เมื่อครั้งหนึ่งโลกเคยมี ‘สวน(สัตว์)มนุษย์’ ภายใต้ชื่อสวยหรู..นิทรรศการชาติพันธุ์



ถึงจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและใช้เวลาร่วมกันของคนในครอบครัว แต่สวนสัตว์ก็มักถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงในแง่ของความเหมาะสมที่นำสัตว์มาไว้ในที่ที่มันไม่ควรอยู่ โดยเฉพาะการนำสัตว์แปลกๆ หรือหายากมาขังไว้ในกรงเพื่อผู้คนมาจ้องดูมัน และไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ครั้งหนึ่งในอดีตเราเคยมีสถานที่ที่เรียกว่า สวนสัตว์มนุษย์ (Human Zoo) หรือที่เรียกแบบสวยหรูว่า ‘นิทรรศการชาติพันธุ์’

แม้ไม่มีหลักฐานแน่ชัดนักว่าสวนสัตว์แนวนี้เริ่มต้นที่ใดเป็นแห่งแรก แต่ในช่วงปี ค.ศ.1500 หลังจากการค้นพบดินแดนใหม่มากมาย ชาวยุโรปไม่เพียงนำสัตว์แปลกๆ ที่พวกเขาเห็นมาก่อนกลับมายังประเทศบ้านเกิด แต่เขายังนำผู้คนผิวสีกลับมาด้วย และนำมาจัดแสดงเพื่อเก็บค่าเข้าชมมนุษย์ที่พวกเขาเชื่อว่ามีวิวัฒนาการต่ำกว่า และได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปี ค.ศ.1870 – 1930 ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ถูกนำมาแสดงนั้นมักชนพื้นเมืองทั้งผิวเหลืองและผิวสี จากพื้นที่ถูกชาติตะวันตกไปล่าอาณานิคมไว้

ในงานเวิลด์แฟร์ปี 1889 ที่ถูกจัดขึ้นในกรุงปารีส สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในงานนี้ ที่ทำให้ผู้คนนับล้านจากทั่วสารทิศ เช่น ฝรั่งเศส เบลเยียม เยอรมนี และประเทศอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง ต่างมุ่งหน้ามาที่นี่ ก็คือกลุ่มคนชาวอะบอริจินและแอฟริกันราว 400 คน แต่งตัวเปลือยกายครึ่งหนึ่ง ถูกจับขังอยู่ในกรงที่ดูราวกับสัตว์ในสวนสัตว์

สวนสัตว์มนุษย์ เป็นที่นิยมอย่างมากในยุโรป ในระหว่างช่วงปลายศตวรรษที่ 1800 จนถึงช่วงกลางศตวรรษที่ 1900 ส่วนในอเมริกาเหนือ ก็ไม่น้อยหน้า แถมยังมีการจัดแสดงเกมที่ใช้มนุษย์เป็นตัวหมากอีกด้วย

ภาพการ์ตูนล้อเลียนของ Saartjie Baartman ในตอนที่เธอถูกจัดแสดงในลอนดอน เมื่อต้นศตวรรษที่ 19
งานแสดงของแปลกที่มีชื่อเสียงในช่วงเวลานี้ก็ได้แก่การจัดแสดงผู้หญิงพื้นเมืองแอฟริกาใต้ที่ชื่อว่า Saartjie Baartman 

อย่างไรก็ตามแรงบันดาลใจของการเปิดสวนสัตว์มนุษย์ส่วนมาก เชื่อกันว่ามาจากชายชาวเยอรมันที่ชื่อ Carl Hagenbeck ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 มากกว่า
นั่นเพราะในช่วงนั้น การเลี้ยงดูสัตว์ในสวนสัตว์มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง Carl ที่ทำงานเกี่ยวกับสัตว์หายาก จึงหาสิ่งดึงดูดความสนใจอื่นๆ เพื่อเพิ่มเงินให้กับธุรกิจของเขา
 
จริงอยู่ว่าการจัดแสดงสวนสัตว์มนุษย์อาจจะดูเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นก็ตาม แต่หากจะพูดกันตามตรงแล้วมันกลับมีรากฐานที่เก่าแก่กว่าที่เราคิด
เพราะตั้งแต่ในสมัยอียิปต์โบราณ เราก็มีหลักฐานภาพฝาผนังที่มีการนำคนชาติต่างๆ มายืนเทียบกันจากยุคของฟาโรห์เซติที่ 1 แถมในสมัยของชาวโรมันเองก็มีการนำนักโทษสงครามที่เป็นชาวต่างชาติไปเดินขบวนโชว์รอบเมืองเช่นกัน

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 1900 ที่สวนสัตว์บรอนซ์ ในนิวยอร์ก ได้จับชายชาวคองโก ที่ชื่อว่า โอทา เบนกา เข้าไปในกรง เพื่อสู้กับสัตว์ชนิดอื่นๆ เธอถูกบังคับให้สู้กับชิมแปนซีและเล่นมวยปล้ำกับอุรังอุตัง และในเวลาที่ไม่ได้อยู่กับสัตว์ เขาจะโชว์การยิงธนูแทน

Ota Benga หนุ่มชาวเผ่าปิกมี่ที่ถูกบังคับให้อุ้มลิงเดินไปมาในสวนสัตว์

ชาวเผ่า Selk’Nam ที่ถูกชาวยุโรปจับมาแสดงในสวนสัตว์เพราะเห็นเป็นของแปลก


ภาพถ่ายของ Carl Hagenbeck ชายผู้ให้กำเนิดสวนสัตว์มนุษย์ถ่ายคู่กับชาวเผ่า Selk’Nam ที่จับมา


เด็กน้อยชาวแอฟริกันถูกนำมาจัดแสดงที่เบลเยี่ยม ปี ค.ศ. 1958


ชาวเผ่าที่ถูกบังคับให้แสดงวิถีการใช้ชีวิตประจำวันผ่านหมู่บ้านจำลอง



Sarah Baartman สาวแอฟริกันที่ถูกบังคับให้ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเพื่อโชว์สรีระของเธอ หลังการเสียชีวิต โครงกระดูกของเธอ สมองและอวัยวะเพศของเธอถูกนำไปเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์ที่ฝรั่งเศส



ณ ช่วงเวลาหนึ่ง การจับชาวเอเชียและชาวแอฟริกันมาแสดงในสวนสัตว์เป็นที่นิยมอย่างมากในยุโรป



ชาวเอเชียที่ถูกนำมาแสดงในงาน Parisian World Fair ปี ค.ศ. 1931


นับว่าโชคดีมากที่ในช่วงศตวรรษที่ 20 เสียงตอบรับต่อสวนสัตว์มนุษย์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละนิด จากที่เคยมีคนสนับสนุนมาก สวนสัตว์มนุษย์ก็เริ่มถูกมองว่าโหดร้ายทารุณไร้มนุษยธรรม ทำให้สวนสัตว์มนุษย์ค่อยๆ หายไปจากโลกใบนี้ในที่สุด


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
wittyfeed
แปลและเรียบเรียง
Boxza
petmaya.com
ที่มา ancient-origins, britannica, wikipedia และหนังสือ Savages and Beasts: The Birth of the Modern Zoo
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
มันก็เหมือนไทยนี่จับกะเหรี่ยงคอยาวมาอยู่หมู่บ้านจำลองแล้วให้นักท่องเที่ยวมาดูนั่นแหละ เคยดูสารคดี กะเหรี่ยงคอยาวบางคนบอกอยู่ๆก็โดนพามาที่อีกจังหวัดหนึ่งและให้อาศัยในหมู่บ้านบนดอยที่เป็นแหล่งปล่อบทัวร์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่