สวัสดีค่ะ สมาชิกชาวพันทิปทุกท่าน นี่เป็นกระทู้แรกของเราหลังจากเป็นแฟนเพจพันทิปมานานหลายปีมาก ทุกเรื่องที่เป็นข้อสงสัยของเรา คำตอบมักจะอยู่ที่นี่เกือบทุกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องเที่ยว หลังจากตามส่องมานาน จนคิดว่า เออ...น่าจะส่งต่อประสบการณ์ของเราบ้างดีมั้ย เผื่อจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกับคนอื่นที่กำลังรีเสิร์ทข้อมูลอยู่ สำหรับใครที่กำลังวางแผน Trekking Poon Hill, Nepal และยังลังเลว่าจะโซโลเองดีมั้ยหรือจะจ้างไกด์และลูกหาบดี ข้อมูลที่เราแชร์อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจค่ะ
เราแพลนเที่ยวเนปาลหลายวันมาก แต่เป้าหมายหลักจริง ๆ คือ Trekking ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะแชร์ในกระทู้นี้ค่ะ
เราเดินทางคนเดียว (ช่วงปลาย เม.ย. 62) วางแผนการเดินทางเองทั้งหมด (ศึกษาข้อมูลจากพันทิปและเว็ปไซต์การท่องเที่ยวอื่น ๆ) เราเลือกพูนฮิล (Poon Hill) เป็นสนามแรก เพราะยังไม่แน่ใจว่าการเดินป่าหลาย ๆ วันติดกันจะถูกจริตเรารึปล่าว กังวลเรื่องแพ้ความสูงด้วย (Altitude Sickness) เลยไม่กล้าตัดสินใจไปเส้นทางอื่นอย่าง ABC (Annapurna Base Camp) ที่ไกลหรืออาจจะยากกว่านี้ กลัวว่าถ้าเหนื่อยเกินลิมิตตัวเองแล้วจะหมดสนุกซะปล่าว ๆ พอจบทริปพูนฮิลก็ได้ข้อสรุปว่า "ชั้นต้องไป ABC"
1. การเตรียมตัว
Trekking แน่นอนว่าต้องเดิน เดิน เดิน และก็เดิน วนไปทั้งวัน ขึ้น ๆ ลง ๆ ภูเขา ติดต่อกันหลาย ๆ วัน สำหรับเราแล้ว ถึงจะมีอุปกรณ์พร้อมแค่ไหน ถ้าสารร่างไม่พร้อม ไม่มีทางสำเร็จแน่นอน เพราะฉะนั้น คำตอบสุดท้าย คือ ออกกำลังกายค่ะ วิ่ง เดิน Body Weight Training วนไปค่ะ เน้นออกกำลังขาเยอะ ๆ จบทริปแล้วคุณจะขอบคุณ Squat ค่ะ
2. ตั๋วเครื่องบิน
เราเดินทางกับการบินไทย Thai Airways – TG319 Departure 10.15 am, Arrive 12.25 pm ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที (เวลาเนปาลช้ากว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง15 นาที) จองตั๋วล่วงหน้า (จองต้นเดือน ก.พ. เดินทางปลาย เม.ย. 62) ราคาตั๋ว 12,570 บาท (โหลดได้ 30 กิโลกรัม) คืนก่อนวันเดินทาง เราเช็คอินออนไลน์ไปก่อน รุ่งเช้าถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 8 โมง แล้วไปดร๊อปกระเป๋า ใช้เวลาไม่นานค่ะ แต่ที่ ตม. ใช้เวลาชั่วโมงกว่าเพราะคนเยอะมาก Boarding Time 9.45 am เครื่องขึ้น-ลงตรงเวลา ถึงแม้กัปตันจะประกาศตอนใกล้ถึงว่ายังเอาเครื่องลงไม่ได้ เพราะเรามาถึงก่อนกำหนด กัปตันเลยขอบินวนแถวนั้น ๆ ประมาณ 15 นาที แต่ทุกอย่างราบรื่นดีค่ะ ตอนจองที่นั่งขาไปเราเลือกนั่งฝั่งขวา (F) และฝั่งซ้าย (A) สำหรับขากลับตามคำแนะนำ เผื่อมีโอกาสเห็นหิมาลัย สรุป...เมฆบังหมดทั้งขาไปขากลับ อดค่ะ ขนาดกัปตันบินวนอยู่ร่วม 15 นาที ก็อดค่ะ เอ็นดูตัวเองมากตอนนั้น

ก่อนเครื่องลงราว 40 นาที ลูกเรือจะเดินแจกแบบฟอร์มสำหรับผู้โดยสารที่จะขอวีซ่าที่สนามบิน (Visa on Arrival) กับใบ ตม. เข้าเมือง (ลืมถ่ายใบ ตม.)
3. วีซ่า (Visa)
นักท่องเที่ยวไทยที่ต้องการเดินทางเข้าเนปาล สามารถขอวีซ่าได้ที่สถานทูตเนปาล ตรงซอยปรีดีพนมยงค์ 27
หรือ ทำวีซ่า Visa on Arrival ที่สนามบินตรีภูวัน (Tribhuvan Intl Airport) ค่ะ เราไม่มีเวลาว่างทำวีซ่าที่สถานทูตเนปาล เลยต้องทำ Visa on Arrival เราขออธิบายเฉพาะขั้นตอนการขอวีซ่า Visa on Arrival จากประสบการณ์จริงนะคะ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนสะดวกทำที่สถานทูตเนปาล ลองศึกษาข้อมูลการขอวีซ่าและดาวน์โหลดแบบฟอร์มการขอวีซ่าจากเว็บไซต์สถานทูตเนปาลได้ค่ะ (
https://th.nepalembassy.gov.np/wp-content/uploads/2017/04/visathai.pdf และ
https://th.nepalembassy.gov.np/wp-content/uploads/2017/04/visa_application.pdf)
พอลงจากเครื่อง เราก็เดินเข้าตัวอาคารผู้โดยสารขาเข้า เดินตาม ๆ กันไป ไม่หลงแน่นอน
การยื่นขอวีซ่าที่สนามบิน มี 3 ขั้นตอน (อ้างอิงจาก
http://www.nepalimmigration.gov.np/page/visa-on-arrival)
ขั้นตอนที่ 1 กรอกข้อมูลใบ ตม. ขาเข้า และแบบฟอร์มขอวีซ่า (กรอกให้เรียบร้อยตั้งแต่บนเครื่องนะคะ เพราะที่สนามบินไม่มีที่ให้ยืน-นั่งเขียน) สำหรับแบบฟอร์มขอวีซ่า เราสามารถกรอกแบบฟอร์มที่ลูกเรือแจกบนเครื่องด้วยลายมือ
หรือ สามารถกรอกข้อมูลออนไลน์จากเครื่อง Kiosk Machines ที่สนามบินตรีภูวัน (อยู่ทางซ้ายมือ)
หรือ กรอกข้อมูลออนไลน์จากเว็บไซต์สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของเนปาลมาก่อนล่วงหน้า (ล่วงหน้าไม่เกิน 15 วันก่อนเดินทางถึงเนปาล) (
https://online.nepalimmigration.gov.np/) อย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ
เราเลือกกรอกข้อมูลจากเว็บไซต์สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของเนปาลมาก่อนล่วงหน้า สำหรับเราสะดวกสุดค่ะ เพราะคิวสำหรับยื่นแบบฟอร์มขอวีซ่าที่กรอกด้วยลายมือและคิวกรอกข้อมูลออนไลน์จากเครื่อง Kiosk machines ค่อนข้างยาว สำหรับขั้นตอนการกรอกข้อมูลจากเว็บไซต์ล่วงหน้าก็ไม่ยุ่งยากอะไร กรอกข้อมูลส่วนตัว ชื่อและที่อยู่โรงแรมที่พักในเนปาล เตรียมสแกนไฟล์รูปถ่าย2 นิ้ว (พื้นหลังเป็นสีอ่อน ไม่มีลวดลาย ไม่อัดภาพแบบสติ๊กเกอร์และไม่สวมแว่นตากันแดด) เพื่อแนบไฟล์รูปถ่ายกับคำร้องนี้ เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จ กด Submit ยืนยันความถูกต้องของข้อมูล หลังจากนั้นเราต้องปริ้นเอกสารที่ระบุบาร์โค้ดออกมาเพื่อนำไปชำระเงินค่าธรรมเนียมที่สนามบินตรีภูวัน ตามขั้นตอนที่ 2 ค่ะ

ขั้นตอนที่ 2 ยื่นเอกสารที่ระบุข้อมูลส่วนตัวและรหัสบาร์โค้ด พร้อมพาสปอร์ตตัวจริง สำเนาพาสปอร์ต ใบ ตม. ขาเข้า (กรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว) และเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าตามระยะเวลาที่ต้องการ ชำระเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่านั้น (USD) ถ้าเป็นไปได้เตรียมไปให้พอดีเพื่อความรวดเร็วค่ะ (มีบูธแลกเงินอยู่ด้านขวามือ) เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะให้ใบเสร็จรับเงินกลับมา ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที (รวมรอคิว)
On Arrival Visa Fee
15 Days – 25 USD
30 Days – 40 USD
90 Days – 100 USD
ขั้นตอนที่ 3 เดินไปต่อคิวช่องนักท่องเที่ยวที่ ตม. เข้าช่องตามจำนวนวันที่ขอวีซ่า (15/30/90 Days) (เคาน์เตอร์ ตม. อยู่ทางขวามือของเคาน์เตอร์ขอวีซ่า) ยื่นพาสปอร์ตตัวจริง ใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมวีซ่า ใบ ตม. ขาเข้า และเอกสารที่ระบุข้อมูลส่วนตัวและรหัสบาร์โค้ด ตอนเราไป ตม. ถามเราคำถามเดียวว่าจะอยู่กี่วัน จริง ๆ แล้วเราเตรียม e-ticket เครื่องบินขากลับ ใบจองโรงแรมที่พักกับตารางการท่องเที่ยวคร่าว ๆ ไปด้วยนะคะ (เตรียมไปเผื่อ ๆ อุ่นใจดี) พอ ตม. สแตมป์พาสปอร์ตเรียบร้อย เราก็เดินออกมาเพื่อลงบันไดไปรับกระเป๋าชั้นล่างค่ะ
4. การแลกเงิน
เราแลกเงินบาทเป็นเงินเหรียญสหรัฐ (USD) มาจากไทย แล้วมาแลกเงินเหรียญสหรัฐ (USD) เป็นรูปี (NPR) ที่เนปาล ตอนเราแลก $1=109-110 NPR (เราคำนวณคร่าว ๆ ว่าเงินรูปีเนปาลเท่าไหร่ หาร 3 โดยประมาณ จะได้เงินไทย) พอเรารับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาตามทางออก เราแวะแลกเงินตรงบูธแลกเงิน (ด้านซ้ายมือ--บูธสุดท้ายก่อนออกจากสนามบิน) อยู่เกือบตรงประตูทางออก แลกมาพอจ่ายค่าแท็กซี่ค่ะ (เรทในเมืองดีกว่านิดหน่อย)
5. เดินทางเข้าเมือง
เราเลือกเดินทางเข้าเมืองด้วยแท็กซี่ ก็อย่างที่หลาย ๆ กระทู้บอกไว้เลยว่าจะมีเนปาลี่เข้ามาถามระยะประชิดว่าสนใจแท็กซี่มั้ย เราแค่ถอยหลังมาก้าวนึงแล้วบอกชื่อโรงแรมที่พัก ต่อรองราคา ถ้าโอเคก็เดินตามไปขึ้นรถเลยค่ะ ไม่น่ากลัวเลย แต่สิ่งที่ต้องระวัง คือ ถ้ามีคนอาสาจะช่วยลากกระเป๋าหรือสะพายกระเป๋าให้ เราแค่ปฏิเสธแล้วขอบคุณไป พวกเค้าก็ไม่ตื้ออะไรแล้ว อย่าเผลอยื่นกระเป๋าให้เพราะคิดว่าเป็นการบริการของสนามบินนะคะ เค้าจะเรียกเก็บเงินค่าลากกระเป๋าค่ะ แท็กซี่มาส่งเราแถวที่พัก (เราต้องเดินต่อเพราะโรงแรมที่เราจองอยู่ในซอยค่อนข้างแคบ แท็กซี่เข้าไม่ได้) จ่ายค่าเสียหาย 700 รูปีตามที่ตกลงค่ะ
6. โรงแรม
เราจองที่พักแถวทาเมล (Thamel) (จองผ่าน App Booking) เพราะสะดวกหลาย ๆ อย่าง บูธแลกเงินเยอะพอ ๆ กับ 7-11 บ้านเรา ร้านอาหาร ร้านกาแฟ-เบเกอรี่ ร้านขายของชำ ร้านขายอุปกรณ์เทรคกิ้ง รวมถึงที่พักก็มีหลากหลาย เลือกได้ตามความชอบเลยค่ะ ส่วนที่พักที่โพครา เราเลือกที่พักที่ไม่ไกลจาก Fewa Lake เราเลือกโรงแรมตามงบของเรา คือ $10-15 / คืนค่ะ
7. ซิมโทรศัพท์
เราไม่ได้ซื้อซิมโทรศัพท์ของเนปาลค่ะ เราใช้ SIM2Fly จากไทย เรามีซิมนี้อยู่แล้ว (ใช้เวลาเดินทางต่างประเทศ) เลยเลือกเติมเงินเพื่อใช้แพคเก็จอินเตอร์เน็ต (ตามจำนวนวันที่ต้องการ) สลับกับใช้ WiFi ของโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร และร้านกาแฟค่ะ
8. ประกันการเดินทาง
เราศึกษาข้อมูลการทำประกันการเดินทางจากที่นี่และจากเว็ปไซต์ของแต่ละเจ้า แนะนำว่าให้ทำประกันการเดินทางนะคะ จะเจ้าไหนก็ตามแต่ถนัดเลยเลย สำหรับทริปนี้ เราเลือก AIG Plan C เพราะคลอบคลุมสิ่งที่เราต้องการ เราไม่ได้ใช้เคลมอะไรเลย แต่มีไว้อุ่นใจดีค่ะ
(มีต่อนะคะ...)
Trekking Poon Hill: พูนฮิลผู้หญิงลุยเดี่ยวคนเดียว..ไม่ยากค่ะ
เราแพลนเที่ยวเนปาลหลายวันมาก แต่เป้าหมายหลักจริง ๆ คือ Trekking ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะแชร์ในกระทู้นี้ค่ะ
เราเดินทางคนเดียว (ช่วงปลาย เม.ย. 62) วางแผนการเดินทางเองทั้งหมด (ศึกษาข้อมูลจากพันทิปและเว็ปไซต์การท่องเที่ยวอื่น ๆ) เราเลือกพูนฮิล (Poon Hill) เป็นสนามแรก เพราะยังไม่แน่ใจว่าการเดินป่าหลาย ๆ วันติดกันจะถูกจริตเรารึปล่าว กังวลเรื่องแพ้ความสูงด้วย (Altitude Sickness) เลยไม่กล้าตัดสินใจไปเส้นทางอื่นอย่าง ABC (Annapurna Base Camp) ที่ไกลหรืออาจจะยากกว่านี้ กลัวว่าถ้าเหนื่อยเกินลิมิตตัวเองแล้วจะหมดสนุกซะปล่าว ๆ พอจบทริปพูนฮิลก็ได้ข้อสรุปว่า "ชั้นต้องไป ABC"
1. การเตรียมตัว
Trekking แน่นอนว่าต้องเดิน เดิน เดิน และก็เดิน วนไปทั้งวัน ขึ้น ๆ ลง ๆ ภูเขา ติดต่อกันหลาย ๆ วัน สำหรับเราแล้ว ถึงจะมีอุปกรณ์พร้อมแค่ไหน ถ้าสารร่างไม่พร้อม ไม่มีทางสำเร็จแน่นอน เพราะฉะนั้น คำตอบสุดท้าย คือ ออกกำลังกายค่ะ วิ่ง เดิน Body Weight Training วนไปค่ะ เน้นออกกำลังขาเยอะ ๆ จบทริปแล้วคุณจะขอบคุณ Squat ค่ะ
2. ตั๋วเครื่องบิน
เราเดินทางกับการบินไทย Thai Airways – TG319 Departure 10.15 am, Arrive 12.25 pm ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที (เวลาเนปาลช้ากว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง15 นาที) จองตั๋วล่วงหน้า (จองต้นเดือน ก.พ. เดินทางปลาย เม.ย. 62) ราคาตั๋ว 12,570 บาท (โหลดได้ 30 กิโลกรัม) คืนก่อนวันเดินทาง เราเช็คอินออนไลน์ไปก่อน รุ่งเช้าถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 8 โมง แล้วไปดร๊อปกระเป๋า ใช้เวลาไม่นานค่ะ แต่ที่ ตม. ใช้เวลาชั่วโมงกว่าเพราะคนเยอะมาก Boarding Time 9.45 am เครื่องขึ้น-ลงตรงเวลา ถึงแม้กัปตันจะประกาศตอนใกล้ถึงว่ายังเอาเครื่องลงไม่ได้ เพราะเรามาถึงก่อนกำหนด กัปตันเลยขอบินวนแถวนั้น ๆ ประมาณ 15 นาที แต่ทุกอย่างราบรื่นดีค่ะ ตอนจองที่นั่งขาไปเราเลือกนั่งฝั่งขวา (F) และฝั่งซ้าย (A) สำหรับขากลับตามคำแนะนำ เผื่อมีโอกาสเห็นหิมาลัย สรุป...เมฆบังหมดทั้งขาไปขากลับ อดค่ะ ขนาดกัปตันบินวนอยู่ร่วม 15 นาที ก็อดค่ะ เอ็นดูตัวเองมากตอนนั้น
นักท่องเที่ยวไทยที่ต้องการเดินทางเข้าเนปาล สามารถขอวีซ่าได้ที่สถานทูตเนปาล ตรงซอยปรีดีพนมยงค์ 27 หรือ ทำวีซ่า Visa on Arrival ที่สนามบินตรีภูวัน (Tribhuvan Intl Airport) ค่ะ เราไม่มีเวลาว่างทำวีซ่าที่สถานทูตเนปาล เลยต้องทำ Visa on Arrival เราขออธิบายเฉพาะขั้นตอนการขอวีซ่า Visa on Arrival จากประสบการณ์จริงนะคะ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนสะดวกทำที่สถานทูตเนปาล ลองศึกษาข้อมูลการขอวีซ่าและดาวน์โหลดแบบฟอร์มการขอวีซ่าจากเว็บไซต์สถานทูตเนปาลได้ค่ะ (https://th.nepalembassy.gov.np/wp-content/uploads/2017/04/visathai.pdf และ https://th.nepalembassy.gov.np/wp-content/uploads/2017/04/visa_application.pdf)
พอลงจากเครื่อง เราก็เดินเข้าตัวอาคารผู้โดยสารขาเข้า เดินตาม ๆ กันไป ไม่หลงแน่นอน
การยื่นขอวีซ่าที่สนามบิน มี 3 ขั้นตอน (อ้างอิงจาก http://www.nepalimmigration.gov.np/page/visa-on-arrival)
ขั้นตอนที่ 1 กรอกข้อมูลใบ ตม. ขาเข้า และแบบฟอร์มขอวีซ่า (กรอกให้เรียบร้อยตั้งแต่บนเครื่องนะคะ เพราะที่สนามบินไม่มีที่ให้ยืน-นั่งเขียน) สำหรับแบบฟอร์มขอวีซ่า เราสามารถกรอกแบบฟอร์มที่ลูกเรือแจกบนเครื่องด้วยลายมือ หรือ สามารถกรอกข้อมูลออนไลน์จากเครื่อง Kiosk Machines ที่สนามบินตรีภูวัน (อยู่ทางซ้ายมือ) หรือ กรอกข้อมูลออนไลน์จากเว็บไซต์สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของเนปาลมาก่อนล่วงหน้า (ล่วงหน้าไม่เกิน 15 วันก่อนเดินทางถึงเนปาล) (https://online.nepalimmigration.gov.np/) อย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ
เราเลือกกรอกข้อมูลจากเว็บไซต์สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของเนปาลมาก่อนล่วงหน้า สำหรับเราสะดวกสุดค่ะ เพราะคิวสำหรับยื่นแบบฟอร์มขอวีซ่าที่กรอกด้วยลายมือและคิวกรอกข้อมูลออนไลน์จากเครื่อง Kiosk machines ค่อนข้างยาว สำหรับขั้นตอนการกรอกข้อมูลจากเว็บไซต์ล่วงหน้าก็ไม่ยุ่งยากอะไร กรอกข้อมูลส่วนตัว ชื่อและที่อยู่โรงแรมที่พักในเนปาล เตรียมสแกนไฟล์รูปถ่าย2 นิ้ว (พื้นหลังเป็นสีอ่อน ไม่มีลวดลาย ไม่อัดภาพแบบสติ๊กเกอร์และไม่สวมแว่นตากันแดด) เพื่อแนบไฟล์รูปถ่ายกับคำร้องนี้ เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จ กด Submit ยืนยันความถูกต้องของข้อมูล หลังจากนั้นเราต้องปริ้นเอกสารที่ระบุบาร์โค้ดออกมาเพื่อนำไปชำระเงินค่าธรรมเนียมที่สนามบินตรีภูวัน ตามขั้นตอนที่ 2 ค่ะ