สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์การขอทุนไปเรียนต่อที่ประเทศจีนผ่านทางบริษัท China U ค่ะ เราตัดสินใจมาตั้งกระทู้นี้เพราะคิดว่าคงมีหลายๆคนที่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงหรือไม่รู้ว่าจะไปหาที่บริษัทไหน ประกอบกับการเรียนที่เมืองนอกจะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก เราเลยจะมาเล่าวิธีการขอทุนให้ฟังค่ะ ก่อนอื่นขอบอกเลยว่าเราไม่ใช่หน้าม้าของบริษัทค่ะ เราเป็นนักเรียนที่เรียนจบมัธยมปลายแล้ว และมีมหาลัยในไทยแล้วค่ะ แต่ว่าคุณแม่ของเราอยากให้เราไปเรียนต่างประเทศ เพราะเราจะได้ไปเปิดโลกทัศน์ เปิดหู เปิดตา แล้วเราเรียนศิลป์ภาษาจีนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คุณแม่เลยตัดสินใจให้ไปจีนค่ะ อีกอย่างหนึ่งคือที่เมืองจีนมีทุนเยอะค่ะ ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะไม่ได้ให้ทุนกับนักเรียนไทยแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีหลายๆมหาลัยในจีนที่เปิดรับนักเรียนทุนค่ะ ขั้นแรกเลยนะคะ เราเริ่มทำการค้นหาเอเจนซี่ก่อนค่ะ ก่อนหน้านี้เราไปเจอกับบริษัท CASC บริษัทนี้ก็ดีค่ะ ไม่หลอก ไม่โกง แต่ใช้เอกสารค่อนข้างเยอะค่ะ ตอนแรกเราก็สองจิตสองใจไปหรือไม่ไปดี จนกระทั่งเรามาเจอกับบริษัท China U ค่ะ
เหตุผลที่เราตัดสินใจไปกับบริษัทนี้ คือ
1. ทุนที่ให้มาเป็นทุนเปล่า ไม่มีการผูกมัด
2. ถ้าหากยื่นของทุนไปแล้ว แต่โดนทางมหาลัยปฏิเสธ สามารถขอรับเงินค่าบริหารจัดการคืนได้ หรือขอเปลี่ยนเป็นมหาลัยอื่นได้
3. ไม่รบเร้าหรือจู้จี้กับเราจนเกินไปค่ะ อีกบริษัทคือเขาตามเราบ่อยมาก จนเรารู้สึกอึดอัดค่ะ 5555
4. พนักงานค่อนข้างเป็นมิตรและดูน่าเชื่อถือค่ะ (เราเคยไปเยี่ยมชมที่สำนักงานมาแล้ว)
มหาลัยที่ทางบริษัท China U แนะนำกับเราคือมหาลัย Nanjing University of Finance and Economics (NUFE) คือมหาลัยนี้เป็นวิทยาเขตหนึ่งของมหาลัย Nanjing University ค่ะ มหาลัยที่จีนจะไม่ค่อยเหมือนที่ไทยตรงที่จะมีแบ่งชัดเจน สมมุติว่าอยากเรียนวิศวะ ก็ไปมหาลัย A ถ้าอยากเรียนหมอก็ไปมหาลัย B อยากเรียนบริหารก็ต้องมาที่ NUFE แบบนี้ค่ะ คือเขาจะแบ่งแยกไปเลยว่ามหาลัยนี้เด่นเรื่องอะไร สอนอะไร (ตามชื่อมหาลัยเลย 5555) คณะที่เราเลือกไปคือ Inter Trade หรือการค้าระหว่างประเทศนั่นเอง เข้าเรื่องต่อเลยนะคะ หลังจากที่เราติดต่อและพูดคุยกับทางพี่ที่ดูแลเรา เขาก็บอกให้เราเตรียมเอกสารดังนี้ค่ะ
เอกสารที่ต้องเตรียม
1.Transcript 6 เทอม ฉบับภาษาอังกฤษ (ในกรณีของเราคือยื่น Transcript 5 เทอมไปก่อน เพราะ 6 เทอม ทางรร.ออกให้ไม่ทันค่ะ)
2.ใบจบการศึกษา ฉบับภาษาอังกฤษ
3.ใบตรวจสุขภาพ (ทางบริษัท China U จะมีแบบฟอร์มมาให้ เวลาไปตรวจก็บอกกับพยาบาลเลยว่ามาตรวจสุขภาพไปเรียนต่อที่จีนค่ะ)
4.สำเนาพาสสปอร์ตและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
5.ค่าบริหารจัดการจำนวน 5,000 บาท (ถ้าไม่ได้รับใบตอบรับหรือมหาลัยปฏิเสธ ทางบริษัทจะคืนให้ 4,000 ค่ะ)
หลังจากที่เรายื่นเอกสารพวกนี้ให้กับทางบริษัทแล้ว ทางบริษัทจะติดต่อกับทางมหาลัยให้ค่ะ และเราก็รอผลตอบรับจากทางมหาลัยประมาณ 6 สัปดาห์ (1 เดือนกว่า) พอใบตอบรับมาแล้ว ทางบริษัทจะส่งใบตอบกลับมาให้ทางเราค่ะ เป็นไฟล์ PDF มาพร้อมกับใแจ้งค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่เราต้องออกค่ะ ก็คือค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า และค่าอื่นๆตลอดโครงการ ทางพี่ที่ดูแลเราก็บอกว่าถ้าอยากจะเรียนที่ไทยก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องจ่ายส่วนที่เหลือเพิ่มค่ะ บอกก่อนนะคะ ว่าทุนที่เราไปเป็นแบบ 1+4 คือเรียนปรับพื้นฐานก่อน 1 ปี เพราะมหาลัยต้องการใบวัดระดับ HSK ระดับ 4 ค่ะ หรือต่อให้มีอยู่แล้ว สอบได้แล้ว เราแนะนำว่าให้ไปเรียนปรับพื้นฐานก่อนดีกว่า เพราะเวลาใช้จริง พูดจริง จะไม่เหมือนที่เราไปสอบฟังมาเลยค่ะ เขาพูดเร็วกันมากๆ T^T พอเรียนจบก็ปิดเทอม 2 เดือน รอเข้ามหาลัย เรียนหลักสูตรปริญญาตรีค่ะ แต่ก่อนที่จะเดินทางเนี่ย ต้องไปปฐมนิเทศก่อนนะคะ เพื่อที่จะได้ชี้แจงเรื่องการเตรียมตัวของนักเรียนและผู้ปกครองค่ะ ซึ่งการปฐมนิเทศจะมีในเดือนสิงหาคมค่ะ ไว้ถ้าเราได้รับการปฐมนิเทศแล้ว จะมาเล่าให้เพื่อนๆฟังนะคะ
ปล.เราจะอัพเดทเรื่องราวไว้ที่ทวิตเตอร์นะคะ เข้าไปที่ค้นหาและพิมพ์ว่า
#นักเรียนแลกเปลี่ยน ก็จะเจอค่ะ หรือถ้าอยากได้ทวิตเตอร์เราไว้ติดตาม อัพเดทข่าวสาร ก็สามารถหลังไมค์มาได้เลยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ หวังว่าจะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับใครหลายๆคนค่ะ
ขอทุนไปเรียนที่จีนกับ China U
เหตุผลที่เราตัดสินใจไปกับบริษัทนี้ คือ
1. ทุนที่ให้มาเป็นทุนเปล่า ไม่มีการผูกมัด
2. ถ้าหากยื่นของทุนไปแล้ว แต่โดนทางมหาลัยปฏิเสธ สามารถขอรับเงินค่าบริหารจัดการคืนได้ หรือขอเปลี่ยนเป็นมหาลัยอื่นได้
3. ไม่รบเร้าหรือจู้จี้กับเราจนเกินไปค่ะ อีกบริษัทคือเขาตามเราบ่อยมาก จนเรารู้สึกอึดอัดค่ะ 5555
4. พนักงานค่อนข้างเป็นมิตรและดูน่าเชื่อถือค่ะ (เราเคยไปเยี่ยมชมที่สำนักงานมาแล้ว)
มหาลัยที่ทางบริษัท China U แนะนำกับเราคือมหาลัย Nanjing University of Finance and Economics (NUFE) คือมหาลัยนี้เป็นวิทยาเขตหนึ่งของมหาลัย Nanjing University ค่ะ มหาลัยที่จีนจะไม่ค่อยเหมือนที่ไทยตรงที่จะมีแบ่งชัดเจน สมมุติว่าอยากเรียนวิศวะ ก็ไปมหาลัย A ถ้าอยากเรียนหมอก็ไปมหาลัย B อยากเรียนบริหารก็ต้องมาที่ NUFE แบบนี้ค่ะ คือเขาจะแบ่งแยกไปเลยว่ามหาลัยนี้เด่นเรื่องอะไร สอนอะไร (ตามชื่อมหาลัยเลย 5555) คณะที่เราเลือกไปคือ Inter Trade หรือการค้าระหว่างประเทศนั่นเอง เข้าเรื่องต่อเลยนะคะ หลังจากที่เราติดต่อและพูดคุยกับทางพี่ที่ดูแลเรา เขาก็บอกให้เราเตรียมเอกสารดังนี้ค่ะ
เอกสารที่ต้องเตรียม
1.Transcript 6 เทอม ฉบับภาษาอังกฤษ (ในกรณีของเราคือยื่น Transcript 5 เทอมไปก่อน เพราะ 6 เทอม ทางรร.ออกให้ไม่ทันค่ะ)
2.ใบจบการศึกษา ฉบับภาษาอังกฤษ
3.ใบตรวจสุขภาพ (ทางบริษัท China U จะมีแบบฟอร์มมาให้ เวลาไปตรวจก็บอกกับพยาบาลเลยว่ามาตรวจสุขภาพไปเรียนต่อที่จีนค่ะ)
4.สำเนาพาสสปอร์ตและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
5.ค่าบริหารจัดการจำนวน 5,000 บาท (ถ้าไม่ได้รับใบตอบรับหรือมหาลัยปฏิเสธ ทางบริษัทจะคืนให้ 4,000 ค่ะ)
หลังจากที่เรายื่นเอกสารพวกนี้ให้กับทางบริษัทแล้ว ทางบริษัทจะติดต่อกับทางมหาลัยให้ค่ะ และเราก็รอผลตอบรับจากทางมหาลัยประมาณ 6 สัปดาห์ (1 เดือนกว่า) พอใบตอบรับมาแล้ว ทางบริษัทจะส่งใบตอบกลับมาให้ทางเราค่ะ เป็นไฟล์ PDF มาพร้อมกับใแจ้งค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่เราต้องออกค่ะ ก็คือค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า และค่าอื่นๆตลอดโครงการ ทางพี่ที่ดูแลเราก็บอกว่าถ้าอยากจะเรียนที่ไทยก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องจ่ายส่วนที่เหลือเพิ่มค่ะ บอกก่อนนะคะ ว่าทุนที่เราไปเป็นแบบ 1+4 คือเรียนปรับพื้นฐานก่อน 1 ปี เพราะมหาลัยต้องการใบวัดระดับ HSK ระดับ 4 ค่ะ หรือต่อให้มีอยู่แล้ว สอบได้แล้ว เราแนะนำว่าให้ไปเรียนปรับพื้นฐานก่อนดีกว่า เพราะเวลาใช้จริง พูดจริง จะไม่เหมือนที่เราไปสอบฟังมาเลยค่ะ เขาพูดเร็วกันมากๆ T^T พอเรียนจบก็ปิดเทอม 2 เดือน รอเข้ามหาลัย เรียนหลักสูตรปริญญาตรีค่ะ แต่ก่อนที่จะเดินทางเนี่ย ต้องไปปฐมนิเทศก่อนนะคะ เพื่อที่จะได้ชี้แจงเรื่องการเตรียมตัวของนักเรียนและผู้ปกครองค่ะ ซึ่งการปฐมนิเทศจะมีในเดือนสิงหาคมค่ะ ไว้ถ้าเราได้รับการปฐมนิเทศแล้ว จะมาเล่าให้เพื่อนๆฟังนะคะ
ปล.เราจะอัพเดทเรื่องราวไว้ที่ทวิตเตอร์นะคะ เข้าไปที่ค้นหาและพิมพ์ว่า #นักเรียนแลกเปลี่ยน ก็จะเจอค่ะ หรือถ้าอยากได้ทวิตเตอร์เราไว้ติดตาม อัพเดทข่าวสาร ก็สามารถหลังไมค์มาได้เลยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ หวังว่าจะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับใครหลายๆคนค่ะ