คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 85
Ep. 36
พอเราถึงบ้านก็แยกย้ายกับคุณโซน คุณโซนก็ขับรถกลับบ้านไป เราก็โทรไปเม้าท์มอยกับเพื่อนตามประสา เพราะพวกมันห่วงเรามากที่เราบอกว่าให้มารับเราตอนทะเลาะกับคุณโซน พอเราเล่าเรื่องที่คุณโซนพาเราไปเจออาม่าให้ฟัง พวกมันก็ด่าเรายับเลย บอกเราตื่นตูมไปเอง 5555 ตัดมาตอนเช้าวันรุ่งขึ้น วันนี้ทำให้เราไม่อยากไปทำงานและไม่อยากเจอคุณโซนเลย เห้ออออ แล้วก็เหมือนเดิมคุณโซนมารับเราแต่เช้า กินข้าวบ้านเรา และไปส่งเราที่ทำงาน วันนี้เราก็นอยด์ๆกับคุณโซนอยู่นะ
ณ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง (คุณโซนส่งเราเสร็จก็กลับไป)
เรา : สวัสดีค่ะพี่ๆ
พี่หญิง : เป็นไง ไม่ค่อยสบายหายแล้วหรอ
เรา : ดีขึ้นแล้วค่ะพี่
พี่จอย : ไม่เป็นไรมากก็ดีแล้วผิง ดูแลตัวเองด้วย
เรา : คร้าาา
จากนั้นเราก็ทำงานตามปกติ พอเราทำงานไปซักพักรถที่เราคุ้นตาเป็นอย่างดีก็ขับเข้ามาที่บริษัท นั่นคือรถของคุณหยงนั่นเอง แต่เดี๋ยวนะคือวันนี้มาแต่เช้าเลย และอีกอย่าง คุณโซน คุณซัน คุณกิ่งยังไม่เข้ามาซักคน พอเราเจอแบบนี้เรานี่อยากป่วยทันทีเลย เอาจริงๆนะ เราอยากลางานมากๆ แต่ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบที่มี มันทำแบบนั้นไม่ได้ เห้ออออ เราเลยเลือกปิดมือถือและไม่เปิดไลน์ในคอมเพื่อหนีคุณโซน เพราะเรารู้ว่าคุณโซนต้องโทรหรือไลน์มาอย่างแน่นอนมยิ่งเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ เรายิ่งไม่อยากคุยกับคุณโซนเอามากๆ พอคุณหยงโผล่มาแต่เช้า เรื่องงานแต่งก็หนาหูขึ้นมาทันทีเพราะเป็นเรื่องที่พนักงานอย่างเราๆจะจับกลุ่มสนทนาเรื่องนี้ได้ยาวๆ เราก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไปโดยที่ไม่ได้สนใจอะไร เรากังวลและคิดหนักเรื่องนี้จริงๆ ในระหว่างที่เรานั่งทำงานอยู่ซักพักเสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะเราก็ดังขึ้น
☎️☎️☎️
เรา : สวัสดีค่ะ
คุณโซน : ปิดเครื่องทำไม และไลน์ไปทำไมไม่ตอบ (หึ เราคิดไว้อยู่แล้วเชียว ว่าจะต้องเป็นคุณโซน)
เรา : เรื่องงานมั้ยคะ ถ้าไม่ใช่เรื่องงานจะขอวางสาย
คุณโซน : ผิง ! (คุณโซนตะคอกใส่เรา ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าคุณโซนรู้เรื่องหรือยังที่คุณหยงโผล่มาแต่เช้า)
จากนั้นเราก็วางสายเลย คือเราเหนื่อยมากจริงๆ อยากลาออกจากการเป็นเรามาก ณ ตอนนั้น เราก็ทำงานต่อจนซักพักเราก็เห็นรถคุณโซนขับเข้ามาเราก็ไม่ได้อะไร แต่ คุณโซนนี่สิ เดินดุ่มๆ เข้ามาหาเราที่โต๊ะ
คุณโซน : ตามมาที่ห้องเดี๋ยวนี้
คุณโซนพูดด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด จนพี่หญิงกับพี่จอยถึงกับหน้ากัน และเราก็เดินตามไปที่ห้อง
ณ ห้องทำงานคุณโซน
คุณโซนก็นั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้วยอารมณ์หงุดหงิด ส่วนเราก็ยืนอยู่ตรงข้ามโต๊ะคุณโซน คือหันหน้าเข้าหากัน
คุณโซน : บอกกี่รอบแล้วผิง ว่าอย่าหนีปัญหา
เรา : หนีปัญหาตรงไหนคะ
คุณโซน : ก็ที่หยงเข้ามาที่นี่อีกวันนี้ไง แล้วผิงก็มาปิดเครื่อง ไม่อ่านไลน์อีก (คุณโซนพูดด้วยน้ำเสียงที่โมโห)
เรา : ไม่ได้หนีค่ะ
คุณโซน : ไม่หนีแล้วอะไร (คุณโซนตะคอกใส่เรา)
เรา : ......
คุณโซน : พูดมาดิ เงียบทำไม
เรา : จบหรือยังคะ
คุณโซน : อะไรคือจบหรือยัง (คุณโซนยังคงตะคอกเรา)
เรา : จะจบได้หรือยัง เรื่องของเรา (โอ้ยยย พอเราพูดคำนี้ออกไปมันช่างบีบหัวใจเรานัก)
คุณโซน : ผิง ! (คุณโซนเรียกชื่อเราด้วยความโมโห)
คุณโซน : จะเอาไง ให้เฮียออกไปบอกทุกคนเลยมั้ย ว่าเราคบกันอยู่
เรา : หึ (คือแบบมันจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง ไม่มีทาง)
คุณโซน : เฮียก็สงสัยอยู่นานละ ทำไมเราคบกันถึงห้ามบอกใคร (พอคุณโซนพูดคำนี้ อารมณ์เรานี่พุ่งปรี๊ดเลย ยังคงต้องให้บอกใช่ป่ะ)
เรา : ก็เรามันต่างกันไง ต่างมากด้วย คู่หมั้นคุณคือใคร ชั้นเป็นใคร แยกแยะหน่อยค่ะ (เราโมโหมากนะ คือแบบโมโหจริงๆ)
คุณโซน : ผิงอ่ะ แยกแยะบ้าง ทำไมต้องเอาตัวเองไปเปรียบกับใครด้วย
เรา : ใช่ ! ...ชั้นควรต้องแยก.....แยกตัวออกไปเลยอ่ะ
คุณโซน : (เอามือตบโต๊ะดัง ปั้ง ! จนคนข้างนอกต้องหันมามอง)
จากนั้นเราก็ไม่ได้สนใจอะไร เราเดินออกมาจากห้องเลย พอเรากลับมาที่โต๊ะ พี่หญิงกับพี่จอยก็ถามเราใหญ่เลยว่าคุณโซนเรียกเราไปที่ห้องทำไม เราก็บอกไปว่าเรื่องงาน พวกพี่ๆก็บอกสงสัยจะงานใหญ่ เพราะคุณโซนแลดูโมโห ตัดมาตอนเที่ยงนะ
พี่หญิง : ป่ะ พักละไปกินอะไรกันดี
พี่จอย : ไปโรงอาหารมั้ย วันนี้เห็นเหมือนรถคุณหยงเข้ามาเลย (โอ้ยยย เราเบื่อจะฟังเรื่องนี้เต็มทน)
เรา : พี่ๆไปกินกันเลยนะ วันนี้ผิงขอตัวนะ ว่าจะออกไปกินส้มตำข้างนอกอ่ะ
พี่จอย : เอ้า ไปด้วยกันดิงั้น ป่ะ เราออกไปข้างนอกกัน
จากนั้นเราก็ออกไปกินส้มตำข้างบริษัทกัน พอกินเสร็จเราก็กลับมาที่แผนก เรามองไปก็เห็นว่าอ้าว รถคุณหยงกลับไปแล้วนี่นา คือตอนนั้นเรามานั่งคิดดูแล้วนะว่าเราจะลาออกภายในอาทิตย์นี้นี่แหละ คือเราคิดว่าเราต้องถอยออกมาจริงๆแล้ว ในระหว่างที่เรานั่งทำงานกัน เลขาก็ลงมาที่แผนกเรา
เลขา : นี่พวกแกรู้เรื่องหรือยัง
พี่หญิง : เรื่องอะไร
พี่จอย : เรื่องที่คุณหยงเข้ามาที่นี่แต่เช้าอ่ะหรอ (โอ้ยยยย หนีไม่พ้นเรื่องพวกนี้ซักทีนะเรา)
เลขา : ไม่ใช่จ้ะ
พี่จอย : เอ้า แล้วเรื่องอะไร
พี่หญิง : รีบๆเล่ามาให้ไว (พี่หญิงนี่อยากรู้มากกกก)
เลขา : 55555 ชั้นรู้ข่าวมาว่า คุณโซนจะถอนหมั้นคุณหยงนะแก
พวกเรา : ห๊ะ !!!!! (จากที่เราไม่อยากฟังเรื่องนี้ แต่คำพูดนี้ทำให้เราหูพึ่งขึ้นมาทันที)
เลขา : พวกแกตกใจใช่มั้ย ตอนชั้นรู้ ชั้นก็ตกใจเหมือนกัน
พี่หญิง : ข่าวแกกรองหรือยังเนี่ย
พี่จอย : นั่นสิ เมื่อวานแกยังบอกอยู่เลยว่างานแต่งจะมีในเร็วๆนี้
พี่หญิง : เออ แล้วมาวันนี้บอกคุณโซนถอนหมั้น ข้างงหว่ะ
เลขา : โอ้ยยย ข่าวนี้กรองมาแล้วล้าน% แต่ความเป็นมาชั้นก็ไม่ค่อยแน่ใจ
พี่จอย : โอ้ยยย กลับแผนกไปเหอะงั้น รู้ไม่หมดนี่หว่า
เลขา : แหม แต่ข่าวชั้นก็กรองมานะจ๊ะ ว่าคุณโซนถอนหมั้นคุณหยงแล้วจริงๆ
พี่หญิง : เอ้า ถ้าจะถอนหมั้น แล้วคุณหยงจะมาที่นี่ทำไม
พี่จอย : นั่นสิ แล้วถอนหมั้นกันตอนไหน
เลขา : โอ้ยยย ถอนเมื่อกี๊นี้เลย
พวกเรา : ห๊ะ ! (โอ้ยยย เรานี่ใจสั่นมาก ถอนหมั้นกันเมื่อกี๊)
พี่หญิง : อิบ้า ถอนเมื่อกี๊แล้วแกไปรู้เรื่องได้ยังไง
เลขา : ก็อาม่าเพิ่งสายตรงมาหาเสี่ย 2 แจ้งเรื่องที่คุณโซนจะถอนหมั้นกับคุณหยงอ่ะดิ (เวลาพูดกันเองพวกเราก็จะแทนว่าอาม่า แต่พอเจออาม่าจริงๆ พวกเราก็จะเรียกว่าท่าน 555 งงป่ะ)
พี่จอย : เห้ยยยย จริงอ่ะ
เลขา : จริงงงงง พอคุณหยงรู้เรื่องว่าคุณโซนจะถอนหมั้น ก็บึ่งรถออกไปอย่างไว
พี่หญิง : ตายแล้วววว
เลขา : ยัง ยังไม่ตายแก 55555
พี่จอย : แล้วทำไมอาม่าถึงสายตรงมาวะ
พี่หญิง : นั่นดิ ข้าว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่เลย
เลขา : ชั้นก็คิดเหมือนแกนั่นแหละ
พี่หญิง : เรื่องนี้เป็นทอคออฟเดอะทาวน์เลยนะเนี่ย
พี่จอย : ใช่ๆ งานแต่งก็จะเริ่มอยู่รอมร่อ
เลขา : งานบ้างานบออะไร ไม่มี
พี่หญิง พี่จอย : เห้ยยยย จริงดิ
เลขา : ก็จริงน่ะสิ ข่าวว่า คุณโซนกับคุณหยง เลิกกันตั้งแต่หมั้นกันได้ปีแรกแล้วววว
พี่หญิง : เห้ยยย พีคสุด ไม่รู้เรื่องเลยนะเนี่ย
พี่จอย : แล้วทำไมเพิ่งถอนหมั้นวะ หรือว่าคุณโซนมีแฟนใหม่ตอนที่คุณหยงไปต่างประเทศ (เรานี่หันควับเลย พอเราฟังเรื่องนี้ตัวเราสั่น มือสั่น ใจสั่นยังไงไม่รู้)
เลขา : ไม่นะ เท่าที่ชั้นสอดส่อง คุณโซนไม่ได้มีแฟนที่ไหนนะ
พี่หญิง : แหม นังนี่ มีสอดส่อง เหอะ
เลข่ : 55555
พี่จอย : ว่าแต่ เค้าถอนหมั้นกันเรื่องอะไรวะ
พี่หญิง : หรือเค้าไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก เพราะโดนคลุมถุงชน
พี่จอย : โอ้ยยนี่มันยุคไหนแล้วถ้าโดนคลุมถุงชน ถ้าคนมันไม่มีใจให้กันแต่แรก จะยอมหมั้นกันทำไม
พี่หญิง : เออ จริง
พี่จอย : ไม่ได้การละ อย่างนี้ต้องสืบ 555555
เลขา : โอ้ยยย ชั้นก็สืบอยู่เหมือนกัน
พี่จอย : เอ้อ ผิง
เรา : ห๊ะ ! (โอ้ย พอพี่จอยเรียก เรานี่สะดุ้งเลย)
พี่จอย : ตกใจอะไรเนี่ย คิดอะไรอยู่
เรา : อ๋อ ป่าวพี่ ว่าไง ?
พี่จอย : พี่จะถามว่า แกไม่คิดจะออกความเห็นอะไรหน่อยหรอ
เรา : อืมม ไม่อ่ะพี่ หนูฟังอย่างเดียวก็พอแล้ว
พี่หญิง : โอ้ยยย ผิงมันจะออกความคิดอะไร วันนี้งานมันก็เข้า คุณโซนเข้ามาตามมันไปพบด้วยความโมโห
พี่จอย : เออ หรือว่าคุณโซนโมโหเรื่องถอนหมั้น เลยมาลงเรื่องงานวะ
เลขา : อาจจะเป็นไปได้
โอ้ยยยยย พี่พวกนี้ก็เ
ันไปต่างๆนาๆ เอาจริงๆ พอเราได้ยินแบบนี้เรารู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้ เราไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลยจริงๆ สงสารคุณหยงก็สงสาร สงสารตัวเองก็สงสาร แล้วเราควรจะสงสารคุณโซนด้วยมั้ย เห้อออออ วันนั้นทั้งวันไม่เป็นอันทำการทำงาน เรื่องซุบซิบแห่งปีก็เห็นจะเป็นเรื่องนี้สินะ ตัดมาตอนเลิกงานเลยนะ เรากะว่าวันนี้เราจะไม่กลับบ้านกับคุณโซนแน่ๆ ถึงจะไปเอารถใครมารับ เราก็จะไม่กลับ เราเลยไลน์ไปบอกไว้
💬💬💬 (คุณโซน)
เรา : วันนี้ไม่ต้องรอรับ
คุณโซน : ทำไม
เรา : ก็ไม่ทำไม
คุณโซน : ขอเหตุผล (โอ้ย จะขอเหตุผลอะไร ก็คนบอกว่าไม่ต้องมารับ)
เรา : เกิดเรื่องถอนหมั้นขึ้น ผิงว่าเราห่างกันเหอะค่ะ
คุณโซน : จะรอรับ !
เรา : ก็บอกว่าไม่ต้อง
คุณโซน : ก็ลองดู เดี๋ยวก็รู้ว่าจะทำอะไร (โอ้ยยย เกลียดคำนี้ที่สุด)
ในที่สุดเราก็ต้องกลับกับคุณโซนนั่นแหละ เหอะ เราจะหนีไปไหนได้ล่ะ ก็เค้าขู่ซะขนาดนี้ เซ็งงงง
ณ บนรถ
พอเราขึ้นรถมาเราก็เงียบ ไม่พูดอะไร คุณโซนก็ไม่พูดอะไร เราเกลียดความรู้สึกแบบนี้ที่สุด มันช่างอึดอัดซะจริงๆ ในระหว่างที่รถกำลังแล่นไป เราก็รู้เลยว่าไม่ใช่ทางกลับบ้านเราแน่ๆ
เรา : นี่จะไปไหน (บอกแล้วว่าเวลาอารมณ์ไม่ดี คะ ค่ะ ไม่ต้องมีกันแล้วจ้ะ 55)
คุณโซน : โทรไปบอกแม่ ว่าจะกลับช้า ไม่ต้องรอกินข้าว
เรา : ไม่อ่ะ แล้วนี่จะไปไหน
คุณโซน : จะไม่โทรใช่ป่ะ งั้นเดี๋ยวโทรเอง (หึ อารมณ์เรานี่พุ่งปรี๊ดเลย คนอะไรเอาแต่ใจชะมัด)
จากนั้นเราก็โทรไปบอกแม่เราว่ากลับบ้านดึก ไม่ต้องรอกินข้าว จากนั้นสถานการณ์บนรถก็เงียบสงัด ไม่มีแม้กระทั่งเสียงเพลง พอรถวิ่งไปได้ซักพักเราก็รู้เลยว่าเส้นทางข้างหน้าคือ คอนโด หึ พาเราไปคอนโดแน่ๆ จากนั้นรถก็มาจอดอยู่ที่คอนโด เรานี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่อยากจะลงเลยจริงๆ
ณ คอนโด (คุณโซน)
จากนั้นเราก็ลงจากรถ เดินเข้าคอนโด พอเราเดินเข้ามาต้องถึงกับสตั๊นไป 3 วิ เพราะเราเห็นคนใส่ชุดฟอร์มของบริษัทเรา นั่งอยู่ตรงล็อบบี้ ตายแล้วววว ก็เลขาไงจะอะไรล่ะ พอเราเห็นเลขาเท่านั้น ด้วยความตกใจ เราเลยรีบนั่งยองๆ แล้วค่อยๆขยับหลบข้างเสา
คุณโซน : เอ้า ลงไปนั่งทำไม เป็นอะไรเนี่ย
เรา : โน่นๆ (เราพูดเบาๆ พร้อมชี้มือไปทางเลขา)
คุณโซน : (มองตามมือที่ชี้) แล้วไง จะหลบทำไม
เรา : โอ้ยยย (เรานี่ร้อนรนมาก กลัวเลขาจะเห็นมาก ตายๆ)
คุณโซน : อ้าว คุณเลมาทำอะไรที่นี่ครับ (เราให้ชื่อเลขาว่า"เล" ละกันนะ เพราะช่วงนี้เราจะเล่าถึงเค้าบ่อยหน่อย) (นั่นไง ดันไปเรียกเค้าอีก)
เรา : (พอคุณโซนเรียกเลขาเท่านั้น เราก็หลบข้างเสา แล้วเดินเข้าลานจอดรถเหมือนเดิม อ้อเราจะบอกว่า ไม่ต้องกลัวว่าเราจะป๊ะกับเลขาที่ลานจอดรถนะ เพราะลานจอดของผู้เช่า กับ แขกผู้มาเยือนคนละที่กัน)
จากนั้นเราก็หลบเข้าลานจานรถด้วยความร้อนรน โอ้ยตายๆ เมื่อกี๊เลขาเห็นเราหรือป่าวนะ ตายๆ ทำไงดี ทำไงดี เราก็ยืนรออย่างหลบๆ ซ่อนๆ พอซักพักคุณโซนก็เดินมาหาเรา
เรา : เลขาไปยัง
คุณโซน : ไปแล้ว
เรา : เห้ออออ (เราถอนหายใจแรงมาก)
คุณโซน : คบกับเฮียมันต้องหลบคนอื่ยขนาดนี้เลย (จุกเลย พอคุณโซนถามแบบนี้เรานี่จุกแบบพูดไม่ออกเลย)
เรา : คือ ไม่ใช่อย่างนั้น
คุณโซน : ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วยังไง
เรา : คือ แบบ ..... (โอ้ยเราก็บอกไม่ถูก)
คุณโซน : แล้วนี่จะขึ้นคอนโดมั้ย มีเรื่องจะคุย หรือจะคุยตรงนี้
เรา : ก็ไม่ได้จะคุยตรงนี้ งั้นไปที่อื่นได้มั้ย
พอเราพูดจบ คุณโซนก็ขึ้นรถปิดประตูดัง ปั้ง !!!! โอ้ยยย เรานี่ใจเต้นรัวๆเลย คุณโซนโมโหอะไรอีกเนี่ยยยย จากนั้นเราก็เดินตามขึ้นรถไป
#ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ
พอเราถึงบ้านก็แยกย้ายกับคุณโซน คุณโซนก็ขับรถกลับบ้านไป เราก็โทรไปเม้าท์มอยกับเพื่อนตามประสา เพราะพวกมันห่วงเรามากที่เราบอกว่าให้มารับเราตอนทะเลาะกับคุณโซน พอเราเล่าเรื่องที่คุณโซนพาเราไปเจออาม่าให้ฟัง พวกมันก็ด่าเรายับเลย บอกเราตื่นตูมไปเอง 5555 ตัดมาตอนเช้าวันรุ่งขึ้น วันนี้ทำให้เราไม่อยากไปทำงานและไม่อยากเจอคุณโซนเลย เห้ออออ แล้วก็เหมือนเดิมคุณโซนมารับเราแต่เช้า กินข้าวบ้านเรา และไปส่งเราที่ทำงาน วันนี้เราก็นอยด์ๆกับคุณโซนอยู่นะ
ณ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง (คุณโซนส่งเราเสร็จก็กลับไป)
เรา : สวัสดีค่ะพี่ๆ
พี่หญิง : เป็นไง ไม่ค่อยสบายหายแล้วหรอ
เรา : ดีขึ้นแล้วค่ะพี่
พี่จอย : ไม่เป็นไรมากก็ดีแล้วผิง ดูแลตัวเองด้วย
เรา : คร้าาา
จากนั้นเราก็ทำงานตามปกติ พอเราทำงานไปซักพักรถที่เราคุ้นตาเป็นอย่างดีก็ขับเข้ามาที่บริษัท นั่นคือรถของคุณหยงนั่นเอง แต่เดี๋ยวนะคือวันนี้มาแต่เช้าเลย และอีกอย่าง คุณโซน คุณซัน คุณกิ่งยังไม่เข้ามาซักคน พอเราเจอแบบนี้เรานี่อยากป่วยทันทีเลย เอาจริงๆนะ เราอยากลางานมากๆ แต่ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบที่มี มันทำแบบนั้นไม่ได้ เห้ออออ เราเลยเลือกปิดมือถือและไม่เปิดไลน์ในคอมเพื่อหนีคุณโซน เพราะเรารู้ว่าคุณโซนต้องโทรหรือไลน์มาอย่างแน่นอนมยิ่งเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ เรายิ่งไม่อยากคุยกับคุณโซนเอามากๆ พอคุณหยงโผล่มาแต่เช้า เรื่องงานแต่งก็หนาหูขึ้นมาทันทีเพราะเป็นเรื่องที่พนักงานอย่างเราๆจะจับกลุ่มสนทนาเรื่องนี้ได้ยาวๆ เราก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไปโดยที่ไม่ได้สนใจอะไร เรากังวลและคิดหนักเรื่องนี้จริงๆ ในระหว่างที่เรานั่งทำงานอยู่ซักพักเสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะเราก็ดังขึ้น
☎️☎️☎️
เรา : สวัสดีค่ะ
คุณโซน : ปิดเครื่องทำไม และไลน์ไปทำไมไม่ตอบ (หึ เราคิดไว้อยู่แล้วเชียว ว่าจะต้องเป็นคุณโซน)
เรา : เรื่องงานมั้ยคะ ถ้าไม่ใช่เรื่องงานจะขอวางสาย
คุณโซน : ผิง ! (คุณโซนตะคอกใส่เรา ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าคุณโซนรู้เรื่องหรือยังที่คุณหยงโผล่มาแต่เช้า)
จากนั้นเราก็วางสายเลย คือเราเหนื่อยมากจริงๆ อยากลาออกจากการเป็นเรามาก ณ ตอนนั้น เราก็ทำงานต่อจนซักพักเราก็เห็นรถคุณโซนขับเข้ามาเราก็ไม่ได้อะไร แต่ คุณโซนนี่สิ เดินดุ่มๆ เข้ามาหาเราที่โต๊ะ
คุณโซน : ตามมาที่ห้องเดี๋ยวนี้
คุณโซนพูดด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด จนพี่หญิงกับพี่จอยถึงกับหน้ากัน และเราก็เดินตามไปที่ห้อง
ณ ห้องทำงานคุณโซน
คุณโซนก็นั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้วยอารมณ์หงุดหงิด ส่วนเราก็ยืนอยู่ตรงข้ามโต๊ะคุณโซน คือหันหน้าเข้าหากัน
คุณโซน : บอกกี่รอบแล้วผิง ว่าอย่าหนีปัญหา
เรา : หนีปัญหาตรงไหนคะ
คุณโซน : ก็ที่หยงเข้ามาที่นี่อีกวันนี้ไง แล้วผิงก็มาปิดเครื่อง ไม่อ่านไลน์อีก (คุณโซนพูดด้วยน้ำเสียงที่โมโห)
เรา : ไม่ได้หนีค่ะ
คุณโซน : ไม่หนีแล้วอะไร (คุณโซนตะคอกใส่เรา)
เรา : ......
คุณโซน : พูดมาดิ เงียบทำไม
เรา : จบหรือยังคะ
คุณโซน : อะไรคือจบหรือยัง (คุณโซนยังคงตะคอกเรา)
เรา : จะจบได้หรือยัง เรื่องของเรา (โอ้ยยย พอเราพูดคำนี้ออกไปมันช่างบีบหัวใจเรานัก)
คุณโซน : ผิง ! (คุณโซนเรียกชื่อเราด้วยความโมโห)
คุณโซน : จะเอาไง ให้เฮียออกไปบอกทุกคนเลยมั้ย ว่าเราคบกันอยู่
เรา : หึ (คือแบบมันจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง ไม่มีทาง)
คุณโซน : เฮียก็สงสัยอยู่นานละ ทำไมเราคบกันถึงห้ามบอกใคร (พอคุณโซนพูดคำนี้ อารมณ์เรานี่พุ่งปรี๊ดเลย ยังคงต้องให้บอกใช่ป่ะ)
เรา : ก็เรามันต่างกันไง ต่างมากด้วย คู่หมั้นคุณคือใคร ชั้นเป็นใคร แยกแยะหน่อยค่ะ (เราโมโหมากนะ คือแบบโมโหจริงๆ)
คุณโซน : ผิงอ่ะ แยกแยะบ้าง ทำไมต้องเอาตัวเองไปเปรียบกับใครด้วย
เรา : ใช่ ! ...ชั้นควรต้องแยก.....แยกตัวออกไปเลยอ่ะ
คุณโซน : (เอามือตบโต๊ะดัง ปั้ง ! จนคนข้างนอกต้องหันมามอง)
จากนั้นเราก็ไม่ได้สนใจอะไร เราเดินออกมาจากห้องเลย พอเรากลับมาที่โต๊ะ พี่หญิงกับพี่จอยก็ถามเราใหญ่เลยว่าคุณโซนเรียกเราไปที่ห้องทำไม เราก็บอกไปว่าเรื่องงาน พวกพี่ๆก็บอกสงสัยจะงานใหญ่ เพราะคุณโซนแลดูโมโห ตัดมาตอนเที่ยงนะ
พี่หญิง : ป่ะ พักละไปกินอะไรกันดี
พี่จอย : ไปโรงอาหารมั้ย วันนี้เห็นเหมือนรถคุณหยงเข้ามาเลย (โอ้ยยย เราเบื่อจะฟังเรื่องนี้เต็มทน)
เรา : พี่ๆไปกินกันเลยนะ วันนี้ผิงขอตัวนะ ว่าจะออกไปกินส้มตำข้างนอกอ่ะ
พี่จอย : เอ้า ไปด้วยกันดิงั้น ป่ะ เราออกไปข้างนอกกัน
จากนั้นเราก็ออกไปกินส้มตำข้างบริษัทกัน พอกินเสร็จเราก็กลับมาที่แผนก เรามองไปก็เห็นว่าอ้าว รถคุณหยงกลับไปแล้วนี่นา คือตอนนั้นเรามานั่งคิดดูแล้วนะว่าเราจะลาออกภายในอาทิตย์นี้นี่แหละ คือเราคิดว่าเราต้องถอยออกมาจริงๆแล้ว ในระหว่างที่เรานั่งทำงานกัน เลขาก็ลงมาที่แผนกเรา
เลขา : นี่พวกแกรู้เรื่องหรือยัง
พี่หญิง : เรื่องอะไร
พี่จอย : เรื่องที่คุณหยงเข้ามาที่นี่แต่เช้าอ่ะหรอ (โอ้ยยยย หนีไม่พ้นเรื่องพวกนี้ซักทีนะเรา)
เลขา : ไม่ใช่จ้ะ
พี่จอย : เอ้า แล้วเรื่องอะไร
พี่หญิง : รีบๆเล่ามาให้ไว (พี่หญิงนี่อยากรู้มากกกก)
เลขา : 55555 ชั้นรู้ข่าวมาว่า คุณโซนจะถอนหมั้นคุณหยงนะแก
พวกเรา : ห๊ะ !!!!! (จากที่เราไม่อยากฟังเรื่องนี้ แต่คำพูดนี้ทำให้เราหูพึ่งขึ้นมาทันที)
เลขา : พวกแกตกใจใช่มั้ย ตอนชั้นรู้ ชั้นก็ตกใจเหมือนกัน
พี่หญิง : ข่าวแกกรองหรือยังเนี่ย
พี่จอย : นั่นสิ เมื่อวานแกยังบอกอยู่เลยว่างานแต่งจะมีในเร็วๆนี้
พี่หญิง : เออ แล้วมาวันนี้บอกคุณโซนถอนหมั้น ข้างงหว่ะ
เลขา : โอ้ยยย ข่าวนี้กรองมาแล้วล้าน% แต่ความเป็นมาชั้นก็ไม่ค่อยแน่ใจ
พี่จอย : โอ้ยยย กลับแผนกไปเหอะงั้น รู้ไม่หมดนี่หว่า
เลขา : แหม แต่ข่าวชั้นก็กรองมานะจ๊ะ ว่าคุณโซนถอนหมั้นคุณหยงแล้วจริงๆ
พี่หญิง : เอ้า ถ้าจะถอนหมั้น แล้วคุณหยงจะมาที่นี่ทำไม
พี่จอย : นั่นสิ แล้วถอนหมั้นกันตอนไหน
เลขา : โอ้ยยย ถอนเมื่อกี๊นี้เลย
พวกเรา : ห๊ะ ! (โอ้ยยย เรานี่ใจสั่นมาก ถอนหมั้นกันเมื่อกี๊)
พี่หญิง : อิบ้า ถอนเมื่อกี๊แล้วแกไปรู้เรื่องได้ยังไง
เลขา : ก็อาม่าเพิ่งสายตรงมาหาเสี่ย 2 แจ้งเรื่องที่คุณโซนจะถอนหมั้นกับคุณหยงอ่ะดิ (เวลาพูดกันเองพวกเราก็จะแทนว่าอาม่า แต่พอเจออาม่าจริงๆ พวกเราก็จะเรียกว่าท่าน 555 งงป่ะ)
พี่จอย : เห้ยยยย จริงอ่ะ
เลขา : จริงงงงง พอคุณหยงรู้เรื่องว่าคุณโซนจะถอนหมั้น ก็บึ่งรถออกไปอย่างไว
พี่หญิง : ตายแล้วววว
เลขา : ยัง ยังไม่ตายแก 55555
พี่จอย : แล้วทำไมอาม่าถึงสายตรงมาวะ
พี่หญิง : นั่นดิ ข้าว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่เลย
เลขา : ชั้นก็คิดเหมือนแกนั่นแหละ
พี่หญิง : เรื่องนี้เป็นทอคออฟเดอะทาวน์เลยนะเนี่ย
พี่จอย : ใช่ๆ งานแต่งก็จะเริ่มอยู่รอมร่อ
เลขา : งานบ้างานบออะไร ไม่มี
พี่หญิง พี่จอย : เห้ยยยย จริงดิ
เลขา : ก็จริงน่ะสิ ข่าวว่า คุณโซนกับคุณหยง เลิกกันตั้งแต่หมั้นกันได้ปีแรกแล้วววว
พี่หญิง : เห้ยยย พีคสุด ไม่รู้เรื่องเลยนะเนี่ย
พี่จอย : แล้วทำไมเพิ่งถอนหมั้นวะ หรือว่าคุณโซนมีแฟนใหม่ตอนที่คุณหยงไปต่างประเทศ (เรานี่หันควับเลย พอเราฟังเรื่องนี้ตัวเราสั่น มือสั่น ใจสั่นยังไงไม่รู้)
เลขา : ไม่นะ เท่าที่ชั้นสอดส่อง คุณโซนไม่ได้มีแฟนที่ไหนนะ
พี่หญิง : แหม นังนี่ มีสอดส่อง เหอะ
เลข่ : 55555
พี่จอย : ว่าแต่ เค้าถอนหมั้นกันเรื่องอะไรวะ
พี่หญิง : หรือเค้าไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก เพราะโดนคลุมถุงชน
พี่จอย : โอ้ยยนี่มันยุคไหนแล้วถ้าโดนคลุมถุงชน ถ้าคนมันไม่มีใจให้กันแต่แรก จะยอมหมั้นกันทำไม
พี่หญิง : เออ จริง
พี่จอย : ไม่ได้การละ อย่างนี้ต้องสืบ 555555
เลขา : โอ้ยยย ชั้นก็สืบอยู่เหมือนกัน
พี่จอย : เอ้อ ผิง
เรา : ห๊ะ ! (โอ้ย พอพี่จอยเรียก เรานี่สะดุ้งเลย)
พี่จอย : ตกใจอะไรเนี่ย คิดอะไรอยู่
เรา : อ๋อ ป่าวพี่ ว่าไง ?
พี่จอย : พี่จะถามว่า แกไม่คิดจะออกความเห็นอะไรหน่อยหรอ
เรา : อืมม ไม่อ่ะพี่ หนูฟังอย่างเดียวก็พอแล้ว
พี่หญิง : โอ้ยยย ผิงมันจะออกความคิดอะไร วันนี้งานมันก็เข้า คุณโซนเข้ามาตามมันไปพบด้วยความโมโห
พี่จอย : เออ หรือว่าคุณโซนโมโหเรื่องถอนหมั้น เลยมาลงเรื่องงานวะ
เลขา : อาจจะเป็นไปได้
โอ้ยยยยย พี่พวกนี้ก็เ

💬💬💬 (คุณโซน)
เรา : วันนี้ไม่ต้องรอรับ
คุณโซน : ทำไม
เรา : ก็ไม่ทำไม
คุณโซน : ขอเหตุผล (โอ้ย จะขอเหตุผลอะไร ก็คนบอกว่าไม่ต้องมารับ)
เรา : เกิดเรื่องถอนหมั้นขึ้น ผิงว่าเราห่างกันเหอะค่ะ
คุณโซน : จะรอรับ !
เรา : ก็บอกว่าไม่ต้อง
คุณโซน : ก็ลองดู เดี๋ยวก็รู้ว่าจะทำอะไร (โอ้ยยย เกลียดคำนี้ที่สุด)
ในที่สุดเราก็ต้องกลับกับคุณโซนนั่นแหละ เหอะ เราจะหนีไปไหนได้ล่ะ ก็เค้าขู่ซะขนาดนี้ เซ็งงงง
ณ บนรถ
พอเราขึ้นรถมาเราก็เงียบ ไม่พูดอะไร คุณโซนก็ไม่พูดอะไร เราเกลียดความรู้สึกแบบนี้ที่สุด มันช่างอึดอัดซะจริงๆ ในระหว่างที่รถกำลังแล่นไป เราก็รู้เลยว่าไม่ใช่ทางกลับบ้านเราแน่ๆ
เรา : นี่จะไปไหน (บอกแล้วว่าเวลาอารมณ์ไม่ดี คะ ค่ะ ไม่ต้องมีกันแล้วจ้ะ 55)
คุณโซน : โทรไปบอกแม่ ว่าจะกลับช้า ไม่ต้องรอกินข้าว
เรา : ไม่อ่ะ แล้วนี่จะไปไหน
คุณโซน : จะไม่โทรใช่ป่ะ งั้นเดี๋ยวโทรเอง (หึ อารมณ์เรานี่พุ่งปรี๊ดเลย คนอะไรเอาแต่ใจชะมัด)
จากนั้นเราก็โทรไปบอกแม่เราว่ากลับบ้านดึก ไม่ต้องรอกินข้าว จากนั้นสถานการณ์บนรถก็เงียบสงัด ไม่มีแม้กระทั่งเสียงเพลง พอรถวิ่งไปได้ซักพักเราก็รู้เลยว่าเส้นทางข้างหน้าคือ คอนโด หึ พาเราไปคอนโดแน่ๆ จากนั้นรถก็มาจอดอยู่ที่คอนโด เรานี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่อยากจะลงเลยจริงๆ
ณ คอนโด (คุณโซน)
จากนั้นเราก็ลงจากรถ เดินเข้าคอนโด พอเราเดินเข้ามาต้องถึงกับสตั๊นไป 3 วิ เพราะเราเห็นคนใส่ชุดฟอร์มของบริษัทเรา นั่งอยู่ตรงล็อบบี้ ตายแล้วววว ก็เลขาไงจะอะไรล่ะ พอเราเห็นเลขาเท่านั้น ด้วยความตกใจ เราเลยรีบนั่งยองๆ แล้วค่อยๆขยับหลบข้างเสา
คุณโซน : เอ้า ลงไปนั่งทำไม เป็นอะไรเนี่ย
เรา : โน่นๆ (เราพูดเบาๆ พร้อมชี้มือไปทางเลขา)
คุณโซน : (มองตามมือที่ชี้) แล้วไง จะหลบทำไม
เรา : โอ้ยยย (เรานี่ร้อนรนมาก กลัวเลขาจะเห็นมาก ตายๆ)
คุณโซน : อ้าว คุณเลมาทำอะไรที่นี่ครับ (เราให้ชื่อเลขาว่า"เล" ละกันนะ เพราะช่วงนี้เราจะเล่าถึงเค้าบ่อยหน่อย) (นั่นไง ดันไปเรียกเค้าอีก)
เรา : (พอคุณโซนเรียกเลขาเท่านั้น เราก็หลบข้างเสา แล้วเดินเข้าลานจอดรถเหมือนเดิม อ้อเราจะบอกว่า ไม่ต้องกลัวว่าเราจะป๊ะกับเลขาที่ลานจอดรถนะ เพราะลานจอดของผู้เช่า กับ แขกผู้มาเยือนคนละที่กัน)
จากนั้นเราก็หลบเข้าลานจานรถด้วยความร้อนรน โอ้ยตายๆ เมื่อกี๊เลขาเห็นเราหรือป่าวนะ ตายๆ ทำไงดี ทำไงดี เราก็ยืนรออย่างหลบๆ ซ่อนๆ พอซักพักคุณโซนก็เดินมาหาเรา
เรา : เลขาไปยัง
คุณโซน : ไปแล้ว
เรา : เห้ออออ (เราถอนหายใจแรงมาก)
คุณโซน : คบกับเฮียมันต้องหลบคนอื่ยขนาดนี้เลย (จุกเลย พอคุณโซนถามแบบนี้เรานี่จุกแบบพูดไม่ออกเลย)
เรา : คือ ไม่ใช่อย่างนั้น
คุณโซน : ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วยังไง
เรา : คือ แบบ ..... (โอ้ยเราก็บอกไม่ถูก)
คุณโซน : แล้วนี่จะขึ้นคอนโดมั้ย มีเรื่องจะคุย หรือจะคุยตรงนี้
เรา : ก็ไม่ได้จะคุยตรงนี้ งั้นไปที่อื่นได้มั้ย
พอเราพูดจบ คุณโซนก็ขึ้นรถปิดประตูดัง ปั้ง !!!! โอ้ยยย เรานี่ใจเต้นรัวๆเลย คุณโซนโมโหอะไรอีกเนี่ยยยย จากนั้นเราก็เดินตามขึ้นรถไป
#ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ
แสดงความคิดเห็น
รักกัน บนความต่าง ❤️
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเราขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อผิง (นามสมมุติ) เราเป็นผู้หญิงผมยาว หุ่นดี แต่ไม่สูงมาก 555 สูงประมาณ 163 ผิวขาว ตา 2 ชั้น แต่ว่าตาเล็ก 55 (ดูรวมๆแล้วก็น่ารัก 555) เราเป็นเด็กทั่วไป นิสัยฮาๆ บ้าๆบอๆ 55 สามารถทำให้คนรอบข้างหัวเราะได้ตลอดเวลา และเป็นที่รักของเพื่อนๆ พ่อกับแม่เราแยกทางกันตอนเราอยู่ ม.3 เราอยู่กับแม่ เราเป็นลูกคนเดียว ปู่ปลูกบ้านให้เรากับแม่อยู่ซึ่งอยู่บ้านใกล้ๆกันกับปู่ ปู่เราไล่พ่อออกจากบ้านเพราะพ่อเรานอกใจแม่เรา ทางบ้านปู่เราค่อนข้างมีฐานะ แต่ไม่ได้ถึงกับรวยและก็ไม่จน (เหมือนจะงง) ส่วนเรากับแม่ก็ฐานะปานกลาง ปู่สร้างบ้านให้เรา เป็นบ้าน 2 ชั้น มีรั้วรอบ มีพื้นที่ มีสวน เรื่องสวนปู่เราเป็นคนมาปลูกให้เพราะปู่เราชอบปลูกต้นไม้ ส่วนแม่เราก็ไม่มีสามีใหม่นะ ไม่รู้ทำไม ตลอดเวลาที่เราเรียนปู่ก็ส่งเสียเราบ้าง แต่ส่วนมากแม่เราไม่ค่อยรับเงินจากปู่เท่าไหร่ แม่เราเกรงใจ แต่ตั้งแต่พ่อทิ้งเราไป พ่อก็ไม่หันกลับมาหาเรากับแม่อีกเลย พ่อไปมีครอบครัวใหม่ ที่จริงเราคิดอยู่นานมาก ว่าเราจะเล่าเรื่องส่วนตัวของเราดีมั้ย แต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วก็....เล่าเถอะ 55555 เข้าเรื่องกันดีกว่า
ณ วันที่เราเรียนจบป.ตรี เราก็เริ่มหางานทำ จนเราได้มาทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ค่อนข้างจะไกลนิดนึง แต่นั่งรถมาสะดวกแค่นั่งวินจากปากซอย และนั่งรถตู้มาต่อเดียวก็ถึงหน้าบริษัทเลย เพราะบริษัทอยู่ติดถนนใหญ่ และรถตู้ก็วิ่งผ่านซอยบ้านเรา เป็นบริษัทไม่เล็กไม่ใหญ่ มีคนงานประมาณ 300 กว่าคน มีทั้งกะเช้ากะดึก โรงงานตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างพอสมควร มีตึกหลายตึกมาก แต่ละตึกถูกแบ่งแยกตามแต่ละแผนกออกไป ส่วนเรามาทำงานในตำแหน่งหนึ่ง อยู่ออฟฟิตหน้า คือใครไปใครมาต้องมาติดต่อที่ตึกนี้ บริษัทนี้มีผู้บริหารทั้งหมด 4 ท่าน 3 ท่านนั่งบริษัทเป็นหลัก ส่วนอีก 1 ท่านไม่ได้นั่งบริหาร ผู้บริหารที่นี่เป็นคนจีน เราจะเรียกเสี่ย 1 2 3 4 ตามลำดับนะ เสี่ย 1 2 4 นั่งบริหารอยู่ที่นี่นั่นเอง ส่วนเสี่ย 3 ท่านไปมีธุรกิจอีกที่นึง (ที่เราต้องเล่าอย่างละเอียดเพราะความรักของเราเกิดขึ้นที่นี่แหละ) ตึกที่เราอยู่เรียกออฟฟิตหลัก ส่วนแต่ละตึกเรียกตามแผนกของแต่ละตึก ออฟฟิตเราจะมีเสี่ย 1 และซ้อ 1 (ภรรยาเสี่ย) นั่งบริหาร พนักงานก็จะมี ฝ่ายบุคคล ประมาณ 5 คนและ ประชาสัมพันธ์ 1 คน ส่วนแผนกของเรา ต้องเดินผ่านฝ่ายบุคคลเข้ามาแล้วจะเป็นอีกห้องหนึ่ง แต่ทุกด้านจะเป็นกระจกหมด ส่วนห้องเสี่ย 1 และ ซ้อ 1 ก็จะอยู่ด้านหลังสุด เป็นกระจกเหมือนกัน แผนกที่เราทำจะเป็นแผนกที่ต้องติดต่อกับลูกค้าต่างชาติ หลักๆจะเป็น ญี่ปุ่น จีน อังกฤษ และงานหลักอีกอย่างคือ ทำหน้าที่สเมือนเลขาของเสี่ย 1 กับ ซ้อ 1 ตัดมาวันแรกที่เข้ามาทำงาน
ณ บริษัทเอกชน
เราก้าวเข้ามาก็เดินมาที่แผนกก็เจอพี่ๆทั้ง 2 คนชื่อ พี่หญิง และพี่จอย ทั้ง 2 คนน่าจะอายุ 30 ต้นๆ ตอนนี้เราสนิทกับพี่ 2 คนนี้มาก 555 พี่ 2 คนนี้ก็เข้ากับคนง่าย มาวันแรกก็คุยกันเม้าท์กันเหมือนรู้จักกันมาเป็นปีๆ 555
พี่จอย : มาแล้วหรอคะน้องผิง พี่ชื่อจอยนะ ส่วนนี่พี่หญิง จ่ะ
เรา : สวัสดีค่ะพี่จอย พี่หญิง
พี่หญิง : ตามสบายเลยนะผิง คิดสะว่าเป็นบ้านของตัวเองนะ
พี่จอย : งั้นกูนอนได้ป่ะ ถ้าบอกเป็นบ้าน
พี่หญิง : ก็เกินไปจอย
ทุกคน : 555
พี่หญิง : ผิงอายุเท่าไหร่แล้ว
เรา : 24 ค่ะ
พี่จอย : แต่พี่ไม่ชอบให้ผิงมาทำงานที่นี่นะ
เรา : .........(เงียบ....มันยังไงกันวะ เปิดประโยคนี้ขึ้นมาคืออะไร)
พี่จอย : ก็เพราะผิงเข้ามาพวกพี่ดูป้ามากอ่ะ 30 กว่ากันละ 55555
เรา : แต่พวกพี่ยังดูเซี๊ยะกันอยู่เลยนะ
ทุกคน : 555555
จากนั้นพวกพี่ๆก็เล่าประวัติและการทำงานของที่นี่ให้ฟังคร่าวๆ ก็ตามที่เราเล่าไปข้างต้นแหละ จากนั้นก็พักเที่ยงทำงานวันแรกไม่มีอะไรมาก ตัดมาตอนบ่าย
พี่หญิง : ผิง เดี๋ยวจะมีฝ่ายบุคคลพาผิงไปแนะนำแต่ละตึกนะว่ามีอะไรบ้าง
เรา : ต้องไปทุกตึกเลยหรอพี่
พี่จอย : ใช่สิ เอ้อ แล้วต้องพาไปรู้จักผู้บริหารทุกคนด้วย
เรา : อ่ออออ
พี่หญิง : เรื่องเด็ดมันอยู่ตรงนี้ผิง ลูกของเสี่ย 3 มี 2 คน เป็นผู้ชาย งานดีมากผิงเอ้ยยยยย ชื่อคุณโซนกับคุณซัน (พี่หญิงทำท่าเหมือนน้ำลายจะไหล 555)
พี่จอย : น้อยๆหน่อยหญิง คิดจะเป็นซ้อกูเลยหรอห๊ะ 5555 (มันเป็นเรื่องธรรมดาไหม ที่ผู้บริหารจะโดนลูกน้องนินทา เราว่าไม่นะ 555)
จากนั้นพี่ฝ่ายบุคคลก็พาเราไปแนะนำตามตึกต่างๆ โอ้ยยย ตึกเยอะมาก เข้าทางนั้นออกทางนี้เรางงสุดๆ เวลาจะไปไหนต้องขี่จักรยานไปนะ เพราะเดินไปไม่ไหว มันกว้างจริงๆ ตึกของคุณโซนจะอยู่ข้างหลังตึกเราแต่คนละฝั่ง ตัดมาห้องคุณโซนนะ พี่ฝ่ายบุคคลก็เคาะประตูห้อง ห้องคุณโซนก็เป็นกระจกเหมือนกัน แต่มีมู่ลี่ติดอยู่ทุกบานนะ แต่มู่ลี่เปิดอยู่ทำให้มองเห็นคนในห้องได้ แต่ที่เด็ดกว่าคือ โอ๊ยยยยย คุณโซน
ฝ่ายบุคคล : คุณโซนคะ นี่น้องผิงค่ะ ทำงานส่วนติดต่อต่างประเทศค่ะ
เรา : สวัสดีค่ะ (ยกมือไหว้พร้อมยิ้มหวาน 1 ที)
คุณโซน : (ยกมือรับไหว้) คับ (พร้อมกับทำหน้าตึงใส่เรา)
แหม่ คนอะไร ทำไมขี้เก๊กจัง เราอุตส่าห์ยิ้มให้ ยิ้มกลับมาซักนิดไม่มีเลย เหอะ
จากนั้นก็ไปห้องต่างๆ จนถึงห้องคุณซัน คุณซันเป็นน้องชายของคุณโซนนะ คุณซันก็หล่อมากหล่อลาก คุณซันนี่ออกแนวไปทางเกาหลีด้วยนะ อปป้าสุดๆ 555 ฝ่ายบุคคลก็เคาะห้องแล้วเดินเข้าไปเลย
ฝ่ายบุคคล : คุณซันคะ นี่น้องผิงคะ (ก็แนะนำตัวเรา)
เรา : สวัสดีค่ะ (รอบนี้เราไม่ยิ้มละ พี่น้องกันมันต้องหยิ่งเหมือนกันแน่ๆ)
คุณซัน : (ยกมือรับไหว้เราพร้อมยิ้มหวาน) สวัสดีคับ ผิง
เรา : (ถึงกับสตั๊นไป 10 วิ อะไรวะ พี่น้องต่างกันมาก เราเลยส่งยิ้มกลับไป) จากนั้นคุณซันก็ซักประวัติเรา เราก็ตอบไป และเราก็กลับมาที่แผนก
พี่จอย : ไงผิง เจอผู้บริหารรุ่นลูกไหม
เรา : เจอค่ะ
พี่หญิง : เจอใครบ้าง
เรา : ก็เจอคุณโซนกับคุณซัน
พี่จอย : ไม่ได้เจอคุณกิ่งหรอ
เรา : ใครอ่ะพี่คุณกิ่ง
พี่หญิง : ลูกสาวของเสี่ย 2 อ่ะ แต่เค้าไม่ค่อยเข้าบริษัทหรอก เพราะเค้ามาดูแลเรื่องการตลาด
เรา : อ่อค่ะ
พี่หญิง : คุณโซนยิ้มป่ะผิง
เรา : หึ ไม่อ่ะพี่ หน้านี่นิ่งเหมือนน้ำในบึงเลย
พี่จอย : 55555 กูว่าแล้วววว เมื่อ 6 ปีที่แล้ว พี่ไปเค้าก็เป็นแบบนี้แหละ
จากนั้นเราก็นินทาคุณโซนกับคุณซัน พอจะได้ความว่า คุณโซนจะเป็นคนนิ่งๆ ไม่ยิ้มไม่แย้ม พูดน้อย แต่หากใครทำงานผิดพลาดก็จะด่าแบบสะเทือนถึงบรรพบุรุษเลยก็ว่าได้ แสดงว่าปากจัดอยู่นะ ส่วนคุณซัน จะเป็นคนเฟลลี่มาก สดใส ชอบแต่งตัวสไตล์เกาหลี คุยกับทุกคน ทักทุกคน ทำให้พนักงานเข้าถึงได้ วันแรกของการทำงานก็ผ่านไปด้วยดี
ตัดมาวันที่ 2 ของการทำงาน
ณ บริษัทเอกชน
ในระหว่างที่นั่งทำงานกันอยู่นั้น คุณโซนก็เดินมาคุยโทรศัพท์ แถวๆตึกเรา เอ้อเราลืมบอก ตึกเราถ้าตอนกลางวันจะมองเข้ามาไม่เห็นนะเพราะติดฟิล์มกันแดด แต่ถ้ากลางคืนมองเข้ามาจะเห็นชัดมาก เพราะข้างในจะสว่าง ข้างนอกจะมืด
พี่หญิง : จอยๆ ผู้มาละ (โห พวกพี่เค้าแซวกันขนาดนี้เลยหรอ แต่คุณโซนไม่ได้ยินหรอก เพราะเค้าอยู่ข้างนอก)
พี่จอย : สาขา เข้ามาในนี้หน่อยค่ะ 55555
พี่หญิง : สาบานว่าอยากให้เค้าเข้ามา
พี่จอย : หึ ไม่อ่ะ 555555
เรา : เอ้า พี่จอย ไหนบอกว่าชอบๆ เค้าหล่อ ทำไมไม่อยากให้เข้ามาล่ะ
พี่หญิง : โอ้ยยย ผิง ถ้าวันไหนเค้าขึ้นมาออฟฟิตเรา แสดงว่างานมีปัญหา
พี่จอย : ใช่ และออฟฟิตก็จะเงียบสงัดเหมือนป่าช้า
พี่หญิง : อิจอยมันก็เลยขอแอบสุ้มดูอยู่แบบนี้แหละ 555
เรา : อ่อออ เอ้อพี่แล้วทำไมเค้าต้องมาคุยโทรศัพท์ตรงนี้ด้วยละ
พี่หญิง : พี่ก็ไม่รู้ว่ะ แต่ส่วนมากเวลาเดินมา เค้าก็ชอบมาคุยโทรศัพท์ตรงนี้แหละ (สงสัยเพราะว่าตรงตึกเรามันมีสวนดอกไม้มั้ง เพราะเป็นตึกที่ใช้ต้อนรับผู้คน)
พี่จอย : ว่า....เค้ามาคุยตรงนี้เพราะอยากเห็นหน้ากูป่ะวะ
พี่หญิง : น้อยไปหน่อย นั่นเค้าคุยกับเมียเค้าป่าวน่ะ
เรา : เค้ามีเมียแล้วหรอพี่
พี่จอย : ยังไม่ใช่เมียซะหน่อย เป็นแค่คู่หมั้นพอ
พี่หญิง : พี่ได้ข่าวว่าเค้าหมั้นกับผู้หญิงคนนึง เมื่อ 6 ปีที่แล้วได้มั้ง
เรา : อ้ออ แล้วคุณซันล่ะ
พี่จอย : คุณซันยังไม่มีแฟนมั้ง เห้ยยยย ผิง ถามเยอะไปแล้วนะ คุณซันของอิหญิงมัน มันจองงง 555
เรา : ป่าวพี่ หนูแค่ถามดู
ทุกคน : 55555
จากนั้นเราก็ทำงานได้ เกือบๆเดือน พี่หญิงก็พาเราเอาเอกสารมาให้คุณโซน
พี่หญิง : เวลาผิงจะเอาเอกสารไปให้คุณโซนใช่ไหม ผิงก็เคาะประตูแล้วเข้าไปเลย ส่วนเอกสารของแผนกเราให้วางไว้ที่โต๊ะมุมนี้เท่านั้นนะ ห้ามวางไว้ที่อื่นเด็ดขาด
เรา : โหมันต้องขนาดนั้นเลยหรอพี่
พี่หญิง : เออ มันต้องขนาดนั้นแหละ เดี๋ยววันนี้พี่พามาก่อน ส่วนวันต่อไปผิงต้องมาคนเดียวนะ
เรา : อ่อ ค่ะๆ
จากนั้นเราก็เอาเอกสารไปวางบนโต๊ะ เป็นการเดินเอกสารที่เงียบมาก เงียบจนเราแทบจะหยุดหายใจ คุณโซนก็นั่งทำงานจ้องคอม โดยไม่ละสายตามามองเรากับพี่หญิงซักนิด จากนั้นเราก็กลับมาที่แผนกกัน
พี่จอย : เป็นไงผิง ไปเข้าห้องเชือดมา เป็นไงบ้าง
เรา : โหพี่ หนูนี่เกร็งเลย 55555
พี่หญิง : เออ คุณโซนเค้าเป็นคนมุ่งมั่นทำงาน เอาจริงเอาจัง แต่เค้าไม่มีอะไรหรอก
พี่จอย : นี่ไง ถึงเหมาะจะเป็นพ่อของลูกพี่หน่ะ
พี่หญิง : เดี๋ยวกูจะบอกผัวจอยยยยย
ทุกคน : 5555555
อ่อพี่จอยมีสามีแต่งงานแล้ว ส่วนพี่หญิงเค้าก็มีแฟนแต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน การทำงานก็เป็นไปอย่างราบรื่น เราก็เริ่มรู้จักคนในบริษัทมากขึ้น เราเข้ากับทุกคนได้ดี แต่ที่สนิทๆแบบสุดๆก็จะเป็นพี่หญิงกับพี่จอยนี่แหละ สนิทกันมากกกก พูดกูพูดกันแบบไม่ต้องเฟคใส่กัน
ตัดมาวันนึงของการทำงาน ในแต่ละเดือน ทุกๆแผนกจะต้องมาประชุมกัน ในช่วงบ่ายของวันศุกร์ของทุกเดือน ก็จะส่งแต่ละแผนกขึ้นมา 1 - 2 คน เป็นการประชุมภายใน ผู้บริหารก็จะเข้าประชุมด้วย แต่ส่วนมากจะเป็นคุณโซน หรือ ไม่ก็คุณซัน วันนี้เราขึ้นมากับพี่หญิงก่อน ส่วนต่อไปก็จะผลัดกันขึ้นมาเดือนละคน ในที่ประชุมก็พูดกันถึงปัญหาของแต่ละแผนก โน่นนี่นั่น ส่วนเราก็จะเป็นคนฮาๆ เวลาพูดอะไรทุกคนก็จะหัวเราะบ้าง ขำบ้าง เพราะเราเป็นคนตลก วันนี้ทั้งคุณโซนและคุณซัน ก็ขึ้นร่วมประชุมด้วย เวลาเราขึ้นการประชุมก็จะมีเสียงเฮฮานิดๆ แต่คนที่ไม่ร่วมขำเลย ก็เห็นจะมีแต่คุณโซน ตัดมาช่วงเบรคของการประชุม ทุกคนก็จะกินขนมบ้าง เม้าท์กันบ้าง เราก็กำลังนั่งเม้าท์มอยกับเพื่อนๆคนละแผนก คุณซันก็มาร่วมเม้าท์ด้วย ทำให้เฮฮาไปใหญ่ เรานี่หัวเราะดังมากกก ทันใดนั้นเอง เรารู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องเราอยู่ และก็มีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองมาที่เรา คุณโซนนั่นเอง นั่งเอาหลังพิงพนักเก้าอี้ นั่งไขว่ห้างนิดหน่อย หน้านี่แบบตึงมาก เราเลยหยุดชะงักและหลบตา จากนั้นเราก็นั่งก้มหน้า
เพื่อนต่างแผนก : อ้าวผิง เป็นอะไร เล่าต่อดิ กำลังสนุกเลย
คุณซัน : นั่นสิผิง
เรา : อ่อ ปล่าวน่ะ ไม่ได้เป็นอะไร เดี๋ยวขอคิดวาระการประชุมก่อน ต่อไปผิงต้องออกไปพูดละ
ทุกคน : อ่อ เคๆ
จากนั้นก็แยกย้าย ส่วนตัวเรากำลังคิดในใจว่า ไอ่ห่าเอ้ยยยย หัวเราะซะดังเลยเรา คุณโซนมองเหมือนอยากจะด่าเราเลย
ชีวิตการทำงานก็ไม่มีอะไรมาก ทำงานกลับบ้าน เลิกมืดบ้างเพราะช่วงสิ้นเดือนและต้นเดือนงานเราจะเยอะมาก ต้องรีบเคลียร์ให้เสร็จ ตอนช่วงผ่านโปร คือประมาณ 4 เดือน พวกพี่เค้าก็พาเราไปเลี้ยงฉลอง ตอนนี้เรามีเพื่อนสนิทมากขึ้น ก็จะมี พี่หญิง พี่จอย พี่รัก(คนละแผนก เป็นเพื่อนพี่หญิง) และก็พี่เอ้ (พี่เอ้คือแฟนพี่รัก ทำงานคนละแผนกกันเป็นหัวหน้า) แฟนพี่หญิงชื่อพี่โบ้ท พี่เอ้เป็นคนติดต่อให้ ดังนั้นเวลาเราไปกิน หรือ ฉลองอะไร หลักๆก็จะมีพี่พวกนี้แหละ ตอนนี้ที่เราสงสัยอยู่อย่างก็คือ เวลาเราเจอคุณซัน กับ คุณกิ่ง พวกเค้าชอบมองเราแบบแปลกๆ หรือว่าเรารู้สึกไปเองก็ไม่รู้ อย่างเวลาพักเที่ยงเดินไปโรงอาหาร ตึกทานข้าวของผู้บริหารก็จะอยู่ติดกับโรงอาหาร เราก็จะเจอผู้บริหารเยอะ ถ้าเจอคุณซันกับคุณกิ่งก็จะมองๆเรา แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร