เราเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า? อาการมันเป็นแบบนี้นานมาก ควรบำบัดด้วยตัวเองยังไงดีคะ

มันเป็นมานานมากแล้วค่ะ เหตุมันเริ่มจาก ครอบครัวเราล้มละลาย เมื่อก่อนค่อนข้างมีกิน ใช้ชีวิตอย่างดี แต่พอเรามาอยู่ม.3 ปัจจุบันนี้เราอยู่ม.4 ครอบครัวกับไม่มีจะกิน มีหนี้หลายแสน แม่เราจึงย้ายไปทำงานที่อื่นเพื่อตั้งตัวใหม่ พ่อก็ทำงานกลับดึก เราจึงต้องอยู่กับยาย ส่วนญาติที่เป็นป้าเขาก็ช่วยเหลือบ้าง แต่ระหว่างที่เราไม่มีพ่อและแม่ เรารู้สึกเหมือนไม่มีเกาะป้องกัน ป้าเขาพูดด่าแม่เราทุกวัน และอาการของเราก็เริ่มชัดขึ้น 1.ซึมลงอย่างมาก 2.ร้องไห้คนเดียวบ่อยขึ้น 3.นอนไม่หลับ 4.ไม่อยากินอะไร 5.อยากอยู่คนเดียว 6.เหม่อลอย 7.เริ่มอยากตาย 8.โมโหง่ายขึ้นมากอารมณ์แปรปวน และพอจะอารมณ์ดีก็มีความสุขนานเป็นอาทิตย์ พอจะเศร้าก็ซึมเป็นเดือนเลยค่ะ ตอนแรกเราก็คิดว่าคงไม่ใช่หรอกมั้ง แต่วันนั้นครูที่สนิทที่สุดของเราเดินมา และพูดว่า "ช่วงนี้เป็นอะไร ทำไมดูซึมๆเศร้าๆ" เราแทบอยากจะร้องไห้ อยากระบายออกมา แต่ก็ต้องเก็บไว้และบอกว่าไม่เป็นไร เราไม่รู้จะระบายกับใครไม่มีใครบนโลกนี้ที่ไว้ใจได้ ที่ครอบครัวเราล้มละลายก็เพราะโดนหักหลัง โดนโกง เราจึงไม่กล้าไว้ใจใครแล้ว จึงได้แต่ร้องไห้เป็นเด็กขี้แยไปวันๆและฝืนยิ้มทำตัวตลกให้มากขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนความเศร้า เราเลยไปหาเว็บทดสอบเพื่อวัดว่าคุณเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า แน่นอนผลออกมายืนยันเลยค่ะว่าให้รีบไปหาหมอด่วน แต่คือเราไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวและจะให้ไปซื้อยาดีก็คงจะแค่ฝัน แต่เราก็รู้ว่าไม่ควรปล่อยไว้จึงหาวิธีบำบัดด้วยตัวเอง โดยการระบายใส่ไดอารี่ มันก็ดีขึ้นมาก แต่มันจะหายแน่นอนหรือเปล่า เรากลัวว่าวันหนึ่งจะคิดสั้น จะทำร้ายผู้อื่น จึงฝึกนั่งสมาธิเพื่อควบคุมอารมณ์ตนเอง เรากลัวมาก ควรทำยังไงดีคะ อยากรู้วิธีบำบัดด้วยตัวเอง
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ความรู้สึกว่าไม่ไว้ใจใครแล้ว ดูเหมือนจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมไทย สะท้อนว่าคนเราอยู่กันอย่างโดดเดี่ยวมากขึ้น น่าเห็นใจ เด็กและวัยรุ่นทั้งหลาย ที่ไม่ทันได้อยู่ในโลกที่มีความรักและเอื้ออาทรกันมากกว่าที่เป็นอยู่ นี้รวมถึงกรณีของ จขกท

ปัญหาคือ ไม่มีใครหรอกนะคะ ที่สามารถอยู่คนเดียวได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ยังเป็นเด็ก หลายปัญหาที่คนใกล้ชิดอาจช่วยเหลือและแก้ไขได้ มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่มาปรากฎในอินเตอร์เน็ต ในเคสของ จขกท คิดว่าทางที่ดีคือเปิดโอกาสให้คุณครูคนดังกล่าวเข้ามาช่วยเหลือ การบอกว่าไม่เป็นไร ทั้งที่คุณครูแสดงความห่วงใย เป็นเรื่องน่าเสียดาย

เข้ามาแนะนำให้ จขกท กลับไปขอความช่วยเหลือจากคุณครู ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดจะดีที่สุด เชื่อว่าคุณครูจะมีหนทางช่วยเหลือหลาย ๆ อย่าง ทั้งอาจเป็นคนที่พา จขกท ไปโรงพยาบาลด้วยก็เป็นได้ค่ะ มอบรัก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่