ตามที่ทราบกันว่าสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอล AFC U-23 รอบสุดท้าย
ในช่วงเดือนมกราคม 2563 นั้น ซึ่งปรากฏว่าจนถึงปัจจุบัน สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยังไม่ประกาศสนามที่จะใช้ทำการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
มีเพียงแค่ข้อมูลเบื้องต้นจากการไปสำรวจความพร้อมสนามร่วมกับ AFC เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งระบุข้อมูลเบื้องต้นว่าจะมี 4 สนามที่จะใช้จัดการแข่งขัน ได้แก่
1) ราชมังคลากีฬาสถาน (ของ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.))
2) สนามกีฬาสมโภช 700 ปีเชียงใหม่ (ของ กกท.)
3) สนามกีฬากลางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต (ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
4) สนามกีฬาติณสูลานนท์ (ของ อบจ.สงขลา)
ซึ่งทุกสนามที่สมาคมเสนอให้ทาง AFC ช่วยร่วมพิจารณาล้วนแต่มีจุดที่ต้องปรับปรุงให้ได้ข้อกำหนดของ AFC ทั้งสิ้น
แต่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ไม่ระบุว่าแต่ละสนามมีจุดไหนต้องปรับปรุงบ้าง อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าเป็นห่วงมากตอนนี้คือ
AFC ให้เวลาสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะต้องส่งมอบสนามให้ AFC ในสภาพเรียบร้อย
ภายในเดือนตุลาคม 2562 นี้
แต่จนถึงปัจจุบันหน่วยงานเจ้าของสนามทั้ง 3 สนาม ยังไม่มีหน่วยงานไหนกล้าเซ็นหนังสือยืนยันกับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
ว่าจะสามารถปรับปรุงสนามแล้วส่งมอบได้ทันภายในเดือนตุลาคมนี้ ตอนนี้มีเพียง กกท. ที่ประชุมร่วมกับสมาคมฟุตบอลฯ
แล้วว่าจะส่งมอบไม่ทันเดือนตุลาคมนี้ แต่จะทำหนังสือยืนยัน (ขอผ่อนผัน) กับ AFC ขอส่งมอบสนามในเดือนธันวาคม 2562 แทน
ส่วนหน่วยงานอื่นยังเงียบกริบไม่มีข่าว โดยเฉพาะ อบจ. สงขลา ที่จู่ๆขอแทรกเสนอสนามตัวเองเข้ามาเป็นเจ้าภาพทั้งที่ไม่เคยมีข่าวมาก่อน
ปัญหาสำคัญในตอนนี้คือ เท่าที่ผมตามเช็คข่าวการจัดซื้อจัดจ้างของทั้ง 3 หน่วยงานมาตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม
ยังไม่มีหน่วยงานไหนออกร่างประกาศประกวดราคา หรือประกาศประกวดราคา ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะจัดหาผู้รับจ้างมาปรับปรุงสนามเลย
ซึ่งถ้าเอาตามขั้นตอนปกติที่หน่วยงานของรัฐจ้างปรับปรุงสนามกีฬาที่มีมูลค่าสูงนับร้อยล้านแบบนี้ ผมยังไม่เห็นหน่วยงานไหน
ที่ใช้เวลาในการจัดหาผู้รับจ้างตั้งแต่ออกร่าง TOR จนถึงขั้นตอนการเซ็นสัญญากับผู้รับจ้างเสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน
นั้นหมายความว่า ถ้าภายในเดือนนี้ทั้ง 3 หน่วยงานยังไม่ออกร่าง TOR ลงบนเว็บไซต์หน่วยงานและเว็บไซต์กรมบัญชีกลาง
ก็อาจจะหาผู้รับจ้างมาเริ่มปรับปรุงสนามได้ไม่ทันภายในต้นเดือนกรกฎาคม 2562 ตามที่การกีฬาแห่งประเทศไทยตั้งใจไว้
ซึ่งต่อให้เริ่มปรับปรุงสนามเดือนกรกฎาคม 2562 นี้จริง ก็มีปัญหาอีกว่าผู้รับเหมาจะดำเนินการเสร็จทันกำหนดส่งมอบสนามได้หรือไม่
ถึงแม้ว่า AFC จะผ่อนผันให้ถึงช่วงเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแข่งขัน 1 เดือน ผู้รับจ้างก็จะมีเวลาปรับปรุงสนามแค่ราวๆ 5 เดือนครึ่ง
ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นกว่าตอนที่ กกท. ปรับปรุงอินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก โคราชชาติชายฮอลล์ และกรมพลศึกษาปรับปรุงอาคารนิมิตรบุตร
เพื่อจัดการแข่งขันฟุตซอลโลก 2012 เสียอีก
งานนี้ถ้ามีวี่แววจะส่งมอบสนามไม่ทัน AFC จะริบสิทธิการเป็นเจ้าภาพของไทยทันที เพราะจนถึงตอนนี้เรายังไม่ได้เซ็นสัญญาจัดการแข่งขัน
กับ AFC แต่อย่างใดเลย ซึ่งเรื่องนี้จะปัดความรับผิดชอบให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของสนามก็ไม่ได้ เพราะสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพิ่งมาเริ่มคัดเลือกสนามเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้เอง ทั้งที่ AFC ประกาศให้สิทธิเป็นเจ้าภาพตั้งแต่เกือบ 2 ปีที่แล้ว งานนี้ขอให้สื่อและแฟนบอลช่วยกันตามหน่อยเถอะครับ ดูความพร้อมแล้วน่าจะแย่กว่าคราวเป็นเจ้าภาพฟุตซอลโลกที่ตอนนั้นมีปัญหากรุงเทพมหานคร (โดยคุณชายสุขุมพันธ์) ดำเนินการก่อสร้างสนามแข่งขันไม่เสร็จทันกำหนดส่งมอบให้ FIFA แต่ตอนนั้นโชคดีที่ว่า FIFA ยอมให้ใช้อาคารนิมิตรบุตรที่ปรับปรุงเป็นสนามซ้อมเป็นสนามแข่งขันแทนได้ เลยจบเรื่องไป
ข่าวล่าสุดจากเว็บไซต์สมาคม
สมาคมฯ ร่วมประชุม กกท. เรื่องแผนแม่บทพัฒนาฟุตบอล และเจ้าภาพ AFC U23
http://fathailand.org/news/4120
สมาคมฯ จัดประชุมความคืบหน้า ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี
http://fathailand.org/news/4106
หน้าเว็บจัดซื้อจัดจ้างของทั้ง 3 หน่วยงาน
การกีฬาแห่งประเทศไทย
http://www.sat.or.th/procurement/draftannoucement/
สำนักงานบริหารทรัพย์สินและกีฬา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (หน่วยงานที่ดูแลสนามกีฬาในพื้นที่ มธ.ศูนย์รังสิต)
http://www.psm.tu.ac.th/main.php?page_name=article.bid
อบจ.สงขลา
http://songkhlapao.go.th/news?cid=3
ทำไมดูสื่อไทย-แฟนบอลไทย ไม่เป็นห่วงความคืบหน้าสนาม AFC U-23 รอบสุดท้ายเลย
ในช่วงเดือนมกราคม 2563 นั้น ซึ่งปรากฏว่าจนถึงปัจจุบัน สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยังไม่ประกาศสนามที่จะใช้ทำการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
มีเพียงแค่ข้อมูลเบื้องต้นจากการไปสำรวจความพร้อมสนามร่วมกับ AFC เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งระบุข้อมูลเบื้องต้นว่าจะมี 4 สนามที่จะใช้จัดการแข่งขัน ได้แก่
1) ราชมังคลากีฬาสถาน (ของ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.))
2) สนามกีฬาสมโภช 700 ปีเชียงใหม่ (ของ กกท.)
3) สนามกีฬากลางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต (ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
4) สนามกีฬาติณสูลานนท์ (ของ อบจ.สงขลา)
ซึ่งทุกสนามที่สมาคมเสนอให้ทาง AFC ช่วยร่วมพิจารณาล้วนแต่มีจุดที่ต้องปรับปรุงให้ได้ข้อกำหนดของ AFC ทั้งสิ้น
แต่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ไม่ระบุว่าแต่ละสนามมีจุดไหนต้องปรับปรุงบ้าง อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าเป็นห่วงมากตอนนี้คือ
AFC ให้เวลาสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะต้องส่งมอบสนามให้ AFC ในสภาพเรียบร้อยภายในเดือนตุลาคม 2562 นี้
แต่จนถึงปัจจุบันหน่วยงานเจ้าของสนามทั้ง 3 สนาม ยังไม่มีหน่วยงานไหนกล้าเซ็นหนังสือยืนยันกับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
ว่าจะสามารถปรับปรุงสนามแล้วส่งมอบได้ทันภายในเดือนตุลาคมนี้ ตอนนี้มีเพียง กกท. ที่ประชุมร่วมกับสมาคมฟุตบอลฯ
แล้วว่าจะส่งมอบไม่ทันเดือนตุลาคมนี้ แต่จะทำหนังสือยืนยัน (ขอผ่อนผัน) กับ AFC ขอส่งมอบสนามในเดือนธันวาคม 2562 แทน
ส่วนหน่วยงานอื่นยังเงียบกริบไม่มีข่าว โดยเฉพาะ อบจ. สงขลา ที่จู่ๆขอแทรกเสนอสนามตัวเองเข้ามาเป็นเจ้าภาพทั้งที่ไม่เคยมีข่าวมาก่อน
ปัญหาสำคัญในตอนนี้คือ เท่าที่ผมตามเช็คข่าวการจัดซื้อจัดจ้างของทั้ง 3 หน่วยงานมาตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม
ยังไม่มีหน่วยงานไหนออกร่างประกาศประกวดราคา หรือประกาศประกวดราคา ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะจัดหาผู้รับจ้างมาปรับปรุงสนามเลย
ซึ่งถ้าเอาตามขั้นตอนปกติที่หน่วยงานของรัฐจ้างปรับปรุงสนามกีฬาที่มีมูลค่าสูงนับร้อยล้านแบบนี้ ผมยังไม่เห็นหน่วยงานไหน
ที่ใช้เวลาในการจัดหาผู้รับจ้างตั้งแต่ออกร่าง TOR จนถึงขั้นตอนการเซ็นสัญญากับผู้รับจ้างเสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน
นั้นหมายความว่า ถ้าภายในเดือนนี้ทั้ง 3 หน่วยงานยังไม่ออกร่าง TOR ลงบนเว็บไซต์หน่วยงานและเว็บไซต์กรมบัญชีกลาง
ก็อาจจะหาผู้รับจ้างมาเริ่มปรับปรุงสนามได้ไม่ทันภายในต้นเดือนกรกฎาคม 2562 ตามที่การกีฬาแห่งประเทศไทยตั้งใจไว้
ซึ่งต่อให้เริ่มปรับปรุงสนามเดือนกรกฎาคม 2562 นี้จริง ก็มีปัญหาอีกว่าผู้รับเหมาจะดำเนินการเสร็จทันกำหนดส่งมอบสนามได้หรือไม่
ถึงแม้ว่า AFC จะผ่อนผันให้ถึงช่วงเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแข่งขัน 1 เดือน ผู้รับจ้างก็จะมีเวลาปรับปรุงสนามแค่ราวๆ 5 เดือนครึ่ง
ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นกว่าตอนที่ กกท. ปรับปรุงอินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก โคราชชาติชายฮอลล์ และกรมพลศึกษาปรับปรุงอาคารนิมิตรบุตร
เพื่อจัดการแข่งขันฟุตซอลโลก 2012 เสียอีก
งานนี้ถ้ามีวี่แววจะส่งมอบสนามไม่ทัน AFC จะริบสิทธิการเป็นเจ้าภาพของไทยทันที เพราะจนถึงตอนนี้เรายังไม่ได้เซ็นสัญญาจัดการแข่งขัน
กับ AFC แต่อย่างใดเลย ซึ่งเรื่องนี้จะปัดความรับผิดชอบให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของสนามก็ไม่ได้ เพราะสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพิ่งมาเริ่มคัดเลือกสนามเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้เอง ทั้งที่ AFC ประกาศให้สิทธิเป็นเจ้าภาพตั้งแต่เกือบ 2 ปีที่แล้ว งานนี้ขอให้สื่อและแฟนบอลช่วยกันตามหน่อยเถอะครับ ดูความพร้อมแล้วน่าจะแย่กว่าคราวเป็นเจ้าภาพฟุตซอลโลกที่ตอนนั้นมีปัญหากรุงเทพมหานคร (โดยคุณชายสุขุมพันธ์) ดำเนินการก่อสร้างสนามแข่งขันไม่เสร็จทันกำหนดส่งมอบให้ FIFA แต่ตอนนั้นโชคดีที่ว่า FIFA ยอมให้ใช้อาคารนิมิตรบุตรที่ปรับปรุงเป็นสนามซ้อมเป็นสนามแข่งขันแทนได้ เลยจบเรื่องไป
ข่าวล่าสุดจากเว็บไซต์สมาคม
สมาคมฯ ร่วมประชุม กกท. เรื่องแผนแม่บทพัฒนาฟุตบอล และเจ้าภาพ AFC U23
http://fathailand.org/news/4120
สมาคมฯ จัดประชุมความคืบหน้า ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี
http://fathailand.org/news/4106
หน้าเว็บจัดซื้อจัดจ้างของทั้ง 3 หน่วยงาน
การกีฬาแห่งประเทศไทย
http://www.sat.or.th/procurement/draftannoucement/
สำนักงานบริหารทรัพย์สินและกีฬา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (หน่วยงานที่ดูแลสนามกีฬาในพื้นที่ มธ.ศูนย์รังสิต)
http://www.psm.tu.ac.th/main.php?page_name=article.bid
อบจ.สงขลา
http://songkhlapao.go.th/news?cid=3