สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวพันทิปทุกคน วันนี้เราเพิ่งสอบเข้าของนิเทศเสร็จมาหมาดๆเลยค่ะ เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้ให้ทุกคนได้รับรู้โดยทั่วกัน เพราะการรีวิวสอบเข้า นิเทศเอแบคเนี่ยบอกเลยว่า อิชั้นค้นในพันทิปแทบเป็นแทบตายก่อนไม่สอบสรุปคือ ไม่มี! ไม่มีเลยเจ้าค่ะ! หาแนวทางไม่ได้เลยT T เราเลยตัดสินใจว่า เอาล่ะเราจะมาเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยรีวิวให้ทุกๆท่านที่อาจสนใจอยากจะเข้าได้เตรียมพร้อมและรับรู้แนวอะไรบ้างเล็กๆน้อยๆเพื่ออาจจะเป็นประโยชน์ต่อน้องๆในรุ่นถัดๆไปนั่นเองค่ะ!
มาเริ่มREVIEWในส่วนของการสอบ ADMISSION กันก่อนเลยนะคะ
โอเคมาเริ่มกันเลยนะ เมื่อเราไปที่ห้อง Admissionของมหาลัยพอเรายื่นนู่นยื่นนี่เสร็จเค้าก็จะให้เราไปซื้อใบสมัครค่ะราคา 500บาท ซึ่งสามารถซื้อได้ที่Bookstore อยู่ตึกตรงข้ามกับตึกที่ไปadmissionนี่ละ พอซื้อใบสมัครกรอกนู่นนี่นั่นเสร็จเค้าก็จะมีใบนักศึกษามาให้ชั่วคราวนะคะเป็นใบสีฟ้าๆ มีชื่อเรามีเลขประจำตัวนักศึกษาของเราที่จะอยู่กับเราไปตลอด4ปีค่ะ เลขสองตัวหน้าหมายถึงปีการศึกษาส่วนเลขที่เหลือก็เลขของเราอย่างของ จขกทเป็น 62xxxxxxxx ก็แปลว่าเราเป็นเด็กรุ่น 62 นั่นเองค่ะ ซึ่งไอวันที่ไปยื่นสมัครเนี่ยพี่ตรงฝ่ายadmission ก็ได้บอกเรามาว่า เออต้องมีสอบ เลข / ภาษาอังกฤษ / ภาษาไทย นะ ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้นคือไปสอบที่หัวหมากหรือหรือบางนาก็ได้แล้วแต่สะดวก พอสอบเสร็จเค้าจะบอกมาอีกทีว่าเออสอบสัมภาษณ์และความถนัดวันไหน ค่ะ อันนี้แล้วแต่คณะนะแต่ที่รู้ๆมาคือน่าจะมีแค่นิเทศมั้งที่มีสอบอันนี้เพิ่ม
ในส่วนของการสอบ เลข นั้นถ้าจำไม่ผิดจะมีอยู่ 50ข้อ เป็น multiple chioces ทั้งหมดและมีเวลาให้ทำ2ชม. มั้ง ถามว่ายากมั้ย โดยส่วนตัวเราจากที่เคยสอบ เลข ของ SAT เราว่ามันง่ายกว่าค่อนข้างพอสมควรเลยค่ะ อ้อแต่ว่าเค้าไม่ให้ใช้เครื่องคิดเลขนะ
ภาษาอังกฤษ จขกท ไม่ได้สอบนะคะเพราะว่ายื่น ielts ไป
ละ ภาษาไทย ก็ง่ายมากค่ะ เค้าจะมีประโยคมาให้สั้นๆแล้วให้เราเขียนเรียงความประมาณ 6 - 8 บรรทัดเป็นภาษาไทยแล้วให้เราเอาประโยคที่เค้าให้มาน่ะมายัดใส่ในเรียงความของเราให้ได้ คือง่ายๆว่าให้เอาประโยคนี้เป็นใจความหลักของเรียงความบทนี้ที่เราเขียนนั่นเองค่ะ
ปล. จขกท ได้ไปสอบในส่วนนี้ที่ หัวหมากนะคะจะบอกว่าสภาพแวดล้อมในการสอบคือชิลแบบตอนแรกพูดกับตัวเองว่า ตูมาสอบจริงๆใช่มั้ย 555555 คือเค้าไม่ได้ริบโทรศัพท์ และ ไม่ได้มีใครมานั่งจ้องคุมเราระหว่างสอบเลยค่ะ ห้องสอบที่ไปสอบเหมือนเป็นห้อง ธุรการไรงี้ที่แบบเป็นห้องเชื่อมกัน ห้องข้างๆก็จะมีเจ้าหน้าที่นั่งทำงานหน้าคอมอยู่ ส่วนทะลุมาอีกห้องก็คือห้องที่เราสอบนั่นแหละ ส่วนถ้าไปสอบที่บางนาอันนี้ไม่รู้นะว่าสอบห้องไหนไรยังไง
ไปต่อนะคะ
ในส่วนของการ สอบเข้า COMART กันต่อค่ะ
นิเทศเนี่ยมันจะมีสองประเภทคือ พวกนิเทศแบบ advertising,live event, digital media communication และอื่นๆ กับ อีกประเภทที่จะเป็นพวกวาดรูปค่ะ จขกท สอบแบบประเภทแรกเพราะสกิลวาดรูปของอิชั้นคือ เด็กประถมมาก TwT อ้อ แต่รู้สึกว่า พวกวาดรูปกับไม่วาดนี่จะสอบแยกกันนะคะ แต่เราได้คุยกับคนที่มาสอบวาดรูปค่ะเค้าบอกว่า เค้าสอบวาดรูปอย่างเดียวแล้วก็สัมภาษณ์ แค่นั้นเลย ซึ่งสอบวาดรูปนี่เค้าจะมีวัตถุให้เลือกมั้งแล้วก็วาดๆไป
ต่อค่ะมาในส่วนของนิเทศที่ไม่ใช่วาดรูปกันต่อ
ตอนเช้าจะมีสอบความถนัดค่ะหรือที่เค้าเรียกว่า Aptitude Test ซึ่งการสอบความถนัดของนิเทศนั้นมีทั้งหมด 40ข้อ เป็น multiple choices ซึ่งเนื้อหาของข้อสอบเนี่ยจะบอกว่า ยากมากเลยค่ะสำหรับเราเพราะแทบไม่รู้เรื่องเลยค่ะบางข้อ อ้อแล้วก็ภาษาอังกฤษทุกข้อนะคะข้อสอบ ระยะเวลาในการสอบเค้าให้ตั้งแต่ 9.00-11.00 ค่ะซึ่งคนส่วนใหญ่เสร็จกันตั้งแต่10โมงละ แล้วพอสอบเสร็จก็ไปเดินเล่นรอบมอรอเวลาสอบสัมค่ะซึ่งเป็นเวลาบ่ายโมง
พอสอบ Interview เวลาบ่ายโมง ก็ที่ห้องเดิมนี่ละค่ะตอนแรกคิดเยอะคิดแยะว่าแบบจะแยกห้องสอบทีละคนไรงี้เปล่าไม่ใช่เลยค่ะ เค้าให้นักเรียนทุกคนอยู่ในห้องนั้นแล้วหน้าห้องก็เอาโต๊ะยาวๆมาตั้ง4-5 โต๊ะ แต่ละโต๊ะก็จะมีผู้สอบนั่งอยู่โต๊ะละคนค่ะ เห็นบางคนบอกว่าเค้าถามเป็นภาษาไทยก็มีนะแต่ของเราเค้าถามเราเป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียวเลยค่ะ ซึ่งคุยไปคุยมาเค้าก็วงให้เราผ่าน แล้วก็คะแนนของการสอบความถนัดก็เราก็ผ่านเช่นกันค่ะ **คือเราแอบเหล่มองตอนที่เค้าวงคะแนนเราหน่ะค่ะเลยเห็น55555**
ในส่วนของการinterview ที่เค้าถามนะคะ มาถึงเค้าก็จะให้เราแนะนำตัวค่ะ เราก็บอกชื่อจริงนามสกุล และชื่อเล่น วันเดือนปีเกิดไป แล้วเค้าก็ถามต่อว่าบ้านอยู่ที่ไหนสมาชิกในครอบครัวมีกี่คน เดินทางมามหาลัยด้วยวิธีไหน โตขึ้นอยากทำงานอาชีพอะไร ทำไมถึงอยากเข้านิเทศเอแบค เหตุผลที่เลือกเอแบค ในข้อนี้เนี่ยเราบอกไปค่ะว่า ในส่วนของ private university abac ก็คือดีที่สุดและเก่าแก่ที่สุดแล้วอะไรทำนองนี้ค่ะ ก็อะไรประมาณนี้ที่เราถูกถามมานะคะ
หลังจากสอบสัมเสร็จเค้าบอกเราเรียบร้อยละว่าผ่านเด้อเราก็แอบถามเค้าค่ะว่าทำไมสอบความถนัดมันยากจังคะ interviewer ก็เลยบอกเรามาค่ะว่าการสอบความถนัดเนี่ยที่มี40ข้อแบ่งเป็น4พาร์ท พาร์ทละ10ข้อ แต่ละพาร์ทที่เราทำๆไปเนี่ยก็มีการบ่งชี้ที่ต่างกันไป ซึ่งเราจำไม่ได้นะคะว่ามีอะไรบ้างแต่จำได้ว่าพาร์ทที่4 คือ Public Relation นั่นเองค่ะ เค้าบอกว่าการสอบนี้จะทำให้ตัว interviewer สามารถนำไปชี้แนะนักศึกษาได้ว่าเออควรเรียนด้านไหนดีนะอะไรแบบนี้ ส่วนด้านการสอบ สัมภาษณ์ เค้าบอกว่าจะเอามาชี้วัดค่ะเรามีสกิลในการพูดภาษาอังกฤษได้มากน้อยแค่ไหนนั่นเอง
สอบเสร็จเค้าก็จะบอกเราตรงนั้นเลยค่ะ คนที่สอบสัมภาษณ์เรานี่ละจะบอกว่าเราผ่านไม่ผ่านเพราะเค้าคือคนที่จะตัดสินค่ะว่าผ่านหรือตก พอรับรู้ว่าผ่านเสร็จก็รอแปปนึงเค้าก็จะให้ใบนักศึกษาชั่วคราวสีฟ้าที่ได้มาตอนadmission หน่ะค่ะมาแต่ได้มาในสภาพที่ยาวขึ้นเพราะมันจะมีรายละเอียดค่าแรกเข้าที่เราต้องนำมาจ่ายค่ะว่าเออต้องเรียน intensive มั้ย ถ้าเรียนเรียนกี่ชม. ราคาก็จะต่างกันไปในแต่ละคน ถ้าเรียน intensive เยอะชั่วโมงก็แพงหน่อยถ้าเรียนน้อยก็ถูกหน่อยค่ะ ซึ่งของ จขกท จะต้องนำเงินไปจ่ายในวันเสาร์นี้พร้อมกับไปประถมนิเทศด้วยเลยค่ะ
ขอจบการรีวิวไว้เท่านี้นะคะ! ใครสงสัยอะไรถ้า จขกท ทราบหรือสามารถให้คำตอบได้ก็จะบอกให้นะ! สู้ๆค่ะ :3
ปล. แท็กผิดห้องไหนขออภัยล่วงหน้าจ้า
REVIEW การสอบเข้า นิเทศ ABAC !
มาเริ่มREVIEWในส่วนของการสอบ ADMISSION กันก่อนเลยนะคะ
โอเคมาเริ่มกันเลยนะ เมื่อเราไปที่ห้อง Admissionของมหาลัยพอเรายื่นนู่นยื่นนี่เสร็จเค้าก็จะให้เราไปซื้อใบสมัครค่ะราคา 500บาท ซึ่งสามารถซื้อได้ที่Bookstore อยู่ตึกตรงข้ามกับตึกที่ไปadmissionนี่ละ พอซื้อใบสมัครกรอกนู่นนี่นั่นเสร็จเค้าก็จะมีใบนักศึกษามาให้ชั่วคราวนะคะเป็นใบสีฟ้าๆ มีชื่อเรามีเลขประจำตัวนักศึกษาของเราที่จะอยู่กับเราไปตลอด4ปีค่ะ เลขสองตัวหน้าหมายถึงปีการศึกษาส่วนเลขที่เหลือก็เลขของเราอย่างของ จขกทเป็น 62xxxxxxxx ก็แปลว่าเราเป็นเด็กรุ่น 62 นั่นเองค่ะ ซึ่งไอวันที่ไปยื่นสมัครเนี่ยพี่ตรงฝ่ายadmission ก็ได้บอกเรามาว่า เออต้องมีสอบ เลข / ภาษาอังกฤษ / ภาษาไทย นะ ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้นคือไปสอบที่หัวหมากหรือหรือบางนาก็ได้แล้วแต่สะดวก พอสอบเสร็จเค้าจะบอกมาอีกทีว่าเออสอบสัมภาษณ์และความถนัดวันไหน ค่ะ อันนี้แล้วแต่คณะนะแต่ที่รู้ๆมาคือน่าจะมีแค่นิเทศมั้งที่มีสอบอันนี้เพิ่ม
ในส่วนของการสอบ เลข นั้นถ้าจำไม่ผิดจะมีอยู่ 50ข้อ เป็น multiple chioces ทั้งหมดและมีเวลาให้ทำ2ชม. มั้ง ถามว่ายากมั้ย โดยส่วนตัวเราจากที่เคยสอบ เลข ของ SAT เราว่ามันง่ายกว่าค่อนข้างพอสมควรเลยค่ะ อ้อแต่ว่าเค้าไม่ให้ใช้เครื่องคิดเลขนะ
ภาษาอังกฤษ จขกท ไม่ได้สอบนะคะเพราะว่ายื่น ielts ไป
ละ ภาษาไทย ก็ง่ายมากค่ะ เค้าจะมีประโยคมาให้สั้นๆแล้วให้เราเขียนเรียงความประมาณ 6 - 8 บรรทัดเป็นภาษาไทยแล้วให้เราเอาประโยคที่เค้าให้มาน่ะมายัดใส่ในเรียงความของเราให้ได้ คือง่ายๆว่าให้เอาประโยคนี้เป็นใจความหลักของเรียงความบทนี้ที่เราเขียนนั่นเองค่ะ
ปล. จขกท ได้ไปสอบในส่วนนี้ที่ หัวหมากนะคะจะบอกว่าสภาพแวดล้อมในการสอบคือชิลแบบตอนแรกพูดกับตัวเองว่า ตูมาสอบจริงๆใช่มั้ย 555555 คือเค้าไม่ได้ริบโทรศัพท์ และ ไม่ได้มีใครมานั่งจ้องคุมเราระหว่างสอบเลยค่ะ ห้องสอบที่ไปสอบเหมือนเป็นห้อง ธุรการไรงี้ที่แบบเป็นห้องเชื่อมกัน ห้องข้างๆก็จะมีเจ้าหน้าที่นั่งทำงานหน้าคอมอยู่ ส่วนทะลุมาอีกห้องก็คือห้องที่เราสอบนั่นแหละ ส่วนถ้าไปสอบที่บางนาอันนี้ไม่รู้นะว่าสอบห้องไหนไรยังไง
ไปต่อนะคะ
ในส่วนของการ สอบเข้า COMART กันต่อค่ะ
นิเทศเนี่ยมันจะมีสองประเภทคือ พวกนิเทศแบบ advertising,live event, digital media communication และอื่นๆ กับ อีกประเภทที่จะเป็นพวกวาดรูปค่ะ จขกท สอบแบบประเภทแรกเพราะสกิลวาดรูปของอิชั้นคือ เด็กประถมมาก TwT อ้อ แต่รู้สึกว่า พวกวาดรูปกับไม่วาดนี่จะสอบแยกกันนะคะ แต่เราได้คุยกับคนที่มาสอบวาดรูปค่ะเค้าบอกว่า เค้าสอบวาดรูปอย่างเดียวแล้วก็สัมภาษณ์ แค่นั้นเลย ซึ่งสอบวาดรูปนี่เค้าจะมีวัตถุให้เลือกมั้งแล้วก็วาดๆไป
ต่อค่ะมาในส่วนของนิเทศที่ไม่ใช่วาดรูปกันต่อ
ตอนเช้าจะมีสอบความถนัดค่ะหรือที่เค้าเรียกว่า Aptitude Test ซึ่งการสอบความถนัดของนิเทศนั้นมีทั้งหมด 40ข้อ เป็น multiple choices ซึ่งเนื้อหาของข้อสอบเนี่ยจะบอกว่า ยากมากเลยค่ะสำหรับเราเพราะแทบไม่รู้เรื่องเลยค่ะบางข้อ อ้อแล้วก็ภาษาอังกฤษทุกข้อนะคะข้อสอบ ระยะเวลาในการสอบเค้าให้ตั้งแต่ 9.00-11.00 ค่ะซึ่งคนส่วนใหญ่เสร็จกันตั้งแต่10โมงละ แล้วพอสอบเสร็จก็ไปเดินเล่นรอบมอรอเวลาสอบสัมค่ะซึ่งเป็นเวลาบ่ายโมง
พอสอบ Interview เวลาบ่ายโมง ก็ที่ห้องเดิมนี่ละค่ะตอนแรกคิดเยอะคิดแยะว่าแบบจะแยกห้องสอบทีละคนไรงี้เปล่าไม่ใช่เลยค่ะ เค้าให้นักเรียนทุกคนอยู่ในห้องนั้นแล้วหน้าห้องก็เอาโต๊ะยาวๆมาตั้ง4-5 โต๊ะ แต่ละโต๊ะก็จะมีผู้สอบนั่งอยู่โต๊ะละคนค่ะ เห็นบางคนบอกว่าเค้าถามเป็นภาษาไทยก็มีนะแต่ของเราเค้าถามเราเป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียวเลยค่ะ ซึ่งคุยไปคุยมาเค้าก็วงให้เราผ่าน แล้วก็คะแนนของการสอบความถนัดก็เราก็ผ่านเช่นกันค่ะ **คือเราแอบเหล่มองตอนที่เค้าวงคะแนนเราหน่ะค่ะเลยเห็น55555**
ในส่วนของการinterview ที่เค้าถามนะคะ มาถึงเค้าก็จะให้เราแนะนำตัวค่ะ เราก็บอกชื่อจริงนามสกุล และชื่อเล่น วันเดือนปีเกิดไป แล้วเค้าก็ถามต่อว่าบ้านอยู่ที่ไหนสมาชิกในครอบครัวมีกี่คน เดินทางมามหาลัยด้วยวิธีไหน โตขึ้นอยากทำงานอาชีพอะไร ทำไมถึงอยากเข้านิเทศเอแบค เหตุผลที่เลือกเอแบค ในข้อนี้เนี่ยเราบอกไปค่ะว่า ในส่วนของ private university abac ก็คือดีที่สุดและเก่าแก่ที่สุดแล้วอะไรทำนองนี้ค่ะ ก็อะไรประมาณนี้ที่เราถูกถามมานะคะ
หลังจากสอบสัมเสร็จเค้าบอกเราเรียบร้อยละว่าผ่านเด้อเราก็แอบถามเค้าค่ะว่าทำไมสอบความถนัดมันยากจังคะ interviewer ก็เลยบอกเรามาค่ะว่าการสอบความถนัดเนี่ยที่มี40ข้อแบ่งเป็น4พาร์ท พาร์ทละ10ข้อ แต่ละพาร์ทที่เราทำๆไปเนี่ยก็มีการบ่งชี้ที่ต่างกันไป ซึ่งเราจำไม่ได้นะคะว่ามีอะไรบ้างแต่จำได้ว่าพาร์ทที่4 คือ Public Relation นั่นเองค่ะ เค้าบอกว่าการสอบนี้จะทำให้ตัว interviewer สามารถนำไปชี้แนะนักศึกษาได้ว่าเออควรเรียนด้านไหนดีนะอะไรแบบนี้ ส่วนด้านการสอบ สัมภาษณ์ เค้าบอกว่าจะเอามาชี้วัดค่ะเรามีสกิลในการพูดภาษาอังกฤษได้มากน้อยแค่ไหนนั่นเอง
สอบเสร็จเค้าก็จะบอกเราตรงนั้นเลยค่ะ คนที่สอบสัมภาษณ์เรานี่ละจะบอกว่าเราผ่านไม่ผ่านเพราะเค้าคือคนที่จะตัดสินค่ะว่าผ่านหรือตก พอรับรู้ว่าผ่านเสร็จก็รอแปปนึงเค้าก็จะให้ใบนักศึกษาชั่วคราวสีฟ้าที่ได้มาตอนadmission หน่ะค่ะมาแต่ได้มาในสภาพที่ยาวขึ้นเพราะมันจะมีรายละเอียดค่าแรกเข้าที่เราต้องนำมาจ่ายค่ะว่าเออต้องเรียน intensive มั้ย ถ้าเรียนเรียนกี่ชม. ราคาก็จะต่างกันไปในแต่ละคน ถ้าเรียน intensive เยอะชั่วโมงก็แพงหน่อยถ้าเรียนน้อยก็ถูกหน่อยค่ะ ซึ่งของ จขกท จะต้องนำเงินไปจ่ายในวันเสาร์นี้พร้อมกับไปประถมนิเทศด้วยเลยค่ะ
ขอจบการรีวิวไว้เท่านี้นะคะ! ใครสงสัยอะไรถ้า จขกท ทราบหรือสามารถให้คำตอบได้ก็จะบอกให้นะ! สู้ๆค่ะ :3
ปล. แท็กผิดห้องไหนขออภัยล่วงหน้าจ้า