กระทู้นี้อาจะเป็นกระทู้แรกที่รีวิวลงพันทิพย์ รูปอาจะไม่เยอะแต่พิมพ์เยอะ หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
ก่อนหน้านี้เราเคยไป โอซาก้าในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี มาแล้ว (ตั๋วโปร SQ 12,xxx) และในช่วงเดือนตุลาคมก็มีโอกาสไป โตเกียว => อิบาระกิพาคุณแม่ไปเยี่ยมน้องที่เรียนอยู่ที่นี่ เป็นการขับรถครั้งแรก และในครั้งนี้ก็จะมาแบ่งปันประสบการณ์ในการเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งในครั้งนี้เราจะไป โตเกียว => ทาคายาม่า => ชิราคาวาโกะ => คาวากุจิโกะ => โตเกียว ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา 28 Dec 18 - 5 Jan 19 โดยการเดินทางออกนอกเมืองเราจะเช่ารถขับกัน ที่เราเลือกไปช่วงปีใหม่เพราะเราอยากไปเจอหิมะซึ่งเริ่มตกตั้งแต่ช่วงปลายธันวา ตอนจองก็ลุ้นเหมือนกันว่าจะได้เจอหิมะหรือเปล่า
เริ่มต้นการเดินทางเราจองตั๋วกันล่วงหน้ายาวนานข้ามปีเลย จองตั้งแต่ 29 มกราคม 2018 ของสายการบิน ANA ในราคาเพียง 18,800 บาทต่อคน จริงๆ ของ ANA จองได้ก่อนนานมาก แต่ด้วยความที่อยากรอตั๋ว TG ซึ่งเปิดจอง 340 วันล่วงหน้าก็ทำให้เราผิดหวัง เพราะไม่มีราคาดีๆในช่วงเทศกาล และถ้าใครจะเดินทางโดยที่มีแผนแน่นอนแล้วจองล่วงหน้าไปเลยครั้ง ซึ่งในทริปนี้เรามีสมาชิกเพิ่ม และจองเพิ่มตอนเดือน พฤษภาคม แน่นอนค่าตั๋ว ราคาเพิ่มไปเป็น 28,025 บาท
ถัดมาในส่วนของที่พักเราเลือกจองโรงแรม IBIS STYLES TOKYO BAY เนื่องจากเราเป็นสมาชิกของ Accor อยู่และนอนในเมืองที่อื่นราคาค่อนข้างแพงช่วงปีใหม่ ที่นี่เพิ่งเปิดตอนเดือนกรกฏาคม ปี 2018 ทำให้สภาพโรงแรมใหม่ ห้องกว้าง ใกล้ดิสนีย์แลนเพียง 1 สถานีมีรถรับส่ง แต่อยู่ไกลเมืองใช้เวลานั่งรถไฟเข้าเมืองประมาณ 40 นาที เรานอนที่นี่ตั้งแต่ 28 ธันวา - 1 มกรา และกลับมาอีกในวันสุดท้าย คือ 4 มกรา ทั้งหมด 5 คืน ค่าโรงแรม 130,000 เยน สำหรับ 4 คนไม่รวมอาหารเช้า
โดยเราเลือกจองล่วงหน้าตั้งแต่เดือนกรกฏาคมเช่นกัน ที่เรากลับมานอนที่นี่คืนสุดท้ายเพราะช่วงที่เราออกนอกเมืองจะฝากของไว้ที่โรงแรมจะได้ไม่ต้องขนไปหมด
ส่วนคืนวันที่ 1-3 มกรา เรานอนที่ Country Hotel Takayama จองผ่าน Agoda ราคา 10,400 บาท
คืนวันที่ 3 มกรา เรานอนที่ Yamadaya Hotel จองผ่าน Agoda ราคา 6,600 บาท
ในส่วนของรถเช่า เราเช่ารถตั้งแต่คืนวันที่ 30 ธันวาคม รับรถตอน 20:00 ที่สาขา Ueno และคืนวันที่ 4 มกราคม ตอน 20:00 เช่นกัน เราจองผ่านเว็บ ToCoo ช่วงเดือนกันยายน โดยเลือกแบบ Snow Tire พร้อม เหมาค่าทางด่วน โดยค่าเช่าจะแบ่งออกเป็น ค่ารถ 46,980 เยน ค่าประกัน 8,100 เยน ค่าทางด่วนแบบเหมา 13,220 เยน ที่เราเลือกจองผ่านเว็บนี้เพราะง่ายและเราคำนวนแล้วว่าคุ้ม ค่าทางด่วนแบบเหมาเท่าที่หามาจะมีแต่ของ CEP ซึ่งจะสามารถใช้งานได้เฉพาะพื้นที่ กับ TEP อันที่เราจองใช้ได้หมดไม่มีข้อจำกัด
Day 1 : Starter - Tokyo
เราออกเดินทางจากกรุงเทพกันในคืนวันที่ 27 ธันวาคม พอมาถึงหน้า Gate ก็เซอร์ไพรส์มากเพราะเครื่องบินที่เราเดินทางไปวันนี้เป็นลาย R2D2 ของ ANA STAR WARS™ PROJECT ซึ่งจะมีแค่ 3 ลำ 3 ลายหมุนเวียนกันไปในเส้นทางต่างๆ
เมื่อเดินทางมาถึงเราก็ไปกดเงินที่แลกไว้ผ่าน Krungthai Travel Card รับตั๋วเข้า Disney Sea ที่ซื้อผ่าน Klook และซื้อตั๋วรถบัสไปโรงแรมกัน ที่เลือกนั่งรถบัสเพราะค่อนข้างสะดวก ไม่ต้องขนกระเป๋าเอง ไม่ต้องเปลี่ยนรถเหมือนรถไฟ เมื่อมาถึงสถานี Maihama เราก็ต่อรถเมไปอีก 3 ป้ายถึงหน้าโรงแรม Check in เก็บของแล้วก็ออกไปเที่ยว กินซ่า ซื้อของเสื้อผ้าอุปกรณ์กันหนาว เราเตรียมตัวมาหนาว อุณหภูมิเลขตัวเดียว แต่ในวันที่เราไปลมแรงมาก หลังจากซื้อของเสร็จก็กลับมาพักที่โรงแรม

วิวสวยๆจากห้องของโรงแรม
Day 2 : Disney Sea ทั้งวัน
ตื่นกันแต่เช้า ประมาณ 6:30 ออกไปซื้อข้าวที่ 7-11 ใกล้ๆ มาทานในห้องเราก็พบว่าข้าว 7-11 อร่อยมาก มีข้าวหน้าเนื้อด้วย ทานเสร็จแล้วก็ลงมาขึ้นรถ Shuttle Bus ไป Disney Sea กัน ใช้เวลาไม่นานก็ถึง Disney Sea ยืนต่อแถวตากแดดและลมหนาวกัน เกือบ 20 นาทีพอประตูเปิด เราก็รีบไปกดบัตร Fast Pass ของเครื่องเล่นต่างๆ การกด Fast Pass นั้นเราจะกดได้ ทุก 2 ชั่วโมงเราวางแผนการเล่นโดยดูระยะเวลาคิวจาก Application ซึ่งในรอบนี้เราได้เล่นครบทุกอย่าง ยกเว้น Nemo & Friends SeaRider กับ Toy Story Mania! 2 อันนี้ไม่สามารถจริง แค่เห็นคนต่อคิวก็ท้อแล้ว เข้าใจว่าเป็นเครื่องเล่นเปิดใหม่ พอถึงช่วงหัวค่ำก็ออกมาดูการแสดง ที่ทะเลสาบ เนื่องจากคุณแม่ละป้าอยากกลับก่อนเราเลยเดินออกมาส่งที่จุดขึ้นรถบัสเพื่อกลับโรงแรม และเราก็เล่นกันต่อจนถึง 4 ทุ่มช่วงหลังการแสดงเครื่องเล่นจะไม่ค่อยมีคนแล้วต่อคิวเล่นไม่นานก็ได้เล่น

บรรยากาศตอนประตูเปิด ผู้คนหลั่งไหลเข้าสวนสนุก

ชอบบรรยากาศตอนกลางคืนถ่ายรูปสวยดี
💛 Day 3 : Tokyo
วันที่ 3 เราเที่ยวเบาๆ ในเมือง ไปไหว้พระวัด Sensoji Tample หาอะไรกินที่ตลาด Ameyoko Market

เดินเล่น Harajuku ปิดท้ายด้วยการกิน Buffet เนื้อย่างที่ร้าน Yakiniku a Five ราคาหัวละหมื่นเยน โดยประมาณ เนื่องจากรวมเครื่องดื่มมีแอลกอฮอลด้วย อร่อยคุ้มกินกันจนเดินไม่ไหวเลยทีเดียว กินเสร็จเราก็ไปรับรถเช่าที่ Ueno ขับกลับมาที่โรงแรม

💚 Day 4 : ขับรถไป Hakone
วันที่ 4 เราขับรถกันไปซื้อของที่ GOTEMBA PREMIUM OUTLET หวังว่าจะได้เจอ Lucky Bag เนื่องจากวันนี้วันที่ 31 ธันวาแล้ว ปรากฏว่ามีของมาโชวแล้วแต่ยังไม่ขายเริ่มขายวันที่ 1 เราก็เลยอดได้ Lucky Bag แต่ก็ซื้ออย่างอื่นติดไม้ติดมือกลับมา ลำพังของที่ Outlet ถูกแล้วเจอช่วงปีใหม่มีลดเพิ่มด้วย เสื้อยืด Adidas ตกตัวละ 1-2 ร้อยบาท เอง เราจัดถุงเท้ามาเลย 12 คู่ ลดเยอะมากที่ GOTEMBA PREMIUM OUTLET เป็น Outlet ที่เห็นวิวภูเข้าไฟฟูจิด้วยนะ

หลังจากซื้อของเสร็จเราก็ไปต่อ กันที่ หุบเขาโอวาคุดานิไปชิมไข่ดำทานข้าวกันบนยอดเขานี่แหละ พอทานเสร็จกำลังจะเดินไปที่รถ หิมะก็เริ่มโปรยปรายลงมาแล้ว ตื่นเต้นมาก จากนั้นเราก็ลงมาถ่ายรูปแถวๆทะเลสาบ(Lake Ashi) /Hakone Shrine และแวะทานอาข้าวเย็นในเมือง Yokohama จาก แผนตอนแรกกะว่าทานข้าวเสร็จ จะไปดูพลุ Countdown @ Sea Paradise Park ที่ Yokohama แต่คนเยอะและอยากกลับไปจัดของเพื่อไปนอนนอกเมืองวันถัดไป เลยตัดสินใจกลับโรงแรม
💙 Day 5 : Takayama
เก็บของ ฝากกระเป๋าแล้ว Check out จากโรงแรม IBIS STYLES TOKYO BAY และขับรถไป Takayama

แวะถ่ายรูป Matsumoto Castle ซึ่งเป็นทางผ่าน มีหิมะเริ่มตก จนบ่อน้ำรอบๆปราสาทเริ่มจะกลายเป็นน้ำแข็งแล้วได้ถ่ายรูปน้องเป็ดเดินบนน้ำแข็ง จากนั้นเราไปต่อกันที่ Shin-Hotaka Ropeway ขึ้นกระเช้า เป็นกระเช้าสูงขึ้นไปอีกประมาณเกือบ 1,000 เมตร รอบๆ ทางขึ้นมีหิมะตกแล้ว พอขึ้นไปถึงข้างบนหิมะเยอะมาก อุณหภูมิบน Ropeway ประมาณ -13 องศา สภาพรอบๆ สวยมากเลย

หลังจากที่ลงมาจาก Shin-Hotaka Ropeway เราก็เดินทางต่อไปยัง เมืองทาคายาม่า เพื่อ Check in ที่โรงแรม Country hotel takayama เราจะพักที่นี่ 2 คืน หลังจากที่ Check In เก็บของเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินสำรวจร้านอาหารรอบๆ ก็มีร้านเนื้อย่างใบไม้ อร่อยมาก

💜 Day 6 : Shirakawa-go
วันนี้เราออกมาเดินรอบๆโรงแรม ไปสะพาน Nakabashi Bridge และ Miyagawa Morning Market ช่วงเช้าคนยังไม่ค่อยเยอะ หิมะโปรยบ้าง หาอะไรทานตอนเช้าที่ตลาด

และขับรถไป Shirakawa-go มาถึงที่ Shirakawa-go ถ่ายรูป เดินชมบรรยากาศรอบๆ

และขับรถกลับ Takayama มาแวะเดินหาอะไรกินในเมืองต่อ และทานข้าวกลางวัน มื้อบ่าย

และพักผ่อน ในส่วนของมื้อเย็นนั้นเราทานข้าวใน Family Mart ที่อยู่ข้างใต้โรงแรม
💜 Day 7 : Kawaguchiko

วันนี้เราทานอาหารเช้าที่โรงแรม Check Out และออกไปเดินตลาด Miyagawa Morning Market อีกเช่นเคย จากนั้นก็ขับรถไป Kawaguchiko ระหว่างทางมีแวะซื้อของจากร้านดัง Donki ด้วย และไป Check in ที่โรงแรม Yamadaya Hotel (Shoji Lake) จองคิว Private Onsen ไว้พรุ่งนี้เช้า เมื่อเก็บของเรียบร้อยแล้วเราก็ไปถ่ายรูปรอบๆ Shoji Lake , Oishi Park และไปทานข้าวเย็นที่ร้าน Fuji Tempura IDATEN

วิวจากห้องนอนของโรงแรมเห็นพระอาทิตย์ขึ้นด้วยนะ
❤️ Day 8 : กลับ Tokyo
ตื่นเช้ามาชมพระอาทิตย์ข้านข้างๆภูเข้าไฟฟูจิ หลังจากนั้นก็ผลัดกันไปแช่ Onsen ข้างบนดูวิวภูเขาไฟชิวๆ และลงมา Check Out เพื่อไปถ่ายรูปที่ Chureito Pagoda (เจดีย์แดง) และขึ้นไปยัง Fuji Subaru Line 5th Station กันลงมาหาร้านซูชิสายพานกินกันระหว่างทางไป Oshino Hakkai Village (หมู่บ้านน้ำใส) เหนื่อยกันพอสมควร ก็เดินทางกลับเข้า Tokyo เข้ามา Check in @ Ibis Style Tokyo Bay (ที่เดิม) เก็บของเสร็จและเอารถไปคืนที่ Ueno จากนั้นเราก็ไปเดินเล่น 5 แยก Shibuya จิบสตาบัค และไปถ่ายรูปแถว Tokyo Tower และกลับโรงแรม

วิว Onsen ด้านบนของโรงแรม

วิวบริเวณChureito Pagoda (เจดีย์แดง) ขึ้นมาแล้วหายเหนื่อยเลย

Starbuck ที่ 5 แยก Shibuya

Tokyo Tower ตอนนั้นเปิดไฟ 2019 ด้วยนะ
Day 9 : The End - Tokyo
วันสุดท้ายของการเดินทางเราไปทานอาหารเช้ากันที่ ตลาดปลา tsukiji และไปซื้อของกันเล็กๆน้อยๆที่ Ginza ซื้อกระเป๋า Anello ได้สิทจับฉลาก ได้ Voucher 3,000 เยนกลับมา เสมือนได้กระเป๋าฟรี เลยไปแลกซื้อรองเท้าอีกคู่จ่ายเพิ่มนิดหน่อย 555 แล้วก็เดินทางกลับมาจัดกระเป๋า และออกมารอรถบัสไปสนามบินประมาณบ่าย 2 ครึ่งถึงสนามบินแล้วก็จัดการ Check In โหลดกระเป๋า แล้วเราก็ไปนั่งรอใน JCB Lounge ที่นาริตะ จะมีเบียร์ให้ 1 ป๋อง Soft Drink และถั่ว
หวังว่าข้อมูลพวกนี้จะเป็นประโยชน์กับหลายๆคน
เพิ่มเติมคลิปที่ถ่ายเล่นๆ
[CR] ขับรถเที่ยวทาคายาม่า => ชิราคาวาโกะ => คาวากุจิโกะ หน้าหนาว
ก่อนหน้านี้เราเคยไป โอซาก้าในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี มาแล้ว (ตั๋วโปร SQ 12,xxx) และในช่วงเดือนตุลาคมก็มีโอกาสไป โตเกียว => อิบาระกิพาคุณแม่ไปเยี่ยมน้องที่เรียนอยู่ที่นี่ เป็นการขับรถครั้งแรก และในครั้งนี้ก็จะมาแบ่งปันประสบการณ์ในการเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งในครั้งนี้เราจะไป โตเกียว => ทาคายาม่า => ชิราคาวาโกะ => คาวากุจิโกะ => โตเกียว ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา 28 Dec 18 - 5 Jan 19 โดยการเดินทางออกนอกเมืองเราจะเช่ารถขับกัน ที่เราเลือกไปช่วงปีใหม่เพราะเราอยากไปเจอหิมะซึ่งเริ่มตกตั้งแต่ช่วงปลายธันวา ตอนจองก็ลุ้นเหมือนกันว่าจะได้เจอหิมะหรือเปล่า
เริ่มต้นการเดินทางเราจองตั๋วกันล่วงหน้ายาวนานข้ามปีเลย จองตั้งแต่ 29 มกราคม 2018 ของสายการบิน ANA ในราคาเพียง 18,800 บาทต่อคน จริงๆ ของ ANA จองได้ก่อนนานมาก แต่ด้วยความที่อยากรอตั๋ว TG ซึ่งเปิดจอง 340 วันล่วงหน้าก็ทำให้เราผิดหวัง เพราะไม่มีราคาดีๆในช่วงเทศกาล และถ้าใครจะเดินทางโดยที่มีแผนแน่นอนแล้วจองล่วงหน้าไปเลยครั้ง ซึ่งในทริปนี้เรามีสมาชิกเพิ่ม และจองเพิ่มตอนเดือน พฤษภาคม แน่นอนค่าตั๋ว ราคาเพิ่มไปเป็น 28,025 บาท
ถัดมาในส่วนของที่พักเราเลือกจองโรงแรม IBIS STYLES TOKYO BAY เนื่องจากเราเป็นสมาชิกของ Accor อยู่และนอนในเมืองที่อื่นราคาค่อนข้างแพงช่วงปีใหม่ ที่นี่เพิ่งเปิดตอนเดือนกรกฏาคม ปี 2018 ทำให้สภาพโรงแรมใหม่ ห้องกว้าง ใกล้ดิสนีย์แลนเพียง 1 สถานีมีรถรับส่ง แต่อยู่ไกลเมืองใช้เวลานั่งรถไฟเข้าเมืองประมาณ 40 นาที เรานอนที่นี่ตั้งแต่ 28 ธันวา - 1 มกรา และกลับมาอีกในวันสุดท้าย คือ 4 มกรา ทั้งหมด 5 คืน ค่าโรงแรม 130,000 เยน สำหรับ 4 คนไม่รวมอาหารเช้า
โดยเราเลือกจองล่วงหน้าตั้งแต่เดือนกรกฏาคมเช่นกัน ที่เรากลับมานอนที่นี่คืนสุดท้ายเพราะช่วงที่เราออกนอกเมืองจะฝากของไว้ที่โรงแรมจะได้ไม่ต้องขนไปหมด
ส่วนคืนวันที่ 1-3 มกรา เรานอนที่ Country Hotel Takayama จองผ่าน Agoda ราคา 10,400 บาท
คืนวันที่ 3 มกรา เรานอนที่ Yamadaya Hotel จองผ่าน Agoda ราคา 6,600 บาท
ในส่วนของรถเช่า เราเช่ารถตั้งแต่คืนวันที่ 30 ธันวาคม รับรถตอน 20:00 ที่สาขา Ueno และคืนวันที่ 4 มกราคม ตอน 20:00 เช่นกัน เราจองผ่านเว็บ ToCoo ช่วงเดือนกันยายน โดยเลือกแบบ Snow Tire พร้อม เหมาค่าทางด่วน โดยค่าเช่าจะแบ่งออกเป็น ค่ารถ 46,980 เยน ค่าประกัน 8,100 เยน ค่าทางด่วนแบบเหมา 13,220 เยน ที่เราเลือกจองผ่านเว็บนี้เพราะง่ายและเราคำนวนแล้วว่าคุ้ม ค่าทางด่วนแบบเหมาเท่าที่หามาจะมีแต่ของ CEP ซึ่งจะสามารถใช้งานได้เฉพาะพื้นที่ กับ TEP อันที่เราจองใช้ได้หมดไม่มีข้อจำกัด
Day 1 : Starter - Tokyo
เราออกเดินทางจากกรุงเทพกันในคืนวันที่ 27 ธันวาคม พอมาถึงหน้า Gate ก็เซอร์ไพรส์มากเพราะเครื่องบินที่เราเดินทางไปวันนี้เป็นลาย R2D2 ของ ANA STAR WARS™ PROJECT ซึ่งจะมีแค่ 3 ลำ 3 ลายหมุนเวียนกันไปในเส้นทางต่างๆ
เมื่อเดินทางมาถึงเราก็ไปกดเงินที่แลกไว้ผ่าน Krungthai Travel Card รับตั๋วเข้า Disney Sea ที่ซื้อผ่าน Klook และซื้อตั๋วรถบัสไปโรงแรมกัน ที่เลือกนั่งรถบัสเพราะค่อนข้างสะดวก ไม่ต้องขนกระเป๋าเอง ไม่ต้องเปลี่ยนรถเหมือนรถไฟ เมื่อมาถึงสถานี Maihama เราก็ต่อรถเมไปอีก 3 ป้ายถึงหน้าโรงแรม Check in เก็บของแล้วก็ออกไปเที่ยว กินซ่า ซื้อของเสื้อผ้าอุปกรณ์กันหนาว เราเตรียมตัวมาหนาว อุณหภูมิเลขตัวเดียว แต่ในวันที่เราไปลมแรงมาก หลังจากซื้อของเสร็จก็กลับมาพักที่โรงแรม
วิวสวยๆจากห้องของโรงแรม
Day 2 : Disney Sea ทั้งวัน
ตื่นกันแต่เช้า ประมาณ 6:30 ออกไปซื้อข้าวที่ 7-11 ใกล้ๆ มาทานในห้องเราก็พบว่าข้าว 7-11 อร่อยมาก มีข้าวหน้าเนื้อด้วย ทานเสร็จแล้วก็ลงมาขึ้นรถ Shuttle Bus ไป Disney Sea กัน ใช้เวลาไม่นานก็ถึง Disney Sea ยืนต่อแถวตากแดดและลมหนาวกัน เกือบ 20 นาทีพอประตูเปิด เราก็รีบไปกดบัตร Fast Pass ของเครื่องเล่นต่างๆ การกด Fast Pass นั้นเราจะกดได้ ทุก 2 ชั่วโมงเราวางแผนการเล่นโดยดูระยะเวลาคิวจาก Application ซึ่งในรอบนี้เราได้เล่นครบทุกอย่าง ยกเว้น Nemo & Friends SeaRider กับ Toy Story Mania! 2 อันนี้ไม่สามารถจริง แค่เห็นคนต่อคิวก็ท้อแล้ว เข้าใจว่าเป็นเครื่องเล่นเปิดใหม่ พอถึงช่วงหัวค่ำก็ออกมาดูการแสดง ที่ทะเลสาบ เนื่องจากคุณแม่ละป้าอยากกลับก่อนเราเลยเดินออกมาส่งที่จุดขึ้นรถบัสเพื่อกลับโรงแรม และเราก็เล่นกันต่อจนถึง 4 ทุ่มช่วงหลังการแสดงเครื่องเล่นจะไม่ค่อยมีคนแล้วต่อคิวเล่นไม่นานก็ได้เล่น
บรรยากาศตอนประตูเปิด ผู้คนหลั่งไหลเข้าสวนสนุก
ชอบบรรยากาศตอนกลางคืนถ่ายรูปสวยดี
💛 Day 3 : Tokyo
วันที่ 3 เราเที่ยวเบาๆ ในเมือง ไปไหว้พระวัด Sensoji Tample หาอะไรกินที่ตลาด Ameyoko Market
เดินเล่น Harajuku ปิดท้ายด้วยการกิน Buffet เนื้อย่างที่ร้าน Yakiniku a Five ราคาหัวละหมื่นเยน โดยประมาณ เนื่องจากรวมเครื่องดื่มมีแอลกอฮอลด้วย อร่อยคุ้มกินกันจนเดินไม่ไหวเลยทีเดียว กินเสร็จเราก็ไปรับรถเช่าที่ Ueno ขับกลับมาที่โรงแรม
💚 Day 4 : ขับรถไป Hakone
วันที่ 4 เราขับรถกันไปซื้อของที่ GOTEMBA PREMIUM OUTLET หวังว่าจะได้เจอ Lucky Bag เนื่องจากวันนี้วันที่ 31 ธันวาแล้ว ปรากฏว่ามีของมาโชวแล้วแต่ยังไม่ขายเริ่มขายวันที่ 1 เราก็เลยอดได้ Lucky Bag แต่ก็ซื้ออย่างอื่นติดไม้ติดมือกลับมา ลำพังของที่ Outlet ถูกแล้วเจอช่วงปีใหม่มีลดเพิ่มด้วย เสื้อยืด Adidas ตกตัวละ 1-2 ร้อยบาท เอง เราจัดถุงเท้ามาเลย 12 คู่ ลดเยอะมากที่ GOTEMBA PREMIUM OUTLET เป็น Outlet ที่เห็นวิวภูเข้าไฟฟูจิด้วยนะ
หลังจากซื้อของเสร็จเราก็ไปต่อ กันที่ หุบเขาโอวาคุดานิไปชิมไข่ดำทานข้าวกันบนยอดเขานี่แหละ พอทานเสร็จกำลังจะเดินไปที่รถ หิมะก็เริ่มโปรยปรายลงมาแล้ว ตื่นเต้นมาก จากนั้นเราก็ลงมาถ่ายรูปแถวๆทะเลสาบ(Lake Ashi) /Hakone Shrine และแวะทานอาข้าวเย็นในเมือง Yokohama จาก แผนตอนแรกกะว่าทานข้าวเสร็จ จะไปดูพลุ Countdown @ Sea Paradise Park ที่ Yokohama แต่คนเยอะและอยากกลับไปจัดของเพื่อไปนอนนอกเมืองวันถัดไป เลยตัดสินใจกลับโรงแรม
💙 Day 5 : Takayama
เก็บของ ฝากกระเป๋าแล้ว Check out จากโรงแรม IBIS STYLES TOKYO BAY และขับรถไป Takayama
แวะถ่ายรูป Matsumoto Castle ซึ่งเป็นทางผ่าน มีหิมะเริ่มตก จนบ่อน้ำรอบๆปราสาทเริ่มจะกลายเป็นน้ำแข็งแล้วได้ถ่ายรูปน้องเป็ดเดินบนน้ำแข็ง จากนั้นเราไปต่อกันที่ Shin-Hotaka Ropeway ขึ้นกระเช้า เป็นกระเช้าสูงขึ้นไปอีกประมาณเกือบ 1,000 เมตร รอบๆ ทางขึ้นมีหิมะตกแล้ว พอขึ้นไปถึงข้างบนหิมะเยอะมาก อุณหภูมิบน Ropeway ประมาณ -13 องศา สภาพรอบๆ สวยมากเลย
หลังจากที่ลงมาจาก Shin-Hotaka Ropeway เราก็เดินทางต่อไปยัง เมืองทาคายาม่า เพื่อ Check in ที่โรงแรม Country hotel takayama เราจะพักที่นี่ 2 คืน หลังจากที่ Check In เก็บของเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินสำรวจร้านอาหารรอบๆ ก็มีร้านเนื้อย่างใบไม้ อร่อยมาก
💜 Day 6 : Shirakawa-go
วันนี้เราออกมาเดินรอบๆโรงแรม ไปสะพาน Nakabashi Bridge และ Miyagawa Morning Market ช่วงเช้าคนยังไม่ค่อยเยอะ หิมะโปรยบ้าง หาอะไรทานตอนเช้าที่ตลาด
และขับรถไป Shirakawa-go มาถึงที่ Shirakawa-go ถ่ายรูป เดินชมบรรยากาศรอบๆ
และขับรถกลับ Takayama มาแวะเดินหาอะไรกินในเมืองต่อ และทานข้าวกลางวัน มื้อบ่าย
และพักผ่อน ในส่วนของมื้อเย็นนั้นเราทานข้าวใน Family Mart ที่อยู่ข้างใต้โรงแรม
💜 Day 7 : Kawaguchiko
วันนี้เราทานอาหารเช้าที่โรงแรม Check Out และออกไปเดินตลาด Miyagawa Morning Market อีกเช่นเคย จากนั้นก็ขับรถไป Kawaguchiko ระหว่างทางมีแวะซื้อของจากร้านดัง Donki ด้วย และไป Check in ที่โรงแรม Yamadaya Hotel (Shoji Lake) จองคิว Private Onsen ไว้พรุ่งนี้เช้า เมื่อเก็บของเรียบร้อยแล้วเราก็ไปถ่ายรูปรอบๆ Shoji Lake , Oishi Park และไปทานข้าวเย็นที่ร้าน Fuji Tempura IDATEN
วิวจากห้องนอนของโรงแรมเห็นพระอาทิตย์ขึ้นด้วยนะ
❤️ Day 8 : กลับ Tokyo
ตื่นเช้ามาชมพระอาทิตย์ข้านข้างๆภูเข้าไฟฟูจิ หลังจากนั้นก็ผลัดกันไปแช่ Onsen ข้างบนดูวิวภูเขาไฟชิวๆ และลงมา Check Out เพื่อไปถ่ายรูปที่ Chureito Pagoda (เจดีย์แดง) และขึ้นไปยัง Fuji Subaru Line 5th Station กันลงมาหาร้านซูชิสายพานกินกันระหว่างทางไป Oshino Hakkai Village (หมู่บ้านน้ำใส) เหนื่อยกันพอสมควร ก็เดินทางกลับเข้า Tokyo เข้ามา Check in @ Ibis Style Tokyo Bay (ที่เดิม) เก็บของเสร็จและเอารถไปคืนที่ Ueno จากนั้นเราก็ไปเดินเล่น 5 แยก Shibuya จิบสตาบัค และไปถ่ายรูปแถว Tokyo Tower และกลับโรงแรม
วิว Onsen ด้านบนของโรงแรม
วิวบริเวณChureito Pagoda (เจดีย์แดง) ขึ้นมาแล้วหายเหนื่อยเลย
Starbuck ที่ 5 แยก Shibuya
Tokyo Tower ตอนนั้นเปิดไฟ 2019 ด้วยนะ
Day 9 : The End - Tokyo
วันสุดท้ายของการเดินทางเราไปทานอาหารเช้ากันที่ ตลาดปลา tsukiji และไปซื้อของกันเล็กๆน้อยๆที่ Ginza ซื้อกระเป๋า Anello ได้สิทจับฉลาก ได้ Voucher 3,000 เยนกลับมา เสมือนได้กระเป๋าฟรี เลยไปแลกซื้อรองเท้าอีกคู่จ่ายเพิ่มนิดหน่อย 555 แล้วก็เดินทางกลับมาจัดกระเป๋า และออกมารอรถบัสไปสนามบินประมาณบ่าย 2 ครึ่งถึงสนามบินแล้วก็จัดการ Check In โหลดกระเป๋า แล้วเราก็ไปนั่งรอใน JCB Lounge ที่นาริตะ จะมีเบียร์ให้ 1 ป๋อง Soft Drink และถั่ว
หวังว่าข้อมูลพวกนี้จะเป็นประโยชน์กับหลายๆคน
เพิ่มเติมคลิปที่ถ่ายเล่นๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น