[CR] ทริปซากุระนี้ พี่ไปตะลุยคันไซ เดิน teen แตก...แหลกกระจาย

สวัสดีคะ นี่เป็นกระทู้รีวิวที่ 3 ของเรา ก่อนหน้านี้ได้เคยรีวิวไปพอกรุบกริบ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยคะ

moonstar Happy Together my autumn in Seoul ไปกับทัวร์...เที่ยวยกแก๊งค์ : https://pantip.com/topic/37048253
รักคุณ พาไปนอน @ Kinosaki Onsen Kawaguchiya Honkan : https://pantip.com/topic/37761124


     ซึ่งครั้งนี้เป็นญี่ปุ่นแถบคันไซ มาคราวนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศมาหวานๆกับซากุระกันบ้างคะ เราเริ่มเดินทางวันที่ 29 มีนาคม – 6 เมษายน 2018 ซึ่งปีนี้ซากุระมาไว ตอนเราไปช่วงแถบเกียวโตเลยจุดพีคไปแล้วแต่ก็ยังสวยแล้วก็ฟินได้อีก รอบนี้เราเดินทางไปกับป้าม่วง การบินไทยรักคุณเท่าฟ้า ได้ตั๋วมาในราคาที่เรารับได้ ตอนแรกตั้งใจจะไปแบบต่อเครื่อง ซึ่งตอนประมาณเดือนมกราคมเราเพิ่งหาตั๋ว และแบบต่อเครื่องราคาก็ราว 15,XXX บ. แต่พอเจอโปรการบินไทยมาประมาณ 17000 บ. เราเลยตัดสินใจจองป้าม่วงไป ซึ่งมัน OK มากเลยคะแต่เสียอย่างเดียวเวลาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่คะ
    วันที่ 29 มีนาคม วันแรกที่ออกเดินทาง เราเดินทางแต่เช้าตรู่(ง่วงมากzZZ) เครื่องออก 8.25 น. พอถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เรา check in มาในมือถือเรียบร้อยแล้วเลยไปโหลดกระเป๋าอย่างเดียว รอบนี้ตั้งใจจะมาใช้บริการเลาจน์ king power ซึ่งอยู่ตรง king power space ถ้ามองเผินๆจะเหมือนกับที่นี่เป็นร้าน Duty Free อีกแห่งหนึ่งแต่ตัวเลาจน์จะอยู่ด้านหลัง ที่เลาจน์นี้สามารถพาผู้ติดตามเข้าได้อีก 1 คนด้วย ซึ่งในเลาจน์มีของกินมากมายเลย (แต่...เรามัวแต่ห่วงกิน ลืมถ่ายรูปเลย555) เราก็ได้ทำการซัดโจ๊กใส้ไข่ ซาลาเปา แซนวิส บลาบลาบลา อีกหลายอย่าง ซึ่งของกินพอโอเคทำเราอิ่มกันเลยทีเดียว5555 พอใกล้ถึงเวลาเราก็ไปขึ้นเครื่องได้ รอบนี้เราเลือกที่นั่งขาไปแบบยืดขาสบายเลย5555 อาหารอร่อยรสชาติสไตล์ไทยๆ ได้อาหารมาเป็นหมูผัดเปรี้ยวหวาน พร้อมฟรุ๊ตสลัด โยเกิร์ต แล้วก็ครัวซองค์ (แค่นี้ก็จะท้องแตกตายแล้ว...เนื่องจากเริ่มบรรเลงการกินมาตั้งแต่ในเลาจน์)

หน้าตาอาหารดูธรรมดาแต่รสชาติสไตล์ไทยอร่อยเลยคะ

พอใกล้จะถึงญี่ปุ่นเราก็ได้กินแซนวิชทูน่าลองท้องกันอีก ช่วยลดอาการหิวไปได้อีก5555555

    และแล้วเราก็มาถึงสนามบินคันไซ หลังจากลงเครื่อง ผ่านตม. รับกระเป๋ากันเสร็จแล้วจะออกมายัง Hall ใหญ่ในเทอร์มินอล จากนั้นเราก็ไปหาเคาน์เตอร์ของ HIS ที่ชั้น 1 เพื่อทำการแลกตั๋วที่เราได้ซื้อมาจาก KLOOK ที่ไทย โดยที่เราซื้อมาเป็น Kansai wide area pass แบบ 5 Day + Osaka amazing pass 1 Day + USJ ค่าเสียหาย 2 คน คิดเป็นเงินไทย 10000 บ. (ตกคนละ 5000 บ.) ตอนที่ตัดสินใจซื้อจากไทยเพราะมันมีโปรซื้อครบ 5000 บ. ลดได้ 500 บ. แต่ว่าพอตัดบัตรเครดิตมันเหมือนจะมีค่าการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินประมาณ 100-200 บ. (แต่ก็ยังถูกอยู่5555)
หน้าตาเคาน์เตอร์ HIS ที่เราไปทำการแลก Pass กัน เรา Print มาแล้วก็ยื่นพร้อมกับ Passport แปบเดียวก็ได้ตั๋วตัวจริงมาคะ

     จากนั้นให้เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 2 จะมีทางเชื่อมออกไปยังอาคารสถานีรถไฟของสนามบินคันไซ ทำการซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ของ Nankai สีส้มก่อน (โดยรถไฟ Nankai นี้เป็นของเอกชน) เราซื้อตั๋วแบบ rapit นั่งไปแปบเดียวก็ถึงที่สถานีนัมบะแล้ว
ระหว่างที่รอรถไฟ Nankai คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่

ที่นั่งบนรถไฟสะอาด นั่งสบายมากเลยคะ เร็วด้วย นั่งแปบเดียวก็ถึงละคะ

     พอนั่งไปราวๆซัก 40 นาที ก็จะถึงสถานี Namba nankai เราก็ตรงดิ่งไปที่พักเลย ที่พักเราจองไว้ 2 ที่ คือ ที่ Kinosaki onsen ที่นึง กับคืนที่เหลือนอน Osaka หมดเลย ซึ่งทริปนี้เน้นประหยัด เราเลยได้ทำการจองที่ Hostel Q ไป ราคาค่าเสียหายที่จองกับ Agoda ไว้ 11700 บ. เป็นจำนวน 7 คืน (นอน 2 คน) ซึ่งมันเป็นห้องแบบส่วนตัว เตียง 2 ชั้น แต่เป็นห้องน้ำรวม (ทำเลดี ใกล้ subway namba) ส่วเครื่องอาบน้ำมีครบให้ทุกอย่างเป็นอย่างดี ทั้งครีมอาบน้ำ ยาสระผม ครีมนวมผม ไดร์เป่าผม ที่ม้วนผม รวมไปถึงยางรัดผมมีมาให้เป็นกระปุกเลยจ้า5555 แถมยังมีมาม่าให้กินฟรี มีน้ำเปล่าให้กรอกดื่ม อูย สมราคา ประหยัดงบฝุดๆเลย ที่สำคัญหน้าปากซอยของ Hostel มีร้าน Donki ด้วย (เข้าไปเดิน shop ทุกวันเลย5555) จริงๆแล้วที่ Hostel นี้ตรงข้ามกับ APA Hotel เลย (โรงแรมยอดฮิต)
    การเดินทางจากสถานี Namba nankai คือ ให้เดินดูป้ายสาย Midosuji line แล้วก็โผล่ออกไปถนนใหญ่มันจะเดินง่ายกว่า พอโผล่มาที่ถนนใหญ่ก็จะเจอไฟแดงเลย เดินข้ามผ่านไฟแดงไปซัก 2-3 ไฟแดง ก็จะถึงเห็นร้าน Donki อยู่หน้าปากซอยเลยคะ หาไม่ยาก (เราใช้ google map นำทางมาด้วย) ถ้าใครมาทาง subway namba ให้ออกทาง Exit 25 แล้วเดินมาทางร้านอาหาร Yoshinoya เดินตรงมาเรื่อยๆก็จะเจอร้าน Donki แล้วก็เลี้ยวเข้าซอย เดินตรงไปไม่ไกลจะเจอ Hostel Q ตรงข้ามกับ APA Hotel

มาถึงก็ทำการ Check in  ให้เรียบร้อยเอาของเก็บ แล้วก็ลงมาชมห้องส่วนกลางตรงชั้นใต้ดิน เอาไว้นั่งเล่น นั่งชิวกัน

     พอเก็บข้าวของปุ๊บ เราก็เริ่มออกเดินทางหาของกินกันเลย เพราะหิวมากๆแล้ว คืนแรกนี้เราจะไปร้านขาปูยักษ์กัน ซึ่งเราได้ทำการจอง online ไว้แล้ว สำหรับร้านเจ้าปูยักษ์ หรือ かに道楽 (Kani Doraku) นี้ มีหลายสาขามากๆ อย่างที่ย่านนัมบะเองก็มีประมาณ 2-3 ร้านแน่ะ ตอนแรกเราตั้งใจจะไปกินร้านสาขาใหญ่หรือที่เรียกกันว่า Dotombori Honten (The Original/Main restaurant) แต่ที่สาขานี้เต็มทุกวันทุกช่วงเวลาตอนเย็นจนถึงร้านปิดเลย เราจึงไปกินอีกสาขานึง คือสาขา Dotombori nakamise (Mid) branch ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันจากสาขาแรก เดินจากสาขาใหญ่ไปราวๆ 5 นาที ร้านอยู่ฝั่งเดียวกัน มีรูปปูยักษ์เหมือนกัน เราจองไว้ประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง
ส่วนวิธีการจองก็ง่ายมาก
1. เข้าเวปไซด์ http://douraku.co.jp.e.at.hp.transer.com/
2. กดเลือกสาขาที่ต้องการจะไปทาน
3. จากนั้นเลือกปุ่ม Online Reservation
4. เมื่อเข้าไปในหน้าจองจะมีระบุวิธีการจองอย่างชัดเจนให้เลย ก็กรอกรายละเอียดต่างๆตามที่เค้าแนะนำไว้ได้เลย
5. ถ้ากรอกรายละเอียดทุกอย่างครบและโอเค จะมีอีเมล์ส่งคอนเฟิร์มกลับมาให้

เดินเข้าไปในร้านก็จะเจอตู้ปูยักษ์กัน 

    พอได้ที่นั่งก็ได้เวลาสั่งอาหารกันแล้ว ซึ่งเราได้จัดสั่งมาเป็น set สำหรับกิน 2 คน สั่ง Kagetsu set ราคาราวๆ 5,834 yen (รวม tax 6,300 yen)

อย่างแรกที่มา กระจุ๋มกระจิ๋มมากคะ5555

เสิร์ฟตามมาติดๆ ซึ่งยังไม่ได้กระเทือนกระเพาะเลย55555

ส่วนอันนี้เอาไว้ใส่หม้อไฟ ดูสภาพแล้วไม่น่าจะพอกิน5555

พอได้กินแล้วมีความฟินอร่อยมาก เนื้อปูมันก็จะหวานๆ เสียอย่างเดียวน้อยไปหน่อย55555 (หรือเราหิวก็ไม่รู้)

     เบ็ดเสร็จหลังจากได้โดนค่าเสียหายไปชุดใหญ่แล้ว มันก็พอประทังความหิวเราไปได้ เราก็ไปเดินเล่น สำรวจแหล่ง shopping ชื่นชมความศิวิไลซ์ของย่านที่ไม่เคยหลับใหลกัน

มาเดินเตร็ดเตร่เล่นริมคลองกันคะ

บรรยากาศที่ริมคลอง เวลาประมาณ 4 ทุ่มก็ยังคงคึกคักอยู่เลย ผู้คนยังเดินเล่นอยู่เต็มถนน

เดินเล่นวนไปวนมาเจอร้านทาโกะยากิ อยู่ใกล้ๆกับราเมนข้อสอบเลยคะ คนต่อคิวเต็มเลยไปลองต่อดูซะหน่อย55555

ได้มาแล้วทาโกะยากิ รอคิวพักนึงราวๆ 10 นาที คนเยอะคะแต่เขาทำไวเลยรอไม่นานมาก

เดินไปเดินมาก็อยากกินเกี๊ยวซ่า เจอร้านนี้ดูน่ากินเลยแวะซื้อ

ร้านเกี๊ยวซ่าอันนี้ข้างในมีราเมนด้วยนะแต่เราไม่ได้กิน กินแต่เกี๊ยวซ่า อร่อยๆเราชอบๆ มีน้ำจิ้มให้เติมอยู่ที่โต๊ะ ยืนกินไปเพลินๆแปบเดียวหายวับเลย5555

ป้าย glico landmark ของ Osaka

ปิดท้ายมื้อดึกก่อนไปเข้านอนด้วยราเมนข้อสอบ ดึกๆแล้วแถวจะเริ่มเบาบาง 55555

เราชอบมากเลยเส้นมันเหนียวๆนุ่มๆ รสชาติแบบที่เราชอบไม่ต้องปรุง มาญี่ปุ่นทีไรเราต้องจัดทุกที

พอกินเสร็จก็ราวๆเที่ยงคืน ได้เวลาเข้าบรรทม ทางเดินทางตรงป้ายกูลิโกะไปไม่ไกลเลยกลับเข้าที่พัก เดินแวะถ่ายรูปตามถนนไป ชิวชิว ฟินฟิน บรรยากาศดีมากๆ อากาศก็กำลังดี ประมาณ 10 องศาได้ตอนกลางคืน

     หมดไปเบาเบากับการกินแหลกในวันแรกที่เรามาถึง555555 
ชื่อสินค้า:   เที่ยวญี่ปุนด้วยตนเอง
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่