ..) กินกันยาวไปเลย..พี่..คืนนี้...แต่อยู่ไม่ได้ร้านปิด  กลับโรงแรมนอน พรุ่งนี้ไป Hinoki land

วันที่ สี่  ตอนเช้าหลังจากกินอาหารเช้าแล้ว เตรียมตัวเดินทางไป Hinoki Land ( ดินแดนบ้านไม้หอม Hinoki  เมืองไทย ) ระยะทางจากฝางไป Hinoki land  30 km ใช้เวลาเดินทาง  35  นาที
       มาถึงฮิโนกิแลนด์ จะมองเห็นซุ้มประตูที่มีโคมแดงยักษ์ และเสาโทริอิ ( เสาตามศาลเจ้าญี่ปุ่น..) เราจะต้องเดินผ่านซุ้มประตูนี้เข้าไปในบริเวณด้านใน มองเห็นปราสาทไม้หอมฮิโนกิ  4 ชั้น แบบญี่ปุ่น ยังมีอาคารประกอบด้วย
       Hinoki Land เมืองญี่ปุ่นจำลอง  ตั้งอยู่ที่บ้านศรีดงเย็น ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ โดยพื้นที่เกือบ 100 ไร่ ถูกปลูกสร้างเลียนแบบญี่ปุ่น ประกอบด้วยสิ่งปลูกสร้าง 6 หลัง เริ่มต้นจากอาคารซุ้มประตูทางเข้าที่จำลองประตูของศาลเจ้าอาซากุสะ ประดับซุ้มประตูด้วยโคมสีแดง เขียนด้วยตัวอักษรสีดำว่า คามินาริ (Kaminari-mon) ซึ่งเป็นชื่อของประตูตามต้นแบบ 
       ต่อจากซุ้มประตู เป็นอุโมงค์เสาโทริอิจำลองเหมือนที่วัดฟูชิมิอินาริที่เกียวโต  จำนวน 88 ต้น เชื่อมพื้นที่ส่วนหน้าเข้าสู่ด้านใน เมื่อเดินเข้าไปในอุโมงค์เสาโทริอิ จะไปบรรจบกับลานด้านหน้าปราสาทฮิโนกิ ปราสาทที่สร้างขึ้นจากไม้สนฮิโนกิทั้งหลังตามแบบปราสาทดั้งเดิมของโชกุน โดยปราสาทแห่งนี้ได้จำลองมาจากปราสาททองคินคาคุจิในเมืองเกียวโตด้วยสัดส่วน 1 ต่อ 3 (ปราสาทจำลองมีขนาดใหญ่กว่าปราสาทของจริงถึง 3 เท่า)
      ปราสาทฮิโนกิ มี 4 ชั้น แต่ละชั้นมีระเบียงที่ทำมองให้เห็นทิวทัศน์ของภูเขาที่ล้อมอำเภอไชยปราการ  ด้านข้างของปราสาทยังเป็นบ่อปลาคาร์ปขนาด 8 ไร่ ซึ่งนอกจากทัศนียภาพและสถาปัตยกรรม แล้วอาคารหลังนี้ทำจากไม้สนฮิโนกิ ทำให้ภายในปราสาทฮิโนกิหอมละมุ่นด้วยกลิ่นหอมจากน้ำมันในเนื้อไม้สน พื้นกระดานสีทองอร่ามมีความเรียบเนียน เวลาเราเหยียบย่างสัมผัสภายในอาคารเหมือนกับการอยู่บ้านไม้หลังเดิมของเราตอนเด็กที่เรียบง่าย โปร่งเบาสบาย..





      หลังจากถ่ายรูป Hinoki Palace ( Hinoki Tower ) กันแล้ว เดินลงมาถึง อีกอาคารหนึ่งเป็นอาคารแสดงสาธิตและจำหน่ายสินค้าจากญี่ปุน ( ..ได้ยินเสียงเชิญชวน...สะดุ้งเพราะบอกว่าสินค้าญี่ปุ่น ราคาญี่ปุ่น..ลาดีกว่า...มั้ง...) การแสดงสาธิตการทำที่นอนสุขภาพจากไม้สนไซเปรส นำมาตัดท่อนเล็ก ๆ แล้วหุ้มด้วยสำลี และผ้า นำมาใส่ผ้า แล้วเย็บด้วยมือ เหมือนที่นอนนุ่น สมัยเด็กที่พับได้ (...ไม้สนฮิโนกิ..ไปตุรกีก็เคยซื้อพวงองุ่นที่จากไม้สนหอม...aromatherapy...คนขายบอกว่าให้วางไว้ข้างหมอนจะนอนหลับสบาย..จริงไหมหนอ..)  เขาว่าดีต่อสุขภาพ ( ..แต่ราคาอาจทำให้เสียสุขภาพก็ได้..อ้อ..ที่จริงเขามีชุดญี่ปุ่นให้แต่งตัวถ่ายรูป..เสียตังค์เช่า..) พวกเราทุกคนไม่มีใครซื้อ เจอเจ้าของโครงการบอกจะลดให้พิเศษ. เราเลยถามว่าแล้วที่กลุ่มอนุรักษ์ล้านนาต่อต้านฮิโนกิ...ตามประกาศของกระทรวงวัฒนธรรม...มีคำตอบเสียงสูง ...ไปดีกว่า... ต่อจากนั้น ขับรถออกจากไชยปราการไปเชียงดาว ระยะทางแค่  48. km เพื่อเข้าเชียงใหม่. แต่ผ่านข้างทางเจอตลาดแม้ว ( ห้วยลึก). แวะซื้อ ๆ. แม้วบอกดีใจมาก ไม่เคยเจอนักท่องเที่ยวเลยนานแล้ว แต่มันเป็นพืชผักสด ( คงไม่ถูกใจพวกเรานัก...เพราะนางแบบจะชอบเสื้อผ้าแม้ว..มั้งค่ะ) เราเลยซื้อลิ้นจี่สดและไม้สนเชื้อไฟ..(..จริง ๆ. แล้วอยากซื้อหลายอย่างแต่จนใจ. เพราะยังต้องอยู่เชียงใหม่อีก  2. วัน จากนั้นขับรถออกไปเชียงดาวกินข้าวกลางวัน ( อาหารพื้นเมือง พวกข้าวซอย  น้ำเงี้ยว..) ที่ร้านข้างทางที่เชียงดาว
ตลาดแม้ว. ห้วยลึก (คล้ายตลาดมูเซอ ที่แม่สอด)
ไม้สนเชื้อไฟ(ไม้เกี้ยะ) แต่ตัวไม้ก็มีกลิ่นหอม  (aromatherapy) เนื้อไม้หยาบ ไม่สามารถทำขึ้นรูปได้ (คิดเอง) จึงไม่ได้พัฒา
        หลังจากนั้นเดินทางต่อไปวัดเด่นสะหลี ( ชื่อจริง วัดเด่นสะหลี ศรีเมืองแกน) เดิมชื่อวัดศรีบุญเรือง. ตั้งอยู่ที่ ตำบลอินทชิล. อ.แม่แตง เชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2437  ตั้งอยู่บนเนินเตี้ย ๆ มองเห็นแต่ไกล (จึงเรียกว่าวัดบ้านเด่น )ใต้เนินเป็นถ้ำศักดิ์สิทธ์ ด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงาม ประกอบกับสถาปัตยกรรมไทยผสมล้านนาทำให้วัดสวยงดงาม แต่วัดนี้มีภิกษุอยู่เพียงรูปเดียวคือครูบาเทือง. นาถสีโล. เจ้าอาวาส เมื่อไปถึงวัดมีนักท่องเที่ยวพวกเรากับชาวจีน ประมาณ 30. คนเท่านั้น
        ออกจากวัดเด่นสะหลีเดินทางไปวัดพระพุทธบาทสี่รอย ต้าขับรถเลาะผ่านตามหมู่บ้านและทุ่งนาบนถนนบางที่กำลังปรับปรุง แต่ไม่ต้องกลัวรถสวนหรือแซง เพราะมีรถเราคันเดียว หลายครั้งที่มาวัดพระพุทธบาทสี่รอยนี้จะผ่านชุมขายของของชาวบ้าน(ชาวเขา)เรียงรายข้างทาง แต่วันนี้ปิด ถนนถือว่าขับรถไม่ยากนัก มีข้าวโพดต้มขาย ซื้อมาก็หวานสดดี  น่าจะเป็นข้าวโพดข้าวเหนียว
       ไปวัดพระพุทธบาทสี่รอย ตั้งอยู่ที่ ต.สะลวง อ.แม่ริม  เพราะอยากไปกราบรอยพระบาทของพระพุทธเจ้า. วัดพระพุทธบาทสี่รอย ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ริม  จังหวัดเชียงใหม่. มีเรื่องเล่าว่าเมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาโปรดสัตว์พร้อมด้วยสาวก 500. รูป ที่ภูเขาเวภารบรรพต ด้วยพระโพธิญาณ จึงรู้ที่แห่งนี้ เคยมีอดีตพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ (พระพุทธเจ้ากกุสันโธ. พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ และพระพุทธเจ้ากัสสปะ )  เสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาทลงบนก้อนหินใหญ่ ณ ที่นี้  ( พระพุทธองค์ได้ตรัสกับพระอานนท์..แม้แต่พระอริยเมตไตรย Metteyya ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายใน ภัทรกัป ก็จะมาประทับรอยพระบาทซ้ำรอยพระบาททั้งหมดให้เป็นรอยเดียว..) ดังนั้นพระพุทธองค์จึงได้ประทับพระบาทซ้ำเป็นรอยที่ 4 และได้น้อมอธิษฐานว่าในอีก 2,000 ปี ต่อไปจะปรากฏให้มีผู้พบเห็น

     จากอิ่มบุญกันเรียบร้อยแล้ว เดินทางกลับเชียงใหม่ ( วัดพระพุทธบาทสี่รอยเป็นวัดที่อยากไปกราบรอยพระพุทธบาทมากที่สุด ทุกครั้งที่ไปเชียงใหม่ก็อยากไปกราบรอยพระพุทธบาททุกครั้ง...) ก่อนกลับพี่นิดกับพี่หมู เหลือบแลไปเห็นร้านขายเสื้อผ้าของชาวเขาเป็นเสื้อผ้าพื้นเมือง ทุกคนก็ตามเข้าไปด้วยเลยได้เสื้อผ้ากันตามประสาขาช๊อป  ..เข้าสู่เชียงใหม่ ระยะทางจากวัดพระพุทธบาทสี่รอยถึงเชียงใหม่  50  Km ใชเวลาในการเดินทาง 1.30 h เย็นมากแล้วเข้า check in ที่โรงแรม Hinoki Hotel (  Hinoki  Hotel อยู่คนละที่กับ Hinoki land ) ต่อจากนั้นจะไปกินข้าวกัน  ความจริงวันนี้ต้องการให้ต้า ได้ไปพักแล้ว เพราะวันนี้หนักมากขับรถมาทั้งวัน แต่เนื่องจากโรงแรม Hinoki อยู่ลึกไม่มีรถแดงผ่าน จึงต้องให้ต้าขับรถไปส่งร้านข้าวต้มสวนดอกซึ่งอยู่ตรงข้ามคณะทันตแพทย์   ที่มากินที่นี่เพราะต้องการรำลึกถึงความหลังของบางคนที่เรียนอยู่ที่นี่  หลังจากกินข้าวเสร็จให้ต้าขับรถเข้าไปในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อยากไปดูคณะ ภาควิชาที่เคยเรียนว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไร แต่ตอนนี้ค่ำแล้ว วิ่งรถออกทางประตูหน้าเห็นเด็กนักศึกษาออกจากหอประชุม อ้อ...วันนี้วันโกณ ( พรุ่งนี้วันวิสาขบูชา ...นักศึกษาใหม่มีประเพณีขึ้นดอย..ไหว้พระธาตุ) ...รถออกทางเดียว..รถติดมาก ...กลับถึงโรงแรม..เตรียมแช่ onsen กัน
วันนี้ขอบคุณต้า...มากนะ..พรุ่งนี้.. เจอกัน..
วันที่ ห้า  ( บทสุดท้าย ..ลาแล้วลา.ฟ้า.เชียงใหม่..เอย)
    หลังจากกินข้าวเช้า อาหารญี่ปุ่น บางอย่างของโรงแรมแล้ว ตั้งใจว่าจะพาพี่ ๆ ไปไหว้พระที่วัดพระสิงห์ และชมพิพิธภัณฑ์เชียงใหม่ ( ต้า เชคข้อมูล แล้วว่าพิพิธภัณฑ์ ปิด เนื่องจากวันหยุด) แผนเปลี่ยน พี่หมู กับพี่นิด ต้องการไปกาดวโรรส ต้องการไปซื้อสินค้า  พวกเราที่เหลือไปไหนดี เราเลยตัดสินใจว่าไปดอยปุย  ( ดอยสุเทพวันนี้คนอาจเยอะมาก.. ) แต่พี่เขียวอยากไปซื้อไส้อั่วที่ตลาดแม่เหียะ ส่วนพี่แอดก็จะไปซื้อชาที่เวียงจูมออน ( Vieng Joom On teahouse) ผลสุดท้ายทุกคนได้สิ่งที่ปรารถนา. ( ต้า..จัดให้..)
    ดอยปุย  ( ดอยรัก ..ดอยลา...) เมื่อตัดสินใจ (ต่อ ตอน 4) 
[/lef
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่