เวรกรรมจากการทำแท้ง

บุญกุศลใดๆที่ข้าพเจ้าได้บอกกล่าวเล่าเรื่องราวเพื่อเป็นอุทาหรณ์ และให้ยึดมั่นในความดี ขอผลบุญนี้จงส่งถึงเจ้ากรรมนายเวรด้วยเทอญ...

.................................................................
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาเล่าเกี่ยวกับความทุกข์ และผลกรรมที่เราได้ทำมา อย่างน้อยก็ช่วยให้ผู้ที่อยู่ในวัยรุ่น และผู้ที่กำลังจะทำได้สะกิดใจก็ยังดี

ย้อนกลับไปเมื่อ 16 ปีก่อน ตอนนั้นเราอายุ 15 ปี เราเป็นเด็กที่อยู่ในโอวาสมาตลอด จะทำอะไรก็ต้องให้ดี เพื่อคำชม และความหวังที่ตั้งไว้ของพ่อแม่ ซึ่งบางอย่างเราก็ไม่ได้อยากทำ แต่ก็ต้องทำเพราะพ่อแม่อยากให้ทำ

พ่อแม่เป็นคนหัวโบราณ ไม่ค่อยเข้าใจวัยรุ่น มีอะไรเราไม่เคยคุยกับพ่อแม่ได้เลย ประกอบกับท่านอายุมาก แล้วพี่เราก็มีแต่ผู้ชายซึ่งห่างกัน 15 ปีและ 19 ปี

วัยนี้เป็นวัยอยากรู้อยากเห็น เพื่อนชวนไปไหนก็ไป เพราะตอนเด็กเราไม่ค่อยกล้าขัดใจใคร กลัวไม่มีเพื่อนคบ จนวันนึงพี่ผู้ชายคนนึง ก็ให้เด็กเอาเบอร์โทรมาให้เรา พี่คนนี้เราเคยเจอตอนม.1 ตอนนั้นเราเป็นเด็กกวนๆ ไม่ค่อยชอบเค้าเท่าไหร่ แต่มาตอนนี้ก็อืม ลองคุยกะได้ ไม่เป็นไรมั้ง

พอคุยแล้วติดค่ะ กลายเป็นว่าชอบเค้าจริงๆ เค้ามีนัดให้ไปเป็นเพื่อนที่วิทยาลัย (เค้าแก่กว่าเรา 5 ปี) เราก็โกหกพ่อแม่ไป ซึ่งนั่นคือครั้งแรก เราก็ไปกับเค้า แล้วก็แวะมาบ้านเค้าซึ่งเจอพ่อแม่เค้าเป็นครั้งแรก เค้าก็ถามว่าลูกเต้าใคร พอเค้ารู้ เค้าก็ว่า เค้าเป็นเพื่อนกับอาเรา

หลังจากนั้น ก็ไปเจอเค้าบ่อยๆ แต่ไม่เคยพาเข้าบ้านนะคะ ที่บ้านรับไม่ได้ ความลับมันไม่มีในโลกไง จนวันนึงพ่อรู้ พ่อเลยขับตามไป ไปเจอเราคุยกับเค้าพอดี

ผลคือ กลับมาบ้านพ่อเหวี่ยงเราติดฝาบ้าน แทนที่เราจะเข็ด เรายิ่งต่อต้านและดื้อเข้าไปอีก เราแอบคบกัน ไปเที่ยวงานวัดก็ปล่อยน้องกลับเอง ตัวเองไปกับเค้า แถมมีเรื่องตบตีกับผู้หญิงอีกคน เพราะจับได้ว่า 2 คนนีเไปมีอะไรกัน แต่เรากลับไม่เลิก เพราะผู้ชายไม่ยอมเลิกกับเรา

เราก็คบกันมาตลอด ทะเลาะกันบ่อยเพราะเราขี้งอน จนวันนึงก็พลาดท่ามีอะไรกันจนได้ด้วยวัยแค่ 15 ปี และหลังจากนั้นก็มีอะไรกันมาเรื่อยๆ แต่ไม่ป้องกัน เอาจริงนะ มันเป็นเรื่องที่เราไม่เคยถูกสอนเลย ส่วนเทคโนโลยีตอนนั้นก็ไม่ต้องถามถึง แถมใครไปซื้อยาคุม หรือที่ตรวจ จะโดนสายตาจากมนุษย์ป้า มนุษย์ลุงมองมาด้วยอาการเหยียดและลงมือนินทาต่อหน้า

แล้วก็เกืดเหตุ "ท้อง" เพราะประจำเดือนไม่มา ตรวจก็เจอ ก็ไม่รู้จะทำไงดี ปรึกษาแล้วก็ยังไม่พร้อมทั้งคู่ แล้วแม่ก็มารู้เรื่องให้เราเอาออก เพราะพ่อรู้ต้องตายแน่นอน แม่ก็ไปปรึกษาใครไม่รู้ จนไปซื้อ ยาสอด จากร้านยาร้านหนึ่งในเมือง เค้าให้สอดเข้าไปในช่องคลอดลึกๆ ประมาณ 8 ชม.จะมีก้อนเลือดหลุดออกมา แต่ยาจะได้ผลแค่กับเด็กไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งตอนนั้นเราได้ประมาณเกือบ  2 เดือนแล้ว

เราก็ทำตาม ยังไม่ทันเช้าดีมีอาการปวดท้อง เข้าห้องน้ำ จู่ๆก็มีก้อนเลือดหลุด พลึก! ออกมาจากช่องคลอด เราตกใจมาก อุ้มก้อนนั้นขึ้นมา แม่บอกให้เอาไปฝัง และให้ทำบุญให้เค้าด้วย

หลังจากนั้นเรา 2 คนก็ยังคบกันอยู่ พอเค้าบวชก็ไปทำงานต่างจังหวัด แต่ก็เจอเวลาเค้ากลับมาบ้าน เรา 2 คนทะเลาะบอกเลิกกันบ่อยมาก ตอนประมาณ 17 ปี ปจด. ไม่มาก็กังวลทั้งที่คุมแล้ว ตอนนั้นใกล้จบอีกแค่ปีเดียว จำได้ว่ายายังมีก็สอดไปอีก ปจด.ก็มาหลังจากนั้น 2-3 วัน แต่รอบนี้คือไม่ได้ตรวจ แค่กลัวจะท้อง

จนเวลาผ่านไป ปี 2 ก็เกิดเรื่องอีกจนได้ เราท้อง จากการตรวจ และปจด.ที่ขาด รอบนี้ไม่มียาแล้ว ร้านยานั้นก็ปิดตัวไปแล้ว ตัวผู้ชายจะให้เอาไว้ แต่อีกนัยเราก็ยังเรียนไม่จบ แล้วก็มีเพื่อนของเพื่อนเราแนะนำมาให้ไปทำที่ที่หนึ่ง เค้าจะเป็นการดูดออก ค่าดูดจะแพงตามอายุครรภ์

เรายืมมอไซต์พี่ไป ไปคนเดียว ไปถึงเป็นหมู่บ้านจัดสรรที่หนึ่ง เป็นบ้าน เราก็บอกงี้ๆ ว่าใครแนะนำมา เค้าให้เราเดินตามเค้าไป ข้างในห้องเป็นเตียง เค้าให้เราเปลี่ยนเป็นชุดคล้าย รพ. ขึ้นไปนอนบนเตียง

ไม่มีการวางยาสลบ
ไม่มียาชา
ถ่างขา เอาผ้ายางๆปิดไว้ แล้วเค้าก็ใช้เครื่องอะไรไม่รู้คล้ายเครื่องดูดฝุ่นดูดมันขึ้นมา

จี๊ดดดดดดด
เสียงเครื่องชวนเสียวฟัน แต่พอลงมาที่ช่องคลอด จุก! เหมือนมีอะไรกระแทกท้อง
แล้วเครื่องก็ดูดเสียงดังสนั่น เรากำมือแน่น เสียงดังในลำคอ อ๊อก..อ๊อก บอกเลยว่า เจ็บปวดที่สุดในชีวิต เหมือนมีใครมาต่อยท้องน้อย เจ็บจนร้องไม่ออก ได้ยินเสียงชิ้นเนื้อหลุดเข้าเครื่องคล้ายเครื่องดูดฝุ่น

ไม่ถึงชม.ทุกอย่างก็จบลง...
เราเดินออกหลังจ่ายตังค์แบบตาลอยๆ ไร้ความรู้สึกใดๆ ล่องลอยแต่ก็พาตัวเองกลับหอได้ยังไงไม่รู้ มันว่างเปล่า ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย

คืนนั้นปจด.ก็ไหล แต่เป็นการไหลที่เราแทบตาย เราไม่รู้ว่าเรียก ตกเลือด หรือเปล่า แต่เพื่อนบอกว่าเราซีดมาก แต่ก็ผ่านช่วงนั้นมาได้

พอเรียนจบ เราก็ไปหางานทำที่ใกล้ๆกับแฟน อยู่กินด้วยกันมา 1 ปี (คบกันมา 9 ปี) ก็ทะเลาะกันเสียยกใหญ่ สุดท้ายก็จับได้ว่าแฟนเรา แอบได้เสียกับผู้หญิงอีกคนในที่ทำงานเดียวกัน ทั้งๆที่ผู้หญิงก็ทีสามีอยู่แล้ว
ผู้ชายเป็นฝ่ายขอเลิกเรา เรานี่แทบจะกอดขากอดแขนไม่ให้เค้าไป เค้าก็ผลักไสเป็นหมูเป็นหมา จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันสิ้นปี เราขับรถกลับบ้านแบบตาลอย แถมมาเสียค่าปรับเพราะไม่สวมหมวกอีก

เค้าออกจากบ้านเช่าที่อยู่ด้วยกันไปประมาณเดือนนึงก็กลับมา เพราะแม่ผู้ชายร้องไห้ขอร้อง มาอยู่กับเราได้แค่เดือนเดียวก็เก็บผ้าผ่อนไปอยู่กับผู้หญิงคนใหม่อีก เพราะตอนที่กลับมาเค้าก็ยังติดต่อกันตลอด

เราเลยตัดสินใจ ออกจากบ้านเช่าหลังนั้น ไปอยู่กับพี่หัวหน้างานคนหนึ่ง ที่คิดว่าเค้าดี ผู้ชายพยายามติดต่อมาตลอด เราไม่รับ สุดท้ายก็ส่งข้อความมาว่า จะมาเก็บของตอนไหน จะพา...มาอยู่บ้าน

หลังจากนั้นก็เอาของมา พร้อมกับได้ห้องเช่าใหม่ เราไปไหนมาไหนกับพี่หัวหน้างานบ่อย เรียกว่าติดก็ว่าได้ ได้รถมอไซต์มา 1 คัน แต่ไม่ได้โอนเล่มทะเบียนให้เรา แม่เค้าบอกว่าให้เราไปใช้นะ

....แล้วเวรกรรมก็มาเยือน....
เมื่อเราโดนพี่เค้าหลอกยืมเงิน ที่เป็นเครดิตเราร่วมแสน ด้วยความสำนึกในบุญคุณที่เค้าช่วยตอนออกมาจากบ้านนั้น

คบใครเราก็ต้องเลิก ไม่รู้เพราะอะไร
หลังจากเลิกกับคนนั้นก็จะมี

คนแรก- ตอนนั้น We chat  กำลังฮิต เราก็คุยกันนาน จนไปเจอกัน แล้วก็พลาดมีอะไรกัน คบกันไม่นานก็เลิกมาคบกับคนใหม่ เพราะผู้ชายหายไปดื้อๆ พี่หัวหน้างานก็ยุให้คบคนใหม่ซะเลย

ช่วงนั้นมีหัวหน้าแผนกมาใหม่ และแน่นอน เราเป็นหัวหน้าผู้หญิงคนเดียวในแผนก ด้วยความที่เป็นคนหัวแข็ง หัวหน้าผู้ชายคนนี้ไม่ชอบ เค้าก็สรรหาวิธีแกล้งสารพัด จนถึงขั้นเอาเราไปฉะที่ประชุม ใส่ความสารพัด

คนที่ 2- คบกันไม่เท่าไหร่ แฟนเก่าให้แม่มาทวงรถคืน คนใหม่ก็ให้คืน เราก็เชื่อ หลังจากนั้นก็ย้ายที่ทำงานตามพี่หัวหน้างา
นคนนั้นไป แต่ไปไม่ถึง 2 เดือนก็ออก เพราะเลิกกัน ผู้ชายติดต่อกับแฟนเก่า

หลังจากนั้นเราก็กระเตงหางาน พร้อมกับการโดนทวงจากธนาคารและติดแบล๊คลิสต์ไปด้วย ส่วนพี่คนนั้นก็ไม่จ่ายเช่นกัน

แล้วเราก็ได้งาน เข้าไปก็ไปขวางหูขวางตาเค้าอีก แค่ 2 เดือนก็ออกย้ายจังหวัดใหม่

เข้าที่ใหม่หัวหน้าไม่ชอบ ทำอะไรก็มักจะขัดหูขัดตา หนี้สินก็ต้องรับแทน พร้อมกับแม่เส้นเลือดฝอยในสมองแตก เป็นอัมพฤกษ์ เดินไม่ได้ พ่อก็เบาหวานกำเริบ จนเข้าออก รพ.

คนที่ 3- เป็นทหาร คบกันแต่ไม่เคยไปไหนด้วยกัน แอบมาเจอเรา ก็รีบกลับไป ติดต่อกันแต่แชท ไม่เคยมีเบอร์โทร ไม่เคยไปที่ทำงานเค้า

แล้วเราก็มารู้ว่า ผู้ชายคนนี้มีเมียอยู่แล้ว เคยแต่งงานและมีลูกอยู่ เราเป็นแค่ชู้ สุดท้ายเราก็เป็นคนถอยออกมาเอง

ระหว่างนั้นแม้เงินเดือนจะมากแค่ไหน เงินเราไม่เคยพอใช้ ส่งบ้านก็ส่วนหนึ่ง ใช้หนี้ บางเดือน มีติดตัวแค่ไม่กี่บาท อดมื้อกินมื้อ

แล้วพ่อเราก็เสียกระทันหัน เราไม่มีเงินจัดงานศพ ดีว่าพี่ๆเรามี กับได้เงินณาปณกิจมาจัดงาน แต่ก็ยังติดลบอยู่ดี ได้เงินมาบ้างก็จ่าย กยศ.ที่ค้างมาหมดเลย

มาถึงคนที่ 4 - เจอกันในกลุ่มผี คุยกันนานพอควร ก็คบกัน แต่ระหว่างนั้นแฟนเก่าของผู้ชายก็ราวีตลอด ผู้ชายก็รับสายคุยตลอด จนวันที่เราออกจากงานมาดูแม่ ก็มาจับได้ตอนกลับไปเที่ยวว่าเค้าแอบคุยแอบคบกันตลอด สุดท้ายเราก็เลิก พร้อมกับที่เค้ากลับไปคบคนของเค้า

- หลังเลิก 2 เดือน ก็เจอว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า
- หาเงินได้เท่าไหร่ ตัวเองไม่ใช้ก็ต้องมีคนมาเบียดเบียน ไม่เคยพอ
- ค้าขายขาดทุน ไม่ร่ำรวย
- งานฟรีแลนซ์ถูกเลิกจ้าง
- ติดหนี้เพิ่มขึ้น
- ครอบครัวก็มีแต่จะทรุดลง โดยเฉพาะสุขภาพและการเงิน
- เจอปัญหาโรคเล็กๆน้อยๆมาก่อกวน ฝี โรคผิวหนัง และอื่นๆ

ปัจจุบันเราไม่ได้คบใคร อยู่บ้านตามอัตภาพ หมั่นทำบุญ ส่วนโรคก็ยังต้องประคองพร้อมๆกับดูแลแม่ที่เป็นอัมพฤกษ์ไปด้วย และแน่นอนอายุแม่ที่เพิ่มมากขึ้น โรคอื่นๆเริ่มจ่อคิวมา ตามลำดับ ส่วนการเงินเหรอ ติดลบดีจริงๆเลย

เราไม่รู้นะว่าเมื่อไหร่มันจะจบ แต่พอดูคนอวดผีมากๆ คำพูดของพี่ริวที่ให้เราสำนึกก้มหน้าชดใช้กรรม หมั่นสร้างความดี สิ่งที่แย่ๆจะได้ทุเลาลง และเราก็หวังว่าเรื่องของเราจะเป็นข้อคิดและอุทาหรณ์ให้ใครหลายๆคนได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่