ใช่ค่ะ ที่มิลานหนาว เราเลยอยากหนีหนาวไปที่ๆมีหิมะเย็นๆ
เราอยากอยู่ยุโรปนานๆ เพื่อให้คุ้มทุกสตางค์ทุกวินาทีที่ใช้เตรียมเอกสารเพื่อแลกวีซ่ามา
แต่เราอยากประหยัดเงิน เราอยากอยู่กับสัตว์ในบรรยากาศเย็นๆเหงาๆ ไกลจากครอบครัวและคนรักในช่วงคริสมาสต์และปีใหม่
// ปาดน้ำตา เดินหน้า พุ่งไปยังหิมะฟูๆ ราดเฮลบลูบอ

ก่อนมายุโรป เราเคยได้ยินเกี่ยวกับโครงการWwoof ไรงี้มาก่อนแล้ว
วาดภาพตัวเองกำลังวิ่งเล่นในไรองุ่น แดดอุ่นๆปะทะใบหน้าตอน ๘โมงเช้าวันอังคาร
เรียนรู้การทำไวน์ ชีส น้ำมันมะกอก มีตากล้องยืนถ่ายอยู่ห่างๆ
แล้วเราหันหน้าถือไมค์มาทักทายผู้ชมทางบ้าน เพ้อๆประมาณนี้อ่ะค่ะ
ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จัก โครงการ Workaway (อ้าว รู้จัก Wwoof แต่มาทำ Workaway) พอสังเคปกันก่อนดีกว่า ใจความหลักๆก็ตามนี้เลยค่ะ
1. คล้ายๆกับโครงการ Wwoof คือ เป็นอาสาสมัครทำงานเพื่อแลกกับ ที่พักและอาหาร
ส่วนใหญ่มีให้ครบทั้ง 3มื้อ บางที่มีให้แค่ 2มื้อ หรือมื้อเดียว
2. ค่าสมัครโครงการ 35ยูโร/ปี และสามารถเข้าร่วมได้ทุกประเทศทั่วโลก! ถ้าสมัครเป็นแพคคู่ เพื่อนกันมันส์ดี ก็ถูกลงไปอีก
3. เหมาะกับผู้ที่มีเวลาในการท่องเที่ยว หรือ ได้รับวีซ่าระยะยาว 300ปี (ขอได้นานแบบนี้ที่ประเทศไหนบอกกันด้วยเด้อ)
4. เราสามารถร่วมโครงการ 5 วัน, 1-2สัปดาห์, 1 เดือน, 5เดือน หรือ เกือบปีก็ได้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่การตกลงและเงื่อนไขโฮสที่นั้นๆ บางโฮสเค้าต้องการอาสาสมัครที่อยู่ได้นานๆ บางโฮสก็โอเคกับผู้ที่ต้องการทำระยะสั้น
5. งานมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ทำฟาร์มออร์แกนิค ฟาร์มสัตว์ พี่เลี้ยงเด็ก ก่อสร้างปรับปรุงบูรณะ ทาสี ทำสวน เก็บโอลีฟ
ทำน้ำมันมะกอก ทำความสะอาด สอนภาษา สอนโยคะ เอนเตอร์เทนเนอร์ในโฮสเทล ทำเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ etc.
6. บางงานเช่น พวกโฮสเทล มีค่าจ้าง/ค่าอาหารให้ แต่ไม่ได้ถึงขนาดทำให้เราตั้งตัวได้นะ อาจจะ 10ยู/วัน หรือสัปดาห์ แล้วแต่สถานที่
หลังจากทำการสมัครเรียบร้อย เราก็ต้องทำการตกแต่งโพรไฟล์ ใส่รูป กรอกรายละเอียดตามขั้นตอนเลยค่ะ
จากนั้น ทำการเลือกทวีป - ประเทศที่เราต้องการไป ลักษณะงานที่เราต้องการทำ เย่ๆๆๆ
***เชคก่อนว่า เค้าต้องการอาสาสมัครในช่วงที่เราไปรึเปล่า และรายละเอียดต่างๆ เช่น
โฮสเป็นมังสวิรัติ สูบบุหรี่ มีสัตว์เลี้ยง มีอาหารให้ (เพราะบางที่เราต้องหาทานเอง)
บ้านไกลปืนเที่ยง สื่อสารภาษาอังกฤษได้มั้ย (เพราะบางที่โฮสพูดได้แต่ภาษาท้องถิ่น)
เราหลับนอนยังไง (เพราะบางที่เราอาจต้องนอนเต๊นท์)
พร้อมกับอ่านรีวิวจากอาสามัครที่เคยเข้าร่วมเพื่อประกอบการตัดสินใจ
และการเดินทางค่ะ ว่าไปง่ายไปสะดวกมั้ย ไรงี้ จะได้ไม่ต้องมาผิดหวัง ตกใจ หรือ รับไม่ได้ภายหลัง
พอเจอโฮสที่ถูกใจ เขียนข้อความแนะนำตัว จุดประสงค์ ระยะเวลา ลงมือติดต่อ ได้เลยค่ะ
เราเลือกที่จะติดต่อโฮสทีละคนค่ะ ไม่ส่งที ๒ ๓ ๔ ๕ คนพร้อมกัน
*สปอย:เราเลือกไปออสเตรีย
Workaway แรกที่เราเลือกไปทำคือ ฟาร์มม้า ที่ออสเตรีย ณ เมืองเล็กๆ ที่ตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าเมืองนั้นชื่ออะไร 555
แต่อยู่ไม่ไกลจาก Graz เมืองใหญ่อันดับ 2 รองจาก Vienna
เราเลือกงานนี้ เหตุผลง่ายๆเลยค่ะ เพราะอยากอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ อยู่กับสัตว์ ปราศจากผู้คน 5555
ขอใช้แรงงานหน่อยๆ ถือเป็นการออกกำลังกาย เผื่อผอม 555 ขำแห้ง (จริงๆคาดหวังมากๆว่าต้องผอมลง ... ขำแห้งอีกรอบ)
ฟาร์มนี้อยู่ in the middle of nowhere ใจกลางไร่แอปเปิ้ลค่ะ คือถ้าเกิดการฆาตรกรรม คือ ไม่มีใครรู้อะ 5555
ถนนแถวนั้นเรียกว่า Apple street คล้ายๆแถวภาคใต้บ้านเราอ่ะค่ะ ที่ปลูกสวนยางกันสุดลูกหูลูกตา

หน้าหนาวปลูกไรก็ไม่ขึ้นอะเนอะ แถวนี้ก็จะร้างๆ ไร้ผู้คน
โฮส:
โฮสอยู่กัน2คน สามีภรรยา น้องหมา 7 ตัว แมว2 ม้า34 หมู1 แพะ1 ยั้วเยี้ยดีค่ะกับน้องหมาทั้ง7
เราพักอยู่กับโฮสในบ้านหลังเดียวกัน มีห้องนอนส่วนตัวให้
โฮสแต่ละคนมีงานประจำทำค่ะ
โฮสผู้ชายหยุดเสาร์อาทิตย์ ผู้หญิงทำงาน ๓วันต่อสัปดาห์ เราจึงมีช่วงเวลาอิสระปราศจากโฮสบ้างค่ะ
แต่ก็ต้องช่วยดูแลน้องหมาทั้ง ๗ให้ออกไปขับถ่ายข้างนอกบ้าง
และต้องคอยดูอยู่ในสายตาตลอด ไม่งั้นน้องหมาจะซนแอบกินโน่นนี่
หรือวิ่งสปีดเร็วกว่านรกออกนอกรั้ว แล้วยาววววววค่ะ วิ่งตามไม่ทันเด้อ
ช่วงที่เราอยู่นี่ น้องก็ถูกผ่าตัดไป๑ตัว เพราะไปกินลูกบอลสไลม์ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ อีกตัวกินหิมะคออักเสบไปอีก
นี่คือเกิดภายในสัปดาห์เดียวกัน โฮสเสียค่ารักษาไปเกือบ ๒พันยูโร
ครอบครัวฝ่ายโฮสหญิงเค้ามีฟาร์มม้าค่ะ โฮสผู้หญิงจึงมากับการขี่ ฝึกม้า
ตอนนี้เบื่อแล้ว เลยหันมาเทรนน้องหมาแทนค่ะ แล้วก็ไปกวาดแชมป์มาหลายประเทศในยุโรปแล้วด้วยค่ะ
ม้าที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นม้าที่เค้ามาฝากเลี้ยง เจ้าของม้านี่เป็นผู้หญิงหมดเลย
ว่างๆเค้าจะแวะมาขี่ มาฝึก มาทำความสะอาดม้าบ้าง มีตั้งแต่เด็กๆ วัยรุ่น วัยทำงาน หรือแม่กับลูกสาวมาด้วยกัน
เรียกว่าเป็นงานอดิเรกของคนรวยก็ว่าได้ เพราะอุกปรณ์ต่างๆของม้า
เครื่องแต่งกาย กางเกง รองเท้า หมวก ค่าฝากเลี้ยงนี่ไม่ใช่ย้อยเลย
อาหารการกิน:
บ้านนี้เค้าเป็นมังสวิรัติกันค่ะ เราเลยอยากลอง
กะว่าคงจะทานได้น้อยลง จะลดความอ้วนไรงี้
เปล่าเลยยยยยยยยย อาหารอร่อย กินเยอะไปอีก โธ่ววววว๊อยยยย
เช้า: พวกขนมปังปิ้ง กาแฟแก้วใหญ่ๆ จะได้ทำงานพุ่งๆ (ถ้าได้ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ทำงานได้เผื่อสัปดาห์หน้าเลย)
เที่ยง-เย็น: พาสต้า อาหารแช่แช็งพวกมันฝรั่งห่อผักโขม สลัดใส่น้ำมันฟักทอง อันนี้อร่อยมาก
ของในตู้เย็นก็จะเป็นพวกผักซุกินี่ ผักสลัด มะเขือเทศ พริกหวาน แครอท หอมหัวใหญ่ ไข่ ชีสต่างๆ
เราก็บรรเลงกันเอาเองเลยค่ะว่าอยากทำอะไร บางมื้อโฮสก็ทำให้ บางมื้อเราทำเอง
บางมื้ออาสาสมัครคนอื่นจัดการ เวลาทำอาหารก็จะทำเผื่อทั้งบ้านค่ะ
เราก็ทำพวกอาหารง่ายๆที่เราถนัด เช่น ข้าวผัดผักใส่ไข่ ผัดผักรวม แกงเขียวหวาน-แกงแดงผัก
(หาเครื่องแกง กะทิได้ตามซูเปอร์ทั่วไปค่ะ) พาสต้าครีมซอสซุกินีใส่ไวน์ขาว ลาซานย่ามะเขือม่วง
(อาหารอิตาเลี่ยน เรียกว่า Parmigiana หรือ Eggplant lasagna อันนี้เมนูโปรดเรา
และบังเอินคนมังทานได้ ๑เดือนนี่ทำไป๓รอบ โฮสชอบมาก)
โฮสที่นี่เค้าชอบดื่มไวน์ ดื่มเบียร์ เค้าก็ชวนเราดื่มบ้าง บางครั้งเราออกไปข้างนอก ก็จะซื้อไวน์
หรือเบียร์มาแชร์กับเค้าบ้างเหมือนกันค่ะ แชร์มา แชร์กลับ ไม่โกงค่ะ Sharing is caring
งานคือเงิน แต่เราทำฟรี! เย่ๆๆ:
เราตื่นประมาณ ๘โมงเช้าวันอังคารมาเติมพลังกับอาหารเช้า ทำธุระเข้าห้องน้ำเรียบร้อย
เริ่มงานก็ประมาณ 8.30 กว่าจะเสร็จบางวันก็เกือบบ่ายโมง บางวันก็11:30 บางวันก็เที่ยง เที่ยงกว่า ประมาณนี้ค่ะ
งานหลักที่ฟาร์มม้าคือ ทำความสะอาดเก็บอึม้าค่ะ
ฝนตก แดดออก หิมะตก ยังไงก็ต้องทำค่ะ เพราะม้ามันไม่ทำค่ะ 555
ม้าที่นี่ถูกเลี้ยงแบบ Open air อยู่ในรั้วไฟฟ้า
บางวันม้าหลุดออกจากรั้วมากินหญ้าข้างนอก สาวแรงงานไทยยากจนช็อคหัวใจหล่นวูบบบบ
ชิบฮายยยยยละ เกิดมาเคยขี่ม้าแค่๒ครั้ง ควบคุมม้าเหรอ พูดแล้วจะหาว่าโม้ 55 สบ๊ายยยยยยยย
เราเดินอ้อมไปดักข้างหน้า อ้าแขน สบัดนิดๆหน่อยๆพอเป็นพิธี ให้ม้าตกใจในความแขนใหญ่ของเรา
แค่นี้ม้าก็วิ่งกลับเข้ารั้วคืนแล้วค่ะ (จริงๆต้องขอบคุณม้าที่แสนรู้ และเพื่อนอาสาคนฝรั่งเศสที่ดักอยู่อีกฝั่ง)
บางวันถ้าโฮสผู้ชายไม่กลับบ้าน เพราะติดงาน เราก็ต้องให้อาหารม้าตอนเช้า/เย็น
ถ้าเราให้อาหารสาย ม้าจะยืนจ้อง แบบจ้องงงงงงง แล้วก็ร้องอี๊ ฮี๊ คงพากันด่าตำหนิเราอยู่
ปกติที่นี่เค้าจะรับอาสาสมัครครั้งละ ๒ คน
แต่เราโชคดีค่ะ อาสาสมัครที่มาพร้อมเราเค้ามาเป็นคู่ จึงเป็น ๓คนทำงานด้วยกัน
เคยทำแค่๒คนแล้วเหนื่อยมากกกกกกกก งานง่ายๆแต่เน้นแรงงานค่ะ เพราะถ้าหิมะตกเนี่ย
วันต่อมาอึม้าเกาะกันติดแผ่นดิน แงะยากมากกกกก ต้องออกแรงเยอะกว่าปกติ
แล้วเคยโดนม้าถีบมั้ย (ถามใคร5555)...
ตั้งแต่ทำมาไม่เคยค่ะ เจอแต่รั้วไฟฟ้าชอตมากกว่า หอมเบค่อนเลย 555
ม้าที่นี่น่ารักค่ะ บางตัวชอบเข้ามาหยอก มากัดมาแทะมือ แต่เจ็บนะเออ
หรือคว่ำรถเข็นอึเรา นั่งนี่มันรว๊ายยยยยยยจริงๆ

เพิ่งรู้ว่าม้านอนแบบนี้
เวลาว่าง:
อยากที่บอกค่ะว่า เราทำงานเสร็จประมาณเที่ยง จึงมีเวลาว่างทั้งวันตอนบ่าย
(เหมาะกับคนชอบอ่านหนังสือ หรือทำงานผ่านเน็ทมาก)
ถ้าไม่นอน ก็ออกไปเดินเล่นรอบๆ
ไปแวะทานเค๊กโฮมเมดอร่อยๆที่คาเฟ่แห่งเดียวของหมู่บ้าน
เหมือนเป็นจุดพบป่ะสังสรรค์ของชาวบ้านแถบนั้น ส่วนใหญ่ก็ชาวส.ว สูงวัยนั่นแหล่ะค่ะ
พอเห็นเรากับเพื่อนสาวฝรั่งเศสก็พากันมองตามตาลุกวาว มีหูมีตาหายาว
ใช่ค่ะ น้องเคยเห็นช้างรึเปล่า 555 เพ้อเจ้อ
อาสาคู่รักฝรั่งเศสขับรถมาจากฝรั่งเศส เลาะเยอรมัน ไปเรื่อยๆเหมือนรถขายโอ่งจนมาถึงออสเตรีย
ทำให้แรงงานไทยอย่างเรามีโอกาสติดรถไปโน่นมานี่สถานที่รอบๆฟาร์ม
เป็นบุญของอีแย้มจริงๆ
เรามีโอกาสไปชิมชีส (หัวละ ๙ยูโร) จิบไวน์ (แก้วละ ๓ยูโร) ที่เมืองใกล้ๆห่างออกไปประมาณ๑ชม.
ที่นี่เค้าจะรับชีสมาจากชาวบ้าน แล้วนำมาดัดแปลงเพิ่มเติมบ้างเล็กน้อย เช่น โรยด้วยดอกไม้แห้ง ช็อกโกแลตไรงี้ค่ะ

วิวรอบๆ Fromagerie


ปราสาทนี้ปิดช่วงหน้าหนาวค่ะ

ห่างออกไปไม่ไกลจาก Fromagerie เป็นที่ตั้งโรงงานช็อกโกแลตที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรีย ค่าเข้าตกหัวละ ๑๖ยูโรค่ะ
เริ่มด้วยการไปชมวิดีโอประวัติความเป็นมาของผู้ก่อตั้ง
หลังจากนั้นหยิบช้อน อาวุธสำคัญประจำกาย ไว้ตักชิมช็อกโกแลตค่ะ
ชิมได้ไม่อั้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ชิมจนเบื่อออออออออออ ชิมจนบ่นนนนนนนนนนน

แต่เราชอบความสร้างสรรค์ของชอกโกแลตสถานีหนึ่ง
เราสามารถเลือกชอกโกแลตแท่งรสชาติที่เราชอบ มีทั้งแบบผสมขิง มะนาว ชาไช กัญชาไรงี้
เอาไปผสมกับนมอุ่น รอ๒นาที แล้วคน ตู้มมมมมมมมมมม กลายเป็นนมชอกโกแลต
(สร้างสรรค์มะ 5555)

บริเวณภายในโรงงานชอกโกแลต มีสวนสัตว์เปิดเล็กๆ เรียกว่า Edible zoo
ถ้าแปลแบบยาวๆอธิบายหน่อยๆ คือ สัตว์ที่มนุยษ์นำเนื้อมาทานอ่ะค่ะ
มีทั้งแพะ แกะ วัว นกกระจอกเทศ ไก่ ลา ปลา กระต่าย ควาย เป็นต้น
ช่วงฤดูร้อนทางสวนสัตว์ก็จะจัดกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ เหมาะสำหรับเด็กๆค่ะ
แต่เราไปช่วงธันวา ทุกอย่างก็จะเศร้าๆ อึมครึมหน่อยๆ

สถานีถัดไปคือ ภูเขา Schöckl
วิวจากข้างบนสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกก สวยจนลืมไปเลยว่าเคยมีรังแค
สามารถมองเห็นเมือง Graz ประเทศ Slovenia ได้จากบนนั้นค่ะ
เราขึ้นไปบนภูเขาโดยกระเช้าไฟฟ้า ไปกลับถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่ ๑๓ยูโรค่ะ
แต่วิวบนนั้นสวยคุ้มจริงๆ หรือจะเดินขึ้นไปก็ได้ สำหรับคนมีเวลา
และสมรรถภาพทางร่างกายพร้อม แต่เราแงะอึม้ามาตลอดเช้าก็เหนื่อยล้าแล้วค่ะ
เลยขอใช้เงินแก้ปัญหาดีกว่า 555

มีต
[CR] รีวิว Workaway: หนีหนาวมิลาน ไปหนาวออสเตรีย ครั้งแรกกับประสบการณ์ทำงานฟรีแลกอาหารและที่พักในยุโรป
แต่เราอยากประหยัดเงิน เราอยากอยู่กับสัตว์ในบรรยากาศเย็นๆเหงาๆ ไกลจากครอบครัวและคนรักในช่วงคริสมาสต์และปีใหม่
แล้วเราหันหน้าถือไมค์มาทักทายผู้ชมทางบ้าน เพ้อๆประมาณนี้อ่ะค่ะ
ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จัก โครงการ Workaway (อ้าว รู้จัก Wwoof แต่มาทำ Workaway) พอสังเคปกันก่อนดีกว่า ใจความหลักๆก็ตามนี้เลยค่ะ
1. คล้ายๆกับโครงการ Wwoof คือ เป็นอาสาสมัครทำงานเพื่อแลกกับ ที่พักและอาหาร
ส่วนใหญ่มีให้ครบทั้ง 3มื้อ บางที่มีให้แค่ 2มื้อ หรือมื้อเดียว
2. ค่าสมัครโครงการ 35ยูโร/ปี และสามารถเข้าร่วมได้ทุกประเทศทั่วโลก! ถ้าสมัครเป็นแพคคู่ เพื่อนกันมันส์ดี ก็ถูกลงไปอีก
3. เหมาะกับผู้ที่มีเวลาในการท่องเที่ยว หรือ ได้รับวีซ่าระยะยาว 300ปี (ขอได้นานแบบนี้ที่ประเทศไหนบอกกันด้วยเด้อ)
4. เราสามารถร่วมโครงการ 5 วัน, 1-2สัปดาห์, 1 เดือน, 5เดือน หรือ เกือบปีก็ได้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่การตกลงและเงื่อนไขโฮสที่นั้นๆ บางโฮสเค้าต้องการอาสาสมัครที่อยู่ได้นานๆ บางโฮสก็โอเคกับผู้ที่ต้องการทำระยะสั้น
5. งานมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ทำฟาร์มออร์แกนิค ฟาร์มสัตว์ พี่เลี้ยงเด็ก ก่อสร้างปรับปรุงบูรณะ ทาสี ทำสวน เก็บโอลีฟ
ทำน้ำมันมะกอก ทำความสะอาด สอนภาษา สอนโยคะ เอนเตอร์เทนเนอร์ในโฮสเทล ทำเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ etc.
6. บางงานเช่น พวกโฮสเทล มีค่าจ้าง/ค่าอาหารให้ แต่ไม่ได้ถึงขนาดทำให้เราตั้งตัวได้นะ อาจจะ 10ยู/วัน หรือสัปดาห์ แล้วแต่สถานที่
หลังจากทำการสมัครเรียบร้อย เราก็ต้องทำการตกแต่งโพรไฟล์ ใส่รูป กรอกรายละเอียดตามขั้นตอนเลยค่ะ
จากนั้น ทำการเลือกทวีป - ประเทศที่เราต้องการไป ลักษณะงานที่เราต้องการทำ เย่ๆๆๆ
***เชคก่อนว่า เค้าต้องการอาสาสมัครในช่วงที่เราไปรึเปล่า และรายละเอียดต่างๆ เช่น
โฮสเป็นมังสวิรัติ สูบบุหรี่ มีสัตว์เลี้ยง มีอาหารให้ (เพราะบางที่เราต้องหาทานเอง)
บ้านไกลปืนเที่ยง สื่อสารภาษาอังกฤษได้มั้ย (เพราะบางที่โฮสพูดได้แต่ภาษาท้องถิ่น)
เราหลับนอนยังไง (เพราะบางที่เราอาจต้องนอนเต๊นท์)
พร้อมกับอ่านรีวิวจากอาสามัครที่เคยเข้าร่วมเพื่อประกอบการตัดสินใจ
และการเดินทางค่ะ ว่าไปง่ายไปสะดวกมั้ย ไรงี้ จะได้ไม่ต้องมาผิดหวัง ตกใจ หรือ รับไม่ได้ภายหลัง
พอเจอโฮสที่ถูกใจ เขียนข้อความแนะนำตัว จุดประสงค์ ระยะเวลา ลงมือติดต่อ ได้เลยค่ะ
เราเลือกที่จะติดต่อโฮสทีละคนค่ะ ไม่ส่งที ๒ ๓ ๔ ๕ คนพร้อมกัน
Workaway แรกที่เราเลือกไปทำคือ ฟาร์มม้า ที่ออสเตรีย ณ เมืองเล็กๆ ที่ตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าเมืองนั้นชื่ออะไร 555
แต่อยู่ไม่ไกลจาก Graz เมืองใหญ่อันดับ 2 รองจาก Vienna
เราเลือกงานนี้ เหตุผลง่ายๆเลยค่ะ เพราะอยากอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ อยู่กับสัตว์ ปราศจากผู้คน 5555
ขอใช้แรงงานหน่อยๆ ถือเป็นการออกกำลังกาย เผื่อผอม 555 ขำแห้ง (จริงๆคาดหวังมากๆว่าต้องผอมลง ... ขำแห้งอีกรอบ)
ฟาร์มนี้อยู่ in the middle of nowhere ใจกลางไร่แอปเปิ้ลค่ะ คือถ้าเกิดการฆาตรกรรม คือ ไม่มีใครรู้อะ 5555
ถนนแถวนั้นเรียกว่า Apple street คล้ายๆแถวภาคใต้บ้านเราอ่ะค่ะ ที่ปลูกสวนยางกันสุดลูกหูลูกตา
หน้าหนาวปลูกไรก็ไม่ขึ้นอะเนอะ แถวนี้ก็จะร้างๆ ไร้ผู้คน
โฮส:
โฮสอยู่กัน2คน สามีภรรยา น้องหมา 7 ตัว แมว2 ม้า34 หมู1 แพะ1 ยั้วเยี้ยดีค่ะกับน้องหมาทั้ง7
เราพักอยู่กับโฮสในบ้านหลังเดียวกัน มีห้องนอนส่วนตัวให้
โฮสแต่ละคนมีงานประจำทำค่ะ
โฮสผู้ชายหยุดเสาร์อาทิตย์ ผู้หญิงทำงาน ๓วันต่อสัปดาห์ เราจึงมีช่วงเวลาอิสระปราศจากโฮสบ้างค่ะ
แต่ก็ต้องช่วยดูแลน้องหมาทั้ง ๗ให้ออกไปขับถ่ายข้างนอกบ้าง
และต้องคอยดูอยู่ในสายตาตลอด ไม่งั้นน้องหมาจะซนแอบกินโน่นนี่
หรือวิ่งสปีดเร็วกว่านรกออกนอกรั้ว แล้วยาววววววค่ะ วิ่งตามไม่ทันเด้อ
ช่วงที่เราอยู่นี่ น้องก็ถูกผ่าตัดไป๑ตัว เพราะไปกินลูกบอลสไลม์ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ อีกตัวกินหิมะคออักเสบไปอีก
นี่คือเกิดภายในสัปดาห์เดียวกัน โฮสเสียค่ารักษาไปเกือบ ๒พันยูโร
ครอบครัวฝ่ายโฮสหญิงเค้ามีฟาร์มม้าค่ะ โฮสผู้หญิงจึงมากับการขี่ ฝึกม้า
ตอนนี้เบื่อแล้ว เลยหันมาเทรนน้องหมาแทนค่ะ แล้วก็ไปกวาดแชมป์มาหลายประเทศในยุโรปแล้วด้วยค่ะ
ม้าที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นม้าที่เค้ามาฝากเลี้ยง เจ้าของม้านี่เป็นผู้หญิงหมดเลย
ว่างๆเค้าจะแวะมาขี่ มาฝึก มาทำความสะอาดม้าบ้าง มีตั้งแต่เด็กๆ วัยรุ่น วัยทำงาน หรือแม่กับลูกสาวมาด้วยกัน
เรียกว่าเป็นงานอดิเรกของคนรวยก็ว่าได้ เพราะอุกปรณ์ต่างๆของม้า
เครื่องแต่งกาย กางเกง รองเท้า หมวก ค่าฝากเลี้ยงนี่ไม่ใช่ย้อยเลย
อาหารการกิน:
บ้านนี้เค้าเป็นมังสวิรัติกันค่ะ เราเลยอยากลอง
กะว่าคงจะทานได้น้อยลง จะลดความอ้วนไรงี้
เปล่าเลยยยยยยยยย อาหารอร่อย กินเยอะไปอีก โธ่ววววว๊อยยยย
เช้า: พวกขนมปังปิ้ง กาแฟแก้วใหญ่ๆ จะได้ทำงานพุ่งๆ (ถ้าได้ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ทำงานได้เผื่อสัปดาห์หน้าเลย)
เที่ยง-เย็น: พาสต้า อาหารแช่แช็งพวกมันฝรั่งห่อผักโขม สลัดใส่น้ำมันฟักทอง อันนี้อร่อยมาก
ของในตู้เย็นก็จะเป็นพวกผักซุกินี่ ผักสลัด มะเขือเทศ พริกหวาน แครอท หอมหัวใหญ่ ไข่ ชีสต่างๆ
เราก็บรรเลงกันเอาเองเลยค่ะว่าอยากทำอะไร บางมื้อโฮสก็ทำให้ บางมื้อเราทำเอง
บางมื้ออาสาสมัครคนอื่นจัดการ เวลาทำอาหารก็จะทำเผื่อทั้งบ้านค่ะ
เราก็ทำพวกอาหารง่ายๆที่เราถนัด เช่น ข้าวผัดผักใส่ไข่ ผัดผักรวม แกงเขียวหวาน-แกงแดงผัก
(หาเครื่องแกง กะทิได้ตามซูเปอร์ทั่วไปค่ะ) พาสต้าครีมซอสซุกินีใส่ไวน์ขาว ลาซานย่ามะเขือม่วง
(อาหารอิตาเลี่ยน เรียกว่า Parmigiana หรือ Eggplant lasagna อันนี้เมนูโปรดเรา
และบังเอินคนมังทานได้ ๑เดือนนี่ทำไป๓รอบ โฮสชอบมาก)
โฮสที่นี่เค้าชอบดื่มไวน์ ดื่มเบียร์ เค้าก็ชวนเราดื่มบ้าง บางครั้งเราออกไปข้างนอก ก็จะซื้อไวน์
หรือเบียร์มาแชร์กับเค้าบ้างเหมือนกันค่ะ แชร์มา แชร์กลับ ไม่โกงค่ะ Sharing is caring
งานคือเงิน แต่เราทำฟรี! เย่ๆๆ:
เราตื่นประมาณ ๘โมงเช้าวันอังคารมาเติมพลังกับอาหารเช้า ทำธุระเข้าห้องน้ำเรียบร้อย
เริ่มงานก็ประมาณ 8.30 กว่าจะเสร็จบางวันก็เกือบบ่ายโมง บางวันก็11:30 บางวันก็เที่ยง เที่ยงกว่า ประมาณนี้ค่ะ
งานหลักที่ฟาร์มม้าคือ ทำความสะอาดเก็บอึม้าค่ะ
ฝนตก แดดออก หิมะตก ยังไงก็ต้องทำค่ะ เพราะม้ามันไม่ทำค่ะ 555
ม้าที่นี่ถูกเลี้ยงแบบ Open air อยู่ในรั้วไฟฟ้า
บางวันม้าหลุดออกจากรั้วมากินหญ้าข้างนอก สาวแรงงานไทยยากจนช็อคหัวใจหล่นวูบบบบ
ชิบฮายยยยยละ เกิดมาเคยขี่ม้าแค่๒ครั้ง ควบคุมม้าเหรอ พูดแล้วจะหาว่าโม้ 55 สบ๊ายยยยยยยย
เราเดินอ้อมไปดักข้างหน้า อ้าแขน สบัดนิดๆหน่อยๆพอเป็นพิธี ให้ม้าตกใจในความแขนใหญ่ของเรา
แค่นี้ม้าก็วิ่งกลับเข้ารั้วคืนแล้วค่ะ (จริงๆต้องขอบคุณม้าที่แสนรู้ และเพื่อนอาสาคนฝรั่งเศสที่ดักอยู่อีกฝั่ง)
บางวันถ้าโฮสผู้ชายไม่กลับบ้าน เพราะติดงาน เราก็ต้องให้อาหารม้าตอนเช้า/เย็น
ถ้าเราให้อาหารสาย ม้าจะยืนจ้อง แบบจ้องงงงงงง แล้วก็ร้องอี๊ ฮี๊ คงพากันด่าตำหนิเราอยู่
ปกติที่นี่เค้าจะรับอาสาสมัครครั้งละ ๒ คน
แต่เราโชคดีค่ะ อาสาสมัครที่มาพร้อมเราเค้ามาเป็นคู่ จึงเป็น ๓คนทำงานด้วยกัน
เคยทำแค่๒คนแล้วเหนื่อยมากกกกกกกก งานง่ายๆแต่เน้นแรงงานค่ะ เพราะถ้าหิมะตกเนี่ย
วันต่อมาอึม้าเกาะกันติดแผ่นดิน แงะยากมากกกกก ต้องออกแรงเยอะกว่าปกติ
แล้วเคยโดนม้าถีบมั้ย (ถามใคร5555)...
ตั้งแต่ทำมาไม่เคยค่ะ เจอแต่รั้วไฟฟ้าชอตมากกว่า หอมเบค่อนเลย 555
ม้าที่นี่น่ารักค่ะ บางตัวชอบเข้ามาหยอก มากัดมาแทะมือ แต่เจ็บนะเออ
หรือคว่ำรถเข็นอึเรา นั่งนี่มันรว๊ายยยยยยยจริงๆ
เพิ่งรู้ว่าม้านอนแบบนี้
เวลาว่าง:
อยากที่บอกค่ะว่า เราทำงานเสร็จประมาณเที่ยง จึงมีเวลาว่างทั้งวันตอนบ่าย
(เหมาะกับคนชอบอ่านหนังสือ หรือทำงานผ่านเน็ทมาก)
ถ้าไม่นอน ก็ออกไปเดินเล่นรอบๆ
ไปแวะทานเค๊กโฮมเมดอร่อยๆที่คาเฟ่แห่งเดียวของหมู่บ้าน
เหมือนเป็นจุดพบป่ะสังสรรค์ของชาวบ้านแถบนั้น ส่วนใหญ่ก็ชาวส.ว สูงวัยนั่นแหล่ะค่ะ
พอเห็นเรากับเพื่อนสาวฝรั่งเศสก็พากันมองตามตาลุกวาว มีหูมีตาหายาว
ใช่ค่ะ น้องเคยเห็นช้างรึเปล่า 555 เพ้อเจ้อ
อาสาคู่รักฝรั่งเศสขับรถมาจากฝรั่งเศส เลาะเยอรมัน ไปเรื่อยๆเหมือนรถขายโอ่งจนมาถึงออสเตรีย
ทำให้แรงงานไทยอย่างเรามีโอกาสติดรถไปโน่นมานี่สถานที่รอบๆฟาร์ม
เป็นบุญของอีแย้มจริงๆ
เรามีโอกาสไปชิมชีส (หัวละ ๙ยูโร) จิบไวน์ (แก้วละ ๓ยูโร) ที่เมืองใกล้ๆห่างออกไปประมาณ๑ชม.
ที่นี่เค้าจะรับชีสมาจากชาวบ้าน แล้วนำมาดัดแปลงเพิ่มเติมบ้างเล็กน้อย เช่น โรยด้วยดอกไม้แห้ง ช็อกโกแลตไรงี้ค่ะ
วิวรอบๆ Fromagerie
ปราสาทนี้ปิดช่วงหน้าหนาวค่ะ
ห่างออกไปไม่ไกลจาก Fromagerie เป็นที่ตั้งโรงงานช็อกโกแลตที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรีย ค่าเข้าตกหัวละ ๑๖ยูโรค่ะ
เริ่มด้วยการไปชมวิดีโอประวัติความเป็นมาของผู้ก่อตั้ง
หลังจากนั้นหยิบช้อน อาวุธสำคัญประจำกาย ไว้ตักชิมช็อกโกแลตค่ะ
ชิมได้ไม่อั้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ชิมจนเบื่อออออออออออ ชิมจนบ่นนนนนนนนนนน
แต่เราชอบความสร้างสรรค์ของชอกโกแลตสถานีหนึ่ง
เราสามารถเลือกชอกโกแลตแท่งรสชาติที่เราชอบ มีทั้งแบบผสมขิง มะนาว ชาไช กัญชาไรงี้
เอาไปผสมกับนมอุ่น รอ๒นาที แล้วคน ตู้มมมมมมมมมมม กลายเป็นนมชอกโกแลต
(สร้างสรรค์มะ 5555)
บริเวณภายในโรงงานชอกโกแลต มีสวนสัตว์เปิดเล็กๆ เรียกว่า Edible zoo
ถ้าแปลแบบยาวๆอธิบายหน่อยๆ คือ สัตว์ที่มนุยษ์นำเนื้อมาทานอ่ะค่ะ
มีทั้งแพะ แกะ วัว นกกระจอกเทศ ไก่ ลา ปลา กระต่าย ควาย เป็นต้น
ช่วงฤดูร้อนทางสวนสัตว์ก็จะจัดกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ เหมาะสำหรับเด็กๆค่ะ
แต่เราไปช่วงธันวา ทุกอย่างก็จะเศร้าๆ อึมครึมหน่อยๆ
สถานีถัดไปคือ ภูเขา Schöckl
วิวจากข้างบนสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกก สวยจนลืมไปเลยว่าเคยมีรังแค
สามารถมองเห็นเมือง Graz ประเทศ Slovenia ได้จากบนนั้นค่ะ
เราขึ้นไปบนภูเขาโดยกระเช้าไฟฟ้า ไปกลับถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่ ๑๓ยูโรค่ะ
แต่วิวบนนั้นสวยคุ้มจริงๆ หรือจะเดินขึ้นไปก็ได้ สำหรับคนมีเวลา
และสมรรถภาพทางร่างกายพร้อม แต่เราแงะอึม้ามาตลอดเช้าก็เหนื่อยล้าแล้วค่ะ
เลยขอใช้เงินแก้ปัญหาดีกว่า 555
มีต
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้