แม่ทิ้งลูกไว้ในที่เก็บกระเป๋าสัมภาระ

คุณแม่หลังคลอดเครียดหนักจับลูกใส่ไว้ในที่เก็บกระเป๋าสัมภาระ

ประสบการณ์คุณแม่หลังคลอดชาวต่างชาติท่านหนึ่งเพิ่งคลอดลูกมาได้ประมาณ5 เดือนเดินทางคนเดียวจากออสเตรเลีย8ชม. มาเปลี่ยนเครื่องที่สิงค์โปร์แล้วเดินทางต่อไปลอนดอนอีก12 ชม. 

เหตุเกิดหลังจากเดินทางได้ครึ่งทางประมาณ6 ชม. ลูกเรือเสริฟอาหารมีลแรกเสร็จแล้วและผู้โดยสารมีเวลาพักผ่อนประมาณ5-6 ชมก่อนจะเสริฟอาหารมื้อถัดไป

ซึ่งเวลาพักนั้นเป็นช่วงกลางคืนในเคบินปิดไฟเพื่อให้ผู้โดยสารได้พักผ่อนและลูกเรือก็จะเปลี่ยนกันเดินไปเดินมาสำรวจเคบินตลอดไปเสริฟน้ำบางของกินเล่นบ้างเก็บขยะบ้างแต่เหตุผลสำคัญของการตรวจเคบินในเวลากลางคืนก็เพื่อความปลอดภัย

เช่นเดียวกับเหตุการณ์นี้mother with infant เดินทางคนเดียวเพื่อนที่ทำงานมาด้วยกันเดินตรวจเคบินเป็นปกตินางเป็นคนชอบเด็กเลยจำได้ว่ามีเด็กหรอเบบี้ที่ที่นั่งตรงไหนบ้าง

นางก็จะเดินไปส่องๆมองๆเล่นบ้างถ้ายังไม่หลับปรากฎว่านางเดินผ่านคุณแม่ท่านนี้คุณแม่หลับท่ากอดอกนางก็เลยมองหาเบบี้...

เอ้อยู่ในบาสซิเนท(เปลนอนเด็กบนเครื่อง) หรือเปล่า..
เฮ้ยไม่มี!
ใครอุ้มป่าววะ
เฮ้ย...เบบี้หาย

นางรีบวิ่งกลับมาที่แกลลี่ถามเพื่อนๆที่บินด้วยกันให้ไปช่วยหา... พร้อมพยายามปลุกคุณแม่แต่...
คุณแม่ไม่ยอมตื่นแบบว่ารู้ว่าเราปลุกแต่ไม่ยอมตื่น
เราก็พูดกันเล่นๆว่าคงไม่ได้ใส่ไว้ที่ที่เก็บสัมภาระนะ..
คือมันซีเรียสถึงขนาดเราเปิดที่เก็บสัมภาระกันจริงๆ 

เจอ... น้องนอนอยู่บนนั้นน่ะ
ช๊อค!!
สรุปทั้งไฟลท์ที่เหลือเพื่อนต้องเป็นคนอุ้มและดูแลเบบี้down one crew เพราะแม่ปฏิเสธที่จะอุ้มน้องและไม่ให้ใครอุ้มนอกจากเพื่อนเราที่เจอ

ฮอร์โมนหลังคลอดหรืออาการหลังคลอดต่างๆนาๆเราไม่อาจทราบได้พอถึงลอนดอนตำรวจมาพยาบาลมาหน้าที่เราจบแค่นั้นส่งไม้ต่อให้กราวสตาฟต่อไป

เหตุการณ์นี้สอนให้รู้ว่า
เฮ้ยที่ชอบพูดล้อเล่นเวลาหาของไม่เจอว่าMay be inside your cabin bag or in the overhead compartment มันเกิดขึ้นจริง...
...
โนวโนว
เหตุการณ์เรื่องนี้สอนให้รู้ว่ามีสติไวพริบดีบนเครื่องอะไรก็เกิดขึ้นได้ 
มีน้ำใจกับคนท้องและคุณแม่กับเด็ก
อย่างๆน้อยๆก็ลดความเสี่ยงที่เหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นได้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่