เลิกหนุน ปชป.ประธานสภา กลัวโดนหักหลัง-เสียค่าโง่ พลังประชารัฐโดดงับทันที
“ชัยเกษม” ซัด พปชร.ลืมมารยาท รับถ้าสกัดสืบทอดอำนาจไม่ได้ ไว้เจอกันในศึกเลือกตั้งใหม่ให้ประชาชนตัดสิน “เจ๊หน่อย” ย้อนรำลึกพฤษภาทมิฬ จวกยุค คสช.เลวร้ายกว่า รสช. จัดเลือกตั้งแค่พิธีกรรมชุบตัวเผด็จการ ยังหวังพรรคขั้วที่ 3 ยืนข้างประชาชน พท.พลิกเกมเลิกหนุนคน ปชป.นั่งนายกฯ-ประธานสภาฯ หวั่นถูกหักหลังเสียทั้งศักดิ์ศรี เสียทั้งค่าโง่ ส่อยกธงขาวหลังประเมินแล้วไม่มีทางชนะอนาคตใหม่รูดซิปปากถกพรรคร่วมตั้ง รบ. “อุเทน” แนะ ปชป.ยึดหลักการ ควรวางเฉยไม่หนุนทั้ง “บิ๊กตู่”-เพื่อไทย พปชร.ทุ่มทุนสร้าง ยอมหักคนในยกเก้าอี้ ปธ.สภาให้ ปชป.
“พรเพชร” เต็งจ๋าคว้าปธ.วุฒิฯ
การช่วงชิงจัดตั้งรัฐบาลของการเมือง 2 ขั้วเริ่มชัดเจนขึ้นทุกที ล่าสุดพรรคเพื่อไทยส่อพลิกเกมเลิกสนับสนุนคนของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี และประธานสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่พรรคพลังประชารัฐทุ่มไม่อั้น ยอมหักคนในพรรค พร้อมยกเก้าอี้ประธานสภาฯให้กับประชาธิปัตย์

“วิโรจน์” ไม่พูด ปชป.คุยทหาร
เมื่อวันที่ 18 พ.ค. พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และเลขาธิการพรรคฯร่วมหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพื่อพูดคุยจัดตั้งรัฐบาล ว่า ขณะนี้มีการปล่อยข่าวอะไรออกมาเป็นจำนวนมาก เมื่อเรื่องที่ว่ามามันยังไม่แน่นอน หากตนพูดอะไรออกไปจะสะเทือนใจกันเปล่าๆ คงต้องดูไปก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ยังไม่อยากคาดเดาอะไร ถ้าเรื่องนี้ชัดเจนแล้วค่อยพูด

“ชัยเกษม” อัด พปชร.ลืมมารยาท
นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความพยายามจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อเขาต้องการสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯของพรรคเขา ก็ต้องพยายามเต็มที่ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ชัยชนะ เขาประกาศแล้วว่าจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนเรื่องมารยาททาง การเมืองที่ต้องให้พรรคอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลก่อนนั้น คงลืมไปแล้ว ข้ออ้างด้วยการยึดคะแนนป๊อปปูลาร์โหวต ถ้ามองแบ่งเป็นฝ่ายประชาธิปไตย กับฝ่ายสืบทอดอำนาจ ถือว่าเขามีคะแนนน้อยกว่าฝ่ายประชาธิปไตยอยู่ดี แต่เมื่อไม่นึกถึงเรื่องมารยาทก็ไม่มีอะไรไปห้ามเขาได้ เชื่อว่าประชาชนจะเห็นว่าการกระทำของใครชอบหรือไม่ชอบ การเลือกตั้งครั้งต่อไปประชาชนจะรู้ว่าอะไรไม่ถูกต้อง อะไรผิดเพี้ยน เชื่อว่าประชาชนจะไม่เห็นด้วยกับฝ่ายที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ
สกัด “บิ๊กตู่” ต่อท่ออำนาจสำคัญสุด
เมื่อถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทยพร้อมร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคต่างๆ โดยไม่ยึดติดตำแหน่งสำคัญ ทั้งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชัยเกษมตอบว่า ไม่ได้รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวโดยตรง แต่แกนนำพรรคพูดชัดเจนแล้วว่า อุดมคติของพรรคเพื่อไทยต้องการให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะฝ่ายสืบทอดอำนาจ จึงไม่ยึดติดเรื่องตำแหน่ง ใครเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเข้ามาได้ แต่คงต้องคุยกัน ประเด็นสำคัญเราไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. สืบทอดอำนาจ เพราะเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยสุดท้ายแล้วประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน หากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลก็เชื่อว่าจะอยู่ได้ไม่นาน แล้วการเลือกตั้งครั้งต่อไปประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน

“เจ๊หน่อย” จวกร้ายกว่าพฤษภาทมิฬ
วันเดียวกันเวลา 17.00 น. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กรูปสมัยขึ้นเวทีปราศรัยในการชุมนุมเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 พร้อมระบุข้อความว่ารูปนี้เมื่อ 27 ปีที่แล้ว ขอคารวะต่อดวงวิญญาณนักสู้ผู้องอาจทุกท่าน ที่พลังประชาชนออกมาขับไล่เผด็จการที่ยึดอำนาจจากประชาชน แล้วใช้การเลือกตั้งเป็นข้ออ้างชุบตัวเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป ไม่น่าเชื่อว่าผ่านมา 27 ปีแล้ว แต่เรายังคงวนเวียนอยู่ที่เดิมวันนี้พวกรัฐประหารยึดอำนาจเขียนรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อไปสู่การเลือกตั้ง โดยใส่กติกาเอื้อให้ตนเองสืบทอดอำนาจต่อ ยิ่งกว่านั้นยังเขียนกติกาให้ตัวเองมีอำนาจแต่งตั้ง ส.ว. 250 คน เพื่อการันตีการสืบทอดอำนาจ เหลือเชื่อว่าคนที่เป็นกำลังหลักทำการรัฐประหารเมื่อครั้งพฤษภา 35 แทบจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับรัฐประหารเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เวลาไม่ได้ทำให้ความคิดของคนเหล่านี้เปลี่ยนแม้แต่น้อย เพียงแต่ครั้งนั้นคนเหล่านี้ยังมียศน้อยจึงเป็นเพียงผู้ปฏิบัติการ แต่ครั้งนี้ได้เติบโตยิ่งใหญ่ จึงเป็นตัวการยึดอำนาจจากประชาชนเสียงเอง ครั้งนี้ พ.ศ.2562 เลวร้ายกว่า พ.ศ.2535 มากถือว่าไม่เห็นหัวประชาชนเลย ไม่สนใจว่าการกระทำต่างๆจะขัดหลักการประชาธิปไตย หลักนิติธรรม และลิดรอนสิทธิประชาชนเพียงใด
จัดเลือกตั้งแค่พิธีกรรมชุบตัว
คุณหญิงสุดารัตน์ระบุอีกว่า ตลอดช่วงการเลือกตั้งมีผู้สมัครหลายรายไปร้องเรียนทั้งเรื่องซื้อเสียงอย่างโจ๋งครึ่ม ใช้อำนาจรัฐโกงสารพัดมากมาย ทำขนาดนี้ยังแพ้พรรคเพื่อไทยที่ส่งเพียง 250 เขต จึงต้องใช้อภินิหารจากองค์กรอิสระ ผลจึงออกมาอย่างที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นการนับคะแนน การประกาศผลคะแนนที่ล้วนแปลกประหลาด ไม่สามารถอธิบายประชาชนได้ ทั้งบัตรเกิดใหม่ในหีบ บัตรเขย่ง บัตรที่ระลึก โดยเฉพาะสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่พรรคได้คะแนนต่ำกว่าคะแนน ส.ส. พึงมีรวม 10 กว่าพรรคได้ ส.ส. หรือที่เรียกกันว่า ส.ส.เอื้ออาทร รวมตัวกันสนับสนุนนายกฯสืบทอดอำนาจ ยิ่งกว่านั้น ส.ว.อีก 250 คน ส่วนใหญ่มาจากวงศาคณาญาติและเพื่อนพวกพ้อง จะเป็นนายกฯให้ได้ด้วยเสียง ส.ว.ที่ประชาชนไม่ได้เลือก เจตนารมณ์ประชาชนส่วนใหญ่ที่ไม่ต้องการเห็นการสืบทอดอำนาจ กลับไม่มีความหมาย การเลือกตั้งจึงเป็นเสมือนเพียงพิธีกรรมชุบตัวเผด็จการ
อ้อนพรรคขั้วที่ 3 ยืนข้าง ปชช.
คุณหญิงสุดารัตน์ระบุด้วยว่า โอกาสของประเทศสำคัญกว่าโอกาสของเพื่อไทย โอกาสของประชาธิปไตยที่จะได้กลับมาลงหลักปักฐานให้มั่น คือภารกิจสำคัญยิ่งกว่าการแสวงหาอำนาจทางการเมือง เพื่อไทยยอมเสียสละเพื่อไม่ให้เป็นเงื่อนไขในการต่อรองใดๆ ขอเพียงประเทศเดินหน้าได้อย่างถูกต้อง ขอประกาศว่าไม่รับตำแหน่งใดๆทั้งสิ้น ขอเพียงพรรคขั้วที่ 3 ตัดสินใจเลือกข้างประชาชนอย่างที่เคยพูดไว้ตอนหาเสียง เราจะเอาเผด็จการแปลงร่างออกไป ด้วยเสียงผู้แทนราษฎรของเรา ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าการยืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้องจะทำให้เรายืดอกได้อย่างภาคภูมิใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดและบ้านเมืองของเราจะก้าวหน้าไปได้อย่างมั่นคงยั่งยืน สังคมมีความถูกต้องยุติธรรม สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประชาชนมีความสุข มีความมั่นใจในอนาคตของตน และลูกหลาน
พท.พลิกเกมเลิกแตะมือ ปชป.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย ถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยอาจปรับกลยุทธ์นำเสียง ส.ส.ของ 7 พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ไปลงมติสนับสนุนคนจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร แข่งกับตัวแทนพรรคพลังประชารัฐว่า การประชุมพรรคเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองว่าหากจะสู้กับการสืบทอดอำนาจของ คสช. พรรคเพื่อไทยต้องเสียสละตำแหน่งต่างๆ เพื่อโน้มน้าวให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยที่มีรวมกัน 103 เสียง มาร่วมจุดยืนปิดสวิตช์ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกฯโดยเริ่มจากการสนับสนุนนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานสภาฯ เพื่อเป็น ตัวแทนของฝ่ายพรรคการเมืองควบคุมเกมในสภาฯ และการโหวตนายกฯ จะเทคะแนนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคภูมิใจไทย แต่มี ส.ส.และสมาชิกพรรคบางส่วนเห็นว่า หากเดินแนวทางนี้อาจสุ่มเสี่ยงเกินไป เพราะถือเป็นการลดศักดิ์ศรีของพรรคที่ได้ ส.ส.เป็นอันดับ 1 จะไม่สามารถอธิบายกับประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยและผู้สนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตย ว่าเหตุใดจึงไปเกี้ยเซียะกับพรรคประชาธิปัตย์ที่มีแนวทางตรงกันข้ามมาตลอด
หวั่นถูกหักหลังเสียศักดิ์ศรี–ค่าโง่
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยยังมองอีกว่า หากท้ายที่สุดพรรคประชาธิปัตย์เกิดหักหลังไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ก็จะเท่ากับพรรคเพื่อไทยเสียทั้งศักดิ์ศรี เสียทั้งค่าโง่ ในหมากเกมนี้ และขณะนี้พรรคพลังประชารัฐใช้มายากลจนได้เสียงจากพรรคเล็ก และรวบรวม ส.ส.ได้เกิน 126 เสียง เมื่อรวมกับ 250 ส.ว.ก็เท่ากับปิดประตูตายที่พรรคเพื่อไทยจะไปแข่งเสนอชื่อนายกฯ กับ พล.อ.ประยุทธ์ การให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานสภาฯ อาจเปล่าประโยชน์ ดีไม่ดีถูกหักหลังอีก และถึงจะได้เสียงพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคภูมิใจไทย มาก็ยังไม่ครบ 376 เสียง ตั้งนายกฯไม่ได้อยู่ดี ถ้านักการเมืองคิดจะต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.จริง พรรคประชาธิปัตย์เองควรต้องมาโหวตให้ตัวแทนที่พรรคเพื่อไทยและพรรคพันธมิตรเสนอ ให้เป็นประธานสภาฯ และนายกฯ เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพรรคประชาธิปัตย์รักษาอุดมการณ์ และจุดยืน ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช.
ยอมยกธงประเมินไม่มีทางชนะ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อประเมินแล้วว่าไม่มีโอกาสเอาชนะในการลงมติเลือกนายกฯ ก็ไม่ควรไปฝืน หรือประเคนเก้าอี้ให้ใครโดยขัดเจตนารมณ์พรรค ขัดเจตนารมณ์ของผู้ที่ลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ควรใช้โอกาสนี้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านฝ่ายตรวจสอบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ที่มีเสียงปริ่มน้ำอย่างเข้มข้น ทั้งการทำงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และย้อนไปถึงแนวนโยบายที่ผิดพลาดมากมายตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่ารัฐบาล คสช. ภาค 2 จะอยู่ได้ไม่นาน และการเลือกตั้งครั้งใหม่พรรคพลังประชารัฐจะลำบากมากกว่านี้ ที่สำคัญการปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ ก็เท่ากับผิดต่ออุดมการณ์และคำพูดของตัวเอง การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะยิ่งตกต่ำลงไปมากกว่านี้
Cr.ไทยรัฐ
#ข่าวหน้า1 เพื่อไทยส่อยอมยกธงขาว ถอดใจแข่งตั้งรัฐบาลไม่ไหว เลิกหนุนประชาธิปัตย์ประธานสภา
“ชัยเกษม” ซัด พปชร.ลืมมารยาท รับถ้าสกัดสืบทอดอำนาจไม่ได้ ไว้เจอกันในศึกเลือกตั้งใหม่ให้ประชาชนตัดสิน “เจ๊หน่อย” ย้อนรำลึกพฤษภาทมิฬ จวกยุค คสช.เลวร้ายกว่า รสช. จัดเลือกตั้งแค่พิธีกรรมชุบตัวเผด็จการ ยังหวังพรรคขั้วที่ 3 ยืนข้างประชาชน พท.พลิกเกมเลิกหนุนคน ปชป.นั่งนายกฯ-ประธานสภาฯ หวั่นถูกหักหลังเสียทั้งศักดิ์ศรี เสียทั้งค่าโง่ ส่อยกธงขาวหลังประเมินแล้วไม่มีทางชนะอนาคตใหม่รูดซิปปากถกพรรคร่วมตั้ง รบ. “อุเทน” แนะ ปชป.ยึดหลักการ ควรวางเฉยไม่หนุนทั้ง “บิ๊กตู่”-เพื่อไทย พปชร.ทุ่มทุนสร้าง ยอมหักคนในยกเก้าอี้ ปธ.สภาให้ ปชป.
“พรเพชร” เต็งจ๋าคว้าปธ.วุฒิฯ
การช่วงชิงจัดตั้งรัฐบาลของการเมือง 2 ขั้วเริ่มชัดเจนขึ้นทุกที ล่าสุดพรรคเพื่อไทยส่อพลิกเกมเลิกสนับสนุนคนของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี และประธานสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่พรรคพลังประชารัฐทุ่มไม่อั้น ยอมหักคนในพรรค พร้อมยกเก้าอี้ประธานสภาฯให้กับประชาธิปัตย์

“วิโรจน์” ไม่พูด ปชป.คุยทหาร
เมื่อวันที่ 18 พ.ค. พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และเลขาธิการพรรคฯร่วมหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพื่อพูดคุยจัดตั้งรัฐบาล ว่า ขณะนี้มีการปล่อยข่าวอะไรออกมาเป็นจำนวนมาก เมื่อเรื่องที่ว่ามามันยังไม่แน่นอน หากตนพูดอะไรออกไปจะสะเทือนใจกันเปล่าๆ คงต้องดูไปก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ยังไม่อยากคาดเดาอะไร ถ้าเรื่องนี้ชัดเจนแล้วค่อยพูด

“ชัยเกษม” อัด พปชร.ลืมมารยาท
นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความพยายามจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อเขาต้องการสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯของพรรคเขา ก็ต้องพยายามเต็มที่ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ชัยชนะ เขาประกาศแล้วว่าจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนเรื่องมารยาททาง การเมืองที่ต้องให้พรรคอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลก่อนนั้น คงลืมไปแล้ว ข้ออ้างด้วยการยึดคะแนนป๊อปปูลาร์โหวต ถ้ามองแบ่งเป็นฝ่ายประชาธิปไตย กับฝ่ายสืบทอดอำนาจ ถือว่าเขามีคะแนนน้อยกว่าฝ่ายประชาธิปไตยอยู่ดี แต่เมื่อไม่นึกถึงเรื่องมารยาทก็ไม่มีอะไรไปห้ามเขาได้ เชื่อว่าประชาชนจะเห็นว่าการกระทำของใครชอบหรือไม่ชอบ การเลือกตั้งครั้งต่อไปประชาชนจะรู้ว่าอะไรไม่ถูกต้อง อะไรผิดเพี้ยน เชื่อว่าประชาชนจะไม่เห็นด้วยกับฝ่ายที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ
สกัด “บิ๊กตู่” ต่อท่ออำนาจสำคัญสุด
เมื่อถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทยพร้อมร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคต่างๆ โดยไม่ยึดติดตำแหน่งสำคัญ ทั้งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชัยเกษมตอบว่า ไม่ได้รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวโดยตรง แต่แกนนำพรรคพูดชัดเจนแล้วว่า อุดมคติของพรรคเพื่อไทยต้องการให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะฝ่ายสืบทอดอำนาจ จึงไม่ยึดติดเรื่องตำแหน่ง ใครเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเข้ามาได้ แต่คงต้องคุยกัน ประเด็นสำคัญเราไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. สืบทอดอำนาจ เพราะเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยสุดท้ายแล้วประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน หากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลก็เชื่อว่าจะอยู่ได้ไม่นาน แล้วการเลือกตั้งครั้งต่อไปประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน

“เจ๊หน่อย” จวกร้ายกว่าพฤษภาทมิฬ
วันเดียวกันเวลา 17.00 น. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กรูปสมัยขึ้นเวทีปราศรัยในการชุมนุมเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 พร้อมระบุข้อความว่ารูปนี้เมื่อ 27 ปีที่แล้ว ขอคารวะต่อดวงวิญญาณนักสู้ผู้องอาจทุกท่าน ที่พลังประชาชนออกมาขับไล่เผด็จการที่ยึดอำนาจจากประชาชน แล้วใช้การเลือกตั้งเป็นข้ออ้างชุบตัวเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป ไม่น่าเชื่อว่าผ่านมา 27 ปีแล้ว แต่เรายังคงวนเวียนอยู่ที่เดิมวันนี้พวกรัฐประหารยึดอำนาจเขียนรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อไปสู่การเลือกตั้ง โดยใส่กติกาเอื้อให้ตนเองสืบทอดอำนาจต่อ ยิ่งกว่านั้นยังเขียนกติกาให้ตัวเองมีอำนาจแต่งตั้ง ส.ว. 250 คน เพื่อการันตีการสืบทอดอำนาจ เหลือเชื่อว่าคนที่เป็นกำลังหลักทำการรัฐประหารเมื่อครั้งพฤษภา 35 แทบจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับรัฐประหารเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เวลาไม่ได้ทำให้ความคิดของคนเหล่านี้เปลี่ยนแม้แต่น้อย เพียงแต่ครั้งนั้นคนเหล่านี้ยังมียศน้อยจึงเป็นเพียงผู้ปฏิบัติการ แต่ครั้งนี้ได้เติบโตยิ่งใหญ่ จึงเป็นตัวการยึดอำนาจจากประชาชนเสียงเอง ครั้งนี้ พ.ศ.2562 เลวร้ายกว่า พ.ศ.2535 มากถือว่าไม่เห็นหัวประชาชนเลย ไม่สนใจว่าการกระทำต่างๆจะขัดหลักการประชาธิปไตย หลักนิติธรรม และลิดรอนสิทธิประชาชนเพียงใด
จัดเลือกตั้งแค่พิธีกรรมชุบตัว
คุณหญิงสุดารัตน์ระบุอีกว่า ตลอดช่วงการเลือกตั้งมีผู้สมัครหลายรายไปร้องเรียนทั้งเรื่องซื้อเสียงอย่างโจ๋งครึ่ม ใช้อำนาจรัฐโกงสารพัดมากมาย ทำขนาดนี้ยังแพ้พรรคเพื่อไทยที่ส่งเพียง 250 เขต จึงต้องใช้อภินิหารจากองค์กรอิสระ ผลจึงออกมาอย่างที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นการนับคะแนน การประกาศผลคะแนนที่ล้วนแปลกประหลาด ไม่สามารถอธิบายประชาชนได้ ทั้งบัตรเกิดใหม่ในหีบ บัตรเขย่ง บัตรที่ระลึก โดยเฉพาะสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่พรรคได้คะแนนต่ำกว่าคะแนน ส.ส. พึงมีรวม 10 กว่าพรรคได้ ส.ส. หรือที่เรียกกันว่า ส.ส.เอื้ออาทร รวมตัวกันสนับสนุนนายกฯสืบทอดอำนาจ ยิ่งกว่านั้น ส.ว.อีก 250 คน ส่วนใหญ่มาจากวงศาคณาญาติและเพื่อนพวกพ้อง จะเป็นนายกฯให้ได้ด้วยเสียง ส.ว.ที่ประชาชนไม่ได้เลือก เจตนารมณ์ประชาชนส่วนใหญ่ที่ไม่ต้องการเห็นการสืบทอดอำนาจ กลับไม่มีความหมาย การเลือกตั้งจึงเป็นเสมือนเพียงพิธีกรรมชุบตัวเผด็จการ
อ้อนพรรคขั้วที่ 3 ยืนข้าง ปชช.
คุณหญิงสุดารัตน์ระบุด้วยว่า โอกาสของประเทศสำคัญกว่าโอกาสของเพื่อไทย โอกาสของประชาธิปไตยที่จะได้กลับมาลงหลักปักฐานให้มั่น คือภารกิจสำคัญยิ่งกว่าการแสวงหาอำนาจทางการเมือง เพื่อไทยยอมเสียสละเพื่อไม่ให้เป็นเงื่อนไขในการต่อรองใดๆ ขอเพียงประเทศเดินหน้าได้อย่างถูกต้อง ขอประกาศว่าไม่รับตำแหน่งใดๆทั้งสิ้น ขอเพียงพรรคขั้วที่ 3 ตัดสินใจเลือกข้างประชาชนอย่างที่เคยพูดไว้ตอนหาเสียง เราจะเอาเผด็จการแปลงร่างออกไป ด้วยเสียงผู้แทนราษฎรของเรา ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าการยืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้องจะทำให้เรายืดอกได้อย่างภาคภูมิใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดและบ้านเมืองของเราจะก้าวหน้าไปได้อย่างมั่นคงยั่งยืน สังคมมีความถูกต้องยุติธรรม สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประชาชนมีความสุข มีความมั่นใจในอนาคตของตน และลูกหลาน
พท.พลิกเกมเลิกแตะมือ ปชป.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย ถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยอาจปรับกลยุทธ์นำเสียง ส.ส.ของ 7 พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ไปลงมติสนับสนุนคนจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร แข่งกับตัวแทนพรรคพลังประชารัฐว่า การประชุมพรรคเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองว่าหากจะสู้กับการสืบทอดอำนาจของ คสช. พรรคเพื่อไทยต้องเสียสละตำแหน่งต่างๆ เพื่อโน้มน้าวให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยที่มีรวมกัน 103 เสียง มาร่วมจุดยืนปิดสวิตช์ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกฯโดยเริ่มจากการสนับสนุนนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานสภาฯ เพื่อเป็น ตัวแทนของฝ่ายพรรคการเมืองควบคุมเกมในสภาฯ และการโหวตนายกฯ จะเทคะแนนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคภูมิใจไทย แต่มี ส.ส.และสมาชิกพรรคบางส่วนเห็นว่า หากเดินแนวทางนี้อาจสุ่มเสี่ยงเกินไป เพราะถือเป็นการลดศักดิ์ศรีของพรรคที่ได้ ส.ส.เป็นอันดับ 1 จะไม่สามารถอธิบายกับประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยและผู้สนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตย ว่าเหตุใดจึงไปเกี้ยเซียะกับพรรคประชาธิปัตย์ที่มีแนวทางตรงกันข้ามมาตลอด
หวั่นถูกหักหลังเสียศักดิ์ศรี–ค่าโง่
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยยังมองอีกว่า หากท้ายที่สุดพรรคประชาธิปัตย์เกิดหักหลังไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ก็จะเท่ากับพรรคเพื่อไทยเสียทั้งศักดิ์ศรี เสียทั้งค่าโง่ ในหมากเกมนี้ และขณะนี้พรรคพลังประชารัฐใช้มายากลจนได้เสียงจากพรรคเล็ก และรวบรวม ส.ส.ได้เกิน 126 เสียง เมื่อรวมกับ 250 ส.ว.ก็เท่ากับปิดประตูตายที่พรรคเพื่อไทยจะไปแข่งเสนอชื่อนายกฯ กับ พล.อ.ประยุทธ์ การให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานสภาฯ อาจเปล่าประโยชน์ ดีไม่ดีถูกหักหลังอีก และถึงจะได้เสียงพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคภูมิใจไทย มาก็ยังไม่ครบ 376 เสียง ตั้งนายกฯไม่ได้อยู่ดี ถ้านักการเมืองคิดจะต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.จริง พรรคประชาธิปัตย์เองควรต้องมาโหวตให้ตัวแทนที่พรรคเพื่อไทยและพรรคพันธมิตรเสนอ ให้เป็นประธานสภาฯ และนายกฯ เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพรรคประชาธิปัตย์รักษาอุดมการณ์ และจุดยืน ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช.
ยอมยกธงประเมินไม่มีทางชนะ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อประเมินแล้วว่าไม่มีโอกาสเอาชนะในการลงมติเลือกนายกฯ ก็ไม่ควรไปฝืน หรือประเคนเก้าอี้ให้ใครโดยขัดเจตนารมณ์พรรค ขัดเจตนารมณ์ของผู้ที่ลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ควรใช้โอกาสนี้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านฝ่ายตรวจสอบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ที่มีเสียงปริ่มน้ำอย่างเข้มข้น ทั้งการทำงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และย้อนไปถึงแนวนโยบายที่ผิดพลาดมากมายตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่ารัฐบาล คสช. ภาค 2 จะอยู่ได้ไม่นาน และการเลือกตั้งครั้งใหม่พรรคพลังประชารัฐจะลำบากมากกว่านี้ ที่สำคัญการปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ ก็เท่ากับผิดต่ออุดมการณ์และคำพูดของตัวเอง การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะยิ่งตกต่ำลงไปมากกว่านี้
Cr.ไทยรัฐ