เมื่อวันศุกร์ที่ 24 มิ.ย. 62 ที่ผ่านมา มีจนท.จากบัตรเครดิต KTC (กรุงไทย) ติดต่อมาตามที่ผมได้ส่ง email แจ้งเรื่องเจ้าของบัตรเสียชีวิต (เป็นพ่อตาของผม)
โดยใน email ผมได้แนบสำเนาใบมรณบัตร สำเนาเอกสารการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก (เอกสารที่ทางศาลออกให้ มีหัวเอกสารเขียนว่า ในพระปรมาภิไธยฯ) สำเนาบัตรประชาชนของผจก.มรดก และสำเนาหน้า book บัญชีธนาคารกสิกร พร้อมคำถามเกียวกับการขอให้โอนเงินที่เจ้าของบัตรชำระเกินไว้ให้โอนเข้าบัญชีเงินฝากของผู้จัดการมรดก
แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่แจ้งมานั้น ผมถึงกับงงว่า เอกสารที่ส่งไปกลับไม่เพียงพอซะอย่างนั้น
เจ้าหน้าที่แจ้งว่า จะต้องขอใบเสร็จชำระเงินเพื่อยืนยันว่ามีการชำระมาเกินจริงๆ แต่ถ้าไม่มีให้แจ้งความลงเป็นบันทึกประจำวันไว้ นอกจากนี้บัญชีที่จะให้โอนขอเป็นบัญชีธนาคารกรุงไทยไปอีก
คือเรื่องแจ้งความพอจะเข้าใจได้นะครับ แต่เรื่องบัญชีเงินฝากที่ให้โอนคืนนี่สิ ต้องบังคับเป็นธนาคารกรุงไทยด้วยเหรอ สมัยนี่มันโอนต่างธนาคารไม่มีค่าใช้จ่ายแล้วนะ เจ้าหน้าที่ไม่ทราบเหรอ
อีกเรื่องคือกรณีแจ้งความ ผมย้อนกลับไปถามเจ้าหน้าที่ว่ามีใน Policy ของบริษัทไหม เจ้าหน้าที่ตอบว่าไม่มี แต่ต้องขอเพื่อป้องกันกรณีที่อาจมีญาติหรือบุคคลอื่นโต้แย้งหรือทักท้วง ซึ่งผมฟังแล้วก็เข้าใจได้และมีเหตุผล
แต่ถามจริงๆครับเอกสารใบแต่งตั้งผจก.มรดก เป็นเอกสารที่ออกจากศาล และก่อนออกมาเป็นเอกสารจากศาล เขามีประกาศออกไปแล้วว่าการแต่งตั้งนี้สามารถทักท้วงโต้แย้งได้ และประกาศรอผู้โต้แย้งเป็นเดือนๆ เมื่อไม่มีใครโต้แย้งจึงจะออกเป็นเอกสารแต่งตั้ง
อ้อ.. และเผื่อไม่รู้นะครับ ก่อนจะขอเอกสารนี้ จะต้องขึ้นศาลก่อนนะครับ ยืนบน court แบบในละครน่ะแหละ เพื่อให้ศาลไต่สวนก่อนที่จะอนุมัติเป็นเอกสารออกมา
ดังนั้น ใบแจ้งความเนี่ย ยังจำเป็นอยู่ไหม กับเงินหลักพันที่เจ้าของบัตรชำระเกินไว้ แล้วลูกสาวที่เป็นผจก.มรดกจะขอให้โอนคืนเข้าบัญชีต่างธนาคาร
ถ้าท่านใดพอทราบเงื่อนไขการโอนคืน
ปล.ผจก.มรดกคือลูกสาวเจ้าของบัตร
บัตร KTC : สอบถามเงื่อนไขขอให้โอนเงินคืนเข้าบัญชีของ ผจก.มรดก กรณีผู้ถือบัตรเสียชีวิต?
เมื่อวันศุกร์ที่ 24 มิ.ย. 62 ที่ผ่านมา มีจนท.จากบัตรเครดิต KTC (กรุงไทย) ติดต่อมาตามที่ผมได้ส่ง email แจ้งเรื่องเจ้าของบัตรเสียชีวิต (เป็นพ่อตาของผม)
โดยใน email ผมได้แนบสำเนาใบมรณบัตร สำเนาเอกสารการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก (เอกสารที่ทางศาลออกให้ มีหัวเอกสารเขียนว่า ในพระปรมาภิไธยฯ) สำเนาบัตรประชาชนของผจก.มรดก และสำเนาหน้า book บัญชีธนาคารกสิกร พร้อมคำถามเกียวกับการขอให้โอนเงินที่เจ้าของบัตรชำระเกินไว้ให้โอนเข้าบัญชีเงินฝากของผู้จัดการมรดก
แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่แจ้งมานั้น ผมถึงกับงงว่า เอกสารที่ส่งไปกลับไม่เพียงพอซะอย่างนั้น
เจ้าหน้าที่แจ้งว่า จะต้องขอใบเสร็จชำระเงินเพื่อยืนยันว่ามีการชำระมาเกินจริงๆ แต่ถ้าไม่มีให้แจ้งความลงเป็นบันทึกประจำวันไว้ นอกจากนี้บัญชีที่จะให้โอนขอเป็นบัญชีธนาคารกรุงไทยไปอีก
คือเรื่องแจ้งความพอจะเข้าใจได้นะครับ แต่เรื่องบัญชีเงินฝากที่ให้โอนคืนนี่สิ ต้องบังคับเป็นธนาคารกรุงไทยด้วยเหรอ สมัยนี่มันโอนต่างธนาคารไม่มีค่าใช้จ่ายแล้วนะ เจ้าหน้าที่ไม่ทราบเหรอ
อีกเรื่องคือกรณีแจ้งความ ผมย้อนกลับไปถามเจ้าหน้าที่ว่ามีใน Policy ของบริษัทไหม เจ้าหน้าที่ตอบว่าไม่มี แต่ต้องขอเพื่อป้องกันกรณีที่อาจมีญาติหรือบุคคลอื่นโต้แย้งหรือทักท้วง ซึ่งผมฟังแล้วก็เข้าใจได้และมีเหตุผล
แต่ถามจริงๆครับเอกสารใบแต่งตั้งผจก.มรดก เป็นเอกสารที่ออกจากศาล และก่อนออกมาเป็นเอกสารจากศาล เขามีประกาศออกไปแล้วว่าการแต่งตั้งนี้สามารถทักท้วงโต้แย้งได้ และประกาศรอผู้โต้แย้งเป็นเดือนๆ เมื่อไม่มีใครโต้แย้งจึงจะออกเป็นเอกสารแต่งตั้ง
อ้อ.. และเผื่อไม่รู้นะครับ ก่อนจะขอเอกสารนี้ จะต้องขึ้นศาลก่อนนะครับ ยืนบน court แบบในละครน่ะแหละ เพื่อให้ศาลไต่สวนก่อนที่จะอนุมัติเป็นเอกสารออกมา
ดังนั้น ใบแจ้งความเนี่ย ยังจำเป็นอยู่ไหม กับเงินหลักพันที่เจ้าของบัตรชำระเกินไว้ แล้วลูกสาวที่เป็นผจก.มรดกจะขอให้โอนคืนเข้าบัญชีต่างธนาคาร
ถ้าท่านใดพอทราบเงื่อนไขการโอนคืน