จบลงไปแล้วกับฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม ในปีนี้มีสองทีมที่แย่งชิงถ้วยรางวัลแห่งความสำเร็จ กันจนถึงนัดสุดท้าย ก่อนที่จะเป็นทีมของเป๊บ กวาดิโอล่า ที่เฉือนคว้าแชมป์ นำทีมรองแชมป์อย่างลิเวอร์พูลที่ไปเพียง 1 แต้ม ทำให้ยอดทีมแห่งเมอร์ซี่ไซด์ยังต้องรอต่อไปเป็นปีที่ 29
ย้อนกลับไปในช่วง เกือบ 30 ปีที่เริ่มก่อตั้งเป็นพรีเมียร์ลีค ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วง 20 ปีแรกเป็นยุคสมัยของเซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน และแมนยูไนเตด อย่างแท้จริง แม้ว่าช่วงนั้นแมนยูจะคว้าแชมป์อย่างต่อเนื่อง ทำคะเเนนได้อยู่ในช่วง 75 ถึง 92 คะแนน ต่อฤดูกาล ซึ่งถ้ามามองในปีนี้ที่ทีมที่มีคะแนนถึง 97 คะแนน ยังเป็นได้แค่พระรอง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเข้ามาของเป๊บ กวาดิโอล่า ของแมนซิตี้ ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ ที่สามารถคว้าแชมป์ด้วยคะแนนแตะหลักร้อยได้สำเร็จ และยังสามารถรักษามาตรฐาน รักษาแชมป์ได้ในฤดูกาลนี้ด้วยคะแนน 98 คะแนน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และมาตรฐานที่สูงลิ่วของยอดทีมจากแมนเชสเตอร์ และเป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ของการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีคว่า ถ้าใครอยากจะสัมผัสถ้วยพรีเมียร์ลีค คุณต้องทำคะแนนแตะหลักร้อยให้ได้ และต้องก้าวข้ามกำแพงสีฟ้า ของเป๊บ กวาดิโอล่า แห่งแมนเชสเตอร์ซิตี้ นี้ไปให้ได้ ถึงจะสามารถคว้าถ้วยมาครอง ว่าแต่ใครล่ะที่จะมีศักยภาพขนาดนั้น
ปีที่แล้วแมนซิตี้ทำคะแนนนำลิ่วคว้าแชมป์ไปตั้งแต่ไก่โห่ ชนิดที่สองตามมาแบบไม่เห็นฝุ่น แต่พอมาปีนี้มีทีมที่หาญกล้ามาท้าทายบัลลังค์ที่ภาคภูมิใจของเป๊บ กวาดิโอล่า อย่างชนิดหายใจรดต้นคอจนถึงนัดสุดท้าย เค้าคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจอเก้น คล็อป ที่นำทีมเครื่องจักรสีแดง ทำผลงานขึ้นมาได้ใกล้เคียงกับ "The Pep standard" จนได้ เรียกว่าเป็นพัฒนาการแบบก้าวกระโดดทีเดียว
ผมเชื่อว่าในอนาคต หากทีมอื่นที่มีศักยภาพ เช่น สเปอร์ เชลซี อาเซนอล แมนยูไนเตด สามารถพัฒนามาตรฐานให้ขึ้นมาใกล้เคียงกับ The Pep standard ได้ น่าจะมีการแข่งขันแย่งแชมป์ที่เข้มข้นขึ้น และน่าจะมีการตัดแต้มจากแมนซิตี้ได้มากขึ้น ส่งผลให้คะแนนของทีมแชมป์น่าจะลงมาอยู่ที่ 80-90 คะแนนดังเดิม ภาวะคะแนนเฟ้อ น่าจะลดลงตามมาตรฐานของทีมอื่นที่เพิ่มขึ้น
ผมแทบอดใจรอไม่ไหวว่าฤดูกาลหน้าลิเวอร์พูลจะยังสามารถเบียดลุ้นแชมป์กับแมนซิตี้ได้รึเปล่า และจะมีทีมไหนที่จะยกระดับขึ้นมาถึง The Pep standard ได้อีกหรือไม่ ส่วนตัวอยากเห็นทีมที่เบียดลุ้นแชมป์ 3-4 ทีม มากกว่าที่จะเห็นแค่ 1-2 ทีมที่ลุ้นแชมป์ ผมเชื่อว่าทุกทีมอยากก้าวข้ามแมนซิตี้ไปให้ได้ คงไม่มีใครอยากเป็นรองแชมป์ที่คะแนนสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ไปตลอดแน่ๆ
สุดท้ายนี้ขอคาราวะเป๊บ และผู้เล่นแมนซิตี้ ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้ฟุตบอลอังกฤษ แต่ก็หวังว่าฤดูกาลหน้าจะเป็นวันของ เจอเก้น คล็อป บ้าง
The Pep standard มาตรฐานใหม่ของฟุตบอลอังกฤษ
ย้อนกลับไปในช่วง เกือบ 30 ปีที่เริ่มก่อตั้งเป็นพรีเมียร์ลีค ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วง 20 ปีแรกเป็นยุคสมัยของเซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน และแมนยูไนเตด อย่างแท้จริง แม้ว่าช่วงนั้นแมนยูจะคว้าแชมป์อย่างต่อเนื่อง ทำคะเเนนได้อยู่ในช่วง 75 ถึง 92 คะแนน ต่อฤดูกาล ซึ่งถ้ามามองในปีนี้ที่ทีมที่มีคะแนนถึง 97 คะแนน ยังเป็นได้แค่พระรอง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเข้ามาของเป๊บ กวาดิโอล่า ของแมนซิตี้ ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ ที่สามารถคว้าแชมป์ด้วยคะแนนแตะหลักร้อยได้สำเร็จ และยังสามารถรักษามาตรฐาน รักษาแชมป์ได้ในฤดูกาลนี้ด้วยคะแนน 98 คะแนน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และมาตรฐานที่สูงลิ่วของยอดทีมจากแมนเชสเตอร์ และเป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ของการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีคว่า ถ้าใครอยากจะสัมผัสถ้วยพรีเมียร์ลีค คุณต้องทำคะแนนแตะหลักร้อยให้ได้ และต้องก้าวข้ามกำแพงสีฟ้า ของเป๊บ กวาดิโอล่า แห่งแมนเชสเตอร์ซิตี้ นี้ไปให้ได้ ถึงจะสามารถคว้าถ้วยมาครอง ว่าแต่ใครล่ะที่จะมีศักยภาพขนาดนั้น
ปีที่แล้วแมนซิตี้ทำคะแนนนำลิ่วคว้าแชมป์ไปตั้งแต่ไก่โห่ ชนิดที่สองตามมาแบบไม่เห็นฝุ่น แต่พอมาปีนี้มีทีมที่หาญกล้ามาท้าทายบัลลังค์ที่ภาคภูมิใจของเป๊บ กวาดิโอล่า อย่างชนิดหายใจรดต้นคอจนถึงนัดสุดท้าย เค้าคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจอเก้น คล็อป ที่นำทีมเครื่องจักรสีแดง ทำผลงานขึ้นมาได้ใกล้เคียงกับ "The Pep standard" จนได้ เรียกว่าเป็นพัฒนาการแบบก้าวกระโดดทีเดียว
ผมเชื่อว่าในอนาคต หากทีมอื่นที่มีศักยภาพ เช่น สเปอร์ เชลซี อาเซนอล แมนยูไนเตด สามารถพัฒนามาตรฐานให้ขึ้นมาใกล้เคียงกับ The Pep standard ได้ น่าจะมีการแข่งขันแย่งแชมป์ที่เข้มข้นขึ้น และน่าจะมีการตัดแต้มจากแมนซิตี้ได้มากขึ้น ส่งผลให้คะแนนของทีมแชมป์น่าจะลงมาอยู่ที่ 80-90 คะแนนดังเดิม ภาวะคะแนนเฟ้อ น่าจะลดลงตามมาตรฐานของทีมอื่นที่เพิ่มขึ้น
ผมแทบอดใจรอไม่ไหวว่าฤดูกาลหน้าลิเวอร์พูลจะยังสามารถเบียดลุ้นแชมป์กับแมนซิตี้ได้รึเปล่า และจะมีทีมไหนที่จะยกระดับขึ้นมาถึง The Pep standard ได้อีกหรือไม่ ส่วนตัวอยากเห็นทีมที่เบียดลุ้นแชมป์ 3-4 ทีม มากกว่าที่จะเห็นแค่ 1-2 ทีมที่ลุ้นแชมป์ ผมเชื่อว่าทุกทีมอยากก้าวข้ามแมนซิตี้ไปให้ได้ คงไม่มีใครอยากเป็นรองแชมป์ที่คะแนนสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ไปตลอดแน่ๆ
สุดท้ายนี้ขอคาราวะเป๊บ และผู้เล่นแมนซิตี้ ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้ฟุตบอลอังกฤษ แต่ก็หวังว่าฤดูกาลหน้าจะเป็นวันของ เจอเก้น คล็อป บ้าง