เอาตรงๆไอ้ระบอบทักษิณ ระบอบประยุทธ์ มันไม่มีนะ  

จะอธิบายเป็นความแตกต่างระหว่างการเลือกตั้งสมัยทักษิณกับสมัยลุงตู่แทนก็แล้วกัน

===========
เลือกตั้งสมัยทักษิณ
===========
สมัยทักษิณที่เป็นที่มาของศัพท์ที่เรียกว่าระบอบทักษิณคือ  การเลือกตั้งสมัยทักษิณ 2 ที่ทักษิณชนะเลือกตั้งขาดลอยด้วยคะแนน 377 ที่นั่งจากทั้งหมด 500 ที่นั่งของ สส ในสภา  สูงที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน  

แน่นอนว่าเสียง 377 สามารถโหวตทุกอย่างในสภาผ่านได้ทั้งหมด   สามารถทำอะไรก็ได้ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจยังไงก็ไม่มีทางล้มรัฐบาลได้
ทำให้มีคนบางกลุ่มเรียกเหตุการณ์แบบนี้ว่าเผด็จการรัฐสภา  ทำให้มีคนออกมาชุมนุมประท้วงจนนำไปสู่การยึดอำนาจในที่สุด  
(  ที่บ้านเมืองแตกแยกในปัจจุบันเพราะกลุ่มคนที่ไปตั้งวาทะกรรมเรื่องระบอบทักษิณ  กับเผด็จการรัฐสภา นี่แหละ  ทำให้บางคนก็เชื่อโดยสุจริตใจว่ามันมีของแบบนี้จริงๆ  )

ถ้าพูดตามหลักการ  การมีเสียงสนับสนุนมากแปลว่าได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนมาก  การมีอำนาจตัดสินใจมากถือเป็นเรื่องปกติ  เพราะถ้าการตัดสินใจนั้นทำให้ประชาชนเสียประโยชน์คะแนนนิยมในการเลือกตั้งสมัยหน้าคะแนนนิยมย่อมลดลงอยู่แล้ว   ถ้ารัฐบาลต้องทำตามฝ่ายค้านทุกเรื่องก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว     การยื่นคัดค้านของฝ่ายค้านตามหลักการคือการเสนอแนวคิดที่แตกต่างแต่อำนาจตัดสินใจก็อยู่ที่รัฐบาล  ถ้าค้านแล้วไม่ฟังทำออกมาแล้วแย่ก็รับผิดชอบเอาเอง    


องค์กรอิสระต่างๆในสมัยทักษิณแต่งตั้งโดย สว  และ สว ทั้งหมดมาจากการเลือกตั้ง

===========
เลือกตั้งสมัยลุงตู่
===========

- มีการจำกัดจำนวน สส พรรคใหญ่ด้วย สส พึงมีเพื่อไม่ให้พรรคใดพรรคหนึ่งมีเสียงโหวตมากเกินไป (การตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากพรรคเดียวเป็นไปไม่ได้)
- มีการเพิ่ม 250 สว ที่เลือกโดยลุงตู่เข้ามาเลือกนายกที่มีชื่อลุงตู่เป็นแคนดิเดตนายก
- คะแนนเสียงในการตั้งนายกคือเสียงข้างมากในสภา (สส 500  + สว 250)
- องค์กรณ์อิสระต่างๆในสมัยลุงตู่แต่งตั้งโดย  คสช ที่มีลุงตู่เป็นประธาน คสช  
- รัฐธรรมนูญทั้งหมดเขียนโดยคนที่  คสช  แต่งตั้งมาทั้งหมด

===================
สรุปสั้นๆง่ายๆ  

- สมัยทักษิณคือการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยสากลทั่วไป
- สมัยลุงตู่คือการเลือกตั้งที่พยายามทำให้ดูเหมือนว่าเป็นประชาธิปไตยด้วยรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย