#ความรู้สึกหลังชม #TheKidWhoWouldBeKing #แบบไม่สปอย #smwo
The Kid Who Would Be King (2019) คะแนน 6.1/10
***หมายเหตุเกณฑ์การให้คะแนนไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้เขียนล้วนๆ หากจะถามว่าอะไรเป็นเกณฑ์การให้คะแนนนั่นก็คือตัวผู้เขียนนั่นเองจอบอ.
#เกริ่นนำก่อนเข้าเรื่อง
เป็นผลงานอีกหนึ่งเรื่องของปีที่ตอนเปิดตัวมีกระแสแรงอยู่บ้างกับคะแนนความสดใหม่90กว่าเปอร์เซ็นบนเว็บ Rotten Tomatoes หรือเว็บมะเขือเน่าที่เราเรียกกันนั่นแหละ แต่หลังจากที่ผมได้ดูก็ต้องบอกว่า The Kid Who Would Be King เป็นหนังที่ค่อนข้างเป็นไปในด้านแย่มากกว่าในด้านบวกมากกว่ากับเวลาเกือบ2ชั่วโมงที่เล่าที่แม้จะปูเนื้อเรื่องตั้งนานก็ไม่ได้อินเข้ากับเรื่องเลยซักนิด
#เรื่องย่อ
The Kid Who Would Be King เป็นการเล่าเรื่องการตีความแบบใหม่ของตำนานเกี่ยวกับ ตำนานอัศวินโต๊ะกลมและกษัตริย์อาเธอร์ที่ถูกตีความใหม่เล่าแล้วเล่าอีกมาเรื่อยๆแต่ครั้งนี้กลับเล่าออกมาในมุมมองของหนังเด็กมากกว่ากับเรื่องราวของเด็ก12ปีที่ได้รับเลือกจากดาบและก็ต้องเดินทางเพื่อปกป้องโลก
#ความรู้สึกประทับใจที่ยังมีอยู่บ้าง
สิ่งที่ดีที่สุดในเรื่อง The Kid Who Would Be King ก็คงเป็นการแสดงของพ่อหนุ่ม Angus Imrie ที่แสดงเป็นพ่อมดเมอร์ลินในวัยรุ่นออกมาได้ดีผ่านการแสดงที่ทำให้เรารู้สึกเชื่อว่าเขาเป็นพ่อมดจริงๆ
แทนที่ตัวพระเอกอย่าง Louis Ashbourne Serkis ลูกชายของ Andy Serkis เจ้าพ่อโมชันแคปเจอร์ชื่อดังที่แสดงเป็นตัวละครจากโมชันแคปเจอร์จะกลายเป็นตัวละครหรือคนที่ต้องแบกหนังไว้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาทำได้ดีเท่าที่ควร เพราะตลอดการดูผมไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นตัวเอกจากเขาเลย
สิ่งที่ผมเฝ้ารอดูตลอดจนจบเรื่องกลับมีเพียงการปรากฏตัวของเมอร์ลิน ที่มีทั้งวัยหนุ่มและวัยชราด้วยการเซอร์ไพร์กับการปรากฏตัวของเมอร์ลินในวัยแก่กับหนังแสดงที่หากใครเป็นแฟนหนังฮีโร่ก็ต้องเคยเห็นเขามาบ้างกับการปรากฏตัวของ Patrick Stewart เจ้าของบทของ Professor X หรือ Charles Xavier ในหนังชุด X-men ที่โด่งดัง
ถ้าจะให้ผมสรุปเกี่ยวกับเรื่อง The Kid Who Would Be King ละก็ ต้องบอกว่ามันเป็นหนังสำหรับเด็กมากกว่าที่จะเป็นหนังที่จะดูจริงจัง เพราะตลอดเรื่องเราจะรู้สึกได้ถึงงานด้านการสร้างที่ไม่สุดซักทางแม้ฉากสุดท้ายจะดูยิ่งใหญ่ขึ้นมานึดนึงแต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนความเป็นจริงที่ว่า
หนังเรื่องนี้เป็นหนังเกรด B เกรด B แบบน่าเกลียดจนยันดูจบจนไม่อยากจะหยิบจับขึ้นมาดูอีกครั้งเลยก็ว่าได้ ถ้าหากใครมีเวลาว่างกว่า2ชั่วโมงแล้วอยากดูการตีความเรื่องราวของคิงอาเธอร์กับการแสดงของนักแสดงรุ่นใหม่แล้วละก็ หนังเรื่องนี้ก็อาจเป็นคำตอบ แต่ถ้าใครเบื่อเกี่ยวกับเรื่องคิงอาเธอร์แล้ว ก็อย่าเสียเวลาดูเลยดีกว่าครับ
ขอจบการบรรยาย #ความรู้สึกหลังดู The Kid Who Would Be King ไว้เพียงเท่านี้หากมีคำผิดหรือพิมพ์ผิดพลาดประการณ์ใดขออภัยมาไว้ที่นี้หรือหากใครต้องการแสดงความคิดเห็นก็สามารถทำได้ที่ด้านล่าง หรือหากผมเข้าใจเรื่องราวใดในเรื่องผิดไปก็สามารถติชมได้ด้านล่าง สุดท้ายนี้ขอบอกว่า ใช้ชีวิตให้มีสติและมีสติเมื่ออยู่กับคนที่เรารัก เพราะเวลามีค่า ควรใช้เวลากับคนที่เรารัก ขอบคุณที่สละเวลาในการอ่านมาจนถึงจุดนี้ หากท่านไม่อยากเสียเวลาในการทำสิ่งใดๆก็จงจำไว้ไม่แน่ผมอาจเคยทำมาแล้ว อยากให้ท่านมาเสพข้อมูลจากผมได้ที่นี่ ที่เพจ “โลกแคบ”ขอบคุณครับ
***ฝากแฟนเพจ โลกแคบ ของผมด้วยครับ จะเป็นเพจที่เป็นความรู้สึกของผมกับหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องภาพยตร์ การ์ตูน ซี่รี่ หรือเรื่องต่างๆที่ผมเคยรับชม จะพยายามแสดงออกมาตามที่ผมเข้าใจและซื่อตรงต่อความรู้สึกของตนเองที่สุด ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/โลกแคบ-2180885415324096
#ความรู้สึกหลังชม #TheKidWhoWouldBeKing #แบบไม่สปอย #smwo
The Kid Who Would Be King (2019) คะแนน 6.1/10
***หมายเหตุเกณฑ์การให้คะแนนไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้เขียนล้วนๆ หากจะถามว่าอะไรเป็นเกณฑ์การให้คะแนนนั่นก็คือตัวผู้เขียนนั่นเองจอบอ.
#เกริ่นนำก่อนเข้าเรื่อง
เป็นผลงานอีกหนึ่งเรื่องของปีที่ตอนเปิดตัวมีกระแสแรงอยู่บ้างกับคะแนนความสดใหม่90กว่าเปอร์เซ็นบนเว็บ Rotten Tomatoes หรือเว็บมะเขือเน่าที่เราเรียกกันนั่นแหละ แต่หลังจากที่ผมได้ดูก็ต้องบอกว่า The Kid Who Would Be King เป็นหนังที่ค่อนข้างเป็นไปในด้านแย่มากกว่าในด้านบวกมากกว่ากับเวลาเกือบ2ชั่วโมงที่เล่าที่แม้จะปูเนื้อเรื่องตั้งนานก็ไม่ได้อินเข้ากับเรื่องเลยซักนิด
#เรื่องย่อ
The Kid Who Would Be King เป็นการเล่าเรื่องการตีความแบบใหม่ของตำนานเกี่ยวกับ ตำนานอัศวินโต๊ะกลมและกษัตริย์อาเธอร์ที่ถูกตีความใหม่เล่าแล้วเล่าอีกมาเรื่อยๆแต่ครั้งนี้กลับเล่าออกมาในมุมมองของหนังเด็กมากกว่ากับเรื่องราวของเด็ก12ปีที่ได้รับเลือกจากดาบและก็ต้องเดินทางเพื่อปกป้องโลก
#ความรู้สึกประทับใจที่ยังมีอยู่บ้าง
สิ่งที่ดีที่สุดในเรื่อง The Kid Who Would Be King ก็คงเป็นการแสดงของพ่อหนุ่ม Angus Imrie ที่แสดงเป็นพ่อมดเมอร์ลินในวัยรุ่นออกมาได้ดีผ่านการแสดงที่ทำให้เรารู้สึกเชื่อว่าเขาเป็นพ่อมดจริงๆ
แทนที่ตัวพระเอกอย่าง Louis Ashbourne Serkis ลูกชายของ Andy Serkis เจ้าพ่อโมชันแคปเจอร์ชื่อดังที่แสดงเป็นตัวละครจากโมชันแคปเจอร์จะกลายเป็นตัวละครหรือคนที่ต้องแบกหนังไว้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาทำได้ดีเท่าที่ควร เพราะตลอดการดูผมไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นตัวเอกจากเขาเลย
สิ่งที่ผมเฝ้ารอดูตลอดจนจบเรื่องกลับมีเพียงการปรากฏตัวของเมอร์ลิน ที่มีทั้งวัยหนุ่มและวัยชราด้วยการเซอร์ไพร์กับการปรากฏตัวของเมอร์ลินในวัยแก่กับหนังแสดงที่หากใครเป็นแฟนหนังฮีโร่ก็ต้องเคยเห็นเขามาบ้างกับการปรากฏตัวของ Patrick Stewart เจ้าของบทของ Professor X หรือ Charles Xavier ในหนังชุด X-men ที่โด่งดัง
ถ้าจะให้ผมสรุปเกี่ยวกับเรื่อง The Kid Who Would Be King ละก็ ต้องบอกว่ามันเป็นหนังสำหรับเด็กมากกว่าที่จะเป็นหนังที่จะดูจริงจัง เพราะตลอดเรื่องเราจะรู้สึกได้ถึงงานด้านการสร้างที่ไม่สุดซักทางแม้ฉากสุดท้ายจะดูยิ่งใหญ่ขึ้นมานึดนึงแต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนความเป็นจริงที่ว่า
หนังเรื่องนี้เป็นหนังเกรด B เกรด B แบบน่าเกลียดจนยันดูจบจนไม่อยากจะหยิบจับขึ้นมาดูอีกครั้งเลยก็ว่าได้ ถ้าหากใครมีเวลาว่างกว่า2ชั่วโมงแล้วอยากดูการตีความเรื่องราวของคิงอาเธอร์กับการแสดงของนักแสดงรุ่นใหม่แล้วละก็ หนังเรื่องนี้ก็อาจเป็นคำตอบ แต่ถ้าใครเบื่อเกี่ยวกับเรื่องคิงอาเธอร์แล้ว ก็อย่าเสียเวลาดูเลยดีกว่าครับ
ขอจบการบรรยาย #ความรู้สึกหลังดู The Kid Who Would Be King ไว้เพียงเท่านี้หากมีคำผิดหรือพิมพ์ผิดพลาดประการณ์ใดขออภัยมาไว้ที่นี้หรือหากใครต้องการแสดงความคิดเห็นก็สามารถทำได้ที่ด้านล่าง หรือหากผมเข้าใจเรื่องราวใดในเรื่องผิดไปก็สามารถติชมได้ด้านล่าง สุดท้ายนี้ขอบอกว่า ใช้ชีวิตให้มีสติและมีสติเมื่ออยู่กับคนที่เรารัก เพราะเวลามีค่า ควรใช้เวลากับคนที่เรารัก ขอบคุณที่สละเวลาในการอ่านมาจนถึงจุดนี้ หากท่านไม่อยากเสียเวลาในการทำสิ่งใดๆก็จงจำไว้ไม่แน่ผมอาจเคยทำมาแล้ว อยากให้ท่านมาเสพข้อมูลจากผมได้ที่นี่ ที่เพจ “โลกแคบ”ขอบคุณครับ
***ฝากแฟนเพจ โลกแคบ ของผมด้วยครับ จะเป็นเพจที่เป็นความรู้สึกของผมกับหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องภาพยตร์ การ์ตูน ซี่รี่ หรือเรื่องต่างๆที่ผมเคยรับชม จะพยายามแสดงออกมาตามที่ผมเข้าใจและซื่อตรงต่อความรู้สึกของตนเองที่สุด ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/โลกแคบ-2180885415324096