เราคบกับแฟนได้ไม่กี่เดือนค่ะ เราบอกผู้ชายว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า
ซึ่งอาการเราตอนนี้ไม่ได้เป็นหนักขนาดคิดฆ่าตัวตายแล้ว
และเราไม่ได้เป็นมากขนาดทำร้ายตัวเองค่ะ
มีแค่อาการเศร้า วิตกกังวลง่าย เราพบหมอและรับยาเป็นประจำ
แฟนเขารับได้ในสิ่งที่เราเป็น และเป็นห่วง อยากดูแลเรา
แต่แฟนเราเขาคุยกับแม่เขาแทบทุกเรื่องค่ะ
เขาก็เลยบอกแม่เขาว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า
ซึ่งตัวเราไม่อยากให้บอกหรอกค่ะ น้อยคนมากที่จะเข้าใจ และไม่มองว่าโรคทางจิตไม่ใช่คนบ้า
ทำให้เราเองก็อาย ไม่อยากบอกใครเลยว่าเราเป็น นอกจากคนที่เราไว้ไจ
(เรามาทราบว่าแฟนบอกแม่เขาหลังจากที่เขามีปัญหากับแม่เรื่องเราค่ะ)
ทีแรกที่แม่เขายังไม่รู้ แม่เขาก็ดูจะเอ็นดูเราดีนะคะ
แต่พอรู้ว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า แม่เขาก็ขอให้ผู้ชายห่างเราออกมาได้ไหม
เราเจ็บมากเลยค่ะ เรารู้สึกว่าเราเป็นตัวน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ
เราทำอะไรผิดเหรอ ทำไมเขาตัดสินเราแบบนี้
เอาจริงๆตอนนี้เรารู้สึกติดลบกับแม่เขาไปแล้วค่ะ
เราเสียใจที่เขาตัดสินเราง่ายๆ และดูเหมือนรังเกียจเรากับสิ่งที่เราเป็น
เราเข้าใจว่าแม่เขาอยากให้ลูกได้เจอกับคนที่สมบูรณ์แบบ
แต่เราเองก็รู้สึกว่าเราก็เป็นลูกมีพ่อมีแม่เหมือนกันนะ ทำไมต้องรังเกียจเราขนาดนั้นเลยเหรอ
ก่อนหน้านี้ยังคุยดีๆกับเราดีอยู่เลย แต่พอรู้ก็อยากให้ผู้ชายเลิกกับเรา
น้ำเสียงที่แม่เขาพูด สิ่งที่แม่เขาพูด ทำเรารู้สึกแย่ไปหมดค่ะ
มันอธิบายความรู้สึกไม่ถูกเลยค่ะ เจ็บปวดกับการถูกตัดสินไปหมด
แต่แฟนเราเค้าไม่อยากเลิกกับเรา เขาขอให้รอแม่เขาเปิดใจ เขาขอเวลาให้แม่เขา
เขาจะทำให้แม่เขาเปิดใจ แต่... ความรู้สึกเรามันติดลบไปแล้วค่ะ
รักแฟนก็รักนะคะ แต่เราก็รู้สึกไม่โอเคที่แม่เขามองเราเป็นสิ่งไม่ดี
ถึงขนาดที่ไม่ยอมรับเรา ต้องขอให้ผู้ชายเลิกกับเรา
มีใครเคยเจอสถานการณ์แบบนี้บ้างไหมคะ
เราควรจะออกมามั้ย เราควรจะทำยังไงดีคะ
........................................................
ขอแถมอีกนิดเผื่อมีใครได้มาอ่านนะคะ อยากให้เปลี่ยนความคิด
คนที่ไปพบจิตแพทย์ หรือรับการรักษาทางจิตเวชไม่จำเป็นจะต้องเป็น ‘คนบ้า’ เท่านั้นนะคะ
เขาอาจจะแค่เครียด หรือสภาวะทางจิตใจมันไว และอ่อนไหวง่ายกับเรื่องต่างๆ
อาจเกิดจากสารเคมีในสมองที่ไม่สมดุล ควรได้รับยาหรือการรักษา
ซึ่งบางทีการเครียดสะสม นอนไม่เพียงพอ ก็ทำให้สารเคมีในสมองมันเสียสมดุลได้
หรือการผิดหวังอย่างหนักจากเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็ทำให้คนปกติมาเป็นโรคซึมเศร้าได้
หมายความว่าคนที่คิดว่าตัวเองปกติ สักวันอาจจะเป็นโรคซึมเศร้า ไบโพลาร์ ฯลฯ ได้
เช่นเราเองก็เคยเป็นคนปกติ ร่าเริง ก็ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะมาเป็นโรคซึมเศร้าหรอกค่ะ
เคยมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว จริงๆมันอยู่ใกล้ตัวนิดเดียว
โรคเหล่านี้หายได้ ถ้าได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและถูกต้อง
และสำคัญที่สุดคือกำลังใจจากคนรอบข้างค่ะ สำคัญมากๆๆๆ
อย่าไปด่า ดูถูก หรือรังเกียจ หาว่าเขาเป็นคนบ้า เป็นโรคจิตนะคะ มันต่างกัน
เพราะคนเหล่านี้ยังรู้จักผิดชอบชั่วดี และดำเนินชีวิตได้ปกติอยู่
ให้กำลังใจเขาจะดีที่สุดค่ะ หรือถ้าไม่รู้จะพูดอะไรก็รับฟังเขาก็ยังดีนะคะ
......
Update เผื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่กำลังเจอปัญหาแบบเรานะคะ 29/11/64
เผื่อบางคนเจอสถานการณ์แบบนี้ อาจเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจค่ะ
'ตอนนี้เรากับเขาเลิกกันมาได้ประมาณ 8 เดือนแล้วค่ะ'
เหตุผลที่เขาบอกเพื่อนๆว่าเลิกกับเราทำไม คือ เขาบอกกับเพื่อนว่าเราเป็น 'โรคซึมเศร้า' และอาการหนักแต่แรก
ทั้งที่ความจริงแล้วเขาเบื่อเรา และมีผู้หญิงคนใหม่ อีกทั้งยังลืมแฟนเก่าไม่ได้
อยากจะกลับไปหาแฟนเก่า ตั้งแต่คบกับเราได้ประมาณ 2-3 เดือน อันนี้แฟนเก่าเขามาเล่าให้เราฟังค่ะ
ทั้งที่แฟนเก่าเขาทิ้งเขาไปมีผู้ชายคนใหม่เพราะเบื่อความไม่มีอนาคตของเขา
เรามารู้หลังจากที่อยู่เขาก็หายไปจากเรา ทิ้งเราเหมือนทิ้งขยะ อยู่เราก็ติดต่อเขาไม่ได้เลยค่ะ
เขาทำกับเหมือนตอนที่แฟนเก่าทิ้งเขา
และเราเป็นแค่ตัวแก้ขัดแก้เหงา เพราะตอนนั้นแฟนเก่าเค้าคุยกับผู้ชายคนใหม่
เขาเศร้า เขาเหงา เขาเสียใจ และสุดท้ายก็เข้าหาเราเพื่อจะได้แก้เหงา
มันเจ็บตรงที่เรานึกว่าเขาเป็นคนดี รักเราจริงๆ
ประโยคที่จำได้ดีเลยคือเขาบอกว่า "เขามั่นใจ เขาจะทำให้เราหายจากโรคนี้ได้แน่นอน" เราจำได้แม่น
จะอยู่กันไปจนแก่เฒ่า รักเราจนยอมตายแทนได้เลย (เหอๆ)
แต่คบกันได้ไม่นานเราก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง เขาดูเหนื่อย และเคยขอออกมาจากเรา เขาบอกว่าเขาไม่ไหวแล้ว
แช้วเราพึ่งรู้ความจริงหลังจากเลิกกับเขาเรื่องเขาอยากกลับไปหาแฟนเก่า มันเจ็บมากเลยค่ะ เจ็บสุดๆ
เราไม่รู้ตัวเลยว่าเขาแอบทำแบบนี้ แต่แฟนเก่าเขาไม่เอาด้วย เราได้กลับมาคบกันต่อ
ส่วนประเด็นแม่ผู้ชาย เราได้มีโอกาสไปเที่ยวกับครอบครัวเขาที่ต่างจังหวัด ครอบครัวเขาไปกันหลายคนค่ะ
สิ่งที่เรารับรู้ได้เลยคือครอบครัวเขาไม่ต้อนรับเราเลยค่ะ ไม่มีใครพูดกับเราสักคน และรับรู้ได้ถึงความดูถูกเรา
เราเป็นคนพูดน้อยไม่กล้าเข้าหาใคร หรือเอาใจใครเก่ง เราคิดว่าเราผิดเองมั้ย
แต่ทำไมกับครอบครัวแฟนเก่าเราเขาต้อนรับเราดีมากๆเลยค่ะ พี่ๆเขาเข้าหาชวนเราคุยเหมือนรู้จักเราเป็นสิบปี
และทั้งทริปไม่มีใครในครอบครัวเขาชวนเราคุยเลยค่ะ เหมือนเราไม่มีตัวตน
สิ่งที่พีคสุดๆสำหรับเราคือ แม่เขาค่ะ ตอนทานข้าวแม่เขาตักอาหารจากอีกฟั่งของโต๊ะที่เรากับแฟนคักไม่ถึง
แม่เขาตักให้แค่ลูกของเขาค่ะ ตอนนั้นในใจเราช็อคไปเลย ขางคนอาจจะว่าเราคิดมากไปไหม
แต่สำหรับเราเราว่ามันเป็นมารยาทในการต้อนรับคนๆนึงค่ะ ต้อนรับแขก คนที่เป็นแฟนของลูก
เราว่ามันชัดเจนมากค่ะ เราปรึกษากับแม่เรา แม่เราบอกว่าเลยว่าแย่มาก แม่เขาชัดเจน ทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติเราเลย
ในขณะที่บ้านเราต้อนรับเขาเป็นอย่างดี และครอบครัวแฟนเก่าเราก็ต้อนรับเรา กลัวเราไม่ได้กินนั่นนู่นนี่ ต่างจากครอบครัวผู้ชายคนนี้มากค่ะ
เป็นการไปเที่ยวที่เราไม่มีความสุขเลย มันอึดอัดไปหมด
และกลับมาที่หลังจากที่เราติดต่อเขาไม่ได้ เราไปอยู่ตจว.เราบินไปหาเขาที่กทม. เลย
เราอยากรู้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่พอเขาประตูมาเจอเราเขาไม่พอใจเลยค่ะ
และถามว่า "มาทำไม" ในคืนนั้นเขานอนไม่หลับฟึดฟัด รับรู้ได้ว่ารังเกียจเรา
และเช้าอีกวันถัดมาเขารีบอาบน้ำแต่เช้าเก็บของ เพื่อจะหนีเราไปอยู่คอนโดพี่สาวเขา
เรางงมากว่าจะอะไรขนาดนี้ แม้แต่ผ้าห่มเขาเอาไปห่มคนเดียว คืนนั้นเราหนาวมาก ต้องเอาหมอนมาปกๆตัว
และคืนนั้นแม่ของเขาโทรมาไล่เราค่ะ (ก่อนหน้านี้แม่เขาไม่รู้ว่าลูกเขาทำอะไรกับเรา (เลิกกับเรา ซึ่งสำหรับเราเลิกกัยตอนไหน?)) ให้เรากลับ ว่าๆเรามาทำไม โควิดเยอะ เขากลัว
เราถามแม่เขาว่ากลัวอะไร แม่เขาบอกว่ากลัวเราทำลูกเขาติดโควิดค่ะ (เป็นเหตุผลที่เข้าท่าดีนะคะ 555)
แม่เขาก็ว่าๆๆๆเรา และตบท้ายด้วยบอกว่า "แม่ก็รักเรานะ เราร่าเริง แจ่มใส" (รักเราจริงใจด้วยการไล่เราที่มาจากตจว. รักเรามากค่ะ)
เราบอกแม่เขาว่าเราไม่ได้ทำอะไรลูกเขาเลยนะเรางง แม่เขาเข้าข้างลูกเขาค่ะบอกว่าเราอาจจะไปพูด ไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ เขารู้จักลูกเขาดี
แล้วบอกให้เราต้องยอมรับนะว่ามันไปกันไม่ได้ (โอ้โห พูดง่ายจังเลยนะคะ)
เราเลยบอกแม่เขาว่าลูกเขาไม่เป็นลูกผู้ชายเลย แม่เขาว่าไงรู้มั้ยคะ แม่เขาว่านี่เรากำลังด่าลูกเขาอยู่เหรอ (ก็ใช่สิคะ ถามมาได้ไง)
เราไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เราเลยบอกแม่เขาไปว่าเดี๋ยวเราไปนอนกับเพื่อนก็ได้ค่ะ แม่เขาบอกว่าอ้อ ดีเลย (แล้วไม่กลัวเพื่อนเราติดโควิดบ้างเหรอคะ 555)
และแม่เขาบอกว่าเรามีคีการ์ดกับกุญแจหอลูกเขาใช่มั้ย ให้เราเอาใส่ซองแล้วฝากเจ้าหน้าที่หอไว้นะ คือ???
เราพยายามติดต่อผู้ชาย ว่าเราขออยู่ที่นี่ก่อนนะ เราไม่มีที่ไป แต่ติดต่อไม่ได้เลยค่ะ
พอแม่เรารู้เรื่องเลยโทรหา เพื่อจะคุยกับแม่ผู้ชาย แต่แม่ผู้ชายไม่ยอมรับโทรศัพท์แม่เราเลยค่ะ
ทำเป็นไม่ว่างโทร แต่ว่างโทรมาไล่ๆเราได้ ตลกดีนะคะ ไม่กล้าคุยกันกับผู้ใหญ่ แต่มาไล่กับเด็กไร้ทางสู้แบบเรา
เราไม่รู้ทำยังไงคืนนั้นเราเหมือนคนเร่ร่อน ต้องไปอยู่ที่สกายวอร์ค BTS สมเพชตัวเองมากค่ะ
เราพยายามติดต่อผู้ชาย จนติดต่อได้ เขาบอกให้เรากลับไป อย่าให้ต้องไล่นะ เจ็บมากค่ะ
จนเราบินกลับบ้าน เราแอบเข้าไลน์เค้า เราถึงได้รับรู้ความจริงว่าในขณะที่เราร้องไห้ คิดว่าเราทำผิดอะไร
เขากำลังคุยอย่างมีความสุขกับผู้หญิงคนหนึ่ง คุยจนมีประโยคว่า ต้องรีบเก็บเงินไปขอแล้วล่ะ (ทั้งที่พึ่งคุยกันไม่กี่วัน ตลกดีมั้ยคะ)
และเราเค้นหาเหตุผลจากเขา เขาบอกว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด เราเข้ากันไม่ได้ (เราถามตอนไหน เขาตอบตั้งแต่แรก แล้วแม่มยังคบเราเพื่อ)
เหตุผลโง่ๆที่จะไล่เราออกไปจากชีวิตเพราะเขาคิดว่าเขาเจอผู้หญิงคนใหม่ (ในเกม) ที่สวย สดใส ไม่เหมือนเราที่ซึมเศร้า
เขาทำแม้กระทั่งหลบอยู่หลังเด็กผู้หญิงคนนั่นนั้น แล้วเอาพวกเพื่อนผู้หญิงมารุมด่าเราทั้งที่ไม่รู้ความเป็นจริง
และเพื่อนผู้หญิงที่อยากได้ผู้ชายคนนี้จนตัวสั่น เลือกที่จะฟังผช. มากกว่าเรา ทั้งที่เขานอกใจเรา
สรุปนะคะ
1. ถ้าแม่ผู้ชายรับเราไม่ได้ อย่าคบเลยค่ะ ยากที่จะมีความสุข ตัวเราจะทุกข์
2. อย่าไว้ใจคำพูดผู้ชายว่าจะดูแลคนอย่างพวกเราได้ วันนึงที่เขาเจออาการดิ่งของคนอย่างพวกเรา เขาอาจตาขาว และจากเราไป
ไอ้คำพูดหลอกลวงหลอกล่อตอนอยากได้ทั้งหลายพึงระวัง อย่าเชื่อค่ะ
3. สุดท้ายเขาเอาคำว่าเราเป็น 'โรคซึมเศร้า' มาเป็นเหตุผลในการเลิกกับเราให้กับทุกคน มันจะทำให้คนอย่างพวกเราตกลงไปในหลุมดำมือลึกไปกว่าเดิม
เจ็บปวด และกลายเป็นเรื่องคอยตอกย้ำว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้านั้นแย่มาก เป็นพวกที่ไม่ควรเข้าใหล้
ข้อความที่เราได้อ่านได้รับรู้มันเจ็บปวดมากค่ะ เพื่อนรอบตัวเขาเอง ก็เข้าข้างว่าคนที่อยู่กับคนเป็นโรคซึมเศร้าต้องเข้าใจเราฝ่ายเดียว
ต้องเหนื่อยมากๆ (โดยที่เขาไม่ปฏิเสธ ไม่แมนเลย ว่าเขาดูแลเราไม่ได้เองเหมือนที่เคยพูดตอนอยากได้เรา)
เหมือนโยนความผิดให้เรา และบอกเพื่อนว่าไม่ได้มีผู้หญิงคนอื่น (ภาพลักษณ์ของเขาในกลุ่มเพื่อนคือเป็นคนดี ยอมคน ใจเย็น)
แสดงว่าเราต้องแย่สุดๆ คนแบบเขาถึงทนไม่ไหว ทั้งๆที่เขาไม่ได้รู้ความจริงจากฝ่ายเราเลย ว่าเราต้องอดทนแค่ไหน
ที่พยายามทำเป็นเข้มแข็ง มีเรื่องทุกข์ใจก็คุยกับเขาไม่ได้ เขาตัดสินเรา และบ่อยครั้งที่เราเจอเรื่องแย่มาก็เลือกมี่จะไม่บอกเขาเพราะกลัวเขาเครียด
ไม่อยากให้เขาต้องมารับฟังเรื่องแย่ๆ เราทนรับความเจ็บปวดไว้คนเดียว และทำเป็นร่าเริงกับเขา เราต้องเหนื่อยมากแค่ไหน เศร้ามากแค่ไหน
ตอนนี้เรายังอยู่กับความเจ็บปวด โทษตัวเองว่าเพราะเราเป็นซึมเศร้า เจ็บปวดกับการที่เขานอกใจ
เจ็บปวดกับความจริงที่ได้รู้จากแฟนเก่าเขาว่าเขาอยากกลับไปหาทั้งที่คบกับเราอยู่
เจ็บปวดที่ได้รู้จากแฟนเก่าเขาว่าแม่เขารังเกียจเราจนขนาดประกาศตัดขาดกับเขา ไม่ให้ความช่วยเหลือการเงินหรือใดๆทั้งสิ้น
มันเจ็บปวดมากจริงๆค่ะ จนเราคิดว่าคนอย่างเรา คนที่เป็น 'โรคซึมเศร้า' อย่างเรา ไม่ควรมีความรัก ไม่ควรเข้าไปในชีวิตใคร
เพราะสุดท้ายสิ่งนี้อาจเป็นเหตุผลในการเลิก และยิ่งตอกย้ำว่าเราแย่ ไร้ค่ามากแค่ไหน ยิ่งดิ่งลึกลงไป
แม่เขาคงจะดีใจมากๆที่เขาเลิกกับเรา
เราไม่เคยโดนใครดูถูกมากขนาดนี้เลยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่รับหังเรื่องราวของเรามาถึงตอนนี้ค่ะ และหวังว่ากระทู้อาจจะมีประโยชน์กับใครที่ตกอยู่ในสภาวะแบบเรา
แม่แฟนรับไม่ได้ที่เราเป็นโรคซึมเศร้า ขอให้แฟนเลิกกับเรา เราควรทำยังไงคะ
ซึ่งอาการเราตอนนี้ไม่ได้เป็นหนักขนาดคิดฆ่าตัวตายแล้ว
และเราไม่ได้เป็นมากขนาดทำร้ายตัวเองค่ะ
มีแค่อาการเศร้า วิตกกังวลง่าย เราพบหมอและรับยาเป็นประจำ
แฟนเขารับได้ในสิ่งที่เราเป็น และเป็นห่วง อยากดูแลเรา
แต่แฟนเราเขาคุยกับแม่เขาแทบทุกเรื่องค่ะ
เขาก็เลยบอกแม่เขาว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า
ซึ่งตัวเราไม่อยากให้บอกหรอกค่ะ น้อยคนมากที่จะเข้าใจ และไม่มองว่าโรคทางจิตไม่ใช่คนบ้า
ทำให้เราเองก็อาย ไม่อยากบอกใครเลยว่าเราเป็น นอกจากคนที่เราไว้ไจ
(เรามาทราบว่าแฟนบอกแม่เขาหลังจากที่เขามีปัญหากับแม่เรื่องเราค่ะ)
ทีแรกที่แม่เขายังไม่รู้ แม่เขาก็ดูจะเอ็นดูเราดีนะคะ
แต่พอรู้ว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า แม่เขาก็ขอให้ผู้ชายห่างเราออกมาได้ไหม
เราเจ็บมากเลยค่ะ เรารู้สึกว่าเราเป็นตัวน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ
เราทำอะไรผิดเหรอ ทำไมเขาตัดสินเราแบบนี้
เอาจริงๆตอนนี้เรารู้สึกติดลบกับแม่เขาไปแล้วค่ะ
เราเสียใจที่เขาตัดสินเราง่ายๆ และดูเหมือนรังเกียจเรากับสิ่งที่เราเป็น
เราเข้าใจว่าแม่เขาอยากให้ลูกได้เจอกับคนที่สมบูรณ์แบบ
แต่เราเองก็รู้สึกว่าเราก็เป็นลูกมีพ่อมีแม่เหมือนกันนะ ทำไมต้องรังเกียจเราขนาดนั้นเลยเหรอ
ก่อนหน้านี้ยังคุยดีๆกับเราดีอยู่เลย แต่พอรู้ก็อยากให้ผู้ชายเลิกกับเรา
น้ำเสียงที่แม่เขาพูด สิ่งที่แม่เขาพูด ทำเรารู้สึกแย่ไปหมดค่ะ
มันอธิบายความรู้สึกไม่ถูกเลยค่ะ เจ็บปวดกับการถูกตัดสินไปหมด
แต่แฟนเราเค้าไม่อยากเลิกกับเรา เขาขอให้รอแม่เขาเปิดใจ เขาขอเวลาให้แม่เขา
เขาจะทำให้แม่เขาเปิดใจ แต่... ความรู้สึกเรามันติดลบไปแล้วค่ะ
รักแฟนก็รักนะคะ แต่เราก็รู้สึกไม่โอเคที่แม่เขามองเราเป็นสิ่งไม่ดี
ถึงขนาดที่ไม่ยอมรับเรา ต้องขอให้ผู้ชายเลิกกับเรา
มีใครเคยเจอสถานการณ์แบบนี้บ้างไหมคะ
เราควรจะออกมามั้ย เราควรจะทำยังไงดีคะ
........................................................
ขอแถมอีกนิดเผื่อมีใครได้มาอ่านนะคะ อยากให้เปลี่ยนความคิด
คนที่ไปพบจิตแพทย์ หรือรับการรักษาทางจิตเวชไม่จำเป็นจะต้องเป็น ‘คนบ้า’ เท่านั้นนะคะ
เขาอาจจะแค่เครียด หรือสภาวะทางจิตใจมันไว และอ่อนไหวง่ายกับเรื่องต่างๆ
อาจเกิดจากสารเคมีในสมองที่ไม่สมดุล ควรได้รับยาหรือการรักษา
ซึ่งบางทีการเครียดสะสม นอนไม่เพียงพอ ก็ทำให้สารเคมีในสมองมันเสียสมดุลได้
หรือการผิดหวังอย่างหนักจากเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็ทำให้คนปกติมาเป็นโรคซึมเศร้าได้
หมายความว่าคนที่คิดว่าตัวเองปกติ สักวันอาจจะเป็นโรคซึมเศร้า ไบโพลาร์ ฯลฯ ได้
เช่นเราเองก็เคยเป็นคนปกติ ร่าเริง ก็ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะมาเป็นโรคซึมเศร้าหรอกค่ะ
เคยมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว จริงๆมันอยู่ใกล้ตัวนิดเดียว
โรคเหล่านี้หายได้ ถ้าได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและถูกต้อง
และสำคัญที่สุดคือกำลังใจจากคนรอบข้างค่ะ สำคัญมากๆๆๆ
อย่าไปด่า ดูถูก หรือรังเกียจ หาว่าเขาเป็นคนบ้า เป็นโรคจิตนะคะ มันต่างกัน
เพราะคนเหล่านี้ยังรู้จักผิดชอบชั่วดี และดำเนินชีวิตได้ปกติอยู่
ให้กำลังใจเขาจะดีที่สุดค่ะ หรือถ้าไม่รู้จะพูดอะไรก็รับฟังเขาก็ยังดีนะคะ
......
Update เผื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่กำลังเจอปัญหาแบบเรานะคะ 29/11/64
เผื่อบางคนเจอสถานการณ์แบบนี้ อาจเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจค่ะ
'ตอนนี้เรากับเขาเลิกกันมาได้ประมาณ 8 เดือนแล้วค่ะ'
เหตุผลที่เขาบอกเพื่อนๆว่าเลิกกับเราทำไม คือ เขาบอกกับเพื่อนว่าเราเป็น 'โรคซึมเศร้า' และอาการหนักแต่แรก
ทั้งที่ความจริงแล้วเขาเบื่อเรา และมีผู้หญิงคนใหม่ อีกทั้งยังลืมแฟนเก่าไม่ได้
อยากจะกลับไปหาแฟนเก่า ตั้งแต่คบกับเราได้ประมาณ 2-3 เดือน อันนี้แฟนเก่าเขามาเล่าให้เราฟังค่ะ
ทั้งที่แฟนเก่าเขาทิ้งเขาไปมีผู้ชายคนใหม่เพราะเบื่อความไม่มีอนาคตของเขา
เรามารู้หลังจากที่อยู่เขาก็หายไปจากเรา ทิ้งเราเหมือนทิ้งขยะ อยู่เราก็ติดต่อเขาไม่ได้เลยค่ะ
เขาทำกับเหมือนตอนที่แฟนเก่าทิ้งเขา
และเราเป็นแค่ตัวแก้ขัดแก้เหงา เพราะตอนนั้นแฟนเก่าเค้าคุยกับผู้ชายคนใหม่
เขาเศร้า เขาเหงา เขาเสียใจ และสุดท้ายก็เข้าหาเราเพื่อจะได้แก้เหงา
มันเจ็บตรงที่เรานึกว่าเขาเป็นคนดี รักเราจริงๆ
ประโยคที่จำได้ดีเลยคือเขาบอกว่า "เขามั่นใจ เขาจะทำให้เราหายจากโรคนี้ได้แน่นอน" เราจำได้แม่น
จะอยู่กันไปจนแก่เฒ่า รักเราจนยอมตายแทนได้เลย (เหอๆ)
แต่คบกันได้ไม่นานเราก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง เขาดูเหนื่อย และเคยขอออกมาจากเรา เขาบอกว่าเขาไม่ไหวแล้ว
แช้วเราพึ่งรู้ความจริงหลังจากเลิกกับเขาเรื่องเขาอยากกลับไปหาแฟนเก่า มันเจ็บมากเลยค่ะ เจ็บสุดๆ
เราไม่รู้ตัวเลยว่าเขาแอบทำแบบนี้ แต่แฟนเก่าเขาไม่เอาด้วย เราได้กลับมาคบกันต่อ
ส่วนประเด็นแม่ผู้ชาย เราได้มีโอกาสไปเที่ยวกับครอบครัวเขาที่ต่างจังหวัด ครอบครัวเขาไปกันหลายคนค่ะ
สิ่งที่เรารับรู้ได้เลยคือครอบครัวเขาไม่ต้อนรับเราเลยค่ะ ไม่มีใครพูดกับเราสักคน และรับรู้ได้ถึงความดูถูกเรา
เราเป็นคนพูดน้อยไม่กล้าเข้าหาใคร หรือเอาใจใครเก่ง เราคิดว่าเราผิดเองมั้ย
แต่ทำไมกับครอบครัวแฟนเก่าเราเขาต้อนรับเราดีมากๆเลยค่ะ พี่ๆเขาเข้าหาชวนเราคุยเหมือนรู้จักเราเป็นสิบปี
และทั้งทริปไม่มีใครในครอบครัวเขาชวนเราคุยเลยค่ะ เหมือนเราไม่มีตัวตน
สิ่งที่พีคสุดๆสำหรับเราคือ แม่เขาค่ะ ตอนทานข้าวแม่เขาตักอาหารจากอีกฟั่งของโต๊ะที่เรากับแฟนคักไม่ถึง
แม่เขาตักให้แค่ลูกของเขาค่ะ ตอนนั้นในใจเราช็อคไปเลย ขางคนอาจจะว่าเราคิดมากไปไหม
แต่สำหรับเราเราว่ามันเป็นมารยาทในการต้อนรับคนๆนึงค่ะ ต้อนรับแขก คนที่เป็นแฟนของลูก
เราว่ามันชัดเจนมากค่ะ เราปรึกษากับแม่เรา แม่เราบอกว่าเลยว่าแย่มาก แม่เขาชัดเจน ทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติเราเลย
ในขณะที่บ้านเราต้อนรับเขาเป็นอย่างดี และครอบครัวแฟนเก่าเราก็ต้อนรับเรา กลัวเราไม่ได้กินนั่นนู่นนี่ ต่างจากครอบครัวผู้ชายคนนี้มากค่ะ
เป็นการไปเที่ยวที่เราไม่มีความสุขเลย มันอึดอัดไปหมด
และกลับมาที่หลังจากที่เราติดต่อเขาไม่ได้ เราไปอยู่ตจว.เราบินไปหาเขาที่กทม. เลย
เราอยากรู้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่พอเขาประตูมาเจอเราเขาไม่พอใจเลยค่ะ
และถามว่า "มาทำไม" ในคืนนั้นเขานอนไม่หลับฟึดฟัด รับรู้ได้ว่ารังเกียจเรา
และเช้าอีกวันถัดมาเขารีบอาบน้ำแต่เช้าเก็บของ เพื่อจะหนีเราไปอยู่คอนโดพี่สาวเขา
เรางงมากว่าจะอะไรขนาดนี้ แม้แต่ผ้าห่มเขาเอาไปห่มคนเดียว คืนนั้นเราหนาวมาก ต้องเอาหมอนมาปกๆตัว
และคืนนั้นแม่ของเขาโทรมาไล่เราค่ะ (ก่อนหน้านี้แม่เขาไม่รู้ว่าลูกเขาทำอะไรกับเรา (เลิกกับเรา ซึ่งสำหรับเราเลิกกัยตอนไหน?)) ให้เรากลับ ว่าๆเรามาทำไม โควิดเยอะ เขากลัว
เราถามแม่เขาว่ากลัวอะไร แม่เขาบอกว่ากลัวเราทำลูกเขาติดโควิดค่ะ (เป็นเหตุผลที่เข้าท่าดีนะคะ 555)
แม่เขาก็ว่าๆๆๆเรา และตบท้ายด้วยบอกว่า "แม่ก็รักเรานะ เราร่าเริง แจ่มใส" (รักเราจริงใจด้วยการไล่เราที่มาจากตจว. รักเรามากค่ะ)
เราบอกแม่เขาว่าเราไม่ได้ทำอะไรลูกเขาเลยนะเรางง แม่เขาเข้าข้างลูกเขาค่ะบอกว่าเราอาจจะไปพูด ไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ เขารู้จักลูกเขาดี
แล้วบอกให้เราต้องยอมรับนะว่ามันไปกันไม่ได้ (โอ้โห พูดง่ายจังเลยนะคะ)
เราเลยบอกแม่เขาว่าลูกเขาไม่เป็นลูกผู้ชายเลย แม่เขาว่าไงรู้มั้ยคะ แม่เขาว่านี่เรากำลังด่าลูกเขาอยู่เหรอ (ก็ใช่สิคะ ถามมาได้ไง)
เราไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เราเลยบอกแม่เขาไปว่าเดี๋ยวเราไปนอนกับเพื่อนก็ได้ค่ะ แม่เขาบอกว่าอ้อ ดีเลย (แล้วไม่กลัวเพื่อนเราติดโควิดบ้างเหรอคะ 555)
และแม่เขาบอกว่าเรามีคีการ์ดกับกุญแจหอลูกเขาใช่มั้ย ให้เราเอาใส่ซองแล้วฝากเจ้าหน้าที่หอไว้นะ คือ???
เราพยายามติดต่อผู้ชาย ว่าเราขออยู่ที่นี่ก่อนนะ เราไม่มีที่ไป แต่ติดต่อไม่ได้เลยค่ะ
พอแม่เรารู้เรื่องเลยโทรหา เพื่อจะคุยกับแม่ผู้ชาย แต่แม่ผู้ชายไม่ยอมรับโทรศัพท์แม่เราเลยค่ะ
ทำเป็นไม่ว่างโทร แต่ว่างโทรมาไล่ๆเราได้ ตลกดีนะคะ ไม่กล้าคุยกันกับผู้ใหญ่ แต่มาไล่กับเด็กไร้ทางสู้แบบเรา
เราไม่รู้ทำยังไงคืนนั้นเราเหมือนคนเร่ร่อน ต้องไปอยู่ที่สกายวอร์ค BTS สมเพชตัวเองมากค่ะ
เราพยายามติดต่อผู้ชาย จนติดต่อได้ เขาบอกให้เรากลับไป อย่าให้ต้องไล่นะ เจ็บมากค่ะ
จนเราบินกลับบ้าน เราแอบเข้าไลน์เค้า เราถึงได้รับรู้ความจริงว่าในขณะที่เราร้องไห้ คิดว่าเราทำผิดอะไร
เขากำลังคุยอย่างมีความสุขกับผู้หญิงคนหนึ่ง คุยจนมีประโยคว่า ต้องรีบเก็บเงินไปขอแล้วล่ะ (ทั้งที่พึ่งคุยกันไม่กี่วัน ตลกดีมั้ยคะ)
และเราเค้นหาเหตุผลจากเขา เขาบอกว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด เราเข้ากันไม่ได้ (เราถามตอนไหน เขาตอบตั้งแต่แรก แล้วแม่มยังคบเราเพื่อ)
เหตุผลโง่ๆที่จะไล่เราออกไปจากชีวิตเพราะเขาคิดว่าเขาเจอผู้หญิงคนใหม่ (ในเกม) ที่สวย สดใส ไม่เหมือนเราที่ซึมเศร้า
เขาทำแม้กระทั่งหลบอยู่หลังเด็กผู้หญิงคนนั่นนั้น แล้วเอาพวกเพื่อนผู้หญิงมารุมด่าเราทั้งที่ไม่รู้ความเป็นจริง
และเพื่อนผู้หญิงที่อยากได้ผู้ชายคนนี้จนตัวสั่น เลือกที่จะฟังผช. มากกว่าเรา ทั้งที่เขานอกใจเรา
สรุปนะคะ
1. ถ้าแม่ผู้ชายรับเราไม่ได้ อย่าคบเลยค่ะ ยากที่จะมีความสุข ตัวเราจะทุกข์
2. อย่าไว้ใจคำพูดผู้ชายว่าจะดูแลคนอย่างพวกเราได้ วันนึงที่เขาเจออาการดิ่งของคนอย่างพวกเรา เขาอาจตาขาว และจากเราไป
ไอ้คำพูดหลอกลวงหลอกล่อตอนอยากได้ทั้งหลายพึงระวัง อย่าเชื่อค่ะ
3. สุดท้ายเขาเอาคำว่าเราเป็น 'โรคซึมเศร้า' มาเป็นเหตุผลในการเลิกกับเราให้กับทุกคน มันจะทำให้คนอย่างพวกเราตกลงไปในหลุมดำมือลึกไปกว่าเดิม
เจ็บปวด และกลายเป็นเรื่องคอยตอกย้ำว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้านั้นแย่มาก เป็นพวกที่ไม่ควรเข้าใหล้
ข้อความที่เราได้อ่านได้รับรู้มันเจ็บปวดมากค่ะ เพื่อนรอบตัวเขาเอง ก็เข้าข้างว่าคนที่อยู่กับคนเป็นโรคซึมเศร้าต้องเข้าใจเราฝ่ายเดียว
ต้องเหนื่อยมากๆ (โดยที่เขาไม่ปฏิเสธ ไม่แมนเลย ว่าเขาดูแลเราไม่ได้เองเหมือนที่เคยพูดตอนอยากได้เรา)
เหมือนโยนความผิดให้เรา และบอกเพื่อนว่าไม่ได้มีผู้หญิงคนอื่น (ภาพลักษณ์ของเขาในกลุ่มเพื่อนคือเป็นคนดี ยอมคน ใจเย็น)
แสดงว่าเราต้องแย่สุดๆ คนแบบเขาถึงทนไม่ไหว ทั้งๆที่เขาไม่ได้รู้ความจริงจากฝ่ายเราเลย ว่าเราต้องอดทนแค่ไหน
ที่พยายามทำเป็นเข้มแข็ง มีเรื่องทุกข์ใจก็คุยกับเขาไม่ได้ เขาตัดสินเรา และบ่อยครั้งที่เราเจอเรื่องแย่มาก็เลือกมี่จะไม่บอกเขาเพราะกลัวเขาเครียด
ไม่อยากให้เขาต้องมารับฟังเรื่องแย่ๆ เราทนรับความเจ็บปวดไว้คนเดียว และทำเป็นร่าเริงกับเขา เราต้องเหนื่อยมากแค่ไหน เศร้ามากแค่ไหน
ตอนนี้เรายังอยู่กับความเจ็บปวด โทษตัวเองว่าเพราะเราเป็นซึมเศร้า เจ็บปวดกับการที่เขานอกใจ
เจ็บปวดกับความจริงที่ได้รู้จากแฟนเก่าเขาว่าเขาอยากกลับไปหาทั้งที่คบกับเราอยู่
เจ็บปวดที่ได้รู้จากแฟนเก่าเขาว่าแม่เขารังเกียจเราจนขนาดประกาศตัดขาดกับเขา ไม่ให้ความช่วยเหลือการเงินหรือใดๆทั้งสิ้น
มันเจ็บปวดมากจริงๆค่ะ จนเราคิดว่าคนอย่างเรา คนที่เป็น 'โรคซึมเศร้า' อย่างเรา ไม่ควรมีความรัก ไม่ควรเข้าไปในชีวิตใคร
เพราะสุดท้ายสิ่งนี้อาจเป็นเหตุผลในการเลิก และยิ่งตอกย้ำว่าเราแย่ ไร้ค่ามากแค่ไหน ยิ่งดิ่งลึกลงไป
แม่เขาคงจะดีใจมากๆที่เขาเลิกกับเรา
เราไม่เคยโดนใครดูถูกมากขนาดนี้เลยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่รับหังเรื่องราวของเรามาถึงตอนนี้ค่ะ และหวังว่ากระทู้อาจจะมีประโยชน์กับใครที่ตกอยู่ในสภาวะแบบเรา