เห็นเพื่อนแชร์มาในไลน์ "พระราชบัญญัติจราจรทางบกแก้ไขใหม่" ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 22 พฤษภาคม 2562
ข้อความที่เพื่อนแชร์มามี 8 ประเด็น ผมลองไปค้นกูเกิลดู ไปเจอลิงก์ของพระราชกิจจานุเบกษาเกี่ยวกับเรื่องพระราชบัญญัติ
ฉบับแก้ไขใหม่ ก็เลยลองเปรียบเทียบกันดู ข้อความที่ผมเพิ่มเข้ามาจะอยู่ในวงเล็บใต้แต่ละข้อครับ
ลิงก์ของพระราชบัญญัติจราจรทางบกแก้ไขใหม่ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/067/T_0067.PDF
พระราชบัญญัติจราจรทางบกแก้ไขใหม่
22 พฤษภาคม 2562 (อีก 120 วัน ถึงจะมีผลบังคับใช้)
ประเด็นที่น่าสนใจ
1. ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์หรือสำเนาใบขับขี่ สามารถใช้แทนใบขับขี่ตัวจริงได้
(มาตรา ๓๑/๑ ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวและต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ
ในกรณีที่ผู้ขับขี่แสดงใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ตามที่กรมการขนส่ง
ทางบกกำหนดให้ถือว่าผู้ขับขี่มีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวตามวรรคหนึ่งแล้ว)
2. เมื่อขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่อยู่กับตัวและต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ
(มาตรา ๓๑/๑ ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวและต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ)
3. ขับรถจักรยานในขณะเมาสุรา มีบทกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดแล้ว ปรับไม่เกิน 500 บาท
(หาไม่เจอครับ)
4. การเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ แต่เดิมเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ได้ โดยใช้
อำนาจตามมาตรา 140 ต่อมามาตรา 140 ได้แก้ไขใหม่ ไม่ได้ระบุอำนาจการเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่
(ต้องหามาตรา ๑๔๐ ของพระราชบัญญัติจราจรทางบกเดิมมาเทียบ)
5. มีการระบุข้อสันนิษฐานว่าเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองนั้นเป็นผู้กระทำผิดตามที่ระบุไว้ในใบสั่งโดยกฎหมายได้เพิ่มเติมข้อต่อสู้
สำหรับเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองเพื่อง่ายแก่การพิสูจน์ ตามมาตรา 140/1
(ดูมาตรา ๑๔๐/๑ ใน spoil)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(มาตรา ๑๔๐/๑ เมื่อเจ้าพนักงานจราจรได้ติด ผูก หรือแสดงใบสั่งไว้ที่รถหรือส่งใบสั่งทางไปรษณีย์ตามมาตรา ๑๔๐ วรรคสอง
และวรรคสามแล้ว ให้ถือว่าเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถได้รับใบสั่งเมื่อพ้นกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ติด ผูก หรือแสดง
ใบสั่งไว้ที่รถหรือส่งใบสั่งทางไปรษณีย์ดังกล่าวเว้นแต่จะมีการพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการได้รับหรือได้รับหลังจากวันนั้น เมื่อเจ้าของรถ
หรือผู้ครอบครองรถได้รับใบสั่งดังกล่าวแล้ว ให้สันนิษฐานว่าเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถนั้นเป็นผู้กระทำความผิดตามที่ระบุ
ในใบสั่ง เว้นแต่เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถจะได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับใบสั่งว่าผู้อื่น
เป็นผู้ขับขี่และผู้นั้นยอมรับว่าตนเป็นผู้ขับขี่หรือในกรณีที่ไม่มีผู้ใดยอมรับว่าเป็นผู้ขับขี่ เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถซึ่งไม่ใช่
นิติบุคคลจะต้องแสดงหลักฐานให้พนักงานสอบสวนเชื่อได้ว่าตนเองมิได้เป็นผู้ขับขี่นั้น)
6. ม.140/2 มีการระบุอำนาจในการยึดใบขับขี่โดยเมื่อถ้าพนักงานจราจรเห็นว่าผู้ขับขี่ผู้นั้นอยู่ในสภาพที่หากใช้รถต่อไป
อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น
(ดูมาตรา ๑๔๐/๒ ใน spoil)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(มาตรา ๑๔๐/๒ ในกรณีที่เจ้าพนักงานจราจรได้ว่ากล่าวตักเตือนหรือออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ผู้ใดตามมาตรา ๑๔๐ แล้ว หากเจ้า
พนักงานจราจรเห็นว่าผู้ขับขี่ผู้นั้นอยู่ในสภาพที่หากให้ขับรถต่อไปอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือทรัพย์สินของตนเอง
หรือผู้อื่น ให้เจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจยึดใบอนุญาตขับขี่ของผู้ขับขี่ดังกล่าว หรือบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการ
ทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้ผู้นั้นขับรถ และให้เจ้าพนักงานจราจรคืนใบอนุญาตขับขี่
หรือยกเลิกการบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือยอมให้ผู้ขับขี่ขับรถได้เมื่อผู้ขับขี่นั้นอยู่
ในสภาพที่สามารถขับรถต่อไปได้หรือเมื่อเจ้าพนักงานจราจรแน่ใจว่าผู้ขับขี่จะไม่ขับรถในขณะที่อยู่ในสภาพดังกล่าว ทั้งนี้
ตามระเบียบที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกร่วมกันกำหนด)
7. เพิ่มอำนาจพนักงานสอบสวนทุกท้องที่ ให้สามารถเปรียบเทียบปรับเกี่ยวกับใบสั่งได้ทั่วราชอาณาจักร (One Stop Service)
อันนี้น่าจะออกมาเพื่อความสะดวกแก่ประชาชน
(ยังหาไม่เจอครับ)
8. แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการตัดคะแนนความประพฤติต่างๆและการพักใช้ใบอนุญาตขับขี่
(ดูมาตรา ๑๔๒/๑ ใน spoil)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(มาตรา ๑๔๒/๑ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมความประพฤติของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ให้เกิดความปลอดภัยในการจราจร
ในกรณีที่ผู้ขับขี่ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือตามกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง ให้สำนักงาน
ตำรวจแห่งชาติจัดให้มีระบบการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่
ระบบการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถตามวรรคหนึ่ง อย่างน้อยต้องประกอบด้วยการกำหนดคะแนน การตัดคะแนน
และการคืนคะแนน โดยวิธีดำเนินการดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและ
อธิบดีกรมการขนส่งทางบกร่วมกันกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ ในการกำหนดคะแนนความประพฤติในการ
ขับรถให้คำนึงถึงประเภทของใบอนุญาตขับขี่ และเหตุแห่งการกระทำความผิดด้วย
ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ผู้ใดถูกตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถจนหมดคะแนนตามที่กำหนดไว้ ให้ผู้บัญชาการ
ตำรวจแห่งชาติหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในแต่ละท้องที่สั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้ได้รับ
ใบอนุญาตขับขี่ผู้นั้นคราวละเก้าสิบวัน ทั้งนี้ตามระเบียบที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนด)
เห็นเพื่อนแชร์มาว่าใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์หรือสำเนาใบขับขี่ สามารถใช้แทนใบขับขี่ตัวจริงได้ (อีก 120 วันถัดจาก 22 พ.ค. 62)
ข้อความที่เพื่อนแชร์มามี 8 ประเด็น ผมลองไปค้นกูเกิลดู ไปเจอลิงก์ของพระราชกิจจานุเบกษาเกี่ยวกับเรื่องพระราชบัญญัติ
ฉบับแก้ไขใหม่ ก็เลยลองเปรียบเทียบกันดู ข้อความที่ผมเพิ่มเข้ามาจะอยู่ในวงเล็บใต้แต่ละข้อครับ
ลิงก์ของพระราชบัญญัติจราจรทางบกแก้ไขใหม่ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/067/T_0067.PDF
พระราชบัญญัติจราจรทางบกแก้ไขใหม่
22 พฤษภาคม 2562 (อีก 120 วัน ถึงจะมีผลบังคับใช้)
ประเด็นที่น่าสนใจ
1. ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์หรือสำเนาใบขับขี่ สามารถใช้แทนใบขับขี่ตัวจริงได้
(มาตรา ๓๑/๑ ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวและต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ
ในกรณีที่ผู้ขับขี่แสดงใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ตามที่กรมการขนส่ง
ทางบกกำหนดให้ถือว่าผู้ขับขี่มีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวตามวรรคหนึ่งแล้ว)
2. เมื่อขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่อยู่กับตัวและต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ
(มาตรา ๓๑/๑ ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวและต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ)
3. ขับรถจักรยานในขณะเมาสุรา มีบทกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดแล้ว ปรับไม่เกิน 500 บาท
(หาไม่เจอครับ)
4. การเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ แต่เดิมเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ได้ โดยใช้
อำนาจตามมาตรา 140 ต่อมามาตรา 140 ได้แก้ไขใหม่ ไม่ได้ระบุอำนาจการเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่
(ต้องหามาตรา ๑๔๐ ของพระราชบัญญัติจราจรทางบกเดิมมาเทียบ)
5. มีการระบุข้อสันนิษฐานว่าเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองนั้นเป็นผู้กระทำผิดตามที่ระบุไว้ในใบสั่งโดยกฎหมายได้เพิ่มเติมข้อต่อสู้
สำหรับเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองเพื่อง่ายแก่การพิสูจน์ ตามมาตรา 140/1
(ดูมาตรา ๑๔๐/๑ ใน spoil)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
6. ม.140/2 มีการระบุอำนาจในการยึดใบขับขี่โดยเมื่อถ้าพนักงานจราจรเห็นว่าผู้ขับขี่ผู้นั้นอยู่ในสภาพที่หากใช้รถต่อไป
อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น
(ดูมาตรา ๑๔๐/๒ ใน spoil)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
7. เพิ่มอำนาจพนักงานสอบสวนทุกท้องที่ ให้สามารถเปรียบเทียบปรับเกี่ยวกับใบสั่งได้ทั่วราชอาณาจักร (One Stop Service)
อันนี้น่าจะออกมาเพื่อความสะดวกแก่ประชาชน
(ยังหาไม่เจอครับ)
8. แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการตัดคะแนนความประพฤติต่างๆและการพักใช้ใบอนุญาตขับขี่
(ดูมาตรา ๑๔๒/๑ ใน spoil)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้