"ไต้หวัน 3 วันม้วน" แบกกล้องฟิล์มไปเที่ยวไต้หวัน ชมงาน Art นั่งรถไฟไปหมู่บ้านแมว


สวัสดีครับทุกคน ผมเพิ่งไปเที่ยวไต้หวันครั้งแรกมาเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาครับ กะว่ายังพอทันเจอซากุระบ้างซักหน่อย ผมไปทั้งหมด 4 วัน 3 คืนครับ สถานที่ที่อยู่ในทริปก็จะมี อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก (Chiang Kai-Shek Memorial Hall), ตลาดซีเหมินติง (Ximen Night Market), หมู่บ้านแมว (Houtong Cat Village), จิ่วเฟิ่น (Juifen), Si Si Nan หมู่บ้านทหารโบราณ, Huashan 1914 Creative Park, ถนนของคนรักกล้อง Taipei Camera Street ........จริงๆแล้วกระทู้ของผมน่าจะไม่ใช่เชิงรีวิวซักเท่าไหร่ แต่จะเป็นการเล่าว่าตลอด 3 วันที่ผมไปเที่ยวที่ไต้หวันมา ผมเจออะไรมาบ้าง ผ่านรูปที่ถ่ายจากกล้องฟิล์มมากกว่านะครับ

สำหรับกล้องฟิล์มที่พกไปเก็บภาพด้วยในครั้งนี้ ผมพกไปตัวเดียวเลนส์เดียวครับ ส่วนฟิล์มจริงๆเตรียมไป 3 ม้วน กะว่ากดไปวันละม้วน แต่ด้วยการที่ผมมีกล้อง Fuji X-T1 ติดไปด้วย กอรปกับการเดินทาง และสภาพอากาศที่เจอฝนทุกวัน ทำให้สุดท้ายก็กดมาได้แค่ 1 ม้วนถ้วน แค่นี้เลย แต่ก็ได้รูปสวยๆกลับมาทุกรูปครับ (คิดเอาเอง 55)

Camera : Contax G1
Lens : Carlzeiss Biogon T* 28mm f2.8
Film : Fujifilm Japan 100
Dev&Scan : Flashbox อารีย์

รูปทุกรูปในกระทู้นี้ถ่ายจากกล้องฟิล์มทั้งหมด ไม่มีการแต่งภาพใดๆทั้งสิ้น (ใส่แค่ credit) ล้างและ scan แบบปรกติทุกอย่างครับ ผมตั้งใจถ่ายให้ Under นิดหน่อยทั้งม้วนเลยครับม้วนนี้
.
.
เกริ่นมาเยอะแล้ว มาเริ่มกันเลยครับ

Day 1

ผมเดินทางจากดอนเมืองด้วยสายการบิน Lion Air ไปยังไต้หวัน ซึ่งไฟล์ทก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ แต่ไปถึงแล้วก็ได้เที่ยวเลย นั่นก็คือเที่ยวบินออกจากไทยประมาณ ตี3 (แถมยังมีแอบเลทนิดหน่อยด้วย) ไปถึงไต้หวันก็ประมาณ 8 โมงที่นู่นครับ ตอนผมไปช่วงเดือนมีนา อากาศเย็นใช้ได้ และมีลมตลอดเวลา ฝนโปรยปรายบ้าง หนาวเลยครับ พอรับกระเป๋าแล้วก็ต่อรถไฟฟ้าเข้าเมือง และต่อใต้ดินไปสถานี Ximen ครับ เพราะผมจองที่พักไว้แถวนี้ เดินจากใต้ดินไม่ไกล ใกล้แหล่งช้อปปิ้งมากกก (เปิดยันเที่ยงคืน) และของกินหาง่ายดีครับ ผมนอนที่ Color Mix ครับ ห้องเล็กเท่าแมวดิ้นตาย ไม่รู้ว่าใน booking มันใช้เลนส์อะไรถ่าย 555
ไฟล์ทเช้าขนาดนี้ ก็ต้องเลือกที่นั่งดีๆ ฝั่งขวาเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นซักหน่อย
Ximen ช่วงเช้า ร้านค้ายังไม่เปิด การจราจรคับคั่ง คึกคักดี (ที่นี่ร้านเปิดประมาณ 11 โมง บางร้านเปิดแต่ตอนเย็น)

เมื่อเช็คอินเสร็จก็ออกเดินทางไปยังอนุสรณ์สถานเจียงไคเชก เพื่อชมซากุระไต้หวัน และที่นี่แหละครับที่ธาตุไฟผมแตก หนาวมาก เจอฝนอีก จนต้องควักเสื้อขนเป็ดมาใส่อะ ลมแรงสุดๆ ถ่ายรูปมือสั่นเลย 55
ตรงลานกว้างนี้เห็นว่ามีเดินสวนสนามของทหารด้วย แต่ผมน่าจะไปไม่ทัน ไปถึงก็เห็นเป็นลานกิจกรรมที่วัยรุ่นไต้หวันมารวมตัวกันซ้อมเต้น แสดงอะไรซักอย่าง เหมือนเป็นแหล่งรวมตัวอะไรประมาณนั้นครับ และที่นี่มีร้านชามุกชื่อดังอยู่ 1 ร้าน ในอาคารทางซ้าย (หันหน้าเข้าอนุสรณ์) ราคาแพงใช้ได้ คนเยอะอยู่ แต่ผมเฉยๆกับร้านนี้ ชิมแล้วก็ดี ไม่ได้ฟินอะไรเท่าไหร่
ถึงแล้วต้นซากุระ จริงๆเห็นตั้งแต่ทางเดินมาจากใต้ดินละ แต่ต้นนั้นแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว ที่ยังเยอะอยู่คือข้างๆกับข้างหลังอนุสรณ์ คนถ่ายรูปเยอะเลย
ระหว่างถ่ายซากุระก็จะอบอุ่นนิดหน่อยครับ เพราะว่าคนไทยทั้งนั้นเลยที่เข้ามาถ่าย เรียกได้ว่าฝากกล้องถ่ายกันแบบไม่ต้องเกรงใจเลย ทุกคนก็มีน้ำใจช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน อบอุ่นดีครับ^^
เอาเลนส์ไวด์ 28/2.8 ไปจ่อ คิดเอาเองว่าต้องใกล้แค่ไหน (ก็เรามันมีเลนส์เดียว 555)

แล้วก็เดินถ่ายรูปเล่นรอบๆนั้นแหละครับ ส่วนในตัวอนุสรณ์ผมขึ้นไปดูก็เฉยๆไม่มีอะไร 555 ไม่คุ้มค่าฟิล์มเลยไม่กดมา เดินถ่ายรอบๆตอนเดินออกไปใต้ดินหาไรกินดีกว่าครับ ผมกดรูปช่องลมตรงกำแพงที่นี่มา เพราะมันแปลกดี แต่ละช่องหน้าตาจะไม่เหมือนกันเลย
รูปนี้ตอนเล็งใน viewfinder ล้อมันอยู่ตรงกลางเป๊ะเลยนะ แต่ลืมไปว่ากล้องเรามันเป็น rangefinder ก็จะมีเหลื่อมๆกันบ้าง
รูปนี้ยืนรอนานมาก รอจนมีคนเดินผ่านมาค่อยลั่นชัตเตอร์
ที่นี่ระบบจราจร และทางเท้าเค้าดีมาก ต้องรอไฟเขียวคนข้ามเท่านั้น แต่ต้องดูเวลาด้วย เพราะบางที่ไวมาก ข้ามไปแค่ครึ่งทางเอง กระพริบแล้ว รูปนี้ได้มาระหว่างเดินข้ามทางม้าลายครับ รีบปรับ รีบกด โชคดีทั้งแสง โฟกัส และระนาบ เป๊ะแบบไม่ต้อง crop 555

หลังจากแวะหาอะไรทาน (มื้อแรกของวัน ตอนบ่ายสอง =_=) ก็ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านทหาร si si nan ที่นี่เป็นเหมือนจุดตั้งต้นของคนไต้หวันเลยครับ เรียกได้ว่าไต้หวันเกิดจากหมู่บ้านเล็กตรงนี้แหละ ในบริเวณนี้เราสามารถเห็นบังเกอร์ทหารได้ชัดเจน เค้ายังเก็บไว้อยู่เลย รวมถึงหมู่บ้านเล็กๆ ที่ดัดแปลงกลายสภาพมาเป็นสถานที่ที่โชว์งาน Art ทั้งของกิน ของใช้ งานศิลป์ต่างๆ บรรยากาศที่นี่ก็จะน่ารักหน่อย แต่ก็ไม่ได้มีของขายเยอะเท่าไหร่นะครับ เพราะหมู่บ้านมันเล็กจริงๆ การเดินทางก็มาง่ายครับ ลงใต้ดินสถานี Taipei 101 แล้วเดินต่อมาหน่อยครับ
ผมชอบที่เค้ายังเก็บเรื่องราวของชาติเค้าไว้ ผสานกับความร่วมสมัย ทำให้สถานที่นี้เป็นศูนย์รวม และยังมีคุณค่า ตอนแรกที่จะมาผมคิดว่าไม่น่ามีอะไร หมูบ้านทหาร น่าจะดูน่ากลัวเก่าๆโทรมๆ แต่ก็ไม่ใช่เลยครับ
ที่นี่มีร้านคาเฟ่น่ารักๆอยู่ข้างใน ขนมราคาไม่แพงครับ และยังขายของฝากที่เน้นพวก organic และ handmade เอาไว้มากมาย ผมเองก็ได้พวกเข็มกลัด สติ๊กเกอร์ ของจุกจิกติดไม้ติดมือมาบ้าง เสียดายที่ตัดใจยังไม่ซื้อชาที่นี่ ซึ่งผมว่ามันหอมมากอะ ไปดมที่อื่นก็ยังไม่เจอหอมแบบที่ขายที่นี่เลย เสียดาย
บริเวณลานด้านในก็มีการแสดงดนตรีน่ารักๆ เล่นเพลงชิลๆขับกล่อมคนที่มาเดินในงานครับ แต่ติดที่เจอฝนลงอีกละ คราวนี้ลงนานเลย ทุกคนก็เลยต้องเข้าร่มกันหมด ส่วนในอาคารอีกด้านก็มีนิทรรศการหนังสั้นครับ ไม่รู้จักซักเรื่อง (ก็แหงล่ะ =_=)
ตรงหญ้าเขียวๆข้างๆคือหลุมหลบภัย หรือบังเกอร์เก่าครับ ปลูกหญ้าไว้ขึ้นไปนั่งเล่น เดินถ่ายรูปได้ จากตรงนี้คนชอบขึ้นไปถ่ายเก็บตึกไทเป 101 กันครับ มุมเสยพอดี
ลงรูปคุณแฟนซักหน่อย คนทำทริปนี้ครับ ผมเองก็มาแบบไม่รู้อะไร รู้แค่รองเท้าถูก มีหมู่บ้านแมวแค่นั้น 5555
อย่างที่ว่าครับ มันไม่ไกลจากตึก 101 เลย เพราะงั้นในบริเวณนี้ก็หามุมเก็บภาพได้หมดเลยครับ ตอนที่กดนี่ฝนก็ยังคงตกอยู่ 555

เรารอจนฝนหยุด เพื่อดูเวลาว่าเราจะไปขึ้นเขาช้างกันดีไหม เค้าบอกว่าเดินประมาณ 800 เมตร แต่เท่าที่ผมดูแล้วไม่น่าใช่ 55 มันสูงอยู่นะถ้ามองจากพื้นขึ้นไป และที่แย่คือสภาพอากาศ ซึ่งต่อให้ขึ้นไปแสงก็เป็นแบบนี้อยู่ดี ด้วยความขี้เกียจบวกกับเวลาและสภาพอากาศ เราเลยตัดสินใจไปกิน Tin Tai Fung ที่ตึก 101 กันแทน 5555 ร้านอยู่ชั้นใต้ดินครับ คนรอคิวเยอะมว๊ากกกกกก รับคิวปั๊ปเค้าจะถามเลยว่ายูอะมาจากชาติไหน และจะได้ยื่นเมนูให้ถูกครับ ก็รอกินกันไม่นานเท่าไหร่ ผมชอบซุปเสฉวนมาก กับเกี๊ยวเผ็ดไรซักอย่างครับ เสี่ยวหลงเปาก็เฉยๆครับ ส่วนราคาก็แน่นอนว่าถูกกว่าไทยประมาณนึง ไม่มากเท่าไหร่ ...... เสร็จภารกิจการกินแล้วก็ออกจากตึก 101 ครับ เพราะเริ่มมืดแล้ว ต้องรีบไป Camera Street อีก
ก่อนลงใต้ดิน ขอเก็บภาพหน้าตึก 101 ซักหน่อย
กว่าผมจะเดินทางมาถึง Camera Street ก็มืดแล้วครับ ประมาณเกือบ 2 ทุ่มได้ ซึ่งร้านค้าก็ทยอยปิดกันไปหมดละ เดินหาร้านกล้องฟิล์ม หาไม่เจอเลย เจอร้านขายฟิล์มอยู่ร้านนึง ดูราคาแล้วก็ เฮ้ย! ถูกกว่าบ้านเรานิดหน่อย ก็หยิบ Kodak Colorplus มา 2 ม้วน ยื่นให้คนขาย คิดราคาออกมา เท่าไทยเด๊ะเลย อ่าวเฮ้ย ไม่เหมือนที่เขียนไว้นี่นา 555 จาก 90 เป็น 100 ยังดีที่เอามาสองม้วน ราคาก็ยังพอรับได้ รอดไป (ไม่ใช่ร้านในรูปนี้นะครับ อันนี้เห็นเป็นป้ายไฟ Konica สวยดีเลยกด)

หลังจากหากล้องจนสุดถนนแล้วก็จะเดินกลับที่พักละครับ เหนื่อยเหลือเกินวันแรก แทบไม่ได้นอนเลยตั้งแต่ดอนเมือง ก็เล่นออกตีสาม เราก็หลับๆตื่นๆก่อนขึ้นเครื่อง บนเครื่องก็ไม่ค่อยได้นอนอีก เอาว่าวันนี้ขอกลับไปนอนก่อน ระหว่างทางเดินกลับก็ดันเลี้ยวเข้าตลาด Ximending ครับ จบเลยเวลาพักของผม ทุกอย่างตื่นตาตื่นใจ ของกิน ของใช้ กาชาปอง ตู้คีบตุ๊กตา ชาไข่มุก ที่นี่ถูกมากกกก 10บาทคีบตุ๊กตาได้ 55บาทซื้อชาไข่มุก Tiger Sugar ได้ 60 บาทหยอดกาชาปองได้ (1nt = 1.04บาท) เพลินเลยล่ะครับ และอย่างที่บอก รองเท้าที่นี่ถูกมาก มีครบทุกแบรนด์ครับ ใครชอบสนีกเกอร์ เตรียมกระเป๋าเปล่ามาเผื่อเลย ที่นี่กว้างมากครับ มีหลายซอย เปิดกันยันเที่ยงคืน แบบเที่ยงคืนจริงๆ และผมก็กลับถึงโรงแรม 5 ทุ่มนู่นเลย 555
---------

ติดตามรูปสวยๆจากกล้องฟิล์มเพิ่มเติม
IG : meo_neko
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่