ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของการไปเยือนดินแดนพาตาโกเนียของผม
เชิญชมครั้งแรกได้ที่
ซึ่งเส้นทางการท่องเที่ยวจะแตกต่างจากครั้งแรกเล็กน้อย
โดยการเดินทางครั้งนี้ ผมเลือกเส้นทาง กรุงเทพ - ลอนดอน - บรูนอสไอเรส - เอล คาลาฟาเต้
ค่อนข้างรวบรัด จบไวกว่าครั้งก่อนเพราะไม่ค่อยมีเวลา
ยังไงก็เลือกตามเวลา ราคาตั๋ว และความสะดวกของแต่ละคนนะครับ
ผมเลือกใช้ Nikon Z7 มาในทริปนี้ เพราะปกติผมใช้ Nikon D850 อยู่
และก่อนมาเที่ยวเพียงแค่ 2 อาทิตย์ดันเกิดอุบัติเหตุกระดูกมือซ้ายหัก ต้องเข้าเฝือก 1 เดือน
ยอมรับว่าเครียดมากจริงๆ กับการที่ต้องมาออกทริปถ่ายรูปด้วยมือข้างเดียว
ทริปนี้ผมจึงเปลี่ยนมาใช้ Z7 ที่มีน้ำหนักเบากว่า D850 ถึงครึ่งกิโล และน้ำหนักที่หายไปนี้ช่วยได้เยอะมากจริงๆ
ถ้าใครที่เดินเทรคบ่อยๆจะทราบดีว่าการแบกของหนักไปด้วยนี่เป็นสิ่งที่ค่อนข้างลำบากทีเดียว
จุดประสงค์ในการไปพาตาโกเนียของแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกัน อย่างผมคือตั้งใจไปถ่ายภาพ
โดยการเดินทางในทุกๆวันก็จะเน้นการเดินเข้าป่าไปตามเส้นทางต่างๆเพื่อถ่ายภาพในเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตก
หรือถ่ายดาวตอนกลางคืนตามจุดชมวิวและน้ำตกระหว่างทาง
ซึ่งระยะในการเดินป่าและปีนเขาในแต่ละวันนั้นเริ่มจาก 5-10 ก.ม.
และจะใช้เวลาไป-กลับในแต่ละรอบที่ออกเดินทาง 10-12 ชั่วโมงในป่า
เรียกได้ว่าถ้าอยากเจอวิวสวยๆ แบบนี้ก็ต้องลุยกันหน่อย
แต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอนกับการเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบใหม่นี้
ส่วนบางคนชอบไปเดินเทรกกิ้งก็ต้องมาดูระยะทางและเวลากันอีกทีเพื่อความสะดวกในการออกเดินทาง
แพลนการเดินป่าในแต่ละวัน
วันที่ 1 : เดินทางมาถึง Comandante Armando Tola International Airport (FTE) และรถมารับเพื่อไปพักที่เมือง El Calafate ระยะทางห่างไปอีกประมาณ 20 กิโลเมตร
วันที่ 2 : รถมารับเพื่อไปส่งที่ El Chalten ใช้เวลาประมาณ 3.30 ชั่วโมงและเดินเล่นในเมืองรอเวลาเพื่อไปถ่ายพระอาทิตย์ตก
ที่จุดชมวิว Mirador De Los Gondores ใช้เวลาเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวประมาณ 1 ชั่วโมง
วันที่ 3 : วันนี้จะต้องออกเดินตั้งแต่ตี4 เพื่อให้ทันแสงเช้าที่น้ำตก จึงติดต่อโรงแรมเพื่อแพ็คอาหารเช้าไว้ให้ และเตรียมอาหารกลางวันไปเองด้วย
เพราะจะอยู่ในป่าทั้งวัน
**การเตรียมของเพื่อออกเดินในแต่ละวัน**
สิ่งที่จำเป็นคือน้ำและอาหาร ต้องเตรียมให้พอดีสำหรับการใช้แรงในการเดินป่า 12 ชั่วโมง แต่ด้วยความที่เรามีอุปกรณ์ถ่ายภาพเยอะมาก
ทั้งกล้อง เลนส์ ขาตั้ง อุปกรณ์เสริมต่างๆ ซึ่งสิ่งที่นำติดตัวไปจะต้องจำเป็นจริงๆและไม่ทำให้เสียพื้นที่+เสียน้ำหนักกระเป๋ามากที่สุด
เพื่อความคล่องตัวและลดการเจ็บปวดจากการแบกของหนัก ซึ่งในส่วนของอาหารจะเป็นปัญหามาก
เพราะด้วยเวลาที่บางทีต้องออกเดินทางตอนตี3 ก็จะไม่มีเวลาที่จะทานอาหารเช้าก่อนเดินได้เต็มที่นัก
และเมื่อปีที่แล้วใช้วิธีการนำไข่ต้มหรือทำแซนด์วิชแพ็คไปเอง แต่นอกจากอาหารพวกนี้จะเพิ่มน้ำหนักเกินความจำเป็น(บางวันหนักจนต้องแอบเอาทิ้งกลางทาง สรุปไม่มีอะไรกิน) แถมยังไม่สามารถทำ ให้อิ่มท้องได้นานอีกด้วย และกลางป่าไม่มีร้านอาหารให้แวะเติมพลังแน่นอน
รอบนี้จึงมีทริคการเตรียมอาหารใหม่เพราะเราจะไม่ยอมพลาดเหมือนครั้งที่แล้วอีก
ก็คือการพก Nature Valley ธัญพืชอบกรอบแบบแท่งที่ให้พลังงานสูง ข้าวโอ๊ตเต็มเมล็ด อิ่มนาน น้ำหนักเบา มีหลายรสชาติให้เลือก
งานนี้เพื่อนๆต้องจัดตามเลยทีเดียว เพราะกำลังมีโปรโมชั่นถึงวันที่ 6 มิ.ย. นี้ รีบไปตามกันเลยที่
หรือหาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนําทั่วไป
และก็ถึงเป้าหมายของเรา คือน้ำตก ก.ม.5 แวะถ่ายรูป ทานข้าวเช้าและซึมซับบรรยากาศตรงนี้กันพักใหญ่
จากน้ำตกเดินเข้าไปอีก 2 ก.ม. ถึงจุดชมวิวอีกจุดที่เป็นธารน้ำพร้อมพักทานอาหารกลางวัน
ใช้เวลาอยู่ด้านบนนี้2-3ชั่วโมง เพื่อเดินถ่ายรูปบริเวณนั้นจะมีใบไม้เปลี่ยนสีและธารน้ำต่างๆ
จากนั้นเดินกลับทาง Lake Capri
วันนี้เดินไปทั้งหมด 22.7 กิโลเมตร กลับลงมาถึงช่วงบ่ายแก่ๆ แวะทานอาหารแล้วเข้าที่พัก เพื่อพักผ่อนเอาแรงต่อไป
วันที่ 4 : ช่วงเช้าพักผ่อนตามอัธยาศัยรอรถมารับตอน16.00 น. ไปน้ำตกChorillo del Salto ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองแค่ 3 ก.ม.
เป็นทางเดินราบ จุดนี้นักท่องเที่ยวเยอะมาก เพราะเดินทางมาง่าย
วันที่ 5 : ออกเดินทางตี3.30 เพื่อไปถ่ายแสงเช้าที่ฝั่ง Cerro Torre ระยะทางเดินไป 9กิโลเมตร
ช่วง 3 กิโลแรกเป็นทางขึ้นไต่ระดับไปเรื่อยๆ เส้นทางมีเดินบนหินบ้าง
(ภาพนี้ไปถึงก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและคืนก่อนหน้าหิมะตก จึงขาวโพลนอย่างที่เห็น)
Nikon Z7 + AF-S NIKKOR 14-24mm F2.8G ED
ISO640 F2.8 30sec [Panorama แนวตั้ง 7 ใบ]
ช่วงเวลานี้คือสิ่งที่เรารอคอย คือแสงอาทิตย์ยามเช้าอาบมาที่ยอดเขา
แสงแดดส่องลงมา งดงาม ดุดันสุด
Nikon Z7 + AF-S NIKKOR 70-300mm F4.5-5.6G ED
ISO64 F9 1/800sec
หลังจากนั้นทางเดินค่อนข้างราบ ระหว่างทาง มีมุมสะท้อนน้ำ กับยอดเขา Cerro Torre
ยอดนี้คือ Cerro Torre ซึ่งปีที่แล้วผมไม่มีโอกาศได้เห็นเลย เนื่องจากเจอเมฆบังตลอดทริป รอบนี้ฟ้าเปิดเลยถ่ายยอดนี้มาซะเยอะเลย
Nikon Z7 + AF-S NIKKOR 24-70mm F2.8G ED
ISO64 F11 1/200sec
วันที่ 6 : เช้าวันสุดท้ายของฝั่งอาเจนติน่า นั่งรถออกไปเก็บแสงเช้าที่นอกเมือง นวลๆ
Nikon Z7 + AF-S NIKKOR 24-70mm F2.8G ED
ISO64 F6.3 1/15sec
จากนั้นกลับมารอรถรับกลับไปเมือง El calafate
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม. เมื่อถึงที่พักเก็บของ และออกมารับประทานอาหารเย็นในตัวเมือง
Nikon Z7 + AF-S NIKKOR 24-70mm F2.8G ED
ISO64 F11 1/100sec
วันที่ 7 : รถมารับที่โรงแรม ตอน 8.00 เพื่อเดินทางไป Perito Moreno Glacier เดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง
มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ3 ของโลก รองจากขั้วโลกเลยทีเดียว
ด้วยขนาด 250 sq. km ที่ El Calafate, Argentina
มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ3 ของโลก รองจากขั้วโลกเลยทีเดียว
โดยจุดที่ลึกที่สุดอยู่ที่ประมาณ 700 เมตร
ในครั้งนี้ก็ได้ซื้อทัวร์เดินเทรคเข้าไปในน้ำแข็งด้วย จะมี 2 แบบคือ mini/full trekking
สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา แบบมินิก็เพียงพอแล้ว
การเดิน Glacier Walk นี้เป็นประสบการณ์ที่อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัส มันเจ๋งมากจริงๆ
พูดถึงการเตรียมตัวกันก่อน
- อุปกรณ์กันหนาว/แว่นกันแดด โดยเฉพาะถุงมือสำคัญมาก ต้องสวมไว้ตลอดเพราะน้ำแข็งมีลักษณะคมมาก สามารถบาดได้เลย
- ห้ามนำไม้เทรค, ขาตั้งและกระเป๋าใบใหญ่ไปเดินด้วยจะมีจุดรับฝากของก่อนเดินทัวร์
- ตั้งใจฟังบรีฟวิธีการเดินให้ดีมีรายงานการบาดเจ็บจากการเดินไม่ถูกวิธีอยู่เรื่อยๆน้า
- บางทัวร์ไม่มีอาหารกลางวันให้ เราจะต้องเตรียมไปเอง
- มีหลากหลายทัวร์และราคาให้เลือก ตอนที่ซื้อก็เสิร์ชเน็ตแล้วจิ้มราคาที่ถูกใจได้เลยเพราะในการเดินต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของอุทยานพาเดินอยู่แล้ว
ทัวร์ก็จะไม่แตกต่างกันมากนัก ที่สำคัญคือราคาทัวร์จะไม่รวมค่าเข้าอุทยาน พอถึงหน้าทางเข้าต้องจ่ายค่าเข้าคนละ 500 ARS
ภาพมุมกว้างยิ่งใหญ่อลังการมากจ้า
ถ้าเราไม่ซื้อทัวร์เดินก็สามารถยืนชมตรงจุดชมวิวนี้ได้ ฟินไม่แพ้กัน
การเดินทางกำลังจะเริ่มต้น เมื่อเรือข้ามฟาก20นาที มาส่งเราที่จุดเริ่มเดิน ระหว่างทางก็เหมือนได้ล่องเรือชมวิวอีกด้วย
ทุ่งธารน้ำแข็งกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา พอเราลงไปเดินก็กลายเป็นตัวจิ๋วเดียวเท่านั้น
[SR] ท่องPatagonia ดินแดนในฝันและทัวร์ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่เท่ามัลดีฟส์ !!
วันที่ 2 : รถมารับเพื่อไปส่งที่ El Chalten ใช้เวลาประมาณ 3.30 ชั่วโมงและเดินเล่นในเมืองรอเวลาเพื่อไปถ่ายพระอาทิตย์ตก
ที่จุดชมวิว Mirador De Los Gondores ใช้เวลาเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวประมาณ 1 ชั่วโมง
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม