“ฉัน” เรียกว่า “กลอน”
เหม่อมองไป ไกลสุดตา หาบางอย่าง
เหม่อมองไป บนเส้นทาง สว่างไสว
เหม่อมองแล้ว หัวใจ เฝ้าฝันใฝ่
แต่เลือนลาง เพราะแสนไกล ใจนึกกลัว
มองเพ่งไป นาน นาน ใจฝันหา
มอง มองแล้ว ปรารถนา ไม่นึกกลัว
พอย้อนมอง กลับมา นึกถึงตัว
แสนมืดมัว มองไม่เห็น แม้แสงใด
มองเห็นตัว นึกไป ใจสั่นไหว
มอง มองไป ใจนี้ กลับร่ำไห้
มอง มองแล้ว หมดแรง ก้าวต่อไป
นึกหาใคร มาช่วยฉุด ให้ลุกเดิน
มองหาใคร ไม่เห็น เห็นเพียงตัว
ใครจะมา ช่วยพาไป ทางเจริญ
นอกจากตัว ใครอื่น คงไม่เกิน
ช่วยลุกเดิน ต่อไป อย่างมั่นคง
คิดได้แล้ว ใจตัว มีพลัง
สร้างความหวัง ครั้งใหม่ ให้ธำรง
สร้างนานไป พลังใจ ก็ลดลง
สุดท้ายปลง คงทำได้ เพียงเท่านี้
พอย้อนไป นึกถึงคน อยู่เบื้องหลัง
น้ำตาหลั่ง ไหลรินเปื้อน ปฐพี
ถ้าคิดได้เท่านี้ เขาฤา จะสุขศรี
เกิดเป็นคนทั้งที จะเอาดี มิได้ฤา
คิดใหม่ ทำใหม่ ฝ่าฟัน สู่หนทาง
ทำบางอย่าง เหนื่อยล้า ก็อย่าฝืน
พักผ่อนบ้าง ให้ใจกาย ได้ฟื้นคืน
ให้เต็มตื่น พร้อมก้าวใหม่ อย่างสุขี
กาลเวลา ผ่านไป ใจไหวหวั่น
ความคิดนั้น หายไป ในวันนี้
ระอาใจ เหลือคณา เป็นคนทั้งที
กลับเอาดี ได้เพียง แค่ชั่วคราว
กลอนเก่า เก็บมาเล่า
เหม่อมองไป ไกลสุดตา หาบางอย่าง
เหม่อมองไป บนเส้นทาง สว่างไสว
เหม่อมองแล้ว หัวใจ เฝ้าฝันใฝ่
แต่เลือนลาง เพราะแสนไกล ใจนึกกลัว
มองเพ่งไป นาน นาน ใจฝันหา
มอง มองแล้ว ปรารถนา ไม่นึกกลัว
พอย้อนมอง กลับมา นึกถึงตัว
แสนมืดมัว มองไม่เห็น แม้แสงใด
มองเห็นตัว นึกไป ใจสั่นไหว
มอง มองไป ใจนี้ กลับร่ำไห้
มอง มองแล้ว หมดแรง ก้าวต่อไป
นึกหาใคร มาช่วยฉุด ให้ลุกเดิน
มองหาใคร ไม่เห็น เห็นเพียงตัว
ใครจะมา ช่วยพาไป ทางเจริญ
นอกจากตัว ใครอื่น คงไม่เกิน
ช่วยลุกเดิน ต่อไป อย่างมั่นคง
คิดได้แล้ว ใจตัว มีพลัง
สร้างความหวัง ครั้งใหม่ ให้ธำรง
สร้างนานไป พลังใจ ก็ลดลง
สุดท้ายปลง คงทำได้ เพียงเท่านี้
พอย้อนไป นึกถึงคน อยู่เบื้องหลัง
น้ำตาหลั่ง ไหลรินเปื้อน ปฐพี
ถ้าคิดได้เท่านี้ เขาฤา จะสุขศรี
เกิดเป็นคนทั้งที จะเอาดี มิได้ฤา
คิดใหม่ ทำใหม่ ฝ่าฟัน สู่หนทาง
ทำบางอย่าง เหนื่อยล้า ก็อย่าฝืน
พักผ่อนบ้าง ให้ใจกาย ได้ฟื้นคืน
ให้เต็มตื่น พร้อมก้าวใหม่ อย่างสุขี
กาลเวลา ผ่านไป ใจไหวหวั่น
ความคิดนั้น หายไป ในวันนี้
ระอาใจ เหลือคณา เป็นคนทั้งที
กลับเอาดี ได้เพียง แค่ชั่วคราว