Heat คนระห่ำคน (1995) หนังแนวปล้นอาชญากรรมสุดคลาสสิก

 เป็นหนังดีอีกเรื่องที่ควรหามาดูและซื้อแผ่นเก็บไว้ครับ ผมได้ดูหนังเรื่องนี้นานแล้ว ดูมาสี่รอบแล้ว ก็ยังชอบอยู่ ไม่มีเบื่อ หนังยาว 2 ชม.กว่า แต่ไม่มีจุดไหนที่หนังทำน่าเบื่อเลย แม้กระทั่งซีนดราม่า

 เรื่อง Heat เป็นผลงานการกำกับและเขียนบท โดย Michael Mann ผู้กำกับระดับพรีเมี่ยม ที่ชอบทำหนังแนวอาชญากรรมแอ็คชั่น นอกจากเรื่อง Heat แกก็ยังมีผลงานแนวๆนี้ ดีขึ้นหิ้งอีกหลายเรื่อง เช่น Collateral, Maimi Vice, Public Enemies เป็นต้น 

 นำแสดงโดย พระเอกรุ่นใหญ่สองคนที่เคยร่วมงานกันมาก่อนในเรื่อง The Godfather ภาค 2 นั่นคือ Al Pacino และ Robert De Niro ทั้งคู่ต่างเป็นดาราชั้นเลิศในวงการ ดีกรีระดับดาราแสดงหนังเข้าชิงรางวัลออสการ์ มี Val Kilmer จากเรื่อง Top Gun, Tom Sizemore จากเรื่อง Saving Private Ryan และ Natalie Portman จากเรื่อง Leon The Profeesional ร่วมแสดงในบทสมทบอีกด้วย

 หนังเรื่อง Heat เป็นหนังแนวปล้นอาชญากรรม เฉือนคม ชิงไหวชิงพริบ ระหว่างตำรวจและกลุ่มโจร ที่มีบทดราม่าที่ลงตัว และฉากแอ็คชั่นระดับตำนาน ฉากไล่ยิงกันกลางถนนนั้นเอง ซึ่งหนังแนวปล้นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องนี้ที่เห็นได้ชัด คือ เรื่อง The Town และ Den Of Thieves รวมถึงฉากปล้นแบงค์เปิดเรื่อง The Dark Knight ซีนการประชันหน้าคุยกัน ระหว่าง แบทแมน กับ โจ๊กเกอร์ ตัวผู้กำกับอย่าง Christopher Nolan ก็ได้อิทธิพลจากหนังเรื่อง Heat อีกด้วย รวมถึงฉากการประจันหน้าคุยกันระหว่าง เจมส์ บอนด์ กับ ตัวร้าย ในภาค Skyfall ก็ได้รับอิทธิพลจากเรื่อง Heat เช่นกัน เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้สร้างแรงบันดาลให้ทีมงานผู้สร้างหนังรวมถึงผู้กำกับหลายคน 

 หนังเปิดเรื่องด้วยความเรียบง่ายของตัวละครสองคน คนหนึ่งเดินทางมาทางรถไฟ ใส่สูทดูดี มาดสุขุม ดูเหมือนตำรวจเก่า แต่ที่แท้คือ ยอดโจรปล้น นีล แม็คคอร์รี่ เขาเป็นหัวหน้าทีมปล้น ที่กำลังรวบรวมทีมปล้นไปทำงานชิ้นใหญ่ ตัดกลับมาเผยอีกตัวละคร นั่นคือ นายตำรวจสายสืบแผนกอาชญากรรมดูมีอายุ เก๋าเกม วินเซนต์ ฮันนา ที่ใช้ชีวิตอยู่กับภรรยา แม่หม้ายลูกติดคนหนึ่งที่มีปัญหา หนังเล่าสลับเหตุการณ์กันไปมา ระหว่างเรื่องราวของ ทีมปล้น และ ฝ่ายตำรวจ และเจาะชีวิตแต่ละตัวละครได้อย่างลงตัว ทั้งมุม พระเอกที่นอกเหนือจากการเป็นยอดนายตำรวจ เขาก็ต้องคอยรับอารมณ์ของภรรยาและลูกสาวที่มีปัญหา และ ชีวิตอีกด้านของพวกกลุ่มโจรปล้น ที่มีด้านชีวิตที่ตรงข้ามกับอาชีพที่ทำ 

 ฉากที่ทำให้ขนลุก คือ การประจันหน้า เชือดเฉือนกัน ระหว่างพระเอกสองคน นั่นคือ ซีนในร้านอาหาร ที่ต่างฝ่ายต่างพูดกันอย่างมีชั้นเชิง แต่ต่างคนต่างฝ่ายยังลงมือกระทำใดๆต่อกันไม่ได้ ซึ่งดูเจ๋งมากในซีนนี้ 

 ฉากแอ็คชั่นมีเป็นระยะๆ ในหนัง แต่พูดถึงไม่ได้เลย คือ ซีน longtake ยิงกันในตำนานของเรื่องนี้ เป็นต้นแบบในฉากยิงกันกลางถนนอันดุเดือดให้หนังแนวแอ็คชั่นในยุคต่อๆมาเลยก็ว่าได้ ช่วงนั้นเป็นช่วงนี้ทาง Hollywood กำลังทดสอบเสียงลำโพง Dolby 5.1 เลยใช้เสียงปืนทดสอบในหนังเรื่องนี้ ซึ่งมันเวิร์คมาก เสียงดังกระหน่ำ ฟังชัด หนักแน่นทุกเม็ด และการไม่ใช้ sound ประกอบ ทำให้ได้ยินเสียงปืนที่ชัดเจนมากขึ้น

 ก่อนการถ่ายทำหลายเดือนตัว Robert De Niro, Al Pacino และนักแสดงคนอื่นๆในเรื่อง ต้องไปรับการฝึกฝนอาวุธปืนกับนักยิงปืนมืออาชีพ ทั้งปืนสั้น ปืนยาว เพื่อความสมจริงในการแสดง ซึ่งออกมาดูสมจริงมาก ไม่แพ้การใช้ปืนในหนังเรื่อง John Wick ในยุคนี้เลย

 หนังเรื่องนี้ตัวเด่นมีสองคน คือ Robert De Niro และ Al Pacino แต่แกสองคนนี้ไม่ได้แบกหนังไว้ทั้งเรื่อง ตัวผู้กำกับได้ถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครอื่นๆในเรื่อง ได้ดูดี และชัดเจนทุกการกระทำเช่นกัน บทของ Val Kilmer ลูกทีมของแม็คอร์รี่ ก็ถ่ายทอดในแง่มุมของชีวิตหลังจากการจับปืนปล้นของเขาได้ดี และมีเหตุผล 

 มันไม่ใช่หนังที่ดูเอามัน ยิงกัน สู้กันอย่างเดียว หนังมันมีเนื้อเรื่องและตัวบทที่ดีมากกว่าจะขายแต่ฉากแอ็คชั่น หนังยังมีความซับซ้อน เป็นการปล้นซ้อนปล้น หักหลังกันในทีมปล้นอีกด้วย 

 ซีนที่ตัวละครของโรเบิร์ตไปล้างแค้นคนที่หักหลังเขาที่โรงแรม เป็นซีนที่ผมชอบมากๆในหนัง คือ แกดูมามาดเก๋ามาก แค้นแต่มาเอาคืนได้อย่างสะใจและดูฉลาด ลากยาวไปถึงฉากจบของเรื่องที่สองพระเอก มาวิ่งไล่ยิงกัน หนังก็ใช้บรรยากาศกลางคืน ช่วงเงียบๆ สองตัวเอกซ่อนตัว ไล่ยิงกัน ได้ดูดีมากๆ มีความลุ้นว่าใครเจอใครก่อน ใครจะเป็นฝ่ายลั่นไกปืนก่อน 

 เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นหนังแนวปล้นที่ดีมากๆเรื่องหนึ่ง ผมให้เรื่องนี้ไปเลยที่คะแนน 10/10 แอ็คชั่นมันระห่ำ ดราม่าลงตัว บทอย่างดี สองพระเอกแสดงไว้ได้ยอดเยี่ยมมากๆ โดยเฉพาะบทของ Robert De Niro เรื่องนี้ผมชอบคาแร็คเตอร์ของแกมากๆครับ
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่