ปกติเป็นคนเก็บเงินค่อนข้างเก่ง เพราะมีแพลนว่าจะแต่งงานวางแผนครอบครัวกับแฟนอีกไม่กี่ปี แล้วก็เป็นคนไม่เดือดร้อนเรื่องเงินมาก ไม่มีหนี้สิน ไม่ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ รายได้ต่อเดือนขั้นต่ำก็ประมาณ 3x,xxx บางเดือนก็ได้มาถึง 5x,xxx ถือว่าสบายๆเรื่อยๆ แต่ทั้งเราและแฟนไม่มีสมบัติมรดกจากพ่อแม่เลยต้องช่วยกันเก็บเงินเพื่อแต่งงานและสร้างครอบครัว พวกเพื่อนๆที่รู้จักกันก็มักแซวว่าเรื่องเก็บเงินเก่ง เพราะรู้นิสัยเราดี และรู้ว่าเรามีเงินเก็บเป็นก้อน เราก็บอกเพื่อนตลอดว่าจะเก็บเงินแต่งงานแล้วพ่อแม่เราเขาก็ไม่ช่วย พ่อแม่แฟนเขาก็ไม่มีให้
เข้าเรื่องเลยนะคะ มีเพื่อนที่รู้จักค่อนข้างสนิทเลย เวลาเราเดือดร้อนเขาก็ช่วยเราทุกเรื่อง (ยกเว้นเรื่องเงิน) เพราะเขารายได้น้อยกว่าเรา ด้วยความที่ว่ามีบุญคุณต่อกันเลยคิดว่าถ้าเขาเดือดร้อนไรเราก็จะพยายามช่วย ซึ่งต่อมาเขาก็เดือดร้อนจริง คือเขาต้องจัดงานแต่งงาน ซึ่งได้ไปตกลงกับคนจัดงานว่าจะต้องจ่ายให้เขา ประมาณ ห้าหมื่น เพื่อนเขาก็ไม่มีเงินบอกว่าเอาไปใช้ในธุรกิจหมด เลยมาขอยืมห้าหมื่น แล้วจะคืนให้เมื่องานแต่งเสร็จแล้ว โดยจะเอาสินสอดมาจ่ายคืน ไอ่เราก็เห็นว่าเดือดร้อนเลยให้ยืม พอเสร็จงานแล้วก็แทนที่จะคืนทันทีกลับผลัดอยู่นาน มาคืนให้ก็ปลายเดือนอีกเดือนเพราะเราทวงไป เลยคิดในใจว่าต่อไปนี้คงจะไม่ให้เพื่อนยืมเงินแล้ว เพราะความรู้สึกมันเหมือนกับว่าเราจะถูกเขาเบี้ยวตลอด ต่อมาไม่นานสองสามเดือนก็มาขอยืมเงินอีกโดยมีเรื่องว่าเพื่อนเขาทำธุรกิจแล้วโดนเบี้ยวจากลูกค้า ทำให้ไม่มีเงินหมุน มาขอยืมเงินเพื่อไปจ่ายเงินกู้ธนาคารก่อน 2 หมื่น ด้วยความว่าที่เข็ดกับประกอบด้วยว่ามีเหตุต้องใช้เงิน เลยปฏิเสธไป เพื่อนก็ยังไลน์มาอีกว่าจะทำไงดีเรื่อยๆ แต่เราก็ได้แต่ให้คำปรึกษาว่าต้องประหยัดบ้างนะ อะไรไม่จำเป็นก็ต้องตัด แต่รอบนี้เพื่อนเขาหายืมได้คะจากคนอื่นเลยเงียบๆ กับเราไป ต่อมาผ่านไปอีกปีนึง คราวนี้เพื่อนเขาก็โทรมาขอยืมเงินอีกประมาณ หมื่นห้าด้วยเหตุแม่เข้าโรงพยาบาล แล้วคือถามว่าเข้าโรงพยาบาลไหน เพื่อก็บอกว่าเข้าของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เข้าโรงพยาบาลรัฐไม่ได้เพราะแอดมินไม่ได้ เราก็ว่างั้นจะไปเยี่ยม เพื่อนก็บอกว่าออกโรงพยาบาลแล้ว แต่ต้องจ่ายเงินให้หมอเขา ด้วยความที่เราสงสาร เราเลยให้ยืมโดยเพื่อนเขาก็บอกว่าเขาจะคืนสิ้นเดือนรอเงินเดือนออกก่อน เราก็โอเครโอนให้ตามนั้น พอถึงสิ้นเดือนเพื่อนก็เงียบ จนเราก็รอจนกินไปกลางเดือน เราถึงทักไปว่าแกเงินที่ยืมอ่ะได้ยัง เพื่อนก็ตอบว่าจะทักไปหาพอดี ช่วงนี้ลำบาก แต่เตรียมเงินไว้แล้วนะ แต่อยู่ที่แม่ เดี่ยวโอนให้ได้ภายในสิ้นเดือน ระหว่างนี้ก็ดู Facebook ก็เห็นว่าโพสปกติ เที่ยวขับรถเก๋ง กินกาแฟแก้วแพงๆ เช็คอินร้านเหล้า เราก็แบบคิดในใจว่าทำไมเราต้องโง่ให้เขายืม ทำไมเราต้องใจอ่อน จวบจนตอนนี้ผ่านมาครึ่งปีก็ยังไม่ได้คืน เราตามแล้ว 2 ครั้งก็ผลัดตลอด คือเขาคิดว่าเราไม่เดือดร้อนหรือเลยเอาเงินเราไปแล้วไม่ยอมคืน ไม่รู้จะทำยังไงดี แฟนเราก็บอกเราว่าไม่น่าให้ยืม เราก็บอกว่าเงินหน่ะไม่สำคัญหรอกนะ แต่ความสัมพันธ์เพื่อนหน่ะมันเปลี่ยนไปแล้ว สำหรับเราให้คือให้ ยืมคือยืม สำหรับบางคนเงินหมื่นห้าอาจเป็นมูลค่าธรรมดา แต่ก็เป็นเงินที่เกิดจากการเก็บเล็กผสมน้อย แล้วเป็นเงินที่เราจะเอาไปสมทบวางแผนอนาคตของเรากับครอบครัว ตอนนี้ก็คิดในใจว่าไม่ทวงแล้วและคงไม่คุยไม่เป็นเพื่อนแล้วด้วย อยากรู้หัวใจของคนยืม เขาไม่เห็นเราเป็นเพื่อนใช่ไหมเขาถึงกล้ายืมแล้วไม่คืนแบบนี้ อยากรู้ว่าทำไมถึงพยายามที่จะยืมเงินเราตลอด แล้วถึงใช้ชีวิตแบบคนมีเงินเยอะ ทำไมถึงไม่สำนึกอะไรๆ เลย
เป็นเจ้าหนี้เพื่อนโดยไม่เต็มใจ
เข้าเรื่องเลยนะคะ มีเพื่อนที่รู้จักค่อนข้างสนิทเลย เวลาเราเดือดร้อนเขาก็ช่วยเราทุกเรื่อง (ยกเว้นเรื่องเงิน) เพราะเขารายได้น้อยกว่าเรา ด้วยความที่ว่ามีบุญคุณต่อกันเลยคิดว่าถ้าเขาเดือดร้อนไรเราก็จะพยายามช่วย ซึ่งต่อมาเขาก็เดือดร้อนจริง คือเขาต้องจัดงานแต่งงาน ซึ่งได้ไปตกลงกับคนจัดงานว่าจะต้องจ่ายให้เขา ประมาณ ห้าหมื่น เพื่อนเขาก็ไม่มีเงินบอกว่าเอาไปใช้ในธุรกิจหมด เลยมาขอยืมห้าหมื่น แล้วจะคืนให้เมื่องานแต่งเสร็จแล้ว โดยจะเอาสินสอดมาจ่ายคืน ไอ่เราก็เห็นว่าเดือดร้อนเลยให้ยืม พอเสร็จงานแล้วก็แทนที่จะคืนทันทีกลับผลัดอยู่นาน มาคืนให้ก็ปลายเดือนอีกเดือนเพราะเราทวงไป เลยคิดในใจว่าต่อไปนี้คงจะไม่ให้เพื่อนยืมเงินแล้ว เพราะความรู้สึกมันเหมือนกับว่าเราจะถูกเขาเบี้ยวตลอด ต่อมาไม่นานสองสามเดือนก็มาขอยืมเงินอีกโดยมีเรื่องว่าเพื่อนเขาทำธุรกิจแล้วโดนเบี้ยวจากลูกค้า ทำให้ไม่มีเงินหมุน มาขอยืมเงินเพื่อไปจ่ายเงินกู้ธนาคารก่อน 2 หมื่น ด้วยความว่าที่เข็ดกับประกอบด้วยว่ามีเหตุต้องใช้เงิน เลยปฏิเสธไป เพื่อนก็ยังไลน์มาอีกว่าจะทำไงดีเรื่อยๆ แต่เราก็ได้แต่ให้คำปรึกษาว่าต้องประหยัดบ้างนะ อะไรไม่จำเป็นก็ต้องตัด แต่รอบนี้เพื่อนเขาหายืมได้คะจากคนอื่นเลยเงียบๆ กับเราไป ต่อมาผ่านไปอีกปีนึง คราวนี้เพื่อนเขาก็โทรมาขอยืมเงินอีกประมาณ หมื่นห้าด้วยเหตุแม่เข้าโรงพยาบาล แล้วคือถามว่าเข้าโรงพยาบาลไหน เพื่อก็บอกว่าเข้าของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เข้าโรงพยาบาลรัฐไม่ได้เพราะแอดมินไม่ได้ เราก็ว่างั้นจะไปเยี่ยม เพื่อนก็บอกว่าออกโรงพยาบาลแล้ว แต่ต้องจ่ายเงินให้หมอเขา ด้วยความที่เราสงสาร เราเลยให้ยืมโดยเพื่อนเขาก็บอกว่าเขาจะคืนสิ้นเดือนรอเงินเดือนออกก่อน เราก็โอเครโอนให้ตามนั้น พอถึงสิ้นเดือนเพื่อนก็เงียบ จนเราก็รอจนกินไปกลางเดือน เราถึงทักไปว่าแกเงินที่ยืมอ่ะได้ยัง เพื่อนก็ตอบว่าจะทักไปหาพอดี ช่วงนี้ลำบาก แต่เตรียมเงินไว้แล้วนะ แต่อยู่ที่แม่ เดี่ยวโอนให้ได้ภายในสิ้นเดือน ระหว่างนี้ก็ดู Facebook ก็เห็นว่าโพสปกติ เที่ยวขับรถเก๋ง กินกาแฟแก้วแพงๆ เช็คอินร้านเหล้า เราก็แบบคิดในใจว่าทำไมเราต้องโง่ให้เขายืม ทำไมเราต้องใจอ่อน จวบจนตอนนี้ผ่านมาครึ่งปีก็ยังไม่ได้คืน เราตามแล้ว 2 ครั้งก็ผลัดตลอด คือเขาคิดว่าเราไม่เดือดร้อนหรือเลยเอาเงินเราไปแล้วไม่ยอมคืน ไม่รู้จะทำยังไงดี แฟนเราก็บอกเราว่าไม่น่าให้ยืม เราก็บอกว่าเงินหน่ะไม่สำคัญหรอกนะ แต่ความสัมพันธ์เพื่อนหน่ะมันเปลี่ยนไปแล้ว สำหรับเราให้คือให้ ยืมคือยืม สำหรับบางคนเงินหมื่นห้าอาจเป็นมูลค่าธรรมดา แต่ก็เป็นเงินที่เกิดจากการเก็บเล็กผสมน้อย แล้วเป็นเงินที่เราจะเอาไปสมทบวางแผนอนาคตของเรากับครอบครัว ตอนนี้ก็คิดในใจว่าไม่ทวงแล้วและคงไม่คุยไม่เป็นเพื่อนแล้วด้วย อยากรู้หัวใจของคนยืม เขาไม่เห็นเราเป็นเพื่อนใช่ไหมเขาถึงกล้ายืมแล้วไม่คืนแบบนี้ อยากรู้ว่าทำไมถึงพยายามที่จะยืมเงินเราตลอด แล้วถึงใช้ชีวิตแบบคนมีเงินเยอะ ทำไมถึงไม่สำนึกอะไรๆ เลย