ประสบการณ์เลวร้าย กับการสอบราชการ ครั้งแรกในชีวิต

ผมได้มีโอกาสไปสอบเข้าราขการ ครั้งแรกในชีวิต ตามความหวังของพ่อแม่ และตัวผมเอง ซึ่งก็ได้ไปสมัครล่วงหน้าทางเว็บรับสมัครสอบของทางการ ดำเนินการตามขั้นตอนและชำระเงินเรียบร้อย ได้อ่านกฎระเบียบในการสอบพร้อมปฏิบัติตามอย่างดี มีเวลาเตรียมตัวสอบประมาณ 2 เดือน ซึ่งผมก็ได้อ่านแนวข้อสอบ และหนังสือความรู้ที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมสำหรับสอบมาอย่างดี นอกจากนี้ยังได้ไปทำบุญก่อนสอบด้วย ขอพร ให้โชคดีในการสอบ ฯลฯ อะไรก็ว่าไป

พอถึงวันสอบ ก็แต่งกายตามระเบียบอย่างเคร่งครัด และไปแสตนด์บายที่สนามสอบแต่เนิ่นๆ โดยสนามสอบจะใช้สถานที่ของมหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่งล่ะกัน ข้อดีของการไปถึงเร็วก็คือขับรถเข้าไปจอดตรงอาคารที่จะสอบได้เลย

แน่นอนว่าก่อนสอบก็จะต้องตื่นเต้นใช่ไหม ผมก็เป็น ยิ่งมาสอบคนเดียวด้วย (คนอื่นส่วนใหญ่มากันเป็นกลุ่มเพื่อน) พอใกล้ถึงเวลาเปิดให้เข้าห้องสอบ ก็ตรวจทานการแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อย เตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบ โทรศัพท์ นาฬิกา ห้ามเอาขึ้นไป เลยเอาเก็บไว้ที่รถ

พอถึงเวลาเปิดให้เข้าห้องสอบ ก็ไปต่อแถวตรวจระเบียบ ก่อนขึ้นอาคารสนามสอบ ผมนี่โดนแก้ระเบียบไป 3 รอบ

-รอบแรก โดนเรื่องปากกา Sheafter เพราะเขาห้ามปากกาที่ด้ามเป็นโลหะ ยางลบโดนยึด เดินกลับไปเก็บที่รถ เหลือไว้แต่ปากกาสำรอง ด้ามละ 10 บาท
-รอบสอง โดนเรื่องสายข้อมือ ถ้าไม่ให้เขายึดก็เอาไปเก็บที่รถ ผมให้เขายึดไปเลย ขี้เกียจเดินกลับไปที่รถอีกรอบ เหลือไว้แต่สายสิญจน์ผูกข้อมือ
-รอบสาม โดนหักดินสอ เพราะเขาห้ามดินสอที่มียางลบอยู่ด้านบน และถอดฝาปากกา

(แก้ไขเพิ่มเติม): ของที่โดนยึด-เก็บตอนตรวจ ไม่ได้ระบุในเอกสารระเบียบการสอบ แต่เพิ่มมาทั้งนั้น โดนแก้ระเบียบกันไปหลายคน และน้อยคนนักที่จะไม่โดน ในเอกสารระบุแค่ว่า ห้ามอุปกรณ์สื่อสาร เครื่องคิดเลข นาฬิกาข้อมือ หรืออุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่ทุกชนิด ใส่เสื้อยืดแขนสั้น กางเกงวอร์ม ใส่รองเท้าผ้าใบ พร้อมถุงเท้า ไม่ได้ระบุว่าห้ามปากกาโลหะ ยางลบ สายข้อมือยาง ที่โดนยึด-เก็บ และก็ไม่ได้ระบุว่าห้ามสายสิญจน์เลย

จากนั้นก็เดินผ่านเครื่องแสกน ก็ผ่านขึ้นตึกสอบไปได้ ตรงนี้ถ้าใครผ่านแล้วเครื่องร้องต้องกลับมาตรวจใหม่ ผมผ่านเข้าไปได้ แต่หารู้ไม่ว่ายังมีของต้องห้ามหลุดขึ้นไปได้ 1 อย่าง

ขึ้นไปรอที่ห้องสอบ รอประมาณ เกือบๆ ชม. จึงจะถึงเวลาทำข้อสอบ ซึ่งผมได้นั่งแถวหน้าสุดเลย ข้างหน้าก็เป็นโต๊ะกรรมการคุมสอบประจำห้องล่ะ โดยกรรมการแต่ละห้องจะมี 4 คน มีหัวหน้า 1 คน และมีเป็นลูกน้องอีก 3 คน (เข้มงวดมาก)

พอถึงเวลาทำข้อสอบ กรรมการคุมสอบ ก็แจกข้อสอบ ให้ตรวจสอบข้อสอบก่อน แล้วลงมือทำ ตรงนี้แหละครับที่เรื่องจะเกิด

กรรมการฯ บอกให้เริ่มทำข้อสอบได้ ต่างคนต่างก็ลงมือทำ พร้อมกับให้เซ็นเอกสารเช็คชื่อสอบทีละคน จากแถวหน้ามาก่อน ผมอยู่คนที่ 5 พอมาถึงผม กำลังจะเซ็น กรรมการฯ บอกว่า "เดี๋ยว".......

แล้วก็ชี้มาที่ข้อมือซ้ายผม พร้อมพูดว่า "สายสิญจน์นี่ ผ่านเข้ามาได้ยังไง" พร้อมๆ กับหัวหน้ากรรมการฯ ประจำห้องเดินมาดู หัวหน้ากรรมการฯ ก็ถามคำถามเดียวกัน ว่า "ผ่านเข้ามาได้ยังไง" ผมก็บอกไปว่า "ก็ตรวจผ่านมาปกติครับ" หัวหน้ากรรมการฯ ถามอีกว่า "แล้วเขาไม่ตัดให้เหรอ" ผมก็ ครับ ไป จากนั้นหัวหน้ากรรมการฯ ก็บอกเสียงเข้มแข็งว่า "ไม่ได้นะ ห้ามสิ่งของสวมข้อมือทุกชนิด" ....... แล้วก็พูดอะไรอีกยาวเลยจำไม่ได้ เป็นเชิงตำหนิ พร้อมทั้งมีการคุยประสานงานกับเจ้าหน้าที่ ที่อยู่หน้าห้องสอบ จากนั้นก็เดินมา "ขออนุญาตเก็บข้อสอบ" แล้วเก็บข้อสอบพร้อมกระดาษคำตอบผมไปเลย แล้วให้ผมนั่งรออยู่อย่างนั้น จนกว่าจะถึงเวลาที่อนุญาตให้ออกจากห้องสอบ ณ ตอนนั้น ใจหายมาก ใจลงไปอยู่ฝ่าเท้าเลย ระหว่างที่คนอื่นกำลังทำข้อสอบ ผมนี่ก็นั่งร้องไห้อยู่ในใจ ไม่เข้าใจว่า แค่สายสิญจน์เส้นเดียว ถึงขั้นต้องให้งดสอบเลยเหรอ แล้วสายสิญจน์มันเป็นพิษเป็นภัยอะไรต่อการสอบผมก็ไม่ทราบ ใครรู้คอมเม้นบอกหน่อย

ผมยอมรับว่า ตอนนั้นผมอายมาก เพราะนั่งอยู่หน้าห้องด้วย คนข้างหลังคงมองมาแบบไม่ดี แถมเสียใจจนน้ำตาตกในเลย ทำมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้

ถึงเวลาออกจากห้องสอบ ผมลุกออกไปคนแรกๆ เลย เพราะไม่มีข้อสอบให้ทำล่ะ กลับไปที่รถ โทรคุยกับพ่อแม่ ไม่กล้าบอกความจริง บอกไปว่าทำเต็มที่แล้ว แม้จะรู้ทั้งรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางติด (แน่นอน ก็โดนให้งดสอบนี่)

กลับถึงบ้าน ผมตัดสายสิญจน์เส้นนี้ทิ้งเลย เป็นสายสิญจน์ที่ได้มาจากหลวงพ่อดังรูปหนึ่ง อยู่กับข้อมือผมมา 3 ปีกว่าๆ แต่ตอนนี้เชื่อว่าหมดความศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว กลายเป็นยาจก นำพาสิ่งไม่ดีมาให้ผู้ใส่ ทำให้ผมเจอประสบการณ์เลวร้ายแบบนี้

จนตอนนี้ใจยังสั่นไม่หายเลยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่