สวัสดี!! ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยว่าไม่ใช่สายรีวิวลองของใหม่ๆ ร้านที่ชอบๆส่วนใหญ่ก็เอามาจากที่คนอื่นๆแนะนำมาอีกที แล้วตามไปกิน ถ้าคุณชอบกินแบบเรา ตามเรามาได้นะ!!!
***ต้องขอโทษด้วยที่กระทู้นี้อาจจะไม่ได้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวมากนัก เพราะเรามีเป้าหมายชัดเจนมาก คือไปเพื่อกินนั่นเอง
***เอาชื่อร้าน ใส่ google map แล้วเดินตามมานะ
วันที่ 1 สนามบิน - Otaru
เรื่องของสายการบินที่จะไป sapporo นี่นานาจิตตังจริงๆนะ ตามทุนทรัพย์ ตามโปรโมชั่น โดยที่เจ้าของกระทู้นั่ง airasia ไปเพราะมีโปรโมชั่นที่ราคารับได้ บวกกับที่เป็นบินตรง ทำให้เราไม่เหนื่อยมาก หลับยาวๆเกือบ 7 ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว
ทริปแรกของวันนี้อยู่ที่โอตารุ จากสนามบินไปโอตารุก็ต้องนั่งรถไฟยาวๆ เราก็เลยต้องหาอะไรรองท้องซะก่อน
Ekiben = ข้าวกล่องที่วางจำหน่ายอยู่ตามสถานีรถไฟ
มื้อแรกของเราอยู่บนรถไฟระหว่างเดินทางไปโอตารุ การที่ได้นั่งกินไป มองดูวิวไป ก็เพลินๆดีนะ Ekiben เป็นเสน่ห์อย่างนึ่งของญี่ปุ่น
ไปถึงเมืองไหนก็ควรไปลอง เพราะว่าอาหารใน Ekiben ก็จะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองนั้นๆไป
ไปถึงโอตารุก็บ่ายแก่ๆแล้ว โอตารุต้อนรับเราด้วยหิมะตก ซึ่งเรียกว่าต้อนรับจริงๆ เพราะหลังจากนั้น ก็แดดดีเชียว
อันนี้เป็นสิ่งที่ผิดหวังเดียวในทริป เพราะคลองโอตารุที่ปราศจากหิมะทับถมสีขาวๆ แต่ก็เป็นเมืองที่ชิวดี เหมาะกับการเดินเล่นชิวๆ
หลังจากที่เดินเล่นจนข้าวกล่องบนรถไฟย่อยแล้ว เราก็เดินหาร้าน Tempura ที่ได้รับคำแนะนำจากกระทู้ Pantip “Tempura Wakisaka”
(Tabelog 3.16) ร้านนี้มีที่นั่ง 8 ที่ ตอนไปก็ยืนต่อแถวประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ได้เข้าไปกิน คุณลุงเจ้าของร้านจะค่อยๆทอดทีละชาม
โดยมีผู้ช่วย 1 คน แค่เห็นหน้าคุณลุงก็รู้เลยว่าต้องอร่อย
เข้าไปก็จะให้เลือกว่าจะเอาเมนูไหน เพื่อที่ผู้ช่วยจะได้จัดแจงเตรียมวัตถุดิบ โดยคุณลุงจะเสริฟทีละ 4 เช็ตก่อน เราก็นั่งดูเขากินไป 555+
วัตถุดิบถือว่าสดมาก กุ้งหวาน ผักผวาน มีเกลือให้จิ้ม 3 แบบ โดยรวมคือดีเลยละ มาลองเถอะถ้ามาโอตารุ
ความบางของแป้ง ความจิ้มเกลือเพื่อดึงรสชาติวัตถุดิบ ... มาลองกินกันเถอนะ
หลังจากที่อิ่มหนำสำราญกับ Tempura มื้ออร่อยแล้ว เราก็ไปเดินเล่นที่ music box museum ตามทำเนียมที่ใครๆก็มาเมื่อมาโอตารุ
แต่ระหว่างทางที่ไป ก็มีของกินข้างทางที่ล่อตาล่อใจอีกนับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นก็คือ Wagyubeef เป็นวากิลเสียบไม้ย่างข้างทาง ลองเถอะ
มันนุ่มมากกกกก (ปล.ขอโทษด้วยที่ไม่มีรูปประกอบ เพราะกินกันเร็วมาก)
เนื่องจากเดินค่อนข้างไกลกลับโรงแรม เราก็เลยหิวกันอีกแล้ว ร้านที่ทำให้เราอิ่มท้องร้านต่อไปก็คือ Kentaro ซูชิสายพาน (Tabelog 3.52)
ความสดที่วัดจากไข่หอยเม่น คือก็สดในระดับนึง มีความ Creamy แต่ไม่หวานมากเท่าไหร่ (เพราะเจอที่ดีกว่าที่ hakodate) เมนูอื่นๆก็ถือว่าดีงาม
ในราคาน่าคบหา ถ้าหากไม่รู้จะกินร้านไหน ร้านนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกร้านนึงนะเราแนะนำ (หิวมากเลยมัวแต่กิน มีแต่รูปซาบะมัวๆมาให้ดู 555+)
“กินคาว ไม่กินหวาน สันดานไพร่” ไพร่ = ประชาชน ในฐานะที่เราเป็นประชาชนคนธรรมดาคนนึง เราขอข้ามของหวานไปเบียร์เลยละกัน
เป็นธรรมเนียมส่วนตัว ที่เวลาไปเที่ยวที่ไหน ก็จะสรรหาลอง draft beer ของที่นั้นๆ เพราะเราเชื่อว่า รสชาติหมักเบียร์ของที่นั้นๆ
ก็แสดงออกถึงวัฒนธรรมที่นั้นๆด้วยเช่นกัน ร้านที่ใกล้โรงแรมที่สุดคือ Otaru Beer
Day 2 Otaru-Sapporo-Azahikawa-Bebi
เราซื้อ JR Pass Hokkaido มา โดยที่ไม่ได้ดูก่อนเลยว่าต้องเปิดใช้ที่สถานี JR ใหญ่ๆ อย่างสนามบิน หรือว่า Sapporo ทำให้เราต้องเสียเวลาไปแวะ Sapporo แล้วรอให้ JR Information เปิดทำการ 10 โมง เพื่อเปิด JR Pass (เปิดตั้งแต่สนามบินให้เรียบร้อย เพราะมันระบุวันเริ่มใช้ได้ อย่าเป็นแบบเรานะ)
เมื่อเราเปิด JR Pass แล้ว เราก็ขึ้นรถไฟไปยัง Azahikawa ฝากกระเป๋าที่ รร แล้วก็ลงมากินข้าวที่ aeon mall เวลาเร่งรีบ Food court ก็เป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกันนะ
รับอาหาร กิน เก็บจานคืนที่ร้าน เช็ดโต๊ะ ละไปต่อ >>
แพลนครึ่งวันหลังของเราวันนี้คือ ขับรถเที่ยว เพื่อไปยังที่ที่รถสาธารณะเข้าไม่ถึง เรา walk-in ไปเช่ารถขับเพื่อจะขอดูสภาพอากาศก่อน ว่าน่าขับไหม
ซึ่งราคาจะแพงกว่าจองล่วงหน้าไป ซึ่งถ้าใครจะแพลนขับรถอยู่แล้ว ก็จองล่วงหน้าไปนะ การขับรถเที่ยวในญี่ปุ่น มันค่อนข้างฟินเลย~
Shirohige Waterfall ( -7 จร้าาา )
Blue pond ที่แข็งหมดแล้ว ต้องใช้แสงไฟมาช่วยให้ฟ้า ปล.ถ้าใครจะไปเช็คเวลาไฟเปิดละรอดูนะ เห็นหลายคนไปละก็กลับ ไม่รอดูไฟหรือไม่รู้ว่ามี ก็ไม่รู้
Biei เป็นเมืองที่น่ารัก แต่ต้องขับรถเที่ยว เนื่องจากเราแสดงความจำนงว่าเราจะแนะนำที่กินเฉยๆ เลยไม่ได้เจาะลึกที่เที่ยวมากมาย
หลังจากลับมาจากทริปขับรถท่ามกลางหิมะ เราก็จะหิวอีกแล้ว เพราะมื้อล่าสุดที่กินก็คือ Raman ตั้งแต่สิบเอ็ดโมง วันนี้ตั้งใจจะกินแบบ Izakaya หลังจากเปิดรีวิวต่างๆ เราก็ตัดสินใจเชื่อฮิโระซังแห่ง Sugoi Japan
http://www.sugoijp.com/travel_details.php?id=349
ที่แนะนำร้าน Ichigo-Ichie เราน่าจะเป็นคนต่างชาติแค่ 2 คนในร้าน โชคดีมีรูปเกือบทุกเมนู จิ้มๆเอาก็ได้กินของอร่อยแล้ว
อาหารสดสั่งเลย อร่อยทุกอย่าง มีหอยแปลกๆที่หน้าตาเหมือนหอยสังข์ ก็อร่อย
Day 3 Azahikawa-Sapporo
วันนี้มีภาระกิจก็คือไปหากวิ้นที่ Azahikawa Zoo แล้วกลับไป Sapporo ให้ทันมื้อเย็นที่จองไว้
เดิมทีตั้งใจไปหากวิ้น แต่กวิ้นมัวแต่หลับกันหมด ประทับใจสุดก็คงจะเป็นน้องลิงขนฟู ที่กอดกันตลอดเวลาเพราะคงหนาวมาก
ญี่ปุ่นนี่ญี่ปุ่นจริงๆ อะไรก็น่ารักไปหมด ราแมนก็อร่อยทุกร้าน แม้แต่ร้านง่ายๆในสวนสัตว์ แถมมีวิวยีราฟไกลๆให้มองเล่นระหว่างกินราแมนร้อนๆ ไปลองดูนะ
ใช้เวลาเดินสวนสัตว์ประมาณถึงเที่ยงๆก็กลับเข้า Azahikawa เพื่อนั่งรถไฟกลับ Hokkaido
ถึง Sapporo แล้วก็เอากระเป๋าไปเก็บที่พัก เพื่อรีบออกไปร้านซูชิที่จองไว้ “Sushi Tanabe” (Tabelog 3.69)
วันนี้เรามากินซูชิศิลปะ นั่นก็คือ Omakase เสน่ห์ของ Omakase สำหรับเราคือของสดตามฤดูกาล ของแปลกแบบที่ถ้าอยู่ในเมนูเราก็อาจจะไม่สั่ง Omakase คือบังคับลองไปแบบปริยาย
โดยรวมก็ดีกว่าบางร้านในไทย ที่โปรโมตเยอะๆนะ ปล.ไม่เคยกินหอยปีกนกที่หวานขนาดนี้มาก่อนเลย
ไม่เที่ยงคืน เราไม่นอน ก็ตามหาร้านนั่งชิวกันไป นี่เสียใจมาก เพราะชอบร้านนี้มาก แต่จำชื่อร้านไม่ได้ ในร้านมีแต่เมนูกับแกล้ม อย่างเช่นไก่ย่าง มีเกือบทุกส่วน เหมือนร้านรถเข็นบ้านเรา ถั่วแระ และอีกเช่นกัน จิ้มตามรูป เพราะเขาไม่พูดอังกฤษกัน
ชอบไม้นี้เป็นการส่วนตัว หนังไก่ย่าง
Day 4 Sapporo
เริ่มเช้านี้ด้วยหิมะที่ตกหนัก เดินออกมาซักพัก ต้องเดินกลับไปเอาร่มเลย ร้านเช้านี้ที่ไปกิน คือ “Kadoya” (Tabelog 3.59)
ไม่รู้จะกินอะไร เลยหาร้านปลาไหลน่ากินใน Tabelog ก็เจอร้านนี้ ไปถึงตั้งแต่ยังร้านยังไม่เปิด แต่ก็มีคนไปรอแล้ว โชคดีของเราที่คนไม่เยอะ เลยได้เข้าไปกินตั้งแต่ร้านเปิด เราชอบกินปลาไหลสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆอยู่แล้ว แต่คงไม่เหมาะกับคนที่ติดปลาไหลแบบน้ำซอสหวานๆแบบบ้านเราเท่าไหร่
กินเสร็จเดินออกมาคือคิวยาวมากกกกก
วันนี้เป็นวันแห่งการ Shopping จนไม่ได้หาอะไรกินเป็นชิ้นเป็นอันเลยจนกระทั้งถึงเย็น
ช่วงที่ไปคือมี Chrismas market พอดี ทามกลางหิมะตก อากาศติดลบ ก็จะมีอะไรน่ารักๆให้เดินดูเดินกินอย่างนี้
หลังจากที่เดินซึมซับ Chrismas market จนหนำใจแล้ว เราก็ไปร้านเนื้อที่จองไว้นอกเมือง ซึ่งตามไปกินจากกระทู้นี้
https://sugoisho.blogspot.com/2018/01/sapporo-a5.html?m=1&fbclid=IwAR15udOD3VXNj9FRNUAIv0ZHLRi0Xrm_yeMGBT4MxjHzEBs3W7EqB6NUWXc
คือฟินมาก มาก มาก แบบ ก ล้านตัว ใครสายเนื้อ ไป Sapporo ห้ามพลาดนะ ร้านนี้โคตรแนะนำ (วิธีไปดูได้จากกระทู้ที่แปะไว้)
ลิ้นกับเนื้อที่เป็นสามชิ้นย่าง แนะนำแบบมากมาย
Day 5 Sapporo - Hakodate
นั่งรถไฟยาวๆ แต่ก็ต้องมา ของดีๆอยู่ที่เมืองนี้ทั้งนั้น
กว่าจะถึง Hakodate ก็บ่ายๆ หิวอีกแล้ววว ก็เลือกร้าน "Yoshidashouten" จาก tabelog (3.53)
https://tabelog.com/en/hokkaido/A0105/A010501/1001056/
แค่คิดว่าต้องลอง soup curry ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องที่ประทับใจมาก มาก....
***รูปที่มีทุกบ้าน***
จากที่คุยกับเจ้าของร้านที่เป็นคนญี่ปุ่น เขามีแฟนเป็นคนไทย
ใน set จะมีข้าวมาให้ด้วย 1 จาน เลือกความเผ็ดตามใจชอบ สำหรับคนทานเผ็ดไม่ค่อยได้ 0-1 พอนะ
มื้อก่อนเย็นเสร็จ ก็ไปเดินเล่นริมอ่าว ดูไฟต้นคริสต์มาสเปลี่ยนสีไปมา เขาบอกไฟสีแดงมีเฉพาะบางวัน ไม่รู้จริงป่าว
หลังจากที่เดินย่อย เราก็หาร้านซูชิกินสายพานแถวๆนั้น
ร้านนี้ว่าเลือกแล้วคะแนนเยอะ แต่สำหรับเราว่าไม่ค่อยอร่อยกับราคาที่ไม่ย่อมเยา ไม่แนะนำละกัน ไปหาที่อื่นกินดีกว่า
Day 6 Hakodate - Chitose
เช้านี้เป้าหมายชัดเจนมาก คือตลาดปลาอันโด่งดัง จากที่ดูหลายๆรีวิว ก็ไม่เห็นกระทู้แนะนำร้านไหนเป็นพิเศษ ก็เลยเดินกินมั่วๆไปทั่วจนเจอที่ใช่สำหรับเรา
คิดว่าถนนเส้นหลักของตลาดมีเส้นเดียว เดินมาสุดซอยจนเจอทางตัน ร้านอยู่ขวามือ เป็นคุณลุงที่ไม่ค่อยพูด ปิ้งย่างอย่างเดียว ในตู้กระจกจะมีของสด วันที่ไปมีแค่ หอยเม่น หอยเป่าฮื้อ ปูสด
เพิ่งเคยกินครั้งแรกไม่ค่อยชอบลักษณะเนื้อมันเท่าไหร่ แต่ถ้าใครไม่เคยลอง ก็ลองเถอะ
หน้าตามันอาจจะดูไม่น่ากินเท่าไหร่ แต่ไปตามเถอะ ดีกว่าปูที่นึ่งไว้ตามทางที่ผ่านมาๆ
กลับมาถึง Sapporo ก่อนที่จะไปนอน Chitose ก็เย็นแล้ว กินอะไรดี!!
จากที่ประทับใจใน soup curry เลยอยากลองร้านอื่นบ้าง ก็ไปเจอร้านนี้ Rakkyo Sapporo ESTA มีหลายสาขา ลอง google map ดูนะ
Day 7 กลับบ้าน 
[CR] "ฮอกไกโด" อร่อยมาก
***ต้องขอโทษด้วยที่กระทู้นี้อาจจะไม่ได้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวมากนัก เพราะเรามีเป้าหมายชัดเจนมาก คือไปเพื่อกินนั่นเอง
***เอาชื่อร้าน ใส่ google map แล้วเดินตามมานะ
วันที่ 1 สนามบิน - Otaru
เรื่องของสายการบินที่จะไป sapporo นี่นานาจิตตังจริงๆนะ ตามทุนทรัพย์ ตามโปรโมชั่น โดยที่เจ้าของกระทู้นั่ง airasia ไปเพราะมีโปรโมชั่นที่ราคารับได้ บวกกับที่เป็นบินตรง ทำให้เราไม่เหนื่อยมาก หลับยาวๆเกือบ 7 ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว
ทริปแรกของวันนี้อยู่ที่โอตารุ จากสนามบินไปโอตารุก็ต้องนั่งรถไฟยาวๆ เราก็เลยต้องหาอะไรรองท้องซะก่อน
มื้อแรกของเราอยู่บนรถไฟระหว่างเดินทางไปโอตารุ การที่ได้นั่งกินไป มองดูวิวไป ก็เพลินๆดีนะ Ekiben เป็นเสน่ห์อย่างนึ่งของญี่ปุ่น
ไปถึงเมืองไหนก็ควรไปลอง เพราะว่าอาหารใน Ekiben ก็จะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองนั้นๆไป
ไปถึงโอตารุก็บ่ายแก่ๆแล้ว โอตารุต้อนรับเราด้วยหิมะตก ซึ่งเรียกว่าต้อนรับจริงๆ เพราะหลังจากนั้น ก็แดดดีเชียว
หลังจากที่เดินเล่นจนข้าวกล่องบนรถไฟย่อยแล้ว เราก็เดินหาร้าน Tempura ที่ได้รับคำแนะนำจากกระทู้ Pantip “Tempura Wakisaka”
(Tabelog 3.16) ร้านนี้มีที่นั่ง 8 ที่ ตอนไปก็ยืนต่อแถวประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ได้เข้าไปกิน คุณลุงเจ้าของร้านจะค่อยๆทอดทีละชาม
โดยมีผู้ช่วย 1 คน แค่เห็นหน้าคุณลุงก็รู้เลยว่าต้องอร่อย
เข้าไปก็จะให้เลือกว่าจะเอาเมนูไหน เพื่อที่ผู้ช่วยจะได้จัดแจงเตรียมวัตถุดิบ โดยคุณลุงจะเสริฟทีละ 4 เช็ตก่อน เราก็นั่งดูเขากินไป 555+
วัตถุดิบถือว่าสดมาก กุ้งหวาน ผักผวาน มีเกลือให้จิ้ม 3 แบบ โดยรวมคือดีเลยละ มาลองเถอะถ้ามาโอตารุ
หลังจากที่อิ่มหนำสำราญกับ Tempura มื้ออร่อยแล้ว เราก็ไปเดินเล่นที่ music box museum ตามทำเนียมที่ใครๆก็มาเมื่อมาโอตารุ
แต่ระหว่างทางที่ไป ก็มีของกินข้างทางที่ล่อตาล่อใจอีกนับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นก็คือ Wagyubeef เป็นวากิลเสียบไม้ย่างข้างทาง ลองเถอะ
มันนุ่มมากกกกก (ปล.ขอโทษด้วยที่ไม่มีรูปประกอบ เพราะกินกันเร็วมาก)
เนื่องจากเดินค่อนข้างไกลกลับโรงแรม เราก็เลยหิวกันอีกแล้ว ร้านที่ทำให้เราอิ่มท้องร้านต่อไปก็คือ Kentaro ซูชิสายพาน (Tabelog 3.52)
ความสดที่วัดจากไข่หอยเม่น คือก็สดในระดับนึง มีความ Creamy แต่ไม่หวานมากเท่าไหร่ (เพราะเจอที่ดีกว่าที่ hakodate) เมนูอื่นๆก็ถือว่าดีงาม
ในราคาน่าคบหา ถ้าหากไม่รู้จะกินร้านไหน ร้านนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกร้านนึงนะเราแนะนำ (หิวมากเลยมัวแต่กิน มีแต่รูปซาบะมัวๆมาให้ดู 555+)
“กินคาว ไม่กินหวาน สันดานไพร่” ไพร่ = ประชาชน ในฐานะที่เราเป็นประชาชนคนธรรมดาคนนึง เราขอข้ามของหวานไปเบียร์เลยละกัน
เป็นธรรมเนียมส่วนตัว ที่เวลาไปเที่ยวที่ไหน ก็จะสรรหาลอง draft beer ของที่นั้นๆ เพราะเราเชื่อว่า รสชาติหมักเบียร์ของที่นั้นๆ
ก็แสดงออกถึงวัฒนธรรมที่นั้นๆด้วยเช่นกัน ร้านที่ใกล้โรงแรมที่สุดคือ Otaru Beer
Day 2 Otaru-Sapporo-Azahikawa-Bebi
เราซื้อ JR Pass Hokkaido มา โดยที่ไม่ได้ดูก่อนเลยว่าต้องเปิดใช้ที่สถานี JR ใหญ่ๆ อย่างสนามบิน หรือว่า Sapporo ทำให้เราต้องเสียเวลาไปแวะ Sapporo แล้วรอให้ JR Information เปิดทำการ 10 โมง เพื่อเปิด JR Pass (เปิดตั้งแต่สนามบินให้เรียบร้อย เพราะมันระบุวันเริ่มใช้ได้ อย่าเป็นแบบเรานะ)
เมื่อเราเปิด JR Pass แล้ว เราก็ขึ้นรถไฟไปยัง Azahikawa ฝากกระเป๋าที่ รร แล้วก็ลงมากินข้าวที่ aeon mall เวลาเร่งรีบ Food court ก็เป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกันนะ
แพลนครึ่งวันหลังของเราวันนี้คือ ขับรถเที่ยว เพื่อไปยังที่ที่รถสาธารณะเข้าไม่ถึง เรา walk-in ไปเช่ารถขับเพื่อจะขอดูสภาพอากาศก่อน ว่าน่าขับไหม
ซึ่งราคาจะแพงกว่าจองล่วงหน้าไป ซึ่งถ้าใครจะแพลนขับรถอยู่แล้ว ก็จองล่วงหน้าไปนะ การขับรถเที่ยวในญี่ปุ่น มันค่อนข้างฟินเลย~
Biei เป็นเมืองที่น่ารัก แต่ต้องขับรถเที่ยว เนื่องจากเราแสดงความจำนงว่าเราจะแนะนำที่กินเฉยๆ เลยไม่ได้เจาะลึกที่เที่ยวมากมาย
หลังจากลับมาจากทริปขับรถท่ามกลางหิมะ เราก็จะหิวอีกแล้ว เพราะมื้อล่าสุดที่กินก็คือ Raman ตั้งแต่สิบเอ็ดโมง วันนี้ตั้งใจจะกินแบบ Izakaya หลังจากเปิดรีวิวต่างๆ เราก็ตัดสินใจเชื่อฮิโระซังแห่ง Sugoi Japan http://www.sugoijp.com/travel_details.php?id=349
ที่แนะนำร้าน Ichigo-Ichie เราน่าจะเป็นคนต่างชาติแค่ 2 คนในร้าน โชคดีมีรูปเกือบทุกเมนู จิ้มๆเอาก็ได้กินของอร่อยแล้ว
อาหารสดสั่งเลย อร่อยทุกอย่าง มีหอยแปลกๆที่หน้าตาเหมือนหอยสังข์ ก็อร่อย
Day 3 Azahikawa-Sapporo
วันนี้มีภาระกิจก็คือไปหากวิ้นที่ Azahikawa Zoo แล้วกลับไป Sapporo ให้ทันมื้อเย็นที่จองไว้
ใช้เวลาเดินสวนสัตว์ประมาณถึงเที่ยงๆก็กลับเข้า Azahikawa เพื่อนั่งรถไฟกลับ Hokkaido
ถึง Sapporo แล้วก็เอากระเป๋าไปเก็บที่พัก เพื่อรีบออกไปร้านซูชิที่จองไว้ “Sushi Tanabe” (Tabelog 3.69)
วันนี้เรามากินซูชิศิลปะ นั่นก็คือ Omakase เสน่ห์ของ Omakase สำหรับเราคือของสดตามฤดูกาล ของแปลกแบบที่ถ้าอยู่ในเมนูเราก็อาจจะไม่สั่ง Omakase คือบังคับลองไปแบบปริยาย
ไม่เที่ยงคืน เราไม่นอน ก็ตามหาร้านนั่งชิวกันไป นี่เสียใจมาก เพราะชอบร้านนี้มาก แต่จำชื่อร้านไม่ได้ ในร้านมีแต่เมนูกับแกล้ม อย่างเช่นไก่ย่าง มีเกือบทุกส่วน เหมือนร้านรถเข็นบ้านเรา ถั่วแระ และอีกเช่นกัน จิ้มตามรูป เพราะเขาไม่พูดอังกฤษกัน
Day 4 Sapporo
ไม่รู้จะกินอะไร เลยหาร้านปลาไหลน่ากินใน Tabelog ก็เจอร้านนี้ ไปถึงตั้งแต่ยังร้านยังไม่เปิด แต่ก็มีคนไปรอแล้ว โชคดีของเราที่คนไม่เยอะ เลยได้เข้าไปกินตั้งแต่ร้านเปิด เราชอบกินปลาไหลสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆอยู่แล้ว แต่คงไม่เหมาะกับคนที่ติดปลาไหลแบบน้ำซอสหวานๆแบบบ้านเราเท่าไหร่
กินเสร็จเดินออกมาคือคิวยาวมากกกกก
วันนี้เป็นวันแห่งการ Shopping จนไม่ได้หาอะไรกินเป็นชิ้นเป็นอันเลยจนกระทั้งถึงเย็น
หลังจากที่เดินซึมซับ Chrismas market จนหนำใจแล้ว เราก็ไปร้านเนื้อที่จองไว้นอกเมือง ซึ่งตามไปกินจากกระทู้นี้
https://sugoisho.blogspot.com/2018/01/sapporo-a5.html?m=1&fbclid=IwAR15udOD3VXNj9FRNUAIv0ZHLRi0Xrm_yeMGBT4MxjHzEBs3W7EqB6NUWXc
คือฟินมาก มาก มาก แบบ ก ล้านตัว ใครสายเนื้อ ไป Sapporo ห้ามพลาดนะ ร้านนี้โคตรแนะนำ (วิธีไปดูได้จากกระทู้ที่แปะไว้)
Day 5 Sapporo - Hakodate
นั่งรถไฟยาวๆ แต่ก็ต้องมา ของดีๆอยู่ที่เมืองนี้ทั้งนั้น
กว่าจะถึง Hakodate ก็บ่ายๆ หิวอีกแล้ววว ก็เลือกร้าน "Yoshidashouten" จาก tabelog (3.53)
https://tabelog.com/en/hokkaido/A0105/A010501/1001056/
แค่คิดว่าต้องลอง soup curry ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องที่ประทับใจมาก มาก....
จากที่คุยกับเจ้าของร้านที่เป็นคนญี่ปุ่น เขามีแฟนเป็นคนไทย
มื้อก่อนเย็นเสร็จ ก็ไปเดินเล่นริมอ่าว ดูไฟต้นคริสต์มาสเปลี่ยนสีไปมา เขาบอกไฟสีแดงมีเฉพาะบางวัน ไม่รู้จริงป่าว
หลังจากที่เดินย่อย เราก็หาร้านซูชิกินสายพานแถวๆนั้น
Day 6 Hakodate - Chitose
เช้านี้เป้าหมายชัดเจนมาก คือตลาดปลาอันโด่งดัง จากที่ดูหลายๆรีวิว ก็ไม่เห็นกระทู้แนะนำร้านไหนเป็นพิเศษ ก็เลยเดินกินมั่วๆไปทั่วจนเจอที่ใช่สำหรับเรา
กลับมาถึง Sapporo ก่อนที่จะไปนอน Chitose ก็เย็นแล้ว กินอะไรดี!!
จากที่ประทับใจใน soup curry เลยอยากลองร้านอื่นบ้าง ก็ไปเจอร้านนี้ Rakkyo Sapporo ESTA มีหลายสาขา ลอง google map ดูนะ
Day 7 กลับบ้าน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้