..........( ห่วง )..........
...........เย็นมากแล้ว ถนนลูกรัง ที่ สมชาย เดินอยู่ เริ่มมองเห็นไม่ชัด แต่มองเลยยอดไม้ขึ้นไป ยังพอมีแสงจาง ๆ หลงเหลืออยู่ ชายหนุ่มเดินเร็วขึ้น ถ้าเร่งฝีเท้าแบบนี้ อีกไม่เกินสิบนาที ก็จะถึงบ้าน น่าจะมืดก่อน แต่คงแวะไหนไม่ได้แล้ว เพราะบ้านของเขา อยู่หลังแรก ก่อนเข้าไปในหมู่บ้าน
ด้านหลังแนวไม้สองข้างทาง เป็นทุ่งนา ตอนนี้มีแต่ดินเปล่า ๆ ไม่มีต้นข้าว ปีนี้แล้งมาก บ้านเราอุณหภูมิขึ้นถึง ๔๔ องศา และมีแววว่า จะสูงขึ้นไปอีก น้ำที่ใช้ไปวัน ๆ ยังเกือบจะไม่พอ ไม่ต้องคิดถึง เรื่องทำนา
หลายคน ออกหางานทำ และจำต้องไปไกลบ้าน เพราะละแวกนี้ มีแต่ชาวนาเหมือนกัน ตอนนี้ ในหมู่บ้าน จะมองเห็น เด็ก และคนสูงอายุ มากกว่าหนุ่มสาว ที่พากันไปทำงาน
สมชาย จำต้องเข้าเมืองกรุงเป็นครั้งแรก งานสำหรับคนมีความรู้ไม่มาก ก็ได้แค่รับจ้าง ตามร้านทั่วไป ชายหนุ่ม ฝากพ่อ และแม่ ที่เริ่มชรา ให้ลุง กับ อา บ้านไม่ไกลนัก คอยดูให้
แกไม่ค่อยแข็งแรงทั้งคู่ ทำให้เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ หวังว่าฝนคราวนี้ คงมาเร็วสักนิด จะได้กลับมาทำนา และอยู่ดูแล ทั้งสองคนอย่างใกล้ชิด ส่วนสองตายาย อยากให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝา แต่ชายหนุ่มบ่ายเบี่ยงมาตลอด เป็นห่วง เรื่องลูกสะใภ้ กับแม่ผัว ที่เคยได้ยินอยู่เป็นประจำ
พ่อไม่สบาย แม่ส่งข่าวอาทิตย์ก่อนแล้ว ช่วงหยุดสงกรานต์ สมชายมาอยู่บ้านหลายวัน เพิ่งกลับไปทำงาน ได้อาทิตย์เดียว เถ้าแก่เลยไม่ให้ลา จนแม่ของเขา โทรหาบ่อยเข้า บอกว่าพ่อเริ่มทรุดลง เถ้าแก่จึงเห็นใจ และให้กลับมา
ทางเล็ก ๆ แยกจากถนนใหญ่ เข้าหมู่บ้าน ยาวประมาณ หนึ่งกิโลเมตร ปกติถ้ายังไม่ค่ำ จะมีรถผ่านเข้าไปบ้าง แต่ตอนนี้ทุกคน คงอยู่ในบ้านกันหมดแล้ว ชายหนุ่มคิดในใจ ก่อนเดินต่อไปไม่หยุด ความดีใจที่ได้กลับบ้าน ทำให้เมื่อคืน ลืมชาร์จโทรศัพท์ ไว้สนิท เช้าก็รีบไปที่ท่ารถ ไปถึงจนสายแล้ว รถโดยสารออกเกือบเที่ยง มัวกังวล เรื่องพ่อ เลยลืมนึก ว่าไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ มาหลายชั่วโมง แบต หมดไปตอนไหนก็ไม่รู้
ใกล้ถึงบ้าน แสงไฟ ลอดตามช่องข้างฝา เห็นแต่ไกล หน้าต่างเปิดอยู่บานหนึ่ง ชายหนุ่มเดินเกือบวิ่งด้วยความดีใจ ถึงบันไดถอดรองเท้าเสร็จ ก้าวข้ามขั้น สองครั้งก็ถึงบนเรือน วางกระเป๋าลง แล้วร้องเรียก “แม่ พ่อ”
เสียงกุก กัก ดังมาจากในครัว แทนเสียงตอบรับ เขาก้าวเท้าไปหลังบ้าน ลมพัดเบา ๆ ทำหม้อที่แขวนอยู่ ตรงหัวตะปู แกว่งไปมากระทบกัน แม่ไม่อยู่ในนี้
ชายหนุ่มหันหลังกลับ เดินไปทางห้องนอน มุ้งสีหม่นตลบอยู่ข้างฝา ที่นอนเก่า กับผ้าห่มยู่ยี่ กองอยู่ด้วยกัน กลิ่นอับ ๆ ในห้องโชยมา ลมเอื่อย ๆ เข้าตามช่องหน้าต่างที่เปิดไว้ ชายมุ้งไกว ไปมา ช้า ๆ เมื่อไม่เห็นใคร เขาก็หันกลับออกมา มองเห็นปลั๊กไฟตรงโคนเสา นึกถึงโทรศัพท์ ขึ้นมาได้ หิ้วกระเป๋ามาวาง ล้วงโทรศัพท์และที่ชาร์จ ออกมาเสียบ เสร็จแล้วลุกขึ้นยืน
“แม่ ” สมชายเงยหน้าขึ้นมาเจอ ผู้เป็นแม่พอดี เขาเดินเข้าไปกอด หญิงชราด้วยความคิดถึง “ผมเรียกแม่ แม่ไม่ตอบ” “แม่อยู่ในห้องน้ำ กินไรมาหรือยังล่ะ” หญิงชราพูดพลาง ลูบหัวชายหนุ่มเบา ๆ เขามองตาที่ฝ้าฟางของแม่ ตอบว่า “ยังเลยแม่ มาถึงก็มืดแล้ว พ่อล่ะแม่ พ่อเป็นไงมั่ง” “เบาแล้ว ไปหาหลวงตาที่วัด ตั้งแต่เย็น” ชายหนุ่ม ได้ยินแบบนี้ค่อยเบาใจ สายตามองแม่ ด้วยความห่วงใย
หญิงผู้เป็นแม่ดูเหนื่อย ๆ ใบหน้าอิดโรย ซีดเซียว คงเกิดจากการ เฝ้าดูแลพ่อ หลายวันติดกัน ความจริง ทั้งพ่อ และแม่ของเขาอายุเพิ่งหกสิบต้น ๆ แต่การทำงานหนักมาตลอด ทำให้มองดูแก่เกินวัย นึกสงสารทั้งสองท่านอย่างจับใจ ถ้าเป็นไปได้ ครั้งนี้ ไม่กลับไปทำงานจะดีกว่าไหม แต่จะหากินอะไร นี่สิ ทำให้ลังเล
“มาอยู่บ้านเรามั้ยลูก” แม่ถามขึ้นมาพอดี ชายหนุ่มมองผู้เป็นแม่ เสื้อสีขาวลายลูกไม้ตัวเก่ง ที่สวมอยู่ เริ่มหมองแล้ว พรุ่งนี้ ตอนสาย ๆ ไปตลาด หาซื้อเสื้อให้แม่สักตัว เขาคิด “ไม่รู้จะทำงานอะไรสิแม่ นาก็ยังทำไม่ได้” เขายังคิดไม่ตก “ลองดู ๆ ไป เดี๋ยวก็เจอเองแหละ” แม่พูดขึ้นเบา ๆ “มาอยู่ดูพ่อเอ็ง หมู่นี้เจ็บบ่อยเหลือเกิน” เขาพยักหน้าตอบรับเบา ๆ หันกลับ นั่งลงหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมา กดปุ่มเปิดเครื่อง
โลโก้ภาษาอังกฤษที่หน้าจอ กระพริบช้า ๆ อยู่ห้าหก ครั้ง ก่อนไอค่อนจะปรากฏ ทีละตัว จนครบ “กลับมาอยู่บ้านเรานะลูก” เสียงแม่ดังอยู่ข้างหลัง เขาพยักหน้า พลางตอบรับ “ครับแม่” มองข้อความเตือน สายไม่ได้รับ แปดสาย จาก พ่อ เขากด โทร ออก ไปหา ทันที
สัญญาณดังอยู่สามครั้งก่อนมีคนรับ “ฮัลโหล” เสียงพ่อฟังชัด “พ่อ พ่ออยู่ไหน” “อยู่ที่วัด เอ็งรีบมานะ” เสียงพ่อเรียบ ๆ “ทำไมล่ะพ่อ” เขาไม่เข้าใจความหมาย “แม่เอ็งวูบเมื่อตอนกลางวัน ถึงโรงพยาบาลก็ช่วยไม่ทันแล้ว......” เหมือนพ่อสะอึก แล้วหยุดไปดื้อ ๆ ชายหนุ่มนั่งนิ่ง ขนตามแขนลุกซู่ขึ้นมา พร้อมกับ ขน ที่คอ และหลัง “เอาเสื้อมาเปลี่ยนให้แม่ แล้วรีบมารดน้ำด้วย เค้ารอกันอยู่”
เขาหันกลับมา ไม่มีแม่อยู่ตรงนั้น มองในห้องนอน ชายมุ้งไหว ตามแรงลมเอื่อย ๆ สูงขึ้นไปนิด บนราวเชือก เสื้อสีขาวลายลูกไม้ ที่เริ่มหมอง แกว่งไปมาเบา ๆ เสียงหม้อในครัว กระทบกันดัง กุก กัก กุก กัก บานหน้าต่างเปิดออกช้าๆ เสียง แอ๊ด ๆ ๆ ๆ ยาวไปจนกระทบข้างฝาดัง กึง
ชายหนุ่ม นั่งนิ่ง น้ำตาไหลเป็นทาง พูดเบา ๆ เสียงปนสะอื้น “ผมไม่ไปไหนแล้วแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมไม่ไปไหนแล้ว”.............................@@
ลุงแผน
๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒
..........ขอบพระคุณ สำหรับกำลังใจจากทุกท่าน ที่มีให้ มาโดยตลอด ขอบคุณมาก ๆ ครับ..........
..................................................................................
.......ขออภัย แก้ บรรทัดบางจุด เข้าไปชิดกันเกินครับ.......
.....เรื่องสั้น........ เรื่อง.......ห่วง........@@ โดย ลุงแผน
ด้านหลังแนวไม้สองข้างทาง เป็นทุ่งนา ตอนนี้มีแต่ดินเปล่า ๆ ไม่มีต้นข้าว ปีนี้แล้งมาก บ้านเราอุณหภูมิขึ้นถึง ๔๔ องศา และมีแววว่า จะสูงขึ้นไปอีก น้ำที่ใช้ไปวัน ๆ ยังเกือบจะไม่พอ ไม่ต้องคิดถึง เรื่องทำนา
หลายคน ออกหางานทำ และจำต้องไปไกลบ้าน เพราะละแวกนี้ มีแต่ชาวนาเหมือนกัน ตอนนี้ ในหมู่บ้าน จะมองเห็น เด็ก และคนสูงอายุ มากกว่าหนุ่มสาว ที่พากันไปทำงาน
สมชาย จำต้องเข้าเมืองกรุงเป็นครั้งแรก งานสำหรับคนมีความรู้ไม่มาก ก็ได้แค่รับจ้าง ตามร้านทั่วไป ชายหนุ่ม ฝากพ่อ และแม่ ที่เริ่มชรา ให้ลุง กับ อา บ้านไม่ไกลนัก คอยดูให้
แกไม่ค่อยแข็งแรงทั้งคู่ ทำให้เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ หวังว่าฝนคราวนี้ คงมาเร็วสักนิด จะได้กลับมาทำนา และอยู่ดูแล ทั้งสองคนอย่างใกล้ชิด ส่วนสองตายาย อยากให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝา แต่ชายหนุ่มบ่ายเบี่ยงมาตลอด เป็นห่วง เรื่องลูกสะใภ้ กับแม่ผัว ที่เคยได้ยินอยู่เป็นประจำ
พ่อไม่สบาย แม่ส่งข่าวอาทิตย์ก่อนแล้ว ช่วงหยุดสงกรานต์ สมชายมาอยู่บ้านหลายวัน เพิ่งกลับไปทำงาน ได้อาทิตย์เดียว เถ้าแก่เลยไม่ให้ลา จนแม่ของเขา โทรหาบ่อยเข้า บอกว่าพ่อเริ่มทรุดลง เถ้าแก่จึงเห็นใจ และให้กลับมา
ทางเล็ก ๆ แยกจากถนนใหญ่ เข้าหมู่บ้าน ยาวประมาณ หนึ่งกิโลเมตร ปกติถ้ายังไม่ค่ำ จะมีรถผ่านเข้าไปบ้าง แต่ตอนนี้ทุกคน คงอยู่ในบ้านกันหมดแล้ว ชายหนุ่มคิดในใจ ก่อนเดินต่อไปไม่หยุด ความดีใจที่ได้กลับบ้าน ทำให้เมื่อคืน ลืมชาร์จโทรศัพท์ ไว้สนิท เช้าก็รีบไปที่ท่ารถ ไปถึงจนสายแล้ว รถโดยสารออกเกือบเที่ยง มัวกังวล เรื่องพ่อ เลยลืมนึก ว่าไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ มาหลายชั่วโมง แบต หมดไปตอนไหนก็ไม่รู้
ใกล้ถึงบ้าน แสงไฟ ลอดตามช่องข้างฝา เห็นแต่ไกล หน้าต่างเปิดอยู่บานหนึ่ง ชายหนุ่มเดินเกือบวิ่งด้วยความดีใจ ถึงบันไดถอดรองเท้าเสร็จ ก้าวข้ามขั้น สองครั้งก็ถึงบนเรือน วางกระเป๋าลง แล้วร้องเรียก “แม่ พ่อ”
เสียงกุก กัก ดังมาจากในครัว แทนเสียงตอบรับ เขาก้าวเท้าไปหลังบ้าน ลมพัดเบา ๆ ทำหม้อที่แขวนอยู่ ตรงหัวตะปู แกว่งไปมากระทบกัน แม่ไม่อยู่ในนี้
ชายหนุ่มหันหลังกลับ เดินไปทางห้องนอน มุ้งสีหม่นตลบอยู่ข้างฝา ที่นอนเก่า กับผ้าห่มยู่ยี่ กองอยู่ด้วยกัน กลิ่นอับ ๆ ในห้องโชยมา ลมเอื่อย ๆ เข้าตามช่องหน้าต่างที่เปิดไว้ ชายมุ้งไกว ไปมา ช้า ๆ เมื่อไม่เห็นใคร เขาก็หันกลับออกมา มองเห็นปลั๊กไฟตรงโคนเสา นึกถึงโทรศัพท์ ขึ้นมาได้ หิ้วกระเป๋ามาวาง ล้วงโทรศัพท์และที่ชาร์จ ออกมาเสียบ เสร็จแล้วลุกขึ้นยืน
“แม่ ” สมชายเงยหน้าขึ้นมาเจอ ผู้เป็นแม่พอดี เขาเดินเข้าไปกอด หญิงชราด้วยความคิดถึง “ผมเรียกแม่ แม่ไม่ตอบ” “แม่อยู่ในห้องน้ำ กินไรมาหรือยังล่ะ” หญิงชราพูดพลาง ลูบหัวชายหนุ่มเบา ๆ เขามองตาที่ฝ้าฟางของแม่ ตอบว่า “ยังเลยแม่ มาถึงก็มืดแล้ว พ่อล่ะแม่ พ่อเป็นไงมั่ง” “เบาแล้ว ไปหาหลวงตาที่วัด ตั้งแต่เย็น” ชายหนุ่ม ได้ยินแบบนี้ค่อยเบาใจ สายตามองแม่ ด้วยความห่วงใย
หญิงผู้เป็นแม่ดูเหนื่อย ๆ ใบหน้าอิดโรย ซีดเซียว คงเกิดจากการ เฝ้าดูแลพ่อ หลายวันติดกัน ความจริง ทั้งพ่อ และแม่ของเขาอายุเพิ่งหกสิบต้น ๆ แต่การทำงานหนักมาตลอด ทำให้มองดูแก่เกินวัย นึกสงสารทั้งสองท่านอย่างจับใจ ถ้าเป็นไปได้ ครั้งนี้ ไม่กลับไปทำงานจะดีกว่าไหม แต่จะหากินอะไร นี่สิ ทำให้ลังเล
“มาอยู่บ้านเรามั้ยลูก” แม่ถามขึ้นมาพอดี ชายหนุ่มมองผู้เป็นแม่ เสื้อสีขาวลายลูกไม้ตัวเก่ง ที่สวมอยู่ เริ่มหมองแล้ว พรุ่งนี้ ตอนสาย ๆ ไปตลาด หาซื้อเสื้อให้แม่สักตัว เขาคิด “ไม่รู้จะทำงานอะไรสิแม่ นาก็ยังทำไม่ได้” เขายังคิดไม่ตก “ลองดู ๆ ไป เดี๋ยวก็เจอเองแหละ” แม่พูดขึ้นเบา ๆ “มาอยู่ดูพ่อเอ็ง หมู่นี้เจ็บบ่อยเหลือเกิน” เขาพยักหน้าตอบรับเบา ๆ หันกลับ นั่งลงหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมา กดปุ่มเปิดเครื่อง
โลโก้ภาษาอังกฤษที่หน้าจอ กระพริบช้า ๆ อยู่ห้าหก ครั้ง ก่อนไอค่อนจะปรากฏ ทีละตัว จนครบ “กลับมาอยู่บ้านเรานะลูก” เสียงแม่ดังอยู่ข้างหลัง เขาพยักหน้า พลางตอบรับ “ครับแม่” มองข้อความเตือน สายไม่ได้รับ แปดสาย จาก พ่อ เขากด โทร ออก ไปหา ทันที
สัญญาณดังอยู่สามครั้งก่อนมีคนรับ “ฮัลโหล” เสียงพ่อฟังชัด “พ่อ พ่ออยู่ไหน” “อยู่ที่วัด เอ็งรีบมานะ” เสียงพ่อเรียบ ๆ “ทำไมล่ะพ่อ” เขาไม่เข้าใจความหมาย “แม่เอ็งวูบเมื่อตอนกลางวัน ถึงโรงพยาบาลก็ช่วยไม่ทันแล้ว......” เหมือนพ่อสะอึก แล้วหยุดไปดื้อ ๆ ชายหนุ่มนั่งนิ่ง ขนตามแขนลุกซู่ขึ้นมา พร้อมกับ ขน ที่คอ และหลัง “เอาเสื้อมาเปลี่ยนให้แม่ แล้วรีบมารดน้ำด้วย เค้ารอกันอยู่”
เขาหันกลับมา ไม่มีแม่อยู่ตรงนั้น มองในห้องนอน ชายมุ้งไหว ตามแรงลมเอื่อย ๆ สูงขึ้นไปนิด บนราวเชือก เสื้อสีขาวลายลูกไม้ ที่เริ่มหมอง แกว่งไปมาเบา ๆ เสียงหม้อในครัว กระทบกันดัง กุก กัก กุก กัก บานหน้าต่างเปิดออกช้าๆ เสียง แอ๊ด ๆ ๆ ๆ ยาวไปจนกระทบข้างฝาดัง กึง
ชายหนุ่ม นั่งนิ่ง น้ำตาไหลเป็นทาง พูดเบา ๆ เสียงปนสะอื้น “ผมไม่ไปไหนแล้วแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมไม่ไปไหนแล้ว”.............................@@
ลุงแผน
๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒
..........ขอบพระคุณ สำหรับกำลังใจจากทุกท่าน ที่มีให้ มาโดยตลอด ขอบคุณมาก ๆ ครับ..........