กลับมาเจอกันอีกแล้วนะครับหลังจากที่ห่างหายจากการรีวิวเที่ยวไปนาน หลังจากที่ลาออกจากงานมาตอนต้นเดือนเมษา ก็ขอพักสมองก่อนสักเดือน อยากออกเดินทางไปในที่ ที่ไม่มีคนรู้จัก แต่ด้วยงบประมาณที่มีจำกัดเลยเลือก หลวงพระบาง เมืองที่อยากไปมานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปสักครั้ง จัดการจองตั๋วเครื่องบินไปหลวงพระบาง และจองที่พักออนไลน์ให้เรียบร้อยแล้วก็นับถอยหลังรอเวลาเดินทาง
17 เมษา 62
ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ตื่นเต้น ไม่ได้แบกเป้ออกเดินทางคนเดียวมานาน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่จะได้ออกไปเจอโลกกว้าง
การเดินทางครั้งนี้งบประมาณจำกัด เลยต้องประหยัดกันสักนิด ปกติจากบ้านเวลาไปสนามบินดอนเมือง ผมจะนั่ง Taxi ไป แต่ครั้งนี้ต่างจากทุกครั้ง บินช่วงบ่ายตอน 14.30 น. ก็ตื่นให้เช้ากว่าปกติ แล้วออกจากบ้านไปสถานีรถไฟบางซื่อ ขึ้นรถไฟรอบ 11.42 น. ไป นั่งไปแค่ 20 นาทีก็ถึงสนามบิน รถขบวนนี้เป็นรถเร็วธรรมดา ค่ารถแค่ 3 บาท
เครื่องออกจากสนามบินดอนเมือง 14.30 น. ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ เราก็ไปถึงสนามบินหลวงพระบาง พอเราผ่าน ตม.ออกมาก็จะเจอเคาน์เตอร์ขาย Sim card โทรศัพท์ ใครที่ต้องใช้งาน Internet ก็ซื้อตรงนี้เลยครับ ผมซื้อแบบ 7 วัน ใช้ Net ได้ 8 GB ในราคา 220 บาท หลังจากนั้นก็เดินออกมา ก่อนออกจากสนามบินก็แลกเงินให้เรียบร้อยนะครับ เรทที่สนามบินดีกว่าไปแลกในเมือง ตรงประตูทางออกจะมีเคาน์เตอร์ของรถ Taxi สนามบิน ติดต่อตรงนี้เลยครับ จะเป็นแบบแชร์กัน ถ้าเราเดินทางคนเดียว เดี๋ยวเค้าจะจัดรถให้เราเองว่าให้ไปกับนักท่องเที่ยวที่มาน้อยคนเหมือนกัน รถ 1 คันจะนั่งได้ประมาณ 4-6 คน ค่ารถอยู่ที่คนละ 50,000 กีบ (ประมาณ 200 บาท)

จังหวะบังเอิญไปตรงกับวันแรกที่มีการอัญเชิญพระบาง พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองออกมาให้ประชาชนได้สรงน้ำกันเนื่องในโอกาสวันปีใหม่ที่วัดใหม่สุวันนะพูมาราม
พระบางเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง เป็นพระพุทธรูปสำริดปางประทานอภัย มีความสูง 1.14 ม. มีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 18 ศิลปะเขมรแบบบายนตอนปลาย มีพุทธลักษณะคือประทับยืนยกพระหัตถ์ขึ้นทั้งสองข้าง นิ้วพระหัตถ์เรียบเสมอกัน พระพักตร์ค่อนข้างเป็นรูปสี่เหลี่ยม พระนลาฏกว้าง พระขนงเป็นรูปปีกกา พระเนตรเรียว พระนาสิกค่อนข้างแบน พระโอษฐ์บาง พระเศียรและพระเกตุมาลาเกลี้ยงสำหรับสวมเครื่องทรง

หลังจากที่ผมได้สรงน้ำพระบางแล้ว ก็ไปเดินเล่น
ตลาดมืด เริ่มต้นที่วัดใหม่สุวรรณภูมารามบนถนนศรีสว่างวงศ์ ไปจนสุดพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง (พระราชวังเดิม) ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร บรรยากาศจะคล้ายๆ ถนนคนเดินในเมืองไทย

เดินเล่นสักพักท้องเริ่มหิว ก็ได้เวลาไปหาของกินในตรอกอาหารของหลวงพระบาง มีของกินหลากหลายให้เลือกกิน
หลังท้องอิ่มเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลากลับเข้าห้องพัก ไปนอนเตรียมตัวออกมาตักบาตรข้าวเหนียวตอนเช้า
18 เมษา 62
ผิดแผนตั้งแต่วันที่สอง ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 5 แต่ตื่นมา 7.30 น. ตื่นมากินมื้อเช้าของทางโฮสเทล

หลังจากหม่ำมื้อเช้าเรียบร้อยก็ได้เวลาออกไปถ่ายรูปเล่น เช้าวันนี้ผมไป
วัดเชียงทอง วัดแสนสุขาราม
วัดเชียงทอง เป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์ล้านช้าง ราชวงศ์หลวงพระบาง และราชวงศ์ลาว สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2103 โดย สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ผู้ปกครองราชอาณาจักรล้านช้าง-ล้านนา ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำโขง เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างตอนเหนือที่งดงามมาก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "อัญมณีของศิลปะล้านช้าง" การเข้าเยี่ยมชม
ภายในวัดเชียงทอง จะต้องซื้อตั๋วในราคา 20,000 กีบ (80 บาท)
วัดแสนสุขาราม สร้างขึ้นในพ.ศ. 2261 ตามประวัติกล่าวว่าชื่อของวัดมาจากเงินจำนวน 100,000 กีบ ที่มีผู้บริจาคให้เป็นทุนเริ่มสร้างขึ้นภายหลังที่นครหลวงพระบางแยกออกจากนครเวียงจันทน์ได้ 11 ปี
ช่วงเที่ยงๆ บ่ายๆ หลวงพระบางร้อนมากมาย ร้อนจนไม่มีอารมณ์ออกไปเดินเที่ยวที่ไหน ผมเลยหลบแดดไปนั่งชิล หากาแฟกินที่ร้าน
Joma ร้านที่ใครๆ บอกว่ามาเที่ยวลาวต้องลองไปกิน

หลังจากนั่งกินกาแฟสักพัก ก็ไปเดินเล่น ดูอดีตของเมืองหลวงพระบาง ที่
พระราชวังเก่า จะต้องซื้อตั๋วในราคา 30,000 กีบ (120 บาท) หากต้องการเข้าไปดูภายในพระราชวังเก่า แต่ถ้าเข้าไปเดินดูบรรยากาศรอบๆ ไม่ต้องเสียตังค์
พระราชวังเก่า หรือชาวเมืองหลวงพระบางเรียกว่าหอคำ เป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิต ตั้งอยู่ตรงข้ามกับบันไดทางขึ้นพูสี แต่เดิมเคยเป็นพระราชวังหลวงที่เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2447 ในสมัยพระเจ้าสักกะริน และมาแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2452 ภายหลังเปลี่ยนระบอบการปกครองในประเทศลาวเมื่อ พ.ศ. 2518 รัฐบาลลาวได้ใช้พระราชวังหลวงนี้เป็นหอพิพิธภัณฑ์ และเปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 เพื่อนำมาแสดงให้เห็นวัตถุ ทรัพย์สินต่างๆของราชวงศ์

แดดเริ่มหุบก็ขึ้นไปดูวิว หลวงพระบางจากมุมสูง ดูแบบ 360 องศากันบน
พระธาตุพูสี เสียค่าตั๋วขึ้นไป 20,000 กีบ (80 บาท)
พระธาตุพูสี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง การได้เดินขึ้นไปบนยอดภูษีทำให้เห็นเมืองหลวงพระบางได้โดยรอบ และเห็นสายน้ำโขง มีบันไดขึ้นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือตรงข้ามพระราชวัง 328 ขั้น ตลอดทางขึ้นร่มรื่นไปด้วยต้นจำปา (ดอกไม้ประจำชาติลาว)
พูสี มีความหมายว่า ภูเขาของพระฤาษี เดิมชื่อว่า ภูสรวง ครั้นเมื่อมีฤาษีไปอาศัยอยู่ชาวบ้านจึงเรียกว่าภูฤาษี หรือภูษีมาจนถึงปัจจุบัน แต่ยังมีนักโบราณคดีบางคนเชื่อว่าภูษี อาจหมายถึง พูสีซึ่งเป็นศรีของเมืองหลวงพระบาง
19 เมษา 62
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เช้านี้ตื่นมาตามเวลาที่ตั้งปลุกไว้เป๊ะ ไม่พลาด โฮสเทลมีข้าวเช้าให้กิน ก็ไม่กิน มาหลวงพระบางทั้งทีก็ขอไปกินร้านดังสักหน่อย
ร้านประชานิยม ร้านอยู่บริเวณท้ายตลาดเช้า อยู่ริมแม่น้ำโขง นักท่องเที่ยวมากินเยอะมาก แต่ก็ไม่ได้อร่อยอะไรมากมายธรรมดามาก ที่คนมากินกันเยอะน่าจะเป็นเพราะบรรยากาศยามเช้าดีแน่ๆ

กินข้าวเช้าเรียบร้อย ก็ไปเที่ยว
น้ำตกกวางสี (ตาดกวางสี) ทริปนี้มาคนเดียวจะเหมารถไปก็แพงเกิน 800 บาท แต่ไม่ยากเกินความพยายาม อยากไปต้องได้ไป วันก่อนผมเลยเดินถามตามร้านขายทัวร์ว่ามี Oneday Trip พาไปไหม เลยได้แชร์รถตู้ไป-กลับ คนละ 50,000 กีบ (200 บาท) พาไปตาดกวางสี ตอน 9.00 น. เป็นรถตู้ไป-กลับแค่นั้นไม่ได้พาแวะเที่ยวที่ไหน
น้ำตกกวางสี (ตาดกวางสี) อยู่ห่างจากตัวเมืองหลวงพระบางประมาณ 30 กิโลเมตรเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในหลวงพระบาง มีหลายชั้น ชั้นบนสุดซึ่งเป็นไฮไลท์ของน้ำตกแห่งนี้มีความสูงถึง 70 เมตร โดยจะไหลลดหลั่นลงมาตามสระน้ำไปสู่น้ำตกชั้นล่าง มีค่าเข้า 20,000 กีบ (80 บาท)

ด้วยความที่เดินทางบ่อย ทำให้กล้าที่จะทักทายพูดคุยกับคนไทย ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในต่างประเทศทริปนี้เจอน้องคนไทย มาคนเดียวก็เลยทักทายแล้วถ่ายรูปให้ที่ตาดกวางสี เดินเที่ยวด้วยกันสักพัก น้องบอกเหมารถโรงแรมมาคนเดียว เลยชวนให้เราติดรถกลับไปตัวเมืองหลวงพระบางด้วยกันเลย ด้วยความที่เราก็เป็นคนใจง่ายใครชวนไปเที่ยวไหนก็ไป ก็เลยไม่ปฏิเสธ เดินไปบอกรถตู้ที่นั่งว่าไม่กลับด้วยนะ จะไปเที่ยวต่อกับคนไทยที่เจอกันระหว่างทางกลับหลวงพระบางก็แวะ
ลาว บัฟฟาโล่ เดรี่
ลาว บัฟฟาโล่ เดรี่ (Laos Buffalo Dairy) เป็นฟาร์มควายแห่งแรกของหลวงพระบาง ก่อตั้งโดยมิส ซูซี่ มาร์ติน (Susie Martin) หญิงสาวชาวออสเตรเลีย ผู้ซึ่งตกหลุมรักสปป.ลาว และตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่หลวงพระบาง แล้วก็ได้ก่อตั้งฟาร์มควายแห่งนี้ขึ้นมา นักท่องเที่ยวเมื่อเดินทางมาเที่ยวภายในฟาร์ม จะได้สัมผัสกับฟาร์มควายที่มีพื้นที่กว้างขวาง มีส่วนของคอกควายที่มีควายจำนวนหนึ่งถูกเลี้ยงไว้และนำออกมาให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป ได้สัมผัสควายกันอย่างใกล้ชิด สามารถให้อาหารควายได้ด้วยมือตัวเอง แล้วยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจชวนให้ทำอีกมากมาย มีค่าเข้า 50,000 กีบ (200 บาท)

กลับเข้ามาถึงหลวงพระบาง ผมก็แยกกับน้องคนไทยที่ได้เที่ยวด้วยกัน น้องไปล่องเรือเที่ยวต่อ ส่วนผมทริปนี้ทริปประหยัดก็เดินเล่นดูเมืองหลวงพระบางยามเย็นวันสุดท้าย
[CR] Life Is A Journey : ສະບາຍດີ ຫລວງພະບາງ ວັງວຽງ ວຽງຈັນ
17 เมษา 62
ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ตื่นเต้น ไม่ได้แบกเป้ออกเดินทางคนเดียวมานาน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่จะได้ออกไปเจอโลกกว้าง
การเดินทางครั้งนี้งบประมาณจำกัด เลยต้องประหยัดกันสักนิด ปกติจากบ้านเวลาไปสนามบินดอนเมือง ผมจะนั่ง Taxi ไป แต่ครั้งนี้ต่างจากทุกครั้ง บินช่วงบ่ายตอน 14.30 น. ก็ตื่นให้เช้ากว่าปกติ แล้วออกจากบ้านไปสถานีรถไฟบางซื่อ ขึ้นรถไฟรอบ 11.42 น. ไป นั่งไปแค่ 20 นาทีก็ถึงสนามบิน รถขบวนนี้เป็นรถเร็วธรรมดา ค่ารถแค่ 3 บาท
เครื่องออกจากสนามบินดอนเมือง 14.30 น. ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ เราก็ไปถึงสนามบินหลวงพระบาง พอเราผ่าน ตม.ออกมาก็จะเจอเคาน์เตอร์ขาย Sim card โทรศัพท์ ใครที่ต้องใช้งาน Internet ก็ซื้อตรงนี้เลยครับ ผมซื้อแบบ 7 วัน ใช้ Net ได้ 8 GB ในราคา 220 บาท หลังจากนั้นก็เดินออกมา ก่อนออกจากสนามบินก็แลกเงินให้เรียบร้อยนะครับ เรทที่สนามบินดีกว่าไปแลกในเมือง ตรงประตูทางออกจะมีเคาน์เตอร์ของรถ Taxi สนามบิน ติดต่อตรงนี้เลยครับ จะเป็นแบบแชร์กัน ถ้าเราเดินทางคนเดียว เดี๋ยวเค้าจะจัดรถให้เราเองว่าให้ไปกับนักท่องเที่ยวที่มาน้อยคนเหมือนกัน รถ 1 คันจะนั่งได้ประมาณ 4-6 คน ค่ารถอยู่ที่คนละ 50,000 กีบ (ประมาณ 200 บาท)
จังหวะบังเอิญไปตรงกับวันแรกที่มีการอัญเชิญพระบาง พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองออกมาให้ประชาชนได้สรงน้ำกันเนื่องในโอกาสวันปีใหม่ที่วัดใหม่สุวันนะพูมาราม
พระบางเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง เป็นพระพุทธรูปสำริดปางประทานอภัย มีความสูง 1.14 ม. มีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 18 ศิลปะเขมรแบบบายนตอนปลาย มีพุทธลักษณะคือประทับยืนยกพระหัตถ์ขึ้นทั้งสองข้าง นิ้วพระหัตถ์เรียบเสมอกัน พระพักตร์ค่อนข้างเป็นรูปสี่เหลี่ยม พระนลาฏกว้าง พระขนงเป็นรูปปีกกา พระเนตรเรียว พระนาสิกค่อนข้างแบน พระโอษฐ์บาง พระเศียรและพระเกตุมาลาเกลี้ยงสำหรับสวมเครื่องทรง
หลังจากที่ผมได้สรงน้ำพระบางแล้ว ก็ไปเดินเล่น ตลาดมืด เริ่มต้นที่วัดใหม่สุวรรณภูมารามบนถนนศรีสว่างวงศ์ ไปจนสุดพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง (พระราชวังเดิม) ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร บรรยากาศจะคล้ายๆ ถนนคนเดินในเมืองไทย
เดินเล่นสักพักท้องเริ่มหิว ก็ได้เวลาไปหาของกินในตรอกอาหารของหลวงพระบาง มีของกินหลากหลายให้เลือกกิน
หลังท้องอิ่มเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลากลับเข้าห้องพัก ไปนอนเตรียมตัวออกมาตักบาตรข้าวเหนียวตอนเช้า
18 เมษา 62
ผิดแผนตั้งแต่วันที่สอง ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 5 แต่ตื่นมา 7.30 น. ตื่นมากินมื้อเช้าของทางโฮสเทล
หลังจากหม่ำมื้อเช้าเรียบร้อยก็ได้เวลาออกไปถ่ายรูปเล่น เช้าวันนี้ผมไป วัดเชียงทอง วัดแสนสุขาราม
วัดเชียงทอง เป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์ล้านช้าง ราชวงศ์หลวงพระบาง และราชวงศ์ลาว สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2103 โดย สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ผู้ปกครองราชอาณาจักรล้านช้าง-ล้านนา ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำโขง เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างตอนเหนือที่งดงามมาก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "อัญมณีของศิลปะล้านช้าง" การเข้าเยี่ยมชม
ภายในวัดเชียงทอง จะต้องซื้อตั๋วในราคา 20,000 กีบ (80 บาท)
วัดแสนสุขาราม สร้างขึ้นในพ.ศ. 2261 ตามประวัติกล่าวว่าชื่อของวัดมาจากเงินจำนวน 100,000 กีบ ที่มีผู้บริจาคให้เป็นทุนเริ่มสร้างขึ้นภายหลังที่นครหลวงพระบางแยกออกจากนครเวียงจันทน์ได้ 11 ปี
ช่วงเที่ยงๆ บ่ายๆ หลวงพระบางร้อนมากมาย ร้อนจนไม่มีอารมณ์ออกไปเดินเที่ยวที่ไหน ผมเลยหลบแดดไปนั่งชิล หากาแฟกินที่ร้าน Joma ร้านที่ใครๆ บอกว่ามาเที่ยวลาวต้องลองไปกิน
หลังจากนั่งกินกาแฟสักพัก ก็ไปเดินเล่น ดูอดีตของเมืองหลวงพระบาง ที่พระราชวังเก่า จะต้องซื้อตั๋วในราคา 30,000 กีบ (120 บาท) หากต้องการเข้าไปดูภายในพระราชวังเก่า แต่ถ้าเข้าไปเดินดูบรรยากาศรอบๆ ไม่ต้องเสียตังค์
พระราชวังเก่า หรือชาวเมืองหลวงพระบางเรียกว่าหอคำ เป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิต ตั้งอยู่ตรงข้ามกับบันไดทางขึ้นพูสี แต่เดิมเคยเป็นพระราชวังหลวงที่เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2447 ในสมัยพระเจ้าสักกะริน และมาแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2452 ภายหลังเปลี่ยนระบอบการปกครองในประเทศลาวเมื่อ พ.ศ. 2518 รัฐบาลลาวได้ใช้พระราชวังหลวงนี้เป็นหอพิพิธภัณฑ์ และเปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 เพื่อนำมาแสดงให้เห็นวัตถุ ทรัพย์สินต่างๆของราชวงศ์
แดดเริ่มหุบก็ขึ้นไปดูวิว หลวงพระบางจากมุมสูง ดูแบบ 360 องศากันบนพระธาตุพูสี เสียค่าตั๋วขึ้นไป 20,000 กีบ (80 บาท)
พระธาตุพูสี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง การได้เดินขึ้นไปบนยอดภูษีทำให้เห็นเมืองหลวงพระบางได้โดยรอบ และเห็นสายน้ำโขง มีบันไดขึ้นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือตรงข้ามพระราชวัง 328 ขั้น ตลอดทางขึ้นร่มรื่นไปด้วยต้นจำปา (ดอกไม้ประจำชาติลาว)
พูสี มีความหมายว่า ภูเขาของพระฤาษี เดิมชื่อว่า ภูสรวง ครั้นเมื่อมีฤาษีไปอาศัยอยู่ชาวบ้านจึงเรียกว่าภูฤาษี หรือภูษีมาจนถึงปัจจุบัน แต่ยังมีนักโบราณคดีบางคนเชื่อว่าภูษี อาจหมายถึง พูสีซึ่งเป็นศรีของเมืองหลวงพระบาง
19 เมษา 62
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เช้านี้ตื่นมาตามเวลาที่ตั้งปลุกไว้เป๊ะ ไม่พลาด โฮสเทลมีข้าวเช้าให้กิน ก็ไม่กิน มาหลวงพระบางทั้งทีก็ขอไปกินร้านดังสักหน่อย
ร้านประชานิยม ร้านอยู่บริเวณท้ายตลาดเช้า อยู่ริมแม่น้ำโขง นักท่องเที่ยวมากินเยอะมาก แต่ก็ไม่ได้อร่อยอะไรมากมายธรรมดามาก ที่คนมากินกันเยอะน่าจะเป็นเพราะบรรยากาศยามเช้าดีแน่ๆ
กินข้าวเช้าเรียบร้อย ก็ไปเที่ยว น้ำตกกวางสี (ตาดกวางสี) ทริปนี้มาคนเดียวจะเหมารถไปก็แพงเกิน 800 บาท แต่ไม่ยากเกินความพยายาม อยากไปต้องได้ไป วันก่อนผมเลยเดินถามตามร้านขายทัวร์ว่ามี Oneday Trip พาไปไหม เลยได้แชร์รถตู้ไป-กลับ คนละ 50,000 กีบ (200 บาท) พาไปตาดกวางสี ตอน 9.00 น. เป็นรถตู้ไป-กลับแค่นั้นไม่ได้พาแวะเที่ยวที่ไหน
น้ำตกกวางสี (ตาดกวางสี) อยู่ห่างจากตัวเมืองหลวงพระบางประมาณ 30 กิโลเมตรเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในหลวงพระบาง มีหลายชั้น ชั้นบนสุดซึ่งเป็นไฮไลท์ของน้ำตกแห่งนี้มีความสูงถึง 70 เมตร โดยจะไหลลดหลั่นลงมาตามสระน้ำไปสู่น้ำตกชั้นล่าง มีค่าเข้า 20,000 กีบ (80 บาท)
ด้วยความที่เดินทางบ่อย ทำให้กล้าที่จะทักทายพูดคุยกับคนไทย ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในต่างประเทศทริปนี้เจอน้องคนไทย มาคนเดียวก็เลยทักทายแล้วถ่ายรูปให้ที่ตาดกวางสี เดินเที่ยวด้วยกันสักพัก น้องบอกเหมารถโรงแรมมาคนเดียว เลยชวนให้เราติดรถกลับไปตัวเมืองหลวงพระบางด้วยกันเลย ด้วยความที่เราก็เป็นคนใจง่ายใครชวนไปเที่ยวไหนก็ไป ก็เลยไม่ปฏิเสธ เดินไปบอกรถตู้ที่นั่งว่าไม่กลับด้วยนะ จะไปเที่ยวต่อกับคนไทยที่เจอกันระหว่างทางกลับหลวงพระบางก็แวะ ลาว บัฟฟาโล่ เดรี่
ลาว บัฟฟาโล่ เดรี่ (Laos Buffalo Dairy) เป็นฟาร์มควายแห่งแรกของหลวงพระบาง ก่อตั้งโดยมิส ซูซี่ มาร์ติน (Susie Martin) หญิงสาวชาวออสเตรเลีย ผู้ซึ่งตกหลุมรักสปป.ลาว และตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่หลวงพระบาง แล้วก็ได้ก่อตั้งฟาร์มควายแห่งนี้ขึ้นมา นักท่องเที่ยวเมื่อเดินทางมาเที่ยวภายในฟาร์ม จะได้สัมผัสกับฟาร์มควายที่มีพื้นที่กว้างขวาง มีส่วนของคอกควายที่มีควายจำนวนหนึ่งถูกเลี้ยงไว้และนำออกมาให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป ได้สัมผัสควายกันอย่างใกล้ชิด สามารถให้อาหารควายได้ด้วยมือตัวเอง แล้วยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจชวนให้ทำอีกมากมาย มีค่าเข้า 50,000 กีบ (200 บาท)
กลับเข้ามาถึงหลวงพระบาง ผมก็แยกกับน้องคนไทยที่ได้เที่ยวด้วยกัน น้องไปล่องเรือเที่ยวต่อ ส่วนผมทริปนี้ทริปประหยัดก็เดินเล่นดูเมืองหลวงพระบางยามเย็นวันสุดท้าย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้