Ep.1 สวัสดีครับนี่คือกระทู้แรกของผมที่เกิดจากความอัดอั้นตันใจอยากระบาย เพราะในชีวิตจริงผมได้เล่าเรื่องนี้ไปให้แค่ไม่กี่คนรับรู้เพราะไม่อยากเล่าซ้ำๆกับสิ่งช้ำๆที่เจอมา ผมมีโอกาสได้เป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนึงใน Facebook เมื่อราวๆต้นปี 2561ตอนนั้นผมอายุ25ปี เธอเป็นพยาบาลอายุเธอ24ปีในตอนนั้น แต่ก็แค่เป็นเฟรนด์กันเฉยๆไม่ได้อะไรไปสักพักนึงก็มีมากดไลค์บ้างหรือผมก็ไปไลค์เธอบ้าง แรกๆผมก็พยายามส่องบ้างตามนิสัยคนโสดแต่ก็ไม่อะไร จนวันนึงนึกยังไงไม่รู้ผมทักเธอไปก็โอเคนะคุยกันปกติอยากทำความรู้จักเฉยๆอยากลองคุยดูว่าเป็นยังไงนะคนๆนี้ ก็คุยกันบ้างเธอก็อัธยาศัยดีที่เรายิงคำถามไปก็ดูไม่เป้นหนุ่มจืดเท่าไหร่นะเพราะเธอก็ยิงคำถามกลับมาบ้างเหมือนกัน อะโอเค ที่นี้ด้วยชั้นเชิงตามประสาผู้ชายไงเห็นผู้หญิงหลายๆคนใน Facebook ที่ไม่ได้ตั้งสถานะคบกะใครก็ยิงคำถามแบบเชิงๆหน่อยๆว่าโหยทำงานหนักขนาดนี้มีเวลาไปมีแฟนปะเนี่ย เธอตอบกลับมาว่าก็มีแต่ไม่ค่อยได้เจอกันหรอก เราก็โอเคร๊คนนี้มีแฟนละไม่ควรคุยอะไรมากมายเดี๋ยวมีปัญหาเอา (ละก็หลังๆมาเริ่มส่องหนักๆจนอะเครู้ละว่าแฟนเธอน่าจะใช่คนนี้คนที่ใช้ชื่อเฟสตัวย่อว่าคุณ A)
หลังจากนั้นก็บทสนทนากับผมและเธอค่อยๆหายกันไป อาจมีแบบนานๆทีเวลาเธอไปเที่ยวที่นู่นที่นี่หรือที่ๆเราเคยไปก็อยากหาเพื่อนคุยอะก็ลองทักไปคุยถามดูเรื่องเออเธอไปเที่ยวที่นี่หรอได้ไปจุดนี้มั้ยอะไรแบบนี้แค่ประมาณนั้นไม่ได้เกินเลยหรืออย่างเรื่องซีรี่ย์ที่เธอดูละเราอยากคุยด้วยเม้าท์ด้วยก็ทักบ้างแต่น้อยมากๆสาบานว่าตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเกินเลยเห็นแค่พยาบาลสาวคนนี้เป็นคนเฟรนด์ลี่คนนึงแค่นั้นเองเลยอยากคุยด้วย(นานน๊านทักไปทีนึง) จนวันนึงชีวิตผมจับพลัดจับผลูได้ย้ายที่พักมาอยู่ใกล้ๆโรงพยาบาลที่เธอทำงานผมก็โอเคเอ่อทักไปบอกว่าเออเนี่ยเราย้ายมาอยู่ใกล้ที่เธอทำงานเลยถามว่าในใจตอนนั้นคิดอะไรมั้ยก็ไม่นะแค่อยากบอกเฉยๆเพราะเผื่อบังเอิญเดินเจอกันจริงๆจะไม่ได้เคอะเขินกันแค่นั้นเองที่ผมคิดก็ปรึกษาพวกร้านของกินแถวๆนี้ด้วยไรด้วยแต่ไม่ได้อยากเจอนะเพราะผมจำได้ตลอดเวลาว่าผู้หญิงคนนี้มีแฟนแล้วผมถือมากๆเรื่องนี้ ผมมาอยู่แถวนี้ได้สี่ห้าเดือนไม่เคยเจอเธอเลยในชีวิตจริง
จนวันนึงตอนต้นปี 2562 พ่อโทรมาปรึกษาว่าพ่อไปตรวจโรคมาละเป็นโรคนี้นะต้องทำนู่นนี่นั่นจะทำที่โรงบาลนี้เพราะเป็นโรงพยาบาลใหญ่ละโรคที่พ่อเป็นคือศูนย์ผู้ป่วยที่พยาบาลสาวคนนี้ทำงานอยู่ใช่เลยผมจำได้เราเคยคุยกันในบทสนทนา ที่นี้ก็ด้วยความที่โอเคล่ะเราต้งจัดการธุระให้พ่อใหนๆก็มีเฟรนด์ในเฟสเป็นถึงพยาบาลศูนย์โรคนี้พอดีคิดในใจเออว่ะอย่างน้อยๆก็ไม่เสียเที่ยวที่เป็นเพื่อนกะผู้หญิงคนนี้ก็ได้ทำการสอบถามในแชทว่าเธอพ่อเราเป็นนั่นเป็นนี่นะจะติดต่อยังไงทำไงบ้างอะไรแบบนี้เธอก็ตอบมาดีมากๆให้คำปรึกษาตรงจุดเยี่ยมเลยอะโอเคที่นี้ติดต่อธุระเรื่องของพ่อไว้หาหมอเรียบร้อยละอีกสองสามเดือนเลยกว่าถึงวันนัด ในระหว่างนั้นผมกับเธอก็ไม่เคยเจอกันในชีวิตจริงเหมือนเดิม จนเวลาผ่านไปพ่อใกล้ถึงวันนัดก่อนทำการรักษา 2 วันพ่อก็ขึ้นมา กทม.ก็มาพักที่เดียวกะผมผมก็ถือโอกาสพาพ่อไปเที่ยวใกล้ๆที่พักละถ่ายรูปลงเฟสแท็กชื่อพ่อไปลงรูปไปไม่นานนักเธอก็ทักกลับมาว่าพ่อขึ้นมาทำการรักษาแล้วใช่มั้ย ผมก็บอกใช่รู้ได้ไงดูรายชื่อจากที่ทำงานมาใช่มั้ยเธอก็ตอบว่าใช่เธอก็แนะนำอีกครั้งข้อปฏิบัติก่อนทำการรักษาจริงๆได้คำแนะนำมาละแต่เธอก็แนะนำซ้ำเพื่อความชัวส์ผมก็รับฟังพร้อมปฏิบัติละก็ขอบคุณเธอไป จนถึงวันหมอนัดเธอทักมาอีกรอบว่าเป็นไงบ้างพ่อเข้ารับการรักษายังอ้อลืมบอกไปศูนย์โรคนี้มีหลายแผนกเธอทำงานที่แผนกดูแลผู้ป่วยนอนพักฟื้นค้างคืนเพราะการรักษาโรคนี้แน่นอนว่าต้องนอนพักอย่างน้อยๆ 1 คืน ก็โอเคอะดีมากๆเธอถามไถ่ตลอดว่าไม่ต้องกังวลสบายๆนะเคสของพ่อผมไม่ยากผมก็ยอมรับว่าเริ่มรู้สึกดีจังที่มีคนคอยให้กำลังใจอยู่ตลอดๆในขณะที่เรามีความกังวลอยู่ไม่น้อยจนกระทั่งพ่อทำการรักษาขั้นแรกเสร็จสิ้นพ่อต้องย้ายไปศูนย์ผู้ป่วยชั้นที่เธอทำงานพ่อก็นอนพักไปทำการดูแลพักฟื้นต่อก่อนหน้านั้นก็มีแต่พยาบาลคนอื่นคอยหมุนเวียนมาดูแลจนผ่านไปสองชั่วโมงเธอเข้ามาดูแลพ่อแต่สิ่งนึงที่ผมทำไปคือเงียบสนิทไม่มีบทสนทนากะเธอใดๆเลยเพราะว่าญาติๆและพ่ออยู่กันเต็มเลยกลัวเค้า งง ว่ารู้จักกันได้ไงและขี้เกียจอธิบายด้วยให้เธอทำงานก่อนดีกว่าค่อยทักรอบหลังเพราะไหนๆคืนนี้ผมก็ต้องนอนเฝ้าพ่ออยู่แล้ว อะทีนี้หลังจากนั้นอีกราวๆสองชั่วโมงถัดไปผมก็ทักไปว่าโทษนะไม่ได้ทักเห็นทำงานอยู่เธอก็บอกไม่เป็นไรเราเข้าใจที่ใจจริงลึกๆแล้วเราสองคนต่างรู้ดีว่ามันเขินมากกว่าที่คนเคยเห็นหน้ากันในโลกออนไลน์จะมาเจอกันในชีวิตจริงครั้งแรกจนรอบสองเหลือพ่อกะผมสองคนในห้องละเธอเข้ามารอบนี้ผมไม่ลังเลผมยิ้มให้ละเปิดบทสนทนากับเธอคุยเล็กๆน้อยให้เธอทำงานไป อ้อก่อนหน้านี้ผมบอกพ่อไปละว่าผมรู้จักเธอคนนี้นะเพื่อไม่ให้เขินมากและไม่ให้พ่อ งง ด้วยหลังจากนั้นคืนนั้นเราคุยกันในแชทตลอดยาวเลยครับต้องปรึกษาเยอะหน่อยเพราะพ่อผมเอาจริงๆคือค่อนข้างเรื่องมากและกังวลผมเลยต้องคุยกะเธอผ่านแชทปรึกษาตลอดเธอก็มาตอบบ้างเพราะต้องทำงานแต่เวลามาตอบเธอดูจริงใจและเต็มใจทุกครั้งผมสัมผัสได้จริงๆ คืนนั้นเธออกเวร 5 ทุ่มละบอกพรุ่งนี้เราเวรเช้านะได้เจอกันอีกรอบนึงผมก็โอเคคุยกันเยอะเนอะวันนี้ผมคิดในใจน่าจะเยอะกว่าที่ผ่านๆมาทุกครั้งเลย จนถึงตอนเช้าเธอก็มาดูแลพ่ออีกรอบก็คุยกันสนิทกันขึ้นเยอะอ้อวันนี้พ่อได้ออกจากโรงบาลได้ละนะสายๆก็กลับบ้านได้จนถึงเวลาก่อนพ่อกลับเธอก็มาให้คำแนะนำส่วนตัวมาคนเดียวเลยวิธีการปฏิบัติตัวยังไงดูแลพักฟื้นต่อเองยังไงไรงี้จริงๆก็ทำตามหน้าที่แหละแต่ผมคนนี้กลับรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยๆแล้วเลยทำการตอบแทนเธอและพยาบาลคนอื่นๆก่อนพ่อออกจากโรงบาลด้วยการเอาส้มไปฝากให้ละแชทไปบอกว่าเธอเราเอาส้มไปฝากไว้ที่เคาเตอร์นะเธอไปกินด้วยขอบคุณมากๆที่ดูแลและให้คำปรึกษาพ่อเราและเราเป็นอย่างดีเรากลับก่อนนะ
ผมคิดในใจคงไม่ได้เจอกะเธอคนนี้แล้วหละในชีวิตจริงๆเพราะผมรู้ดีในใจเสมอว่าเธอมีแฟนแล้วและการไปเจอหรือไปกินข้าวกะคนมีแฟนแล้วแม้แต่ในฐานะไหนๆผมก็ไม่โอเคนะเพราะใจเริ่มชอบเธอละจริงๆ จนผ่านมากลับมาที่พักเชื่อมั้ยบทสนทนาในแชทของเราจากตอนแรกนึกว่าจะคงเงียบๆซาๆกันไปตามกาลเวลากลับมากขึ้นจนคุยกันตลอดเห้ยยังไงเนี่ยผมคิดในใจเธอไม่ได้ถามคำตอบคำแต่เธอเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อนด้วยในหลายๆครั้งจนทำไปทำมาเราก็คุยกันในแชทแทยตลอดเวลาเลยครับตอนว่าง จนผ่านมาอีกวันนึงตรงกะวันที่ 14 กุมภา วาเลนไทน์พอดี บทสนทนาก็เรายังไปต่อเรื่อยๆจนกระทั่งตอนเย็นๆค่ำเธอหายไปลงกลับมาพร้อมโพสต์รูปตัวเธอคนเดียวพร้อมช่อกุหลาบแต่แคปชั่นแค่ว่า my valentine ผมได้แค่ชาๆทำได้แค่นั้นเองเพราะเหมือนดึงสติกลับมาได้เออว่ะเธอมีแฟนแล้วที่เคยบอกก็ที่ใช้เฟสตัวย่อว่า A คนนั้นไง หลังจากเธอลงรูปไม่นานเธอทักกลับมาคุยนี่นั่นเพราะเธอคงสังเกตุว่าหลังจากเธอลงรูปไปผมหายไปไม่มีบทสทนาที่เกิดขึ้นจากผมจนเธอบอกเองว่าเนี่ยวันนี้ เรามากินข้าวกะเพื่อนๆพี่ๆเราที่นั่นที่นี่ ผมก็เอาะใจนะดูเธอร้อนรนแต่อีกมุมดูเหมือนเธอจะทำให้ผมสบายในการที่เธอลงรูป (แน่นอนตอนนั้นหลังผมรู้ว่าเธอแก้ต่างชัดๆเพื่อจะไม่ทำให้ผมหายไป) อะโอเคทีนี้หลังจากนั้นอีกสามสี่วันบทสนทนาของเราก็ยังเป็นไปเรื่อยๆปกติตั้งแต่ตื่นยันเข้านอนคุยบ้างหายไปทำนู่นนี่บ้างแล้วแต่วันแต่ตอนว่างก็ได้คุยกันตลอด จนเริ่มสนิทมากๆเธอเริ่มส่งรูปความเป็นอยู่ที่บ้านเธอมาเอง ละเล่านู่นนี่นั่นเอง ผมก็ยอมรับว่าเผลอใจเริ่มชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆเพราะคุยสนุกและเราดูเข้ากันดีนะ จนมันทำให้ผมหลุดคำพูดไปในแชทคำนึงว่า เนี่ยเธอรู้มั้ยว่าถ้าเธอยังไม่มีแฟนเราจะจีบเธอละเนี่ย เธอตอบกลับมาว่า เรายังโสดอยู่น้า ผมก็ งง ละถามย้อนไปก็ตอนนั้นเธอบอกกับเราว่าเธอมีแฟนแล้วแต่ไม่ค่อยได้เจอกัน เธอตอบกลับมาว่าก็ตอนนั้นเราเป็นคนแปลกหน้าในเฟสไงไม่ได้รู้จักกันจริงๆเลยตอบปัดๆไป อะทีนี้ผมก็ถามจี้ไปอีกว่าละเราขอถามได้มั้ยละคนเฟสที่ชื่อตัวย่อว่า A คนนั้นล่ะคือใครเธอก็ตอบว่าก็คุยๆกันอยู่แต่เค้ายังข้อเสียอีกหลายอย่างที่เราไม่โอเคเลยยังไม่ให้ความสัมพันธ์แบบชัดเจนไป แต่ที่ผมส่องเธอมาถ้าคนคุยกันคงคุยมานานมากน่าจะสองสามปีได้เท่าที่ดูในทามไลน์เธอบอกว่า เค้าเป็นคนต่างชาติวัฒนธรรมของคนประเทศนี้คือคบละต้องแต่งสถานเดียวเธอเลยต้องกั๊กๆไว้กะคุยยาวๆเพื่อความชัวส์จริงๆ ไม่ผลีผลาม ผมก็โอเคเข้าใจที่เธอบอกแต่ก็มีอะไรติดนิดๆแต่ไม่ถามดีกว่าเพราะดูในทามไลน์ที่ผ่านๆมาเค้าไปเที่ยวกันมาหลายที่หลายประเทศละแต่ผมไม่รู้ไงไปกันกี่คนอะไรยังไง ผมก็โอเคตามนั้นพยายามดูๆเธอไปไม่ประมาทจนกระทั่งวันนึงเธอชวนผมกินข้าวอะเริ่มเจอกันกินข้าวกันไปส่งหอพูดคุยกันสนิทกันมากขึ้นก็หลายวันอยู่ที่ทำแบบนี้ จนวันนึงผมพูดกับเธอว่า เราขอเป็นสถานะคนคุยกันจริงจังได้มั้ย เธอก็ตอบแบบเขินๆกลับมาว่า ได้นะก็ดูๆกันไปก่อน ผมยิ้มและในใจโคตรดีใจ ผมก็ถามเธอนะถึงเธอมีคนคุยแล้วเรายังมีหวังใช่มั้ยเธอบอกก็มีสิก็เรายังไม่มีแฟนนี่หน่า
++++++++ไว้เดี๋ยวจะมาต่อครับกลัวคนอ่าน งง กันมันยาวจริงๆนะความตั้งใจคืออยากเก็บไว้เป็นไดอารี่ส่วนตัวไว้เป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆคนไม่ผลีผลามเผลอใจให้กับคนที่เข้ามาเป็นแบบนี้ในชีวิตคุณ +++++++
ผมคือโลกใบที่สองที่เธอสร้างไว้ตั้งแต่เริ่มจนจบ!!!!
หลังจากนั้นก็บทสนทนากับผมและเธอค่อยๆหายกันไป อาจมีแบบนานๆทีเวลาเธอไปเที่ยวที่นู่นที่นี่หรือที่ๆเราเคยไปก็อยากหาเพื่อนคุยอะก็ลองทักไปคุยถามดูเรื่องเออเธอไปเที่ยวที่นี่หรอได้ไปจุดนี้มั้ยอะไรแบบนี้แค่ประมาณนั้นไม่ได้เกินเลยหรืออย่างเรื่องซีรี่ย์ที่เธอดูละเราอยากคุยด้วยเม้าท์ด้วยก็ทักบ้างแต่น้อยมากๆสาบานว่าตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเกินเลยเห็นแค่พยาบาลสาวคนนี้เป็นคนเฟรนด์ลี่คนนึงแค่นั้นเองเลยอยากคุยด้วย(นานน๊านทักไปทีนึง) จนวันนึงชีวิตผมจับพลัดจับผลูได้ย้ายที่พักมาอยู่ใกล้ๆโรงพยาบาลที่เธอทำงานผมก็โอเคเอ่อทักไปบอกว่าเออเนี่ยเราย้ายมาอยู่ใกล้ที่เธอทำงานเลยถามว่าในใจตอนนั้นคิดอะไรมั้ยก็ไม่นะแค่อยากบอกเฉยๆเพราะเผื่อบังเอิญเดินเจอกันจริงๆจะไม่ได้เคอะเขินกันแค่นั้นเองที่ผมคิดก็ปรึกษาพวกร้านของกินแถวๆนี้ด้วยไรด้วยแต่ไม่ได้อยากเจอนะเพราะผมจำได้ตลอดเวลาว่าผู้หญิงคนนี้มีแฟนแล้วผมถือมากๆเรื่องนี้ ผมมาอยู่แถวนี้ได้สี่ห้าเดือนไม่เคยเจอเธอเลยในชีวิตจริง
จนวันนึงตอนต้นปี 2562 พ่อโทรมาปรึกษาว่าพ่อไปตรวจโรคมาละเป็นโรคนี้นะต้องทำนู่นนี่นั่นจะทำที่โรงบาลนี้เพราะเป็นโรงพยาบาลใหญ่ละโรคที่พ่อเป็นคือศูนย์ผู้ป่วยที่พยาบาลสาวคนนี้ทำงานอยู่ใช่เลยผมจำได้เราเคยคุยกันในบทสนทนา ที่นี้ก็ด้วยความที่โอเคล่ะเราต้งจัดการธุระให้พ่อใหนๆก็มีเฟรนด์ในเฟสเป็นถึงพยาบาลศูนย์โรคนี้พอดีคิดในใจเออว่ะอย่างน้อยๆก็ไม่เสียเที่ยวที่เป็นเพื่อนกะผู้หญิงคนนี้ก็ได้ทำการสอบถามในแชทว่าเธอพ่อเราเป็นนั่นเป็นนี่นะจะติดต่อยังไงทำไงบ้างอะไรแบบนี้เธอก็ตอบมาดีมากๆให้คำปรึกษาตรงจุดเยี่ยมเลยอะโอเคที่นี้ติดต่อธุระเรื่องของพ่อไว้หาหมอเรียบร้อยละอีกสองสามเดือนเลยกว่าถึงวันนัด ในระหว่างนั้นผมกับเธอก็ไม่เคยเจอกันในชีวิตจริงเหมือนเดิม จนเวลาผ่านไปพ่อใกล้ถึงวันนัดก่อนทำการรักษา 2 วันพ่อก็ขึ้นมา กทม.ก็มาพักที่เดียวกะผมผมก็ถือโอกาสพาพ่อไปเที่ยวใกล้ๆที่พักละถ่ายรูปลงเฟสแท็กชื่อพ่อไปลงรูปไปไม่นานนักเธอก็ทักกลับมาว่าพ่อขึ้นมาทำการรักษาแล้วใช่มั้ย ผมก็บอกใช่รู้ได้ไงดูรายชื่อจากที่ทำงานมาใช่มั้ยเธอก็ตอบว่าใช่เธอก็แนะนำอีกครั้งข้อปฏิบัติก่อนทำการรักษาจริงๆได้คำแนะนำมาละแต่เธอก็แนะนำซ้ำเพื่อความชัวส์ผมก็รับฟังพร้อมปฏิบัติละก็ขอบคุณเธอไป จนถึงวันหมอนัดเธอทักมาอีกรอบว่าเป็นไงบ้างพ่อเข้ารับการรักษายังอ้อลืมบอกไปศูนย์โรคนี้มีหลายแผนกเธอทำงานที่แผนกดูแลผู้ป่วยนอนพักฟื้นค้างคืนเพราะการรักษาโรคนี้แน่นอนว่าต้องนอนพักอย่างน้อยๆ 1 คืน ก็โอเคอะดีมากๆเธอถามไถ่ตลอดว่าไม่ต้องกังวลสบายๆนะเคสของพ่อผมไม่ยากผมก็ยอมรับว่าเริ่มรู้สึกดีจังที่มีคนคอยให้กำลังใจอยู่ตลอดๆในขณะที่เรามีความกังวลอยู่ไม่น้อยจนกระทั่งพ่อทำการรักษาขั้นแรกเสร็จสิ้นพ่อต้องย้ายไปศูนย์ผู้ป่วยชั้นที่เธอทำงานพ่อก็นอนพักไปทำการดูแลพักฟื้นต่อก่อนหน้านั้นก็มีแต่พยาบาลคนอื่นคอยหมุนเวียนมาดูแลจนผ่านไปสองชั่วโมงเธอเข้ามาดูแลพ่อแต่สิ่งนึงที่ผมทำไปคือเงียบสนิทไม่มีบทสนทนากะเธอใดๆเลยเพราะว่าญาติๆและพ่ออยู่กันเต็มเลยกลัวเค้า งง ว่ารู้จักกันได้ไงและขี้เกียจอธิบายด้วยให้เธอทำงานก่อนดีกว่าค่อยทักรอบหลังเพราะไหนๆคืนนี้ผมก็ต้องนอนเฝ้าพ่ออยู่แล้ว อะทีนี้หลังจากนั้นอีกราวๆสองชั่วโมงถัดไปผมก็ทักไปว่าโทษนะไม่ได้ทักเห็นทำงานอยู่เธอก็บอกไม่เป็นไรเราเข้าใจที่ใจจริงลึกๆแล้วเราสองคนต่างรู้ดีว่ามันเขินมากกว่าที่คนเคยเห็นหน้ากันในโลกออนไลน์จะมาเจอกันในชีวิตจริงครั้งแรกจนรอบสองเหลือพ่อกะผมสองคนในห้องละเธอเข้ามารอบนี้ผมไม่ลังเลผมยิ้มให้ละเปิดบทสนทนากับเธอคุยเล็กๆน้อยให้เธอทำงานไป อ้อก่อนหน้านี้ผมบอกพ่อไปละว่าผมรู้จักเธอคนนี้นะเพื่อไม่ให้เขินมากและไม่ให้พ่อ งง ด้วยหลังจากนั้นคืนนั้นเราคุยกันในแชทตลอดยาวเลยครับต้องปรึกษาเยอะหน่อยเพราะพ่อผมเอาจริงๆคือค่อนข้างเรื่องมากและกังวลผมเลยต้องคุยกะเธอผ่านแชทปรึกษาตลอดเธอก็มาตอบบ้างเพราะต้องทำงานแต่เวลามาตอบเธอดูจริงใจและเต็มใจทุกครั้งผมสัมผัสได้จริงๆ คืนนั้นเธออกเวร 5 ทุ่มละบอกพรุ่งนี้เราเวรเช้านะได้เจอกันอีกรอบนึงผมก็โอเคคุยกันเยอะเนอะวันนี้ผมคิดในใจน่าจะเยอะกว่าที่ผ่านๆมาทุกครั้งเลย จนถึงตอนเช้าเธอก็มาดูแลพ่ออีกรอบก็คุยกันสนิทกันขึ้นเยอะอ้อวันนี้พ่อได้ออกจากโรงบาลได้ละนะสายๆก็กลับบ้านได้จนถึงเวลาก่อนพ่อกลับเธอก็มาให้คำแนะนำส่วนตัวมาคนเดียวเลยวิธีการปฏิบัติตัวยังไงดูแลพักฟื้นต่อเองยังไงไรงี้จริงๆก็ทำตามหน้าที่แหละแต่ผมคนนี้กลับรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยๆแล้วเลยทำการตอบแทนเธอและพยาบาลคนอื่นๆก่อนพ่อออกจากโรงบาลด้วยการเอาส้มไปฝากให้ละแชทไปบอกว่าเธอเราเอาส้มไปฝากไว้ที่เคาเตอร์นะเธอไปกินด้วยขอบคุณมากๆที่ดูแลและให้คำปรึกษาพ่อเราและเราเป็นอย่างดีเรากลับก่อนนะ
ผมคิดในใจคงไม่ได้เจอกะเธอคนนี้แล้วหละในชีวิตจริงๆเพราะผมรู้ดีในใจเสมอว่าเธอมีแฟนแล้วและการไปเจอหรือไปกินข้าวกะคนมีแฟนแล้วแม้แต่ในฐานะไหนๆผมก็ไม่โอเคนะเพราะใจเริ่มชอบเธอละจริงๆ จนผ่านมากลับมาที่พักเชื่อมั้ยบทสนทนาในแชทของเราจากตอนแรกนึกว่าจะคงเงียบๆซาๆกันไปตามกาลเวลากลับมากขึ้นจนคุยกันตลอดเห้ยยังไงเนี่ยผมคิดในใจเธอไม่ได้ถามคำตอบคำแต่เธอเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อนด้วยในหลายๆครั้งจนทำไปทำมาเราก็คุยกันในแชทแทยตลอดเวลาเลยครับตอนว่าง จนผ่านมาอีกวันนึงตรงกะวันที่ 14 กุมภา วาเลนไทน์พอดี บทสนทนาก็เรายังไปต่อเรื่อยๆจนกระทั่งตอนเย็นๆค่ำเธอหายไปลงกลับมาพร้อมโพสต์รูปตัวเธอคนเดียวพร้อมช่อกุหลาบแต่แคปชั่นแค่ว่า my valentine ผมได้แค่ชาๆทำได้แค่นั้นเองเพราะเหมือนดึงสติกลับมาได้เออว่ะเธอมีแฟนแล้วที่เคยบอกก็ที่ใช้เฟสตัวย่อว่า A คนนั้นไง หลังจากเธอลงรูปไม่นานเธอทักกลับมาคุยนี่นั่นเพราะเธอคงสังเกตุว่าหลังจากเธอลงรูปไปผมหายไปไม่มีบทสทนาที่เกิดขึ้นจากผมจนเธอบอกเองว่าเนี่ยวันนี้ เรามากินข้าวกะเพื่อนๆพี่ๆเราที่นั่นที่นี่ ผมก็เอาะใจนะดูเธอร้อนรนแต่อีกมุมดูเหมือนเธอจะทำให้ผมสบายในการที่เธอลงรูป (แน่นอนตอนนั้นหลังผมรู้ว่าเธอแก้ต่างชัดๆเพื่อจะไม่ทำให้ผมหายไป) อะโอเคทีนี้หลังจากนั้นอีกสามสี่วันบทสนทนาของเราก็ยังเป็นไปเรื่อยๆปกติตั้งแต่ตื่นยันเข้านอนคุยบ้างหายไปทำนู่นนี่บ้างแล้วแต่วันแต่ตอนว่างก็ได้คุยกันตลอด จนเริ่มสนิทมากๆเธอเริ่มส่งรูปความเป็นอยู่ที่บ้านเธอมาเอง ละเล่านู่นนี่นั่นเอง ผมก็ยอมรับว่าเผลอใจเริ่มชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆเพราะคุยสนุกและเราดูเข้ากันดีนะ จนมันทำให้ผมหลุดคำพูดไปในแชทคำนึงว่า เนี่ยเธอรู้มั้ยว่าถ้าเธอยังไม่มีแฟนเราจะจีบเธอละเนี่ย เธอตอบกลับมาว่า เรายังโสดอยู่น้า ผมก็ งง ละถามย้อนไปก็ตอนนั้นเธอบอกกับเราว่าเธอมีแฟนแล้วแต่ไม่ค่อยได้เจอกัน เธอตอบกลับมาว่าก็ตอนนั้นเราเป็นคนแปลกหน้าในเฟสไงไม่ได้รู้จักกันจริงๆเลยตอบปัดๆไป อะทีนี้ผมก็ถามจี้ไปอีกว่าละเราขอถามได้มั้ยละคนเฟสที่ชื่อตัวย่อว่า A คนนั้นล่ะคือใครเธอก็ตอบว่าก็คุยๆกันอยู่แต่เค้ายังข้อเสียอีกหลายอย่างที่เราไม่โอเคเลยยังไม่ให้ความสัมพันธ์แบบชัดเจนไป แต่ที่ผมส่องเธอมาถ้าคนคุยกันคงคุยมานานมากน่าจะสองสามปีได้เท่าที่ดูในทามไลน์เธอบอกว่า เค้าเป็นคนต่างชาติวัฒนธรรมของคนประเทศนี้คือคบละต้องแต่งสถานเดียวเธอเลยต้องกั๊กๆไว้กะคุยยาวๆเพื่อความชัวส์จริงๆ ไม่ผลีผลาม ผมก็โอเคเข้าใจที่เธอบอกแต่ก็มีอะไรติดนิดๆแต่ไม่ถามดีกว่าเพราะดูในทามไลน์ที่ผ่านๆมาเค้าไปเที่ยวกันมาหลายที่หลายประเทศละแต่ผมไม่รู้ไงไปกันกี่คนอะไรยังไง ผมก็โอเคตามนั้นพยายามดูๆเธอไปไม่ประมาทจนกระทั่งวันนึงเธอชวนผมกินข้าวอะเริ่มเจอกันกินข้าวกันไปส่งหอพูดคุยกันสนิทกันมากขึ้นก็หลายวันอยู่ที่ทำแบบนี้ จนวันนึงผมพูดกับเธอว่า เราขอเป็นสถานะคนคุยกันจริงจังได้มั้ย เธอก็ตอบแบบเขินๆกลับมาว่า ได้นะก็ดูๆกันไปก่อน ผมยิ้มและในใจโคตรดีใจ ผมก็ถามเธอนะถึงเธอมีคนคุยแล้วเรายังมีหวังใช่มั้ยเธอบอกก็มีสิก็เรายังไม่มีแฟนนี่หน่า
++++++++ไว้เดี๋ยวจะมาต่อครับกลัวคนอ่าน งง กันมันยาวจริงๆนะความตั้งใจคืออยากเก็บไว้เป็นไดอารี่ส่วนตัวไว้เป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆคนไม่ผลีผลามเผลอใจให้กับคนที่เข้ามาเป็นแบบนี้ในชีวิตคุณ +++++++