โดนล้วงกระเป๋าที่ยุโรปเตือนภัยสำหรับคนเที่ยวเองที่ยุโรป(มิจฉาชีพภัยร้ายรอบๆตัวPart 1/2)

โดนล้วงกระเป๋าที่ยุโรปเตือนภัยสำหรับคนเที่ยวเองที่ยุโรป(มิจฉาชีพภัยร้ายรอบๆตัวPart 1/2)

ปกติได้แต่ติดตามอ่านเรื่องราวของคนอื่นไม่เคยคิดว่าจะมีประสบการณ์อะไรที่พอจะเป็นประโยชน์มาแบ่งปันได้แต่หลังจากเจอเรื่องราวครั้งล่าสุดกับภัยของนักท่องเที่ยวเลยมีความคิดว่าเรื่องที่เจอมาอาจเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆบ้างไม่มากก็น้อยเลยมีเรื่องราวมาเตือนภัยคนที่ไปเที่ยวเองที่ยุโรปเรามีโอกาสเที่ยวยุโรปแบบเที่ยวเองไม่บ่อยนักแต่ทุกครั้งที่ไปมักมีเรื่องราวประทับจิตระทึกขวัญทุกครั้งก่อนอื่นเลยขอเกริ่นนิดนึงว่าเราเป็นคนตัวค่อนข้างเล็กดังนั้นแฟนจะเตือนเสมอว่าให้ระวังตกเป็นเป้าของบรรดามิจฉาชีพบ่นๆๆๆเตือนๆๆๆจนทะเลาะกันไปก็หลายครั้งหลังคราวถามว่าเชื่อมั้ยบอกเลยว่ามีดื้อเงียบๆแต่ไม่อยากทะเลาะคิดว่าแฟนเราเค้ากลัวไปป่าวและแล้ววันเดินทางของ1st trip - back pack ก็มาถึงแต่ทริปในฝันมันก็สวยงามตามฝันนะคะแต่มันมีของแถมมาด้วยเลยอยากมาแบ่งปันหรือเรียกว่าเตือนภัยนักท่องเที่ยวอย่างเราๆดีกว่าค่ะเคยไปเที่ยวกับทัวร์อาจด้วยคนหมู่มากเลยยังไม่ได้สัมผัสกับมิจฉาชีพตัวเป็นๆแต่พอได้เริ่มเที่ยวเองก็เริ่มสัมผัสได้ทุกครั้งที่เข้าไปในเมืองหลักๆและต้องเดินทางด้วยรถไฟ 

ครั้งแรกเมื่อปี2559 (ประมาณนะคะจำปีที่แน่นอนไม่ได้อ่ะค่ะ) ครั้งแรกกับการเที่ยวเองฝั่งยุโรปก้อไปเลยค้ากับแฟนและคุณแม่แฟนซึ่งคุณแม่แฟนตัวเล็กๆไล่เลี่ยกับเรานี่แหละส่วนแฟนเราตัวค่อนข้างใหญ่พอควรค่ะก่อนออกเดินทางอย่างที่เล่าอ่ะค่ะด้วยความวิตกของแฟนกังวลห่วงโน่นนี่นั่นสารพัดดังนั้นนางจะให้ความสำคัญกับรร. มากต้องปลอดภัยเดินทางไป-กลับสถานีรถไฟง่ายและอยู่ไม่ไกลกันนักเพราะนางคนเดียวต้องดูแลผู้ร่วมทริปถึง2 คนนางก็เกรงว่าจะไม่ไหวแต่สิ่งที่เราคอนโทรลไม่ได้คือระหว่างทางที่เราต้องเดินทางซึ่งคุณแฟนก้อย้ำแล้วย้ำอีกว่ายุโรปอันตรายให้ระวังตัวทั้งคุณแม่และก็เราด้วยย้ำตลอดเวลาจนเอาตรงๆนะคะทะเลาะกันไปหลายรอบว่าจะอะไรนักหนา(ตามที่เกริ่นไว้ตอนค้น) มาต่อกันค่ะเราลงเครื่องที่มิวนิคและตามแพลนจะต่อรถไฟไปที่เวนิสวันเกิดเรื่องคือเช้าตรู่ของวันที่จะเดินทางไปเวนิสเรื่องมีอยู่ว่าระหว่างรอรถไฟซึ่งเช้ามาก6.00 น. มั้งคะแฟนให้ทั้งคุณแม่และเราเฝ้ากระเป๋าอยู่ข้างขบวนรถไฟที่เราประเมินแล้วว่าขบวนนี้แหละจะไปเวนิสแล้วนางก้อไปซื้อตั๋วรถไฟซึ่งต้องเดินไปไกลมากคุณแม่กะเราก้อนั่งเฝ้ากระเป๋าใบใหญ่2 ใบ+เล็ก1 ใบข้างขบวนรถไฟด้วยความที่เช้ามากคนยังค่อนข้างบางตาพอแฟนเดินคล้อยหลังไปซักพักก้อมีผู้ชายผมค่อนข้างน้ำตาลแต่งตัวไม่แย่นักเดินมาแล้วเข้ามาชาร์ตเรากะคุณแม่ประมาณว่าช่วยเลื่อนกระเป๋าให้มั้ยแล้วเค้าก็มาลากกระเป๋าเราพยายามจะเข็นไปเรากะคุณแม่ก้อโวยวายว่าไม่ต้องๆเค้าก็พยายามจนสุดท้ายเราคงเสียงดังกันมากๆเค้าก้อเลยเดินไปแบบ“เออไม่ช่วยก้อได้” ตอนนั้นเราก้อแอบรู้สึกผิดนิดๆว่าเค้าอาจจะไม่ได้เป็นมิจฉาชีพก้อได้เราทำเกินไปรึป่าวพอแฟนเดินกลับมาเราเล่าให้เค้าฟังเค้าก้อว่าเราใหญ่ว่าทำไมไม่ระวังตัววันนั้นจบลงด้วยการที่เราโดนบ่นหูตูบและเราก็นอยด์แฟนว่าเยอะไปมั้ยจากนั้นเราก็ตะลอนกันไปจากเวนิสฟลอเรนซ์และปิดท้ายที่โรมจนถึงวันเกือบสุดท้ายที่โรมเราก็นึกกระหยิ่มในใจนิดๆว่าไม่เห็นมีรัยเลยแฟนเราเค้าวิตกจริตไปซึ่งความซวยก็มาณกรุงโรมแห่งนี้วันนั้นเราจำได้ว่าเราก็เดินเที่ยวเล่นจนเหนื่อยและกำลังจะจบวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับไปอย่างสวยงามแต่... ตอนกำลังขึ้นรถไฟใต้ดินเพื่อกลับรร. แฟนเราเค้าก็ขึ้นไปก่อนตามด้วยคุณแม่และเราปิดท้าย(มั่นใจว่าชั้นนี่แหละจะต้องช่วยดูแลคุณแม่ได้ด้วยร่างกายเล็กๆมินิไซส์ของชั้น) ระหว่างที่ทุกคนขึ้นไปหมดแล้วเราก็เดินตามขึ้นไปรถไฟขบวนนี้มีเสาเหล็กอยู่กลางประตูเราก็ไม่ได้คิดอะไรสังเกตเห็นมีผู้หญิงวัยรุ่นซัก17-18 หน้าตาน่ารักสไตล์ฝรั่งเลยนางแต่งตัวดูโอเควัยรุ่นทั่วไปดูสะอาดตา(วัยรุ่นฝรั่งบางคนดูแต่งตัวสกปรกถ้าเห็นแบบนั้นเราจะรู้สึกต้องระวังตัว) นางสะพายเป้แต่เอามาไว้ที่ด้านหน้ายืนอยู่ตรงเสาเหล็กกลางประตูนั่นแหละเราก็แบบไม่ได้คิดอะไรเพราะคนดูไม่เยอะบนรถไฟเองก็โล่งๆบรรยากาศดูไม่ได้มีอะไรที่น่าจะเป็นอันตรายเลยแถมน้องที่ยืนอยู่ก็ดูโอเคแต่... พอเราเดินเข้าไปปุปประตูรถไฟปิดรถออกตัวกระชากเบาๆด้วยสัญชาติญานเราก็จิกเท้าแน่นกลัวล้มแล้วมือก็จับกระเป๋าทั้ง2 ข้าง(เราสะพานกระเป๋าใบเล็กๆแบบcross over มีกระดุมแป๊กติดที่ด้านหน้ากระเป๋า) ทั้งนี้ไม่ใช่อะไรแต่แค่ทรงตัวเฉยๆเพื่อไม่ให้เซไปตามแรงกระชากของรถซึ่งเด็กคนนั้นก็เหมือนเซมาหาเราชนกันเบาๆมันไม่น่ามีอะไรนะแต่เดี๋ยวก่อนตอนชนกันทำไมมือเค้าสอดเข้ามาในฝาหน้ากระเป๋าเราและดันฝาออกซึ่งมันชนกับมือเราที่ประคองกระเป๋าเราพอดี  ซึ่งพอมือชนกันปุ๊ปเค้าก้อรีบเก็บมือเค้ามันทีทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากเราก็ตกใจแล้วก็งงๆด้วยแฟนเราหันมาดูเราพอดีเห็นสีหน้าเราคงเอะใจเค้าก็ตะโกนถามมีอะไรรึป่าวแล้วเดินมาชาร์ตเราทันทีส่วนเด็กสาวฝรั่งคนนั้นรีบเดินหนีไปโบกี้อื่นทันทีเราเล่าเรื่องราวให้แฟนเราฟังนางจะตามไปเอาเรื่องเพราะรถไฟมันยังไม่จอดยังไงเจอตัวแน่แต่เราห้ามไว้เพราะมันไม่มีหลักฐานเค้าไม่ได้เอาอะไรของเราไปเรื่องครั้งนี้เลยจบลงด้วยความแคลงใจว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเราคิดม่กไปหรือเราเจอมิจฉาชีพจริงๆแต่ก็ทำให้เราระวังตัวมากขึ้นใครเคยเจอประสบการณ์แบบนี้มาแบ่งปันกันนะคะเผื่อเป็นวิทยาทานให้นักท่องเที่ยวอย่างเราระมัดระวังตัวกันมากขึ้นเดี๋ยวมาต่อPart 2/2 เพิ่งเกิดสดๆร้อนๆเลยค่า

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่