สวัสดีค่ะทุกท่าน
จขกท มาศึกษาต่อ ตปท และตั้งแต่มาเรียนจนถึงตอนนี้ อ.ที่ปรึกษา แสดงออกว่าชอบเรามากๆ
ในตอนแรก เราคิดในแง่ดี เข้าใจไปว่า อ. ชื่นชมความสามารถของเราเฉยๆ เพราะ อ.เอาเรื่องเราไปคุยแบบชื่นชมให้ อ.ท่านอื่นฟัง (อันนี้ทราบมาจากเพื่อนคนไทยที่เป็นลูกศิษย์ อ. ท่านนั้น มาเล่าให้เราฟังอีกที) และคงเพราะการที่เราเป็นนักเรียนต่างชาติคนเดียวของเค้า ทำให้ อ.ดูแลเอาใจใส่มากกว่านักเรียนคนอื่น แต่ใจนึงก็ตะหงิดๆ ว่ามันแปลกๆ เพราะบางครั้ง ในจังหวะที่เราเผลอและปลอดนักเรียนคนอื่น อ. จะประเภทปากกว่ามือถึง ชอบแตะมือ แตะหลัง แตะไหล่ แบบแว่บๆ
และในเทอมถัดมา มีเพื่อนคนไทยอีกคนสอบเข้ามาร่วม อ. ที่ปรึกษาเดียวกัน ครานี้ก็ชัดเลย เพราะ อ. แทบไม่สนใจเพื่อนคนไทยที่เข้ามาใหม่เลย (เพื่อนแต่งงานแล้ว) เวลาที่คุยงาน อ.จะมองหน้าเราคนเดียว แม้กระทั่งคุยงานของเพื่อนเรา แต่ อ. กลับมามองหน้าเราตลอด แทบไม่สบตาเจ้าของเรื่องเลย ในวงสัมมนาที่มีนักเรียนของ อ.ทั้งตรี โท เอกเข้าร่วม อ.จะแอบมองมาที่เราบ่อยมาก จนเราต้องเลือกจองที่นั่งแผงเดียวกับ อ. โดยมีเพื่อนนั่งขั้นอีก 2 คน จะได้ส่งสายตามามองเรายากขึ้น ในวันที่ไม่มีสัมมนาหรือนัดคุยงาน อ.จะหาเรื่องมาที่ห้องนักเรียน เอาเอกสารมาวางตามโต๊ะนักเรียนด้วยตัวเองบ้าง (ซึ่งปกติ อ.จะใช้เลขาฯ มาส่ง) หรือบางทีก็มาคุยกับนักเรียนที่ทำ TA ด้วยตัวเอง (ปกติใช้เลขาฯ มาตามเด็กไปคุยที่ห้อง อ.) แต่แทบทุกครั้งต้องมาเดินเฉียดโต๊ะเราก่อน เราก็จะใส่หูฟัง นั่งทำงานของเราไปค่ะ
เราพยายามแก้ปัญหาโดยการหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะทำให้อยู่กับ อ. แบบสองต่อสอง เราจะไปไหน ทำอะไร เราจะไปกับเพื่อนคนไทยเสมอ ซึ่งตั้งแต่มีเพื่อนมาอยู่ด้วย อ.ก็เข้าไม่ถึงตัวเราได้อีกเลย งานเลี้ยง ถ้าไม่จำเป็น เราไม่ร่วมค่ะ แต่ถ้าต้องร่วมก็จะหลบหลีกการสนทนาแบบตัวต่อตัวกับ อ. ตลอด เพราะรู้อยู่ว่า อ. เมาแล้ว มือถึงชัวร์ ถ้าจะคุยปรึกษาเรื่องงานวิจัย เราก็จะนัด อ.พร้อมๆ กับเพื่อนคนไทย หรือถ้ารอบไม่ตรงกัน เราก็จะเชิญเพื่อน ป.เอก ภายใต้ อ.เดียวกัน (มีกัน 4 คน) มานั่งฟังด้วย เพราะ อ.ให้สิทธิ์นักเรียนวิจารณ์ผลงานกันเองได้ค่ะ
เราคิดว่าจะประคองเอาตัวรอดแบบนี้ไปจนกว่าจะเรียนจบค่ะ แต่ก็มีเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คือมีงานเลี้ยงที่เราและเพื่อนไม่ได้เข้าร่วม และ อ.รู้สึกไม่พอใจ จึงไปตามเพื่อนคนไทยที่เป็นนักเรียนของ อ. ท่านอื่น มาบ่นให้ฟังประมาณว่า รู้สึกผิดหวังที่นักเรียนทั้ง 2 คนของตัวเอง เอาแต่ทำงานอย่างเดียว ไม่รู้จักแบ่งเวลามาเข้าร่วมกิจกรรม หรือร่วมงานเลี้ยงต่างๆ เพื่อทำความรู้จักและสนิทสนมกับเพื่อนนักเรียนคนอื่น และ อ.เองก็รู้สึกน้อยใจ ที่ลูกศิษย์ไม่ให้ความสำคัญกับความคาดหวังของ อ. และจากนั้นก็มีการสนทนาอีกหลายเรื่อง โดย อ.พยามยามชักชวนเพื่อนคนนั้นไปทำกิจกรรมปีนเขา เที่ยวทะเล ฯลฯ ด้วยกัน โดยหวังว่า ถ้าเพื่อนคนไทยไป เราก็ต้องไปด้วย แต่เพื่อนก็ปฏิเสธไป สุดท้าย อ. ชวนเพื่อนคนไทยไปกินข้าวเย็น โดย อ.จะเป็นคนเลี้ยงเอง และเพื่อนต้องชวนเราไปด้วย (ปกติ อ.ไม่เลี้ยงใครค่ะ เวลามีงานเลี้ยง อ. จะออกเงินเท่ากับนักเรียนทุกคน) อันนี้เพื่อนรับปากไปค่ะ แต่ไม่รับปากว่าเราจะไปด้วยไหม
จริงๆ เราก็มีเป้าหมายที่จะรีบเรียนให้จบและกลับบ้านค่ะ และงานวิจัยของเราก็แทบไม่มีปัญหาเลย เพราะวางแผนงานและดำเนินงานวิจัยมาค่อนข้างดี และความสัมพันธ์ระหว่าง จขกท กับนักเรียนคนอื่นก็ไม่ได้แย่อย่างที่ อ.บ่น นะคะ พวกเราคุยปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือกันได้ตลอด ตามความสามารถของแต่ละคน และที่ อ.ไม่ทราบก็คือ เรามักจะมีงานเลี้ยงที่ 2 หลังจาก อ.กลับแล้วเสมอ หรือบางครั้งเราก็นัดเลี้ยงกันเอง โดยที่ไม่เชิญ อ.
อย่างไรก็แล้วแต่ การเรียนจบของ จขทก ก็ยังขึ้นอยู่กับ อ. อยู่ดี และวิธีที่เราปฏิบัติอยู่ทุกวันนี้ ก็ดูไม่ค่อยเวิร์คแล้ว จึงขอคำปรึกษาเพื่อนในพันทิปว่า เราจะทำอย่างไรดี ให้วินวินทั้งสองฝ่าย โดยที่เราก็เรียนจบไปได้ พร้อมอยู่รอดปลอดภัยดี และ อ. ก็พอใจ
ที่คิดไว้เบื้องต้นคือ
1. เราอาจยอมไปทานข้าวกับ อ. และเพื่อนคนไทยสักมื้อ โดยที่เราจะชวนเพื่อนออกเงินเลี้ยง อ. เอง (ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อความพอใจของ อ.) หรือ
2. ไม่สนใจ ปฏิบัติเหมือนเดิม เพราะสิ่งที่ อ.บ่น ไม่ได้เกี่ยวกับการเรียนเราเลย
หรือจะต้องปฏิบัติยังไงต่อไปดี รบกวนช่วยคิดวิธีหรือแนวทางให้เราด้วยค่ะ
ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าเลยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จขกท โสด อายุ 30 ปลาย แต่บอก อ.ไปว่า มีแฟนแล้ว
ส่วน อ. อายุ 60 ต้นๆ โสด ไม่เคยแต่งงานมาก่อน
*แก้ไขคำผิด และเพิ่มเติมบางประโยคให้เข้าใจง่ายขึ้นค่ะ
อาจารย์ที่ปรึกษาแสดงออกว่าชอบเรา จะทำยังไงให้ผ่านไปได้ด้วยดี?
จขกท มาศึกษาต่อ ตปท และตั้งแต่มาเรียนจนถึงตอนนี้ อ.ที่ปรึกษา แสดงออกว่าชอบเรามากๆ
ในตอนแรก เราคิดในแง่ดี เข้าใจไปว่า อ. ชื่นชมความสามารถของเราเฉยๆ เพราะ อ.เอาเรื่องเราไปคุยแบบชื่นชมให้ อ.ท่านอื่นฟัง (อันนี้ทราบมาจากเพื่อนคนไทยที่เป็นลูกศิษย์ อ. ท่านนั้น มาเล่าให้เราฟังอีกที) และคงเพราะการที่เราเป็นนักเรียนต่างชาติคนเดียวของเค้า ทำให้ อ.ดูแลเอาใจใส่มากกว่านักเรียนคนอื่น แต่ใจนึงก็ตะหงิดๆ ว่ามันแปลกๆ เพราะบางครั้ง ในจังหวะที่เราเผลอและปลอดนักเรียนคนอื่น อ. จะประเภทปากกว่ามือถึง ชอบแตะมือ แตะหลัง แตะไหล่ แบบแว่บๆ
และในเทอมถัดมา มีเพื่อนคนไทยอีกคนสอบเข้ามาร่วม อ. ที่ปรึกษาเดียวกัน ครานี้ก็ชัดเลย เพราะ อ. แทบไม่สนใจเพื่อนคนไทยที่เข้ามาใหม่เลย (เพื่อนแต่งงานแล้ว) เวลาที่คุยงาน อ.จะมองหน้าเราคนเดียว แม้กระทั่งคุยงานของเพื่อนเรา แต่ อ. กลับมามองหน้าเราตลอด แทบไม่สบตาเจ้าของเรื่องเลย ในวงสัมมนาที่มีนักเรียนของ อ.ทั้งตรี โท เอกเข้าร่วม อ.จะแอบมองมาที่เราบ่อยมาก จนเราต้องเลือกจองที่นั่งแผงเดียวกับ อ. โดยมีเพื่อนนั่งขั้นอีก 2 คน จะได้ส่งสายตามามองเรายากขึ้น ในวันที่ไม่มีสัมมนาหรือนัดคุยงาน อ.จะหาเรื่องมาที่ห้องนักเรียน เอาเอกสารมาวางตามโต๊ะนักเรียนด้วยตัวเองบ้าง (ซึ่งปกติ อ.จะใช้เลขาฯ มาส่ง) หรือบางทีก็มาคุยกับนักเรียนที่ทำ TA ด้วยตัวเอง (ปกติใช้เลขาฯ มาตามเด็กไปคุยที่ห้อง อ.) แต่แทบทุกครั้งต้องมาเดินเฉียดโต๊ะเราก่อน เราก็จะใส่หูฟัง นั่งทำงานของเราไปค่ะ
เราพยายามแก้ปัญหาโดยการหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะทำให้อยู่กับ อ. แบบสองต่อสอง เราจะไปไหน ทำอะไร เราจะไปกับเพื่อนคนไทยเสมอ ซึ่งตั้งแต่มีเพื่อนมาอยู่ด้วย อ.ก็เข้าไม่ถึงตัวเราได้อีกเลย งานเลี้ยง ถ้าไม่จำเป็น เราไม่ร่วมค่ะ แต่ถ้าต้องร่วมก็จะหลบหลีกการสนทนาแบบตัวต่อตัวกับ อ. ตลอด เพราะรู้อยู่ว่า อ. เมาแล้ว มือถึงชัวร์ ถ้าจะคุยปรึกษาเรื่องงานวิจัย เราก็จะนัด อ.พร้อมๆ กับเพื่อนคนไทย หรือถ้ารอบไม่ตรงกัน เราก็จะเชิญเพื่อน ป.เอก ภายใต้ อ.เดียวกัน (มีกัน 4 คน) มานั่งฟังด้วย เพราะ อ.ให้สิทธิ์นักเรียนวิจารณ์ผลงานกันเองได้ค่ะ
เราคิดว่าจะประคองเอาตัวรอดแบบนี้ไปจนกว่าจะเรียนจบค่ะ แต่ก็มีเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คือมีงานเลี้ยงที่เราและเพื่อนไม่ได้เข้าร่วม และ อ.รู้สึกไม่พอใจ จึงไปตามเพื่อนคนไทยที่เป็นนักเรียนของ อ. ท่านอื่น มาบ่นให้ฟังประมาณว่า รู้สึกผิดหวังที่นักเรียนทั้ง 2 คนของตัวเอง เอาแต่ทำงานอย่างเดียว ไม่รู้จักแบ่งเวลามาเข้าร่วมกิจกรรม หรือร่วมงานเลี้ยงต่างๆ เพื่อทำความรู้จักและสนิทสนมกับเพื่อนนักเรียนคนอื่น และ อ.เองก็รู้สึกน้อยใจ ที่ลูกศิษย์ไม่ให้ความสำคัญกับความคาดหวังของ อ. และจากนั้นก็มีการสนทนาอีกหลายเรื่อง โดย อ.พยามยามชักชวนเพื่อนคนนั้นไปทำกิจกรรมปีนเขา เที่ยวทะเล ฯลฯ ด้วยกัน โดยหวังว่า ถ้าเพื่อนคนไทยไป เราก็ต้องไปด้วย แต่เพื่อนก็ปฏิเสธไป สุดท้าย อ. ชวนเพื่อนคนไทยไปกินข้าวเย็น โดย อ.จะเป็นคนเลี้ยงเอง และเพื่อนต้องชวนเราไปด้วย (ปกติ อ.ไม่เลี้ยงใครค่ะ เวลามีงานเลี้ยง อ. จะออกเงินเท่ากับนักเรียนทุกคน) อันนี้เพื่อนรับปากไปค่ะ แต่ไม่รับปากว่าเราจะไปด้วยไหม
จริงๆ เราก็มีเป้าหมายที่จะรีบเรียนให้จบและกลับบ้านค่ะ และงานวิจัยของเราก็แทบไม่มีปัญหาเลย เพราะวางแผนงานและดำเนินงานวิจัยมาค่อนข้างดี และความสัมพันธ์ระหว่าง จขกท กับนักเรียนคนอื่นก็ไม่ได้แย่อย่างที่ อ.บ่น นะคะ พวกเราคุยปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือกันได้ตลอด ตามความสามารถของแต่ละคน และที่ อ.ไม่ทราบก็คือ เรามักจะมีงานเลี้ยงที่ 2 หลังจาก อ.กลับแล้วเสมอ หรือบางครั้งเราก็นัดเลี้ยงกันเอง โดยที่ไม่เชิญ อ.
อย่างไรก็แล้วแต่ การเรียนจบของ จขทก ก็ยังขึ้นอยู่กับ อ. อยู่ดี และวิธีที่เราปฏิบัติอยู่ทุกวันนี้ ก็ดูไม่ค่อยเวิร์คแล้ว จึงขอคำปรึกษาเพื่อนในพันทิปว่า เราจะทำอย่างไรดี ให้วินวินทั้งสองฝ่าย โดยที่เราก็เรียนจบไปได้ พร้อมอยู่รอดปลอดภัยดี และ อ. ก็พอใจ
ที่คิดไว้เบื้องต้นคือ
1. เราอาจยอมไปทานข้าวกับ อ. และเพื่อนคนไทยสักมื้อ โดยที่เราจะชวนเพื่อนออกเงินเลี้ยง อ. เอง (ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อความพอใจของ อ.) หรือ
2. ไม่สนใจ ปฏิบัติเหมือนเดิม เพราะสิ่งที่ อ.บ่น ไม่ได้เกี่ยวกับการเรียนเราเลย
หรือจะต้องปฏิบัติยังไงต่อไปดี รบกวนช่วยคิดวิธีหรือแนวทางให้เราด้วยค่ะ
ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าเลยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
*แก้ไขคำผิด และเพิ่มเติมบางประโยคให้เข้าใจง่ายขึ้นค่ะ