สวัสดีค่ะ เหตุการณ์เกิดขึ้นมาไม่นานค่ะ คือเราไปเที่ยวกับครอบครัว คือ น้า พี่สาวเเท้ๆ กับลูกชายอาค่ะ ลูกชายอามีลูกเเล้วนะคะ เลยคิดทริปเที่ยวว่าจะไปเที่ยวนํ้าตก ในจังหวัดกาญจนบุรี เราเองก็อยากไป เลยไปด้วย เมื่อ4ปีที่เเล้วก็มาเที่ยวที่นี่ค่ะ เเต่ตอนนั้นเพิ่งป.4 พอถึงที่เราตกลงกับพี่สาวว่าเดินเท้าดีกว่ารอรถกล์อฟตาะ เลยเดินไปเเทน สวนคนอื่นคือรอรถต่อคะเพราะมีเด็ก พอครบทุกคนเลยหาที่ปูเสื่อ ปรากฏได้ที่ว่างชั้น2ค่ะ ข้างๆนํ้าตก พอวางของเตรียมของกันเสร็จทุกคนเลยกินอาหารก่อนเล่นนํ้าน่ะค่ะ ถึงเราจะ ม.1เเล้วเราก็ยังห่วงเล่นนํ้าค่ะ เลยรีบกิน555+ พอเล่นสักพักก็มีคนจมน้ำชั้น2ค่ะเป็นเด็ก ทางเจ้าหน้าที่ช่วยทันนะคะ เราก็เฉยๆ พอดีกับพี่สาวชวนขึ้นไปพิชิตชั้น7 เราก็เลยไปด้วย
ใช้เวลาเกือบ ชั่วโมงนึงค่ะ พี่เราเดินช้าๆชมธรรมชาติ เเต่เราคือกึ่งเดินกึ่งวิ่ง เลยจำเป็นต้องรอ พอถึงชั้น7ก็ถ่ายรูปเป็นความทรงจำน่ะค่ะ เราคิดในใจว่าพอลงไปชั้น2จะขอเล่นนํ้าให้ชื่นใจค่ะ เพราะนานๆทีจะได้มา ปกติทาง ร.ร สอนว่ายนํ้าค่ะเลยว่ายเป็น เลยมั่นใจว่าว่ายได้ ตอนเเรกๆเราก็ว่ายที่ตื้นๆประมาณเอว เพราะอาบอกว่าตรงนั้นนํ้าลึกอย่าไปว่ายนะ เราก็คิดว่าตรงใต้นํ้าตกเลยไม่เข้าไปใกล้ เเต่เราปีนขึ้นไปบนหินเเทนนํ้าคือไหลเเรงมากเลยกะว่าจะลง พอลงมาปรากฏว่าจมค่ะ (วินาทีนั้นมีคนนั่งอยู่ข้างหน้าหลายคนเลย โดยมีเด็กคนนึงใส่เสื้อชูชีพ เราจมลงเเบบมันหวิวๆ พยายามดันตัวขึ้นตามครูสอนเเต่สติคือรนมาก เราดันตัวขึ้นมาเพื่อตีขาให้พ้นจากตรงนั้นเเต่ไม่เลยมันยิ่งดิ่งลง เลยดันขึ้นปรากฏเห็นว่าคนข้างหน้ากำลังเหมือนจะถอดชูชีพให้เกาะเเต่ไม่ค่ะเขาจับเฉยๆ เราเริ่มเหนื่อยอากาศหายใจคือน้อย คิดว่าคงไม่รอดเลยดันตัวครั้งสุดท้ายเสียงที่ได้ยินคือเจ้าหน้าที่เป่านกหวีด เลยมีคนมาช่วยพอขึ้นมา พี่สาวเราที่เห็นโวยวายว่าให้เรารีบไปอาบน้ำเลย เเต่สติมันวึบๆจกใจมาก นั่งนํ้าตาไหลเเบบนิ่งๆ พอสึกขึ้นได้เลยไปอาบนํ้า พออกมาเราออกมายืนหน้ากระจกความรู้สึกเปลี่ยนเลยมันหม่นๆ ตลอดทางขากลับเราไม่พูดเลยคือภาพมันติดตา พอผ่านมา2-3วันมานี้เเม่เลยพาไปทำบุญค่ะ กระดูกน้าอยู่ที่วัดนี้น่ะค่ะพอเราไปไหว้ อยู่ดีๆคือมันอึดอัดจุกๆเเล้วพอคิดอะไรไม่ออกก็ร้องเเล้วก็คิดถึงเรื่องนี้วนซํ้าไปซํ้ามา เเล้วก็คิดเเปลกๆเเบบเราไม่มีค่า ไร้ตัวตน อยากอยู่คนเดียว คิดเยอะตลอด ผักผ่อนน้อย เเล้วก็เหมือนมีอีกบุคลิกอยู่ในใจในความคิด อยากรู้ว่าปกติมั้ยน่ะค่ะ
เนื่องประหลาดๆหลังจากเฉียดตาย
ใช้เวลาเกือบ ชั่วโมงนึงค่ะ พี่เราเดินช้าๆชมธรรมชาติ เเต่เราคือกึ่งเดินกึ่งวิ่ง เลยจำเป็นต้องรอ พอถึงชั้น7ก็ถ่ายรูปเป็นความทรงจำน่ะค่ะ เราคิดในใจว่าพอลงไปชั้น2จะขอเล่นนํ้าให้ชื่นใจค่ะ เพราะนานๆทีจะได้มา ปกติทาง ร.ร สอนว่ายนํ้าค่ะเลยว่ายเป็น เลยมั่นใจว่าว่ายได้ ตอนเเรกๆเราก็ว่ายที่ตื้นๆประมาณเอว เพราะอาบอกว่าตรงนั้นนํ้าลึกอย่าไปว่ายนะ เราก็คิดว่าตรงใต้นํ้าตกเลยไม่เข้าไปใกล้ เเต่เราปีนขึ้นไปบนหินเเทนนํ้าคือไหลเเรงมากเลยกะว่าจะลง พอลงมาปรากฏว่าจมค่ะ (วินาทีนั้นมีคนนั่งอยู่ข้างหน้าหลายคนเลย โดยมีเด็กคนนึงใส่เสื้อชูชีพ เราจมลงเเบบมันหวิวๆ พยายามดันตัวขึ้นตามครูสอนเเต่สติคือรนมาก เราดันตัวขึ้นมาเพื่อตีขาให้พ้นจากตรงนั้นเเต่ไม่เลยมันยิ่งดิ่งลง เลยดันขึ้นปรากฏเห็นว่าคนข้างหน้ากำลังเหมือนจะถอดชูชีพให้เกาะเเต่ไม่ค่ะเขาจับเฉยๆ เราเริ่มเหนื่อยอากาศหายใจคือน้อย คิดว่าคงไม่รอดเลยดันตัวครั้งสุดท้ายเสียงที่ได้ยินคือเจ้าหน้าที่เป่านกหวีด เลยมีคนมาช่วยพอขึ้นมา พี่สาวเราที่เห็นโวยวายว่าให้เรารีบไปอาบน้ำเลย เเต่สติมันวึบๆจกใจมาก นั่งนํ้าตาไหลเเบบนิ่งๆ พอสึกขึ้นได้เลยไปอาบนํ้า พออกมาเราออกมายืนหน้ากระจกความรู้สึกเปลี่ยนเลยมันหม่นๆ ตลอดทางขากลับเราไม่พูดเลยคือภาพมันติดตา พอผ่านมา2-3วันมานี้เเม่เลยพาไปทำบุญค่ะ กระดูกน้าอยู่ที่วัดนี้น่ะค่ะพอเราไปไหว้ อยู่ดีๆคือมันอึดอัดจุกๆเเล้วพอคิดอะไรไม่ออกก็ร้องเเล้วก็คิดถึงเรื่องนี้วนซํ้าไปซํ้ามา เเล้วก็คิดเเปลกๆเเบบเราไม่มีค่า ไร้ตัวตน อยากอยู่คนเดียว คิดเยอะตลอด ผักผ่อนน้อย เเล้วก็เหมือนมีอีกบุคลิกอยู่ในใจในความคิด อยากรู้ว่าปกติมั้ยน่ะค่ะ